Trip สนุก Look สบาย
|
||||
เที่ยวโตเกียว ตอนที่ 1 เทศกาลชิบะซากุระ 23 พฤษภาคม 2556 เพิ่งกลับมาจากไปญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 14-20 พค. 56 ที่ผ่านมาครับ เป็นการไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรก ด้วยความรู้ภาษาญี่ปุ่นที่มีเล็กน้อย กับการตามความฝันเมื่อครั้งยังเด็ก สนนราคาค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ คือ - ค่าวีซ่า 1,120 บาท (Single Visa) - ค่าตั๋วเครื่องบิน 14,520 บาท (Air Asia ซื้อตั๋วล่วงหน้าแค่ 1 เดือนก่อนไป หลังทำวีซ่าเสร็จ) - ค่าที่พัก 5 คืน 4,200 บาท (Khaosan Tokyo Ninja Cabin Room คืนละ 840 บาท) - ค่ารถไฟฟ้า 5,400 บาท (แพงไปหน่อยในวันแรกที่ไปชมชิบะซากุระ รวมค่าเข้าชมชิบะซากุระไปแล้วในนี้) - ค่าของกิน 2,160 บาท (ฝากท้องไว้กับ 7-11, Lawson และ Combini ทั้งหลาย เฉลี่ยมือละ 120 บาท) - ค่าเข้าชมสถานที่ 3,210 บาท (ดิสนีย์แลนด์ + ดิสนีย์ซี) รวมได้ 30,610 บาท ครับ สำหรับสถานที่ที่ไป วันที่ 14 เดินทางทั้งวัน นอนบนเครื่องบิน วันที่ 15 ไปชมชิบะซากุระ ที่คาวากุจิโกะ, ยามานาชิ วันที่ 16 ดิสนีย์แลนด์ วันที่ 17 ดิสนีย์ซี วันที่ 18 โตเกียว สกายทรี, อะซาคุสะ, อุเอโนะ วันที่ 19 สถานีโตเกียว, พระราชวังอิมพีเรียล, อาคารที่ว่าการมหานครโตเกียว (ชินจุกุ), หอคอยโตเกียว, ฮาราจุกุ, ชิบูย่า วันที่ 20 อะซาคุสะ (อีกรอบ), รปปงงิ ฮิลล์ สำหรับบทความนี้ ขอเล่าถึงเหตุการณ์ในวันแรกแต่เพียงอย่างเดียวครับ ![]() ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นจุดมุ่งหมายที่หลายๆคนอยากไปเที่ยวให้ได้สักครั้งหนึ่ง ตั้งแต่เด็กๆ การ์ตูนญี่ปุ่นก็เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตประจำวันอยู่มากมาย เขี่ยไพ่ดราก้อนบอลบ้าง ใส่เข็มขัดพี่มดแดงบ้าง... (ฟังแล้วแก่ไปนะ) เอาใหม่... เทิร์นการ์ดยูกิบ้าง เล่นรถแข่งทามิย่าบ้าง เกมต่างๆที่ให้ตั้งชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นนั่นก็อีก สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเองใฝ่ฝันอยากจะไปญี่ปุ่นให้ได้สักครั้ง แต่เหมือนว่ายิ่งโตขึ้น ความฝันก็ยิ่งริบหรี่ลงไปทุกขณะ ได้แต่ดูชาวบ้าน เพื่อนๆ บินไปเที่ยวไปเรียนกันด้วยความตาร้อน และแล้วสายการบินแอร์เอเชียก็มีโปรตั๋วเครื่องบิน ในราคาไปกลับแค่ 13,500 บาทเท่านั้น แล้วเราจะรอช้าไปทำไมกัน ขอวีซ่าโดยฉับพลันทันที ด้วยเงินเก็บอันน้อยนิด แต่พลังความฝันอันยิ่งใหญ่ ก็ทำให้สามารถขอวีซ่าได้อย่างราบรื่น แม้จะต้องรอวีซ่านานกว่าชาวบ้านก็ตาม (สถานกงศุลฯเชียงใหม่ปิดสงกรานต์) หลังจากที่ได้วีซ่า และซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็หาข้อมูลท่องเที่ยว ด้วยความตั้งใจแต่แรกว่า จะไปแต่โตเกียวและภูเขาไฟฟูจิเท่านั้น เมื่อวันเดินทางมาถึงหลังจากที่ต้องนอนบนเครื่องบินมาทั้งวัน ตั้งแต่ เที่ยวบิน เชียงใหม่ กัวลาลัมเปอร์ จนถึง กัวลาลัมเปอร์ ฮาเนดะ ทำให้พอมาถึงสนามบินฮาเนดะเวลา 22.30 น. ก็ตาสว่างมานั่งจิ้มมือถือเล่นที่สนามบินชั้น 1 (หน้าร้าน Lawson เผื่อหิว) เช็คเวลาเดินรถไฟเที่ยวแรกของ Keikyu Line ที่มุ่งตรงจากสนามบินฮาเนดะไปสู่ JR Yamanote Line แล้ว ปรากฏว่ามีรอบ 05.30 น. ดังนั้น ตี 4 ก็เตรียมตัวซื้อตั๋วรถไฟฟ้ากัน วันแรกนี้อย่างที่เกริ่นมาแล้วว่าจะไปที่ คาวากุจิโกะ จังหวัดยามานาชิ เพื่อไปชมดอกชิบะซากุระกัน ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่ทันได้ชมดอกซากุระบาน ดังนั้นเพื่อปลอบใจตัวเองก็เลยไปดูชิบะซากุระแทนเสียเลย ชิบะซากุระก็คือดอก Moss Phlox ที่มีหลากหลายพันธุ์ หลายสี ปลูกปูเป็นพรมสลับสีกันอย่างสวยงาม และความพิเศษของ Fuji Shibazakura Festival ก็คือเบื้องหลังของพรมดอกไม้นั้นก็มีท่านภูเขาไฟฟูจิตั้งตระหง่านค้ำฟ้าอยู่เบื้องหลังนั่นเอง สำหรับงานในปีนี้ จัดขึ้นในช่วงวันที่ 20 เมษายน 56 2 มิถุนายน 56 ครับ ช่วงที่ผมไปนี้ดอกไม้กำลังออกเต็มที่เลย หากจะเดินทางไปชมชิบะซากุระ จะต้องไปขึ้นรถไฟ JR Chuo Express Line ที่สถานีชินจุกุเสียก่อน ดังนั้น ต้องซื้อตั๋ว Keikyu Line ไปลงสถานี Shinagawa (JR Yamanote Line) แล้วต่อ Yamanote Line ไปลงสถานี Shinjuku (ซื้อตั๋วรอบเดียวแล้วไปเปลี่ยนสายเอง) ซึ่งตั๋วจากสนามบินฮาเนดะ ไปลงถึงชินจุกุเลยนั้น สนนราคา 190 เยน ครับ ![]() สอดบัตรผ่านประตู รับบัตรเรียบร้อยก็ลงลิฟท์ไปถึงชานชาลาได้ ![]() บางทีรถไฟที่มาจอดเทียบชานชาลาเดียวกันก็ไม่ได้ไปปลายทางเดียวกัน ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบวิ่งขึ้นรถไฟจนลืมดูสถานีปลายทางของรถไฟขบวนนั้นนะครับ เวลาของแต่ละขบวนจะค่อนข้างแน่นอนอยู่แล้ว แล้วเราก็ไปเปลี่ยนเป็น JR Line ที่สถานี Shinagawa กัน ![]() มาถึงชินจุกุแล้ว เสียบบัตรออกไปตั้งหลักเล็กน้อย ไปยืนเอ๋อมองว่า Chuo Express Line มันไปทางไหนกี่เยน อยู่นานสองนาน หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยไปถามเคาท์เตอร์ขายตั๋ว ฉลาดขึ้นมาทีเดียว (ก็ซื้อตรงนั้นแหล่ะ ไม่ต้องไปกดตู้) บอกเขาว่านั่ง Chuo Express Line ไปลงสถานี โอ๊ตสึกิ - Otsuki (ราคาโหดเล็กน้อย 2,690 เยนครับ) ![]() เข้าชานชาลาที่ไปทาง Azusa ขึ้นรถไฟให้ตรงสาย ของผมบนตั๋วเขียนว่า Azusa 3 โบกี้ 1 ที่นั่ง 11A ![]() ![]() แต่ด้วยความเปิ่นที่ไม่เคยเจือจางจากสายเลือด เลยไม่ได้ดูโบกี้ เห็น Azusa 3 ปุ๊บวิ่งขึ้นปั๊บ ปรากฏว่า ถามคุณป้าที่นั่งตรงข้ามแล้ว ป้าบอกว่า ป้าคิดว่า ตั๋วของเธอมันเป็นโบกี้ 1 นะ ซึ่งโบกี้ที่ป้านั่งอยู่นี้มันโบกี้ 9 ป้าขอโทษนะ สุมิมาเซ็น เอ่อ... คุณป้าครับ มาขอโทษผมที่ผมขึ้นโบกี้ผิดเนี่ยนะ หรือ สุมิมาเซ็นของป้าแปลว่า ป้าเสียใจที่เธอต้องเดินข้ามไปอีก 8 โบกี้ล่วงหน้าด้วยนะ เท่านั้นไม่พอ พอเดินไปถึงประตูทางเชื่อมโบกี้ เปิดประตูไม่ออก ยืนงัดอยู่นานสองนานจนคนญี่ปุ่นใกล้ๆประตูทนอดสูไม่ไหว เดินมาเอาอุ้งมือแตะเหนือที่จับประตูเบาๆ แล้วประตูก็เปิดออกอัตโนมัติ T-T หลังจากที่เดินข้ามไปแปดโบกี้ ก็มาถึงที่นั่งตัวเองด้วยหน้าที่ชาและซีดเผือด ![]() ระหว่างทาง ก็เริ่มออกจากตัวเมืองมากขึ้น ได้อารมณ์ประหนึ่งเข้าไปในเกม boku no natsuyasumi มาก (เกมจับแมลงหน้าร้อน) บางทีรถไฟก็ลอดอุโมงค์ อุโมงค์แรกนึกสนุก กลั้นหายใจอธิษฐาน พอลอดอุโมงค์ที่สองไม่กลั้นแล้ว แล้วก็คิดถูกเพราะอุโมงค์ยาวประมาณ 5 นาทีได้ (ถ้ากลั้นคงหมดสติตรงนั้น) หลังจากนั้นก็เจออุโมงค์เล็กใหญ่บ้าง ผ่านไปสักสี่สถานีได้ (ถ้าจำไม่ผิด) ก็ถึงสถานี Otsuki เสียบบัตรเดินออกมาท่านก็จะได้พบกับเมืองที่สวยงาม เดินไปตามทางเสาไฟฟ้าดำในรูปเลย ![]() จะเจอกับทางเข้าสถานีต้นทาง Otsuki ซึ่งก็ต้องซื้อตั๋วอีกรอบเพื่อไปลงสถานี Kawaguchiko ![]() (ไม่ต้องไปดูอะไรมาก สุดสายเลยครับท่าน แพงสุด 1,110 เยน) ![]() ต้นสถานีก็จะพบกับขบวนนี้จอดอยู่ (แต่ไม่ได้นั่งขบวนนี้หรอก) ![]() รถไฟมาแล้ว ยังไม่มีคนขึ้นเลย สบโอกาสขอแชะภาพในรถไฟว่างๆนิดนึง ![]() แน่นอนว่า รถไฟขบวนนี้มุ่งสู่คาวากุจิโกะ ดังนั้น อาจจะเห็นท่านฟูจิซังโผล่มาทักทาย ซ้ายที ขวาที หน้าที หลังที ก็เป็นได้ ดังนั้นอย่าพลาดที่จะชะโงกมอง สำหรับผมที่เพิ่งเคยมาญี่ปุ่นครั้งแรก Mission ชะโงกท่านฟูจิซังจึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง แต่สำหรับคนญี่ปุ่นที่ขึ้นขบวนมาด้วยคงจะเอือมระอานักท่องเที่ยวประเภทนี้พอสมควร ฉับพลันแรกที่เห็นท่านฟูจินั้น ช่างสวยงา... อ่าว! อุโมงค์บัง ไม่เป็นไร ฉันพลันที่สองที่เห็นท่านฟูจินั้น ช่างสวยงามน่าขนลุกยิ่งนัก ได้แต่กล่าวปลอบประโลมตนเองว่า ฉัน (รูปสุภาพ) มาถึงญี่ปุ่นแล้วเฟร้ยยย ![]() ขากลับต้องนั่งขบวนนั้นนะ จำใส่หัวของเจ้าไว้ (บ่นกับตัวเอง คนญี่ปุ่นข้างๆมองหน้าเช่นเดิม) ![]() ท่านฟูจิไกลๆอีกรูป ![]() สถานีปลายทาง Kawaguchiko ![]() สิบโมงแล้ว เพิ่งมาถึงคาวากุจิโกะ เรายังต้องไปต่อกันอีก ด้วยการซื้อตั๋วเข้าชมงานเทศกาลชิบะซากุระ พร้อมตั๋วรถบัสไปกลับในราคา 1800 เยน เราจะได้บัตรมา 3 ใบ เก็บไว้ให้ดี 1 ใบเป็นตั๋วไป อีกใบคือตั๋วเข้างาน และอีกใบคือตั๋วขากลับมาที่เดิม นอกจากนี้ก็มีโปสเตอร์แนะนำงาน (ภาษาญี่ปุ่นล้วนครับท่าน) และให้โปสการ์ดมาไว้ส่งในงานอีก 1 ใบ ![]() ตั๋วนั้นต้องเดินออกมาซื้อด้านตรงข้ามกับตัวสถานีคาวากุจิโกะที่เห็นธงสีชมพูตรงนี้ ซื้อแล้วก็รอรถตรงนี้ได้เลย ![]() รถจะขับวนอ้อมไปอีกด้านของท่านฟูจิ ใช้เวลานั่งรถเกือบ 1 ชั่วโมงได้ แต่ในระหว่างทางเราก็จะได้แชะภาพท่านฟูจิในอิริยาบถต่างๆ (หมายถึงลายหิมะบนหัวท่านฟูจิ) ![]() มาถึงแล้วก็เดินไปเข้างานเลยครับ จะมีแผนที่ภายในงานบอกไว้ ว่าห้องน้ำไปทางไหน ร้านอาหารอยู่ตรงไหน ![]() เดินเข้าไปแรกๆจะไม่เห็นท่านฟูจิ แต่ดอกไม้ก็ชวนให้ขนลุกได้อย่างงดงาม ![]() บางส่วนก็เป็นสีม่วง ![]() เมื่อเดินวกมาอีกด้านก็จะเห็นทางขึ้นชมวิวที่ต้องต่อแถวขึ้นครับ แต่เมื่อขึ้นไปแล้วก็หายเหนื่อยเลย เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ![]() เอากล้องไอโฟนถ่ายบ้าง สีแจ่มขึ้นเยอะเลย ![]() ![]() ![]() อีกนิด ![]() ![]() ![]() เดินถ่ายรูปได้สัก 2 ชั่วโมง ขาก็เริ่มจะล้าแล้ว ก็ได้เวลากลับกันเสียที ![]() ขากลับก็ไปเดินขึ้นรถบัสที่จอดลงได้เลย รถบัสจะพามาส่งที่ Kawaguchiko เช่นเดิม (ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่ม แต่ตั๋วชมพูต้องมีอยู่) ![]() ![]() แล้วก็ซื้อตั๋วกลับไปลงสถานี Otsuki เช่นเดิม ในราคาเดิมสุดสาย (1,110 เยน) ทีนี้พอถึง Otsuki ก็ออกจากสถานีมาก่อน เดินกลับมาซื้อตั๋ว JR Chuo Line ปกติเพื่อกลับไปยังสถานี ชินจุกุ (ค่าตั๋วจะถูกลงกว่าขามาเกือบครึ่ง ไม่ต้องตกใจ พอขึ้นรถไฟกลับเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มาเดินปรับราคาตั๋วเพิ่มให้อีกอยู่ดี (แต่รวมแล้วก็ถูกกว่าขามา) สำหรับวันแรกก็ไปเพียงเท่านี้นะครับ ผมกลับไปเช็คอินที่พักในเวลา 17.00 น.ได้สบายๆ สำหรับทริปโตเกียวนี้ก็พักที่นี่ตลอดทริปครับ Khaosan Tokyo Ninja บล็อกหน้ามาต่อกันวันที่ 2 กับโตเกียวดิสนีย์แลนด์ครับ ![]() |
taewon
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Blog นี้เอาไว้เก็บรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวที่เคยรีวิวไว้ในพันทิปครับ อัพเดททุกครั้งที่ไปเที่ยวครับ อิอิ Group Blog All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |