Critical Thinking และแนวทางการได้ Merit ทุกวิชา (ป.โท UK)


เห่นโหลววววว โอ๋ววววว โอ๋ววววววว …

(ขอพิพม์ตามการผันเสียง เพื่อความอรรถรส)


เนื่องจากจะเปิดเทอมแล้ว ก็มาอัพเดทกันอีกสักหน่อย

หลังจากเรียนจบปริญญาโท เป็นที่เรียบร้อยแล้วเด้อออ !

#วิ้ววววว ~~ บทความนี้ก็จะมีสาระระดับสุด เพราะอยากแชร์ประสบการณ์

ใครสงสัยหรือมีอะไรอยากทราบเพิ่มเติมก็เมลล์มาถามได้ค่ะ

kanta.swnk@gmail.com


ตาณเรียน สาขา Msc. International Marketing หรือ การตลาดระหว่างประเทศ

เอาเข้าจริงก็เหมือนเรียนทั้ง global + international marketing ในเวลาเดียวกัน





.

.


Critical Thinking คืออะไร ?

การคิดวิเคราะห์และหา Solution หรือแนวทางที่หลากหลาย

ยกตัวอย่าง เช่น โจทย์คือต้องการผลลัพธ์เท่ากับ 2  จงหาวิธีสูตรคำนวณให้ได้ 2

โดยทั่วไปเราคงตอบแค่ 1วิธี คงมีแค่ 1 + 1 หรือไม่ก็  1 X 2


แต่หากอยากได้คะแนนดีกว่านั้น ….

ควรบอกด้วยว่า “ทำไม?” ถึงมี 2 วิธี  หรือมากกว่านั้น

แต่ละวิธีต่างกันอย่างไร ? หาเหตุผลมาสนับสนุน

โดยเอาข้อมูลจาก Academic Journal หรือ Articles มาเป็นตัวอ้างอิง


ประมาณว่าเราคิดเหมือนกันกับนาย A และ นาย B

ที่ทั้งสองบอกว่า … บลาบลาบลา ซึ่งถ้านาย A & B มีความคิดต่างกันอีก

หรือมีจุดไหนที่เหมือนกัน เราก็ต้องอธิบายค่ะ


บางคนก็บอกว่า Critical Thinking คือ Compare / Contrast เปรียบเทียบกัน

จริงๆมันก็เป็นได้หลายอย่าง และไม่ได้จำกัดว่าใช้แค่ในรายงานเท่านั้น

แต่มันต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบความคิดเรา

ทั้งเขียนงาน สอบ และ ตอนทำ Dissertation หรือวิทยานิพนธ์


ตาณได้คะแนน 73/100 ของวิทยานิพนธ์ อยู่ในระดับ Distinction

ใช้โมเดลเยอะมาก Marketing Model เยอะกว่าที่คิดนะ

บางเรื่องอย่าง Consumer Behaviour ที่ไม่คิดว่าจะมีโมลเดไรมาเทียบ

ก็ยังมีเลย เยอะด้วยซ้ำทั้งแบบ Traditional model and Contemporary Model

ที่พัฒนาแนวความคิดต่อมาจากแบบดั้งเดิม เงี้ยยย


.
.

หลักฐานสักหน่อย :D




เวลาใช้โมเดลเราจะมีโมเดลในใจอยู่แล้ว ว่าเราจะใช้อันนี้นะ

แต่...ต้องไปหามาเพิ่ม เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย โดยเฉพาะ Limitation สำคัญมากๆ

เพราะมันทำให้เห็นว่า เรามีเหตุผลในการเลือดมายังไง ไม่ใช่ใช้ฟิลลิ่งเลือกมา


อาจารย์แนะนำตาณว่า ทุกพารากราฟของงานเราควรมี Critical Analysis เสมอ

ส่วนเกณฑ์รวม ก็จะแปะไว้ให้ตามรูปนี้เลยเนอะ (Critical Analysis checklist)





Source สำหรับทำ Coursework/Assignment ป.โท

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=tarnxlapin&date=26-10-2016&group=5&gblog=13




สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือการทำ To-Do list เช็คจุดแต่ละอันที่เราทำไป

ว่าทำครบหรือยัง มีขาดเกินตรงไหนบ้าง เพื่อที่เราจะได้ไม่งง เวลาเราไปคุยกับอาจารย์

แล้วอาจารย์ให้แก้ เราจะได้รู้ว่า เราทำค้างตรงไหนไว้บ้างเนอะ :D




===================================================


บางคนจะบอกว่า มหาวิทยาลัยปล่อยเกรดล่ะสิ ง่ายล่ะสิ

บอกเลยว่า “ไม่รู้” และไม่ได้แคร์ ไม่สนใจด้วย ว่าใครจะมาต่อว่าความสำเร็จเรายังไง

ตัดเข้าไปอยู่ในกรุ๊ป พวกขี้อิจฉาที่เห็นคนอื่นได้ดีกว่าไม่ได้

เราไม่ให้ราคากับความคิดขยะพวกนั้น เพราะ เราไม่ใช่คนให้คะแนน

สิ่งเดียวที่ทำได้คือ “ทำให้คะแนนมันออกมาโคตรดี” :)


===================================================


ขอคั่นด้วยเทคนิคการทำสอบสักเล็กน้อย


Structure ก็จะเป็น: Intro -> Body (Theory + Example) -> Conclusion


ถ้าจะเขียนให้ผ่าน ต้องเขียนอย่างต่ำข้อละ 2 หน้าค่ะ  

เพราะว่าตอนอธิบาย เราต้องยกทฤษฎีและตัวอย่าง ซึ่งหน้าเดียวยังไงก็ไม่พอ

เขียนสองหน้าคะแนนก็จะประมาณ 55-60/100 ค่ะ ถ้ายกตัวอย่างครบ

และถ้ามีหลายตัวอย่างก็จะดีหน่อย เพราะว่าเหมือนทำให้เห็นภาพชัด

ทฤษฎีเล็กน้อย ที่เหลือประยุกต์ใช้ ยอ้งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี มีโอกาศเกิน 60/100


บางวิชาตาณก็เขียนเกือบหมดเล่มก็มี

อันนั้นก็จะได้คะแนนเยอะมาก 80/100 :D

#มีความอวดหน่อยๆ


ที่สำคัญต้องฝึกเขียนให้คล่องมือ แบ่งเวลาดีๆ เพราะมันมีหลายบท

อย่าลืมหาตัวอย่างก่อนไปสอบด้วยในแต่ละเรื่อง

ตอนเข้าไปในห้องสอบจะได้ไมต้องนั่งนึก อย่าลืม Reference!!! สำคัญมาก


ปล. อาจารย์หลายๆท่านจะใส่ List of journals ของแต่ละบทไว้ใน

Module Guide !! ดังนั้นอย่าลืมไปดูกันนะ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาเอง

และอีกอย่างมันก็จะตรงกับสิ่งที่เค้าสอนด้วย


แนวข้อสอบ มีออก Model และ Approach ต่างๆ  

แต่ละปีอาจจะออกไม่เหมือนกัน แต่ที่สำคัญคือต้องเขียนให้เยอะที่สุด

อธิบายต้อง ละเอียดพอสมควร เน้นในการประยุกต์ใช้ ไม่ใช่แค่ ทฤษฎี

ถ้าทฤษฎีมาแน่น การประยุกต์ใช้ ผ่านตัวอย่างที่มี  Reference ยิ่งต้องทำให้เห็นภาพมากขึ้น


หลักการดูแนวข้อสอบ


ดูที่อาจารย์ว่าเค้าสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ

ชอบถามคำถามประมาณไหน ตอน Seminar มันไม่ได้เป็นตัวบอกข้อสอบหรอก

แต่… มันจะเหมือนเป็น hint บอกว่าอาจารย์แต่ละท่านชอบ ตั้งคำถาม ประมาณไหน

ซึ่งส่วนใหญ่ขอบอกตรงนี้เลยว่า ตรง !! ตอนสอบก็ตั้งคำถามคล้ายๆกับตอน Seminar


เช่น บางคนชอบถามเรื่อง Challenges Versus Opportunities (Pros and Cons)

บางคนชอบลิ้งค์หนึ่งบทกับหลายๆบท บางคนก็ออกตรงๆไปเลย


โดยปกติตาณจะทำชีทสรุป ทั้งเนื้อหาและตัวอย่างไว้

เวลาท่อง หรือซ้อมเขียนจะได้ดูจากแหล่งเดียวเลย :D

#สีมันก็จะเยอะหน่อยๆ  5555










Create Date : 08 กันยายน 2560
Last Update : 8 กันยายน 2560 21:49:00 น.
Counter : 3749 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Little x Lapin
Location :
Coventry  United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ผู้หญิงคนนึงที่ชอบเล่าเรื่องราว
ผ่านรูปภาพและตัวอักษร :)


 ☆ บล็อคนี้เริ่มสร้าง
เมื่อวันที่ 04-05-2016

(*^︹^*)

----------------------------------------
Group Blog
  •  
  •   
  •