"ขอโทษนะ....ที่วันนี้ฉันเข้มแข็ง"

เท่าพระอาทิตย์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เท่าพระอาทิตย์'s blog to your web]
Links
 

 

เพียงเรา พอ มันก็สุขใจแล้ว

กับคำว่า"พอ" จุดเริ่มต้นของความสุข ผมคิดว่าอยู่ที่ การค้นหาตัวเองให้พบไม่ใช่เรื่องง่าย
บางคนใกล้ตายยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เพราะติดอยู่กับความหลง หรือติดอยู่กับกระแส อะไรก็ตาม
ผมก็เช่นกันเคยถูกชักจูงจากสังคม จากเพื่อนให้ไปทำงานหลายๆ อย่าง แต่ไม่ว่าทำงานอะไรก็ตาม
ต้องทำด้วยความชอบ จึงจะประสบความสำเร็จ และต้องรับผิดชอบต่องานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขณะเดียวกันไม่มีงานไหนราบรื่น ไม่มีหรอกที่ตัวเราจะไม่เครียด หรือไม่มีความทุกข์ หรือไม่หงุดหงิด
อยู่ที่ว่าแก้ไขให้ดีขึ้นได้ไหม ถึงจะไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่าเลวลงก็เท่านั้นเอง นั่นคือการดำรง ชีวิตอยู่
จนเมื่อผมเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ได้ไปถ่ายหนังตามสถานที่ต่างๆ จึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วตัวเองชอบทำงานอิสระและไม่จำเจ
ไม่มีเวลาทำงานตายตัว และไม่เครียด

ทุกคนในกองถ่ายเป็นเพื่อนกันหมด ตั้งแต่นั้นผมก็ติดอยู่กับงานแสดงมาตลอด
ซึ่งไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามเราต้องทำตัวให้อยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยการเอาตัวรอด เพราะการ เอาตัวรอดไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องกับทุกอย่าง
แต่ด้วยการรักษา และเคารพมารยาทในการอยู่ร่วมสังคมการทำงาน

กับเพื่อนร่วมงานไม่แบ่งชั้นวรรณะ ทุกคนมีความสำคัญในการทำงานเหมือนๆ กัน
เพียงแต่รับผิดชอบหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง
รวมทั้งการจัดระเบียบวินัยให้กับชีวิต ไม่ใช่ รับผิดชอบในการทำงานดี
แต่ไม่ดูแลตัวเอง ในเมื่อพ่อแม่ให้ ร่างกายมา ครบ 32 ประการ ก็เป็นหน้าที่ที่เราต้องมีวินัยในตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องสวย หล่อ หรือต้องใส่แบรนด์เนม เพียงแค่ดูแลร่างกายให้สะอาด อยู่เสมอ ต่อให้ใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้น

คนที่ทำงานหนักต้องพักผ่อนบ้าง ไม่ใช่ทำงานจนสลบคาโต๊ะ คาเก้าอี้ หรือรอ ให้ป่วยก่อนแล้วค่อยไปหาหมอ
ขณะที่รถป้ายแดงกลับหมั่นเช็ดถูจนสี ถลอก ... ทำไมจึงห่วงรถมากกว่าตัวเอง
เหมือนกับ ชีวิตได้มาฟรีก็เลยไม่ดูแล ขอให้คิดสักนิดว่าชีวิตคนยืนยาวกว่าของใช้ เยอะ

ณ วันนี้ผมมาถึงจุดที่ตัวเองเพียงพอแล้ว ได้ทำงานที่ชอบและได้มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองรัก
เสร็จงานกลับบ้านสวนที่จันทบุรี อยู่กับความเรียบง่ายของธรรมชาติอยู่กับการปลดปล่อย
ไม่บังคับตัวเองว่าจะต้องกินอาหารเมื่อไร นอนหรือตื่นเมื่อไร ผมกินอาหารวันละมื้อมา 8 ปี
จะกินก็ต่อเมื่อหิว และกินแค่พออิ่ม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือ นอนหลับ
และจะตื่นเมื่อร่างกายต้องการ ไม่ได้บังคับว่าต้องตื่นเพื่ออะไร เพราะอะไรก็ไม่หนีเราไปไหน ต้นไม้ยังรอ บ้านก็ยังรอเราอยู่

ผมใช้ชีวิตอย่างนี้มาสามสิบปีไม่เคยรู้จัก ความเหงา พอคนงานกลับไปหมด บ้านจะเงียบ
ไม่มีคนอยู่ในสายตา ผมปิดไฟ มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า นอนฟังเสียง จักจั่น แค่นี้สำหรับผมก็พอแล้ว






Free TextEditor




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2551    
Last Update : 31 ธันวาคม 2551 18:18:09 น.
Counter : 338 Pageviews.  

ถ้ารักแล้วมีความสุขก็รักไปเถอะ

 ถ้ารักแล้วมีความสุข ก็จงรักต่อไป ~ ~


มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมาก ที่โรงเรียนฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน เวลาผ่านไป


จนทั้งสองอยู่ มหาวิทยาลัย ฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบผู้ชายคนนึง และถามฝ่ายชายว่า นี่ เธอว่า เค้าเหมาะกับเราไหม"


"เค้าก้อหล่อดีนะ นิสัยดีด้วย " "หรอ อืม อยากให้เค้ามาอยู่ข้างๆเราจังเลยเนอะ" ต่อมาหญิงสาวก็ได้เป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นจิงๆ


วันนึงหญิงสาวบอกกับเพื่อนสนิทของตนว่า"นี่ เธอไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้ว เราไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิด" อืม"


ฝ่ายชายตอบรับ และไม่ไปส่งหญิงสาวอีก ต่อมาหญิงสาวทะเลาะกับแฟนของตน จึงมาปรึกษาเพื่อนชายว่า"เธอ เด๋วนี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ


เธอว่า เราจะทำอย่างไรดีหล่ะ" "ก้อ เธอยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายตอบ "รักสิ รักมากด้วย"


"ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ ก้อเธอรักเค้านี่น่า" "อืมม"


หญิงสาวทำตามคำแนะนำของฝ่ายชาย หลังจากนั้น วันหนึ่งระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่มเดินกลับบ้าน เค้าเห็นหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง


"เธอ เป็นอะไรหน่ะ ให้เราช่วยไหม" "เค้าไม่รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป เด๋วนี้เขาไม่เคยมาส่งเราที่บ้านเลย" "แล้วเราจะช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ"


"ช่วยอยู่กับเราซักพักได้ไหม"หญิงสาวร้องขอ ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไรเลย ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น


"เราควรจะทำอย่างไรดี เธอจะช่วยเราได้ไหมว่าเราควรจะทำอย่างไรดี" "เธอยังรักเขาอยู่หรือป่าวหล่ะ" "รักสิ เรารักเค้ามากเลย"


"ถ้าอย่างนั้นก้อรักเค้าต่อไปสิ" "แต่เค้าไม่รักเราเลยนี่น่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ "แต่เธอก็รักเขาไม่ใช่หรอ"


และชายหนุ่มก็ส่งหญิงสาวที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน "ถ้าเมื่อไหร่ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน อย่าลืมเรียกเรานะ" "อืม"


 และหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาว "เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที"


เสียงของหญิงสาวดูช่างอ่อนล้า และหมดกำลัง เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่ ชายหนุ่มไปหาเธอและไปรับเธอมาส่งบ้าน


เธอยังคงถามชายหนุ่มนั้นเมื่อที่เคยถามมา "เราจะทำอย่างไรต่อไปดี" "เธอเลิกรักเค้าแล้วหรอ" "ป่าว เรายังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่"


"งั้นก็เหมือนที่เราเคยพูดไว้ รักเขาต่อไป เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเธอไหม แต่ถ้าเธอยังรักเขา เธอก็คงทำได้แค่รักเขาให้มากขึ้น ให้เขารู้ว่าเธอรักเขา"


วันที่เธอเรียนจบเพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ เธอแปลกใจมากที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอยังเรียนไม่จบ


เธอถามเขาว่าทำไม ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้เกียจไปหน่อย ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชาหนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ


หญิงสาวแปลกใจ เพราะตลอดมาชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยัน ต่อมาหญิงสาวได้แต่งงาน เนื่องด้วยเห็นถึงความรักที่หญิงสาวมีให้มากมาย


หญิงสาวได้ชวนเพื่อนของตนมางานแต่งของเธอ "เราไม่ว่างจริงๆ เราติดธุระหน่ะขอโทษนะ"เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


หญิงสาวโกรธและเสียใจที่ชายหนุ่มไม่มางานแต่งจึงวางหูใส่ แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจเมื่อวันที่เธอแต่งงาน


ชายหนุ่มได้มาก่อนที่งานแต่งจะจบ "ยินดีด้วยนะ เรามาแล้วนะ"


หญิงสาวดีใจมากที่เพื่อนของเธอมา ถึงจะเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุขกับชีวิตแต่งงานจนไม่ได้ติดต่อกับชายหนุ่ม


จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ทะเลาะกับสามีของตน หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงชายหนุ่มขึ้นมา แต่แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปเท่าไหร่


ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย เขาจึงโทรหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้น เพื่อนของชายหนุ่มเล่าว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย


เขาไม่สามารถไปไหนได้ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาร่วมหลายเดือน หญิงสาวตกใจมากถามว่าเป็นอะไร เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า


อาการกำเริ่มเพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด ชายหนุ่มดันหายตัวไป และเพื่อนชายยังบอกอีกว่า "เป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ


มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ในช่วงเวลาสำคัญๆ คราวที่แล้วสอบไล่ ก็หายตัวไปจากห้องสอบ" หญิงสาวตกใจมาก


เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่มที่โรงพยาบาล เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็ต้องตกใจ ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ


ไม่มีแรง เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจทักทายเธอเป็นการใหญ่ "เป็นอย่างไรมั้ง ไม่เจอกันตั้งนาน" หญิงสาวนิ่งเงียบซักพักน้ำตาหญิงสาวก็ออกมา


"อ้าวร้องไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วหรอ จะให้เราช่วยอะไรไหม แต่เราก็คงจะแนะนำเหมือนเดิมหน่ะ"


หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วบอกกับชายหนุ่มว่า "วันที่เธอมารับเราเป็นวันสอบไล่ใช่ไหม"


ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้นกลับนิ่งเงียบไป หญิงสาวจึงพูดต่อ และวันที่เธอต้องผ่าตัดใหญ่ เธอกลับมางานแต่งงานของฉันใช่ไหม"


ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น


"ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น มองแต่คนอื่น เรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ไหน เรารู้สึกเสียใจจริงๆที่ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้"


ชายหนุ่มยิ้มขึ้นแล้วบอกกับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า "เราบอกแล้วไงถ้าเรารักใครซักคน เราก็ต้องรักเขาให้มากๆไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเราหรือไม่หน่ะ


มันสำคัญแค่เพียงว่าเรายังรักเธออยู่หรือเปล่า แค่เราสามารถช่วยเธอได้ นั่นก็เป็นความสุขของเราแล้ว"


หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก นั่งร้องไห้โห่อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า"ถ้าเราหายเมื่อไหร่


เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"






Free TextEditor




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2551    
Last Update : 31 ธันวาคม 2551 15:51:54 น.
Counter : 348 Pageviews.  

เลือกร้องไห้ตลอดชีวิต หรือร้องไห้แค่วันนี้

เลือกร้องไห้ตลอดชีวิต หรือร้องไห้แค่วันนี้?


"ความรัก"ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มนุษย์มีอยู่มากมายราวกับว่าจะไม่มีวันหมด แต่สิ่งที่มนุษย์มีอยู่จำกัดจนดูเหมือนคับแคบเห็นแก่ตัวก็คือ


"ความอดทน" ยิ่งรักมากก็ยิ่งต้อง "อดทน" กับปัญหาต่างๆ รอบข้าง . .
เพื่อรักษาความรักนั้นไว้ให้ยั่งยืน แต่ในทิศทางตรงกันข้าม
เมื่อใดที่สิ้นรัก เมื่อนั้น "ความอดทน" ก็หามีไม่ สิ่งใดที่เคยทนได้
ก็กลับแปรเปลี่ยนไป สิ่งใดที่เคยเห็นดี เห็นชอบ
กลับกลายเป็นขวางหูขวางตา ทั้งๆ
ที่อีกฝ่ายหนึ่งกระทำต่อกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ท้ายที่สุดอีกฝ่ายหนึ่งก็ทอดทิ้งปล่อยให้ความรักนั้นต้องจบลง
บางครั้งความรักนั้นอาจจบลง ทั้งๆ ที่ความรู้สึกรักของเรายังมีอยู่เต็มหัวใจ เพียงแต่การถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า . .


จนกระทั่ง "ความอดทน" บอกให้เราต้องไป...ไปทั้งที่ยัง "รัก"
เพราะหากรักแล้วต้องเจ็บ ต้องช้ำ
ทางเลือกที่ดีที่สุดก็น่าจะหมายถึง
"การจากไปในวันนี้เพื่อที่จะเข้มแข็งและลุกขึ้นได้ใหม่ ในวันข้างหน้า" . . อย่างนั้นไม่ใช่หรือ . .


หากรักแล้วต้องทนร้องไห้ไปตลอดชีวิต . . คุณก็จะเจ็บเพราะความรักไปตลอดชีวิต
แต่หากคุณร้องไห้วันนี้ . . แม้จะเจ็บกว่า
แต่ก็จะเป็นความรู้สึกก็จะเจ็บไม่นาน ไม่กี่วันคุณก็ลืมไปเอง . .
สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้ว ว่าจะร้องไห้ไปตลอดชีวิต
หรือร้องไห้แค่วันนี้ แล้วยิ้มไปตลอดชีวิต . . .






Free TextEditor




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2551    
Last Update : 31 ธันวาคม 2551 15:47:03 น.
Counter : 353 Pageviews.  

อดีตไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเตือนใจ

"อดีต" ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเตือนใจ 
ไม่ให้เราทำผิดซ้ำซ้อนเท่านั้น 
แต่บางครั้งมันก็เป็นยารักษาแผลใจ 
...ในวันที่ปัจจุบันเดินหกล้ม...
 
แล้วเราบอกตัวเองได้ว่าบาดแผลในวันนี้ 
ยังน้อยกว่าความเจ็บที่เคยมีในวันวาน 
...มากมายนัก...


เราอาจเคยได้ยินว่า... 
ความรักคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับหนึ่งของโลก 
คนหลายคนจึงยกความรัก 
ให้เป็นปัจจัยหลักของชีวิต
แต่ความจริงแล้ว 
ยังมีบางสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งกว่าความรัก 
สิ่งนั้นก็คือ "อดีต"

แม้ว่าอดีตบางอย่างสำหรับคนบางคน 
จะเป็นสิ่งที่ไม่สวยงามนัก 
และนอกจากจะไม่สวยงามแล้ว 
บางครั้งยังเต็มไปด้วยความทรงจำ 
...ที่เจ็บปวดจนผู้เป็นเจ้าของอยากจะลืม... 
แต่อดีตมีความมหัศจรรย์มากกว่าความรัก 
ตรงที่อดีตจะอยู่เหนือเงื่อนไข 
ของเหตุผลและวันเวลา...


"วันเวลาผ่านไป
ความรักอาจจางหายไป
ด้วยเหตุและปัจจัยที่เปลี่ยนแปลง
ในขณะที่วันเวลาจะทำให้อดีตเติบโต
ไปเป็นความสวยงามของชีวิต
ไม่เว้นแม้แต่ความทรงจำบางอย่าง
...ที่เราอยากจะลืม..."


เมื่อไรที่ปัจจุบันเดินหกล้ม
และเมื่อก้มมองดูตัวเองในวันวาน
แล้วเราพบว่าบาดแผลในวันนี้
ยังน้อยกว่าความเจ็บที่เคยมีในวันนั้นมากมายนัก
เราจะรู้สึกขอบคุณอดีต ขอบคุณบาดแผล
และขอบคุณความทรงจำที่เจ็บปวด
...ที่ครั้งหนึ่งเราเคยอยากลืม...
จะว่าไปแล้ว...


"อดีตอาจทำให้เรารู้สึกเจ็บได้บ้าง
...ในบางครั้งที่อ่อนแอ...
แต่ในขณะเดียวกัน
อดีตก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นได้
...ในบางครั้งที่อ่อนแอ...
ด้วยเช่นเดียวกัน"






Free TextEditor




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2551    
Last Update : 31 ธันวาคม 2551 12:09:18 น.
Counter : 399 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.