All Blog
Review ✱ SEVENTEEN Cheek Stamp blush ไม่มีแปรงก็ปัดแก้มได้ ง่ายป่ะหล่ะ!


สวัสดีคร่าาาาาา :)

วันนี้มายด์จะมารีวิวบลัชออน สีน่ารัก ใช้งานง่าย พกพาสะดวก
ไม่พูดให้มากความ ไปดูกันเลยค่ะ

♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥


SEVENTEEN CHEEK STAMP BLUSH สี Blushin'





บลัชออนน้องใหม่จาก Seventeen 
เป็นแบรนด์เครื่องสำอางค์ของดีราคาถูก หาซื้อง่ายในร้าน Boots ค่ะ


CHEEK STAMP BLUSH เซ็ทนี้ที่มายด์ลองสวอชมาที่ Boots มีด้วยกัน 3 สี

 ♥ the cheek of it  เป็นสีส้มสดใส เหมาะกับ summer ให้ความรู้สึกผิวโดนแดดมานิดๆ
 ♥ made you look  เป็นสีชมพูเข้มมีโทนม่วงนิดๆ ระเรื่อๆ สามารถแต่งได้หลายลุคค่ะ
 ♥ Blushin'  เป็นสีชมพูนม หวานๆ ให้ความรู้สึกแต่งหน้าแล้วดูใสๆ เป็นเด็กสาววัยกะเต๊าะ

สำหรับสีที่มายด์จะมารีวิวเป็นสี  Blushin'  ค่ะ



เมื่อแกะกล่องออกมาตัวผลิตภัณท์จะมีลักษณะเป็นแท่งๆ สติ๊กนะคะ 
หมุนออกมาจะแบ่งเป็น 2 ส่วน



ส่วนที่เป็นด้านฟองน้ำไว้สำหรับตบๆสีบลัชออนลงไปบนแก้มค่ะ
ส่วนอีกด้านจะเป็นที่บรรจุสีบลัชออน และด้านตูดจะมีกระจกไว้ให้ส่องด้วย สะดวกมากๆ



สำหรับสี blushin' อย่างที่บอกไปว่าจะมีสีชมพูนมๆค่ะ 
มายด์ว่าสีนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากแต่งหน้าออกมาให้ได้ลุคเด็กๆ 
แบบแกรรเห็นไหมฉันไม่ค่อยแต่งหน้านะ แก้มฉันมันระเรื่อๆเองไรงี้ 55555 #หลอกตัวเองกันไป
หรือใครที่อยากแต่งหน้าโทนหวานๆ แนวตุ๊กตา มายด์ว่าสีชมพูแบบนี้เหมาะมากๆเลยค่ะ

♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥


สำหรับลุคที่มายด์แต่งออกมาจะเป็น Everyday looks นะคะ
ดูไม่เยอะเน้นแก้มที่สดใสๆ ชมพูๆ แต่งลดอายุให้ดูเหมือนเด็กค่ะ 
#ยิ่งแก่ยิ่งพยายามทำตัวเด็กอะเน้อออ 555 55



♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥


สำหรับใครที่ยังนึกไม่ออกว่า เอ๊ะะะ! มันใช้ยังไงน้าา ใช้ยากไหม?
มายด์ทำเป็นคลิบวีดีโอไว้ ลองไปดูกันเล้ยยยยย !



นอกเรื่องแปป: มายด์ทำงานไซท์ที่สปป.ลาว ช่วงนี้ที่นั่นมีการระบาดของเชื้อโปลิโอที่กลายพันธุ์ 
เล็บนิ้วก้อยมายด์ถูกขีดเพื่อทำสัญลักษณ์ว่าได้หยอดยาเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ 555555


มาสรุปสิ่งที่มายด์ชอบสำหรับบลัชออนตัวนี้กันนะคะ 

❤ Price  - 
สำหรับแบรนด์ Seventeen เป็นเครื่องสำอางค์ drugstore
ที่มีหลายๆตัวเป็นของดีราคาถูกอยู่แล้ว บลัชออนตัวนี้ก็เช่นกันค่ะ ด้วยราคาหลักร้อย 
วันดีคืนดีอาจไปเจอโปรโมชั่นชิ้นที่ 2 ลดอีก 50% อะไรจะคุ้มขนาดนี้ไม่มี

❤ Packaging  - 
แพคเก้ตน่ารักมาก วัสดุดูทนทานไม่แตกหักง่าย แต่ถ้าตั้งใจโยนก็คงแตกละ 555 
ส่วนฟองน้ำนุ่มนิ่มดีไม่ระคายเคือง แถมยังมีกระจกมาให้อีกด้วย 
แต่สำหรับที่กั้นระหว่างแผ่นพลาสติกกับตัวฟองน้ำ มีเพียงแผ่นพลาสติกโง่ๆให้อันนึง 
ใครทำหายละก็แก้มเป็นตูดลิงแน่ๆ ฉะนั้น! สาวๆที่สอยบลัชตัวนี้มาใช้ ห้ามทำแผ่นนี้หล่นหายนะ ! 

❤ Pigmentation  - 
เนื้อสีบลัชออนเป็นสีแมท ไม่มีวิ้งๆ เนื้อฝุ่น เหมือนแป้งๆ 
ฉะนั้นความทนทานอาจไม่ได้ทนเท่าแบบครีม หรือทินท์
แต่สีมีความแน่นอยู่ในระดับนึง คือสำหรับใครที่ชอบให้หน้าฉ่ำๆอาจจะพกไปเติมระหว่างวันด้วย
ซึ่งตัวผลิตภัณท์ก็เหมาะสำหรับการพกพาอยู่แล้วด้วยค่ะ

♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥


สำหรับบลัชออนตัวนี้มายด์คิดว่ามันเหมาะสำหรับพกพามากที่สุด
เอาไว้เติมระหว่างวัน หรือสาวๆนักเดินทาง ท่องเที่ยวที่ไม่อยากหน้าจืดระหว่างไปเที่ยว
นอกจากพกพาง่ายแล้ว ยังใช้ง่ายมากๆอีกด้วย

แต่ในเมื่อเราไม่ใช้แปรง ตัวบลัชออนมีฟองน้ำมาให้ สาวๆก็อย่าลืมทำความสะอาดฟองน้ำกันด้วยละ
และที่สำคัญมาก อย่าลืมว่าเครื่องสำอางค์ทุกตัวมีวันหมดอายุ อย่าใช้เพลินกันนะจ้ะ

วันนี้มายด์ไปล่ะ เจอกันใหม่ blog หน้านะคะ 
หรือตามไปเม้ามอยกันได้ใน FB fanpage: Sweetie mild 






Love me like you do 





CHEERS! 



Create Date : 18 เมษายน 2559
Last Update : 18 เมษายน 2559 22:16:20 น.
Counter : 2832 Pageviews.

4 comment
Review ✱ Sleek eyeshadow BAD GIRL palette เสียทรัพย์น้อยแต่ || สีสวย-แน่น-แต่งได้หลายลุค ||


สวัสดีคร่าาาา :)

จะยุคไหน สมัยไหนเทรนด์  SMOKY EYE  ก็ไม่มีตกยุค แต่งกันได้ตลอดๆ

วันนี้กระทู้นี้มายด์มาเต็มมากมีทั้ง 
Review, Swatches สีอายแชโดว์ และ Mini How To Makeup สำหรับ palette นี้ด้วยค่ะ

อย่าได้รอช้า ไปชมกันเลยค่ะ

♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥


  Sleek Makeup  i-divine Eyeshadow bad girl Palette  


BAD GIRL ชื่อพาเลทนี้ฟังดูร้ายจัง พอเปิดออกมาดูสี ...
... สีสวยมาก และสีเค้าก็ร้ายจริง แต่สามารถแต่งได้หลายลุคอยู่นะ 555

พาเลทนี้มีหลายโทนสีด้วยกันค่ะ มีทั้งเทา, เขียว, น้ำเงิน และม่วง 
นอกจากสีที่เอาไว้คัดเบ้าเจ็บๆ ยังมีสีเบาๆหวานๆมาให้อีก 2 สีด้วยคือสีขาว และสีชมพูมุกๆ


ลองไป swatch สีดูกันดีกว่า



Swatch สีไล่จากขวา -> ซ้าย

INNOCENCE GULLIBLE BLADE GUNMETAL  ❤ UNDERGROUND  ❤ NOIR 

- Innocence สีขาวเงินๆ 
- Gullible สีชมพูมุกๆ 
- Blade สีเทาเงินเฉดสีอ่อน
- Gunmetal สีเทาเงินเฉดสีเข้ม
-Underground เทาเข้มมากไปจนถึงดำ
- Noir สีดำเข้ม ดำสนิท



Swatch สีไล่จากขวา -> ซ้าย

 INTOXICATED ENVY OBNOXIOUS ABYSS TWILIGHT REBEL

- Intoxicated สีเขียวๆเงินๆ
- Envy สีเขียวเข้มยังมีโทนสีเงินอยู่
-Obnoxious สีน้ำเงินสดใส
- Abyss สีน้ำเงินเข้มๆ
- Twilight สีม่วง
- Rebel สีม่วงลูกพลัม


อ้อ! ทุกสีมี shimmer นะคะ ยกเว้น 2 สีสุดท้าย  NOIR  กับ REBEL




สำหรับใครที่ชอบลุคหนัก จัดเต็ม สโมกกี้อายมาอลังการน่าจะถูกใจพาเลทนี้อยู่ไม่น้อย
หรือใครที่อยากลองสโมกกี้อาย แต่แต่งไม่เป็น ไม่ต้องกลัวไปค่ะ 
หลังกล่องมีบอกขั้นตอน Create strong smokey eye สำหรับพาเลทนี้ไว้ด้วย แต่งตามได้ง่ายมากๆ

♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥


แต่วันนี้มายด์จะลองเอาอายแชโดว์พาเลทนี้มาแต่งลุคอื่นค่ะ 
ไม่เยอะไป ไม่หนักไป แต่งตามได้ไม่ดู BAD มาก > < 

ไปดูเครื่องสำอางค์ที่ใช้ในลุคนี้กันก่อนดีกว่า





  mini How to apply Sleek bad girl Eyeshadow  




1. ลง Innocence ให้ทั่วเปลือกตา หัวคิ้ว โหนกคิ้ว และขอบตาล่าง
2. ลงสี Rebel ผสมกับ Gullible ให้ทั่วบริเวณเบ้าตา
3. แต้มสี Obnoxious บริเวณหางตา ให้แต้มเต็มเบ้าตา
4. เบลนสีให้เข้ากันบริเวณหางตา (หรือใช้คัดเบ้าเบาๆ)
5. แต้มสี Twilight บริเวณหางตา ให้แต้มให้ถึงรอยพับตา
6. เบลนสีให้เข้ากันบริเวณหางตา เพียงรอยพับตา
7. ใช้สี Noir ลงบริเวณหางตาให้เลยช่วงสี Twilight มาเล็กน้อย
8. เบลนสีให้เข้ากันบริเวณหางตา เพียงรอยพับตา ให้ดูฟุ้งๆ
9. ลงสี Noir บริเวณช่วงหางตาขอบตาล่าง 
10. เบลนสีที่ขอบตาล่างให้ดูฟุ้งๆ และเกลี่ยขึ้นมาที่หางตาให้เป็นทรง cat eye
11. กรีดอายไลเนอร์เฉพาะขอบตาบน เน้นหางตาให้ดูเชิดขึ้น ตามอายแชโดว์ที่เกลี่ยไว้
12. ลงสี Gullible ช่วงหัวตาขอบตาล่างอีกครั้ง ติดขนตาบน และปัดขนตาล่าง


♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥


✱ FINISHED LOOK 
Camera : SONY A5100



✱ BUT FIRST, LET ME TAKE A SELFIE










 มาสรุปสิ่งที่มายด์ชอบสำหรับอายแชโดว์พาเลทนี้กันนะคะ 

Priceคำโปรยมาก่อนเลย เสียทรัพย์น้อย! 
คือ พาเลทนี้ราคาถูกมากกเทียบกับคุณภาพแล้ว ยิ่งกว่าคุ้มอีกในราคา 550 บาท
สาวๆบางคน ไม่ค่อยได้แต่งไง หรือแต่งยังไงก็ใช้อายแชโดว์ยังไม่ทันหมดเลย ต้องทิ้งไปซะก่อน
เพราะมันหมดอายุ 550 บาท คุ้มมากสำหรับการใช้งาน 1-2 ปี

Packagingตลับที่ใช้ใส่ตัวอายแชโดว์มา ถือว่าดูดี ดำเรียบหรู ดูคง 
มีกระจกบานใหญ่มาพร้อม มีแปรงหัวบุฟองน้ำให้มา 1 ด้าม 
กล่องกระดาษก็มีวิธีแต่งตาบอกมาให้ แต่สิ่งที่ไม่ชอบคือ กล่องแอบเปิดยาก!

Pigmentation - เนื้อสีอายแชโดว์ของ Sleek พาเลทนี้สีแน่นมาก สีก็หลากหลาย
สีแต่ละสีมีชิมเมอร์ และความ metallic สูงมาก งานกลางคืนจะสวยมาก
ส่วนตัวเนื้ออายแชโดว์ก็ไม่ได้เป็นสีด้านๆ เป็นผงฝุ่นเหมือนแป้ง แต่มีความเป็นครีมมี่เล็กๆ


♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥


ขอบคุณที่เข้ามาดู Review ตัวนี้กันน้า

แล้วสาวๆก็อย่าใช้อายแชโดว์นาน... ไป จนลืมวันหมดอายุนะจ้ะ
เป็นห่วง XO





Love me like you do 


CHEERS! 



Create Date : 03 เมษายน 2559
Last Update : 18 เมษายน 2559 17:01:02 น.
Counter : 1356 Pageviews.

1 comment
Review ✱ ครีมกันแดดเบาผิวสบายหน้า ใครผิวมัน-แพ้ง่าย เร่เข้ามาค่ะ!


ในยุคที่ความสวยความงามต้องมา 
จะขาวจะดำไม่ว่า แต่ต้องแลดูสุขภาพดี
แดดก็ร้อน หน้าก็มัน ถ้าทาครีมกันแดด... หน้าก็จะเยิ้มไปอีก 

สาวๆผิวมันบางคนเลยเปลี่ยนมาใช้ครีมกันแดดชนิดเซรั่มแทน 
คนผิวแพ้ง่ายก็อาจแพ้แอลกอฮอล์ที่ผสมมากับเนื้อครีมแบบนี้อีก 
#โจทย์ยากมากเป็นผู้หญิงยุคนี้ต้องแกร่ง 


สำหรับหลักการเลือกครีมกันแดดของมายด์นะคะ
เอาง่ายๆสั้นๆ ไม่งงไม่หลักการมาก #เพราะไม่รู้555

ตัวรังสี UVA จะทำให้ผิวเราเหี่ยว ดูแก่ก่อนวัยอันควร นำมาซึ่งริ้วรอย 
และรังสี UVB ทำให้ผิวเราหมองคล้ำขึ้น หรือเรียกง่ายๆว่า ดำ อ่ะแหละค่ะ
ไม่อยากดำขึ้นควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF30 ขึ้นไป
ผิวเหี่ยวก็ไม่อยากก็ให้เลือกครีมกันแดดที่มี PA+++ ขึ้นไปค่ะ แค่นี้เองโน๊ะ

♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ 


พอดีมายด์ไปเจอ ครีมกันแดดที่รู้สึกโอเคกับผิวตัวเองที่เป็น 
คนผิวมันมาก แถมเป็นสิวง่าย  เลยมารีวิวให้ดูกันค่ะ 

ครีมกันแดดของไทยสูตรน้ำ เเละปราศจากสารเคมี ชื่อว่า MizuMi SPF50+ PA++++


♥ MizuMiมี 2 สูตรด้วยกันค่ะ
1. UV Water Defense สีส้มสูตรกันน้ำ และ 2. UV Water Serum สีฟ้าสูตรอ่อนโยน

มาพูดถึงครีมกันแดดตัวนี้เท่าที่มายด์รู้กันก่อนค่ะ
Non-Chemical sunscreen หรือที่เคยได้ยินบ่อยๆเรียกว่า Physical sunscreen เป็นครีม
กันแดดชนิดที่เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย และเป็นสิวค่ะ นอกจากนั้นครีมกันแดดตัวนี้ยังมีส่วน
ประกอบอื่นๆที่ช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าแดด กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย


♥ มาดูสูตรแรกกันก่อนค่ะ MizuMi UV Water Serum หลอดสีฟ้า



คำโปรยของนางคือ " อ่อนโยนดุจน้ำ" ในใจคิดว่าถ้าแพ้ขึ้นมานะ น่าดูเลยแกรรรร 555

เพราะว่าครีมกันแดดเนื้อเซรั่มหลายๆคนจะแพ้ไอเจ้าแอลกอฮอล์
แต่ ครีมกันแดดรุ่นนี้ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน, น้ำหอม, แอลกอฮอล์, 
สารกันเสียอย่างพาราเบน, และไม่มีสีสังเคราะห์อีกด้วย

อ๋อ! ครีมกันแดดตัวนี้ผ่านการทดสอบความระคายเคือง
จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนังแล้วด้วยนะคะ

♥ สูตรที่สอง MizuMi UV Water Defense หลอดสีส้ม


ตัวนี้เป็นสูตรกันน้ำ กันเหงื่อ และนางเคลมว่า กันน้ำได้ถึง 40 นาที 

สูตรนี้เนื้อครีมกันแดดเป็นชนิดเซรั่มเช่นเดียวกันกับหลอดสีฟ้า 
ส่วนประกอบไม่ผสมสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง 5 ชนิดเช่นเดียวกันค่ะ 


♥ ♥ ♥ มาดูเนื้อครีมกันบ้างดีกว่า ...





♥ สูตรสีฟ้า
เนื้อครีมเซรั่มสีขาว เหลวแต่ไม่ได้ถึงกับเป็นน้ำไหลย้อน เวลาทาลงไปตอนแรกจะดูขาวๆ 
เนื้อกันแดดจะค่อยๆซึมเข้ากับผิว เกลี่ยได้ง่ายมาก อันนี้พูดจริง พอเกลี่ยให้เรียบร้อยเเล้ว 
หน้าจะไม่วอก กลืนเข้ากับผิวเลยค่ะ ถามว่ามันไหมเมื่อทาเสร็จ ตัวนี้จะให้ความรู้สึกชุ่มๆนะ
มายด์ว่า คือมันไม่มันอ่ะ แล้วก็ไม่ได้แมท ชอบๆ แล้วก็ตัวนี้ดีมากในแง่ของกันแดด Physical 
เพราะปกติ Physical sunscreen ทาไปจะทิ้งความวอกไว้บนผิวเล็กน้อยด้วยล่ะ

♥ สูตรสีส้ม
เนื้อครีมเซรั่มสีขาวคล้ายสูตรสีฟ้า แต่มายด์ว่าเนื้อตัวนี้มันจะออกขุ่นๆหน่อย เนื้อเข้มข้นกว่า 
ติดผิวได้แน่นกว่าด้วยค่ะ หนืดกว่าสูตรสีฟ้านิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น เอาจริง2ตัวไม่ให้ความ
รู้สึกไม่ต่าง เมื่อทาลงไปบนผิวหน้าแล้วไม่ทิ้งความวอกไว้บนหน้าเหมือนกัน ดีงาม 
ตัวนี้กันน้ำได้ 40 นาที หมายถึงเมื่อเราลงไปเล่นน้ำ เฮฮาปาจิงโกะ ครบ40นาที 
ครีมกันแดดกันนี้จะหมดประสิทธิภาพในการกันน้ำไป เราต้องทาซ้ำอีกรอบค่ะ


มาดูความมันที่ออกจากเนื้อครีม หลังผ่านไป 1 ชั่วโมง และ ทิ้งไว้ทั้งคืนกันค่ะ 


จะเห็นได้ว่า ความมันที่ซึมออกมาจากสูตรสีฟ้ามีมากกว่าสูตรสีส้มเล็กน้อยค่ะ
มายด์ว่าเอาจริงก็ไม่ต่างกันมากนะ (^_^) 

♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ 

โดยปกติอาชีพของมายด์คือ วิศวกรไซท์งาน ที่อยู่ออฟฟิต #ไม่งงเนอะแกร555 
เจอแดดร้อนๆบ้างเวลาไปหน้างาน แต่ ส่วนใหญ่จะเจอแสงไฟ และแสงจอคอมค่ะ
สภาพผิวมันแบบอยู่ในห้องแอร์ก็หน้ามันได้ แต่ช่วงนี้อากาศที่นี่เย็นสบายค่ะ 
ความมันจะไม่มากเท่าไหร่ 

เพื่อให้เห็นความเมือกของ ผิวมั๊นมัน แบบมายด์
มายด์ทดลองให้ดูนะคะ จะ ทาทั้ง 2 สูตรอย่างละครึ่งหน้าค่ะ โดยไม่ลงรองพื้น ลงแค่คอน
ซีลเลอร์เป็นจุดๆไปค่ะ แก้มและปากนั้นลงบลัชออนชนิดเนื้อครีม, 
เขียนคิ้ว และปะแป้งเด็กค่ะ


iPhone 6's front camera

จะเห็นได้ว่า 8โมงเช้า หน้ายังสดใสปกติอยู่ ด้านซ้ายและขวาความมันไม่ต่างกันเลย 
(ก็แน่สิเพิ่งเช้านิ555) ทั้งวันมายด์ไม่ได้ซับหน้าเลย เอาจริงวันนั้นไปเข้าห้องน้ำ
ยังไม่มองกระจกเลย ฮ่าๆๆ พอมาถึงตอนเลิกงาน 5โมงเย็น หน้ามันทั้งหน้าเลอ 
ไม่ได้รู้สึกว่าด้านไหนมันกว่ากัน ไม่พอๆคิ้วยังหาย 5555 

♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ 


มาสรุปค่ะ ตามความรู้สึกของมายด์น้า
 มาพูดถึงรูปลักษณ์ packaging ก่อนนะคะ มันน่ารักดี กระทัดรัด ที่ตัวขวดครีมกันแดดมีบอกวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุชัดเจน 
ด้านหน้าเป็นภาษาอังกฤษ ด้านหลังเป็นภาษาญี่ปุ่น อิชั้นอ่านไม่ออกค่ะ 5555
ปริมาณสูตรสีฟ้า 40g ส่วนสูตรสีส้มน้อยลงมาหน่อยอยู่ที่ 30g ราคาเท่ากันที่ 890 บาทค่ะ
ล่าสุดเห็นโปรวัตสันเพิ่ม 1 บาทได้ไปเลย 2 ขวด คุ้มมมากกกก ! 
 เนื้อครีมกันแดด เป็นเซรั่มทำให้ไม่มัน ทาแล้วหน้าไม่เยิ้ม แต่งหน้าได้ไม่มีปัญหา 
ตัวครีมทาแล้วไม่วอก ไม่หนักหน้า ไม่ทำให้อุดตัน ใช้แล้วไม่แพ้ ประสิทธิภาพการกันแดดโอเค
คือ SPF50 จัดว่าสูง และยังมี PA++++ กันผิวหน้าเหี่ยว แก่ก่อนวัยจากแสงยูวีอีกด้วย
 ตัวนี้ชอบมากที่สุดคือ ทาแล้วสามารถออกแดดได้เลย 
แถมกันน้ำ กันเหงื่ออีก เหมาะกับคนที่มี activity หลากหลายค่ะ

สรุปได้ว่าจากการใช้ครีมกันแดดมา ชอบตัวนี้มากค่ะ
ที่ไซท์อากาศเย็นมายด์อาบน้ำอุ่นทำให้มีผิวหน้าแห้งบ้าง ช่วงนี้มายด์เลยชอบใช้สูตรสีฟ้ามากกว่า 
เพราะเนื้อครีมมันไม่หนืด ทาแล้วไม่มันเหมือนทาครีมบำรุงทั่วๆไปเลยเบาๆดีค่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบสูตรสีส้มนะ 
แต่จะเก็บสีส้มไว้ใช้ในโอกาสที่หน้าเรามันได้มากกว่านี้ ใช้ตามโอกาสไรงี้ 55555 

ถ้าถามว่าหน้าไม่มันใช้ได้ไหม มายด์ว่ายิ่งกว่าใช้ได้อีกค่ะ คือมันเป็นครีมกันแดดแบบ 
Non-Chemical อะเนอะ ดูใสใส ใส่ใจผิวเรางี้ น่าจะดีกว่าไปใช้พวกใส่น้ำหอม 
หรือใส่สารอะไรที่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองอะเน้อออ

♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ . ♥ 


Love me like you do 




Create Date : 02 เมษายน 2559
Last Update : 18 เมษายน 2559 16:14:55 น.
Counter : 4597 Pageviews.

0 comment
Review ✱ เลือก Cleansing ให้ถูกกับผิวกันค่ะ
สวัสดีค่ะ 
ขอออกตัวก่อนว่า บทความนี้นำมาจาก 

FB fanpage: Cosmetic Knowledge from Dr.Naphatsorn


มายด์คิดว่าเป็นความรู้ใหม่ เลยรวบรวมให้อ่านกันค่ะ




เรียกได้ว่าในยุคปัจจุบันนี้ Cleansing เป็นสิ่งจำเป็นมาก ถ้าหน้าเราสะอาด 
ผิวเราก็จะขาวเปล่งปลั่งมีสขภาพดีไม่หมองคล้ำ และไม่มีสิวต่างๆมาเยือนค่ะ

จริงๆไม่อยากให้มองว่า Cleansing เป็นแค่ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างเครื่องสำอาง 
ถ้าเราไม่ได้แต่งหน้าจะไม่จำเป็น เพราะ Cleansing พวกนี้มันช่วยเช็ดเอาฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆที่ติดมาจากสิ่งแวดล้อม และมาสะสมอยู่กับผิวออกไปได้ดีค่ะ 

ใครเคยลองแบบว่า วันว่างๆอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องแต่งหน้าอะไรเลย 
แล้วพอจะนอนลองเอา สำลีชุบ Cleansing เช็ดดู สำลีนี่เรียกว่า ดำเลยนะคะ 
ถึงจะไม่ได้แต่งหน้า แต่ความมันที่ผิวเราสร้างออกมาจะเป็นเหมือนแม่เหล็กคอยดูดซับฝุ่นละออง และมลพิษต่างๆไว้กับผิว ทำให้ผิวเราหมองคล้ำได้ค่ะ

ถ้าแบ่ง Cleansing แอดมินขอแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ
กลุ่มแรกคือ กลุ่มที่ใช้ตอนหน้าแห้ง กับ กลุ่มที่ใช้ตอนหน้าเปียก

เรามาดูไปทีละกลุ่มดีกว่านะคะ 
กลุ่ม Cleansing ที่เช็ดหน้าตอนหน้าแห้ง

Cleansing กลุ่มนี้มักจะเป็นตัวเช็ดทำความสะอาดเมคอัพต่างๆออก ก่อนไปล้างหน้าด้วยน้ำ

เราจะแบ่งเป็น 
- Cleansing water                  
- Cleansing milk (lotion น้ำนม)
- Cleansing cream                 
- Cleansing oil                        

แอดมินจะชอบบอกเสมอว่าเราควรมี Cleansing 2 ขวดติดบนโต๊ะเครื่องแป้ง 
เพราะอะไร ลองมาดูดีกว่าค่ะ

หลายๆคนมักจะคิดว่า Cleansing water ตัวเดียวจบหมดทั้งตา ปาก และเบสเมคอัพ 
แต่จริงๆแล้ว Cleansing water ต่อให้เคลมมาดิบดีแค่ไหน
ก็ยังไม่ควรเอามาล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาค่ะ

เพราะอะไรหรอ??

เพราะ Cleansing water ประกอบด้วย "น้ำ" กับ "Surfactant" 
ซึ่ง Surfactant พวกนี้ สามารถทำปฏิกิริยากับโปรตีนในน้ำตาที่เคลือบตาได้ค่ะ ก็จะไม่เหมาะเท่าไหร่ค่ะ

ส่วนของ Cleansing lotion (แบบน้ำนม) และ Cream 
พวกนี้ประกอบด้วย น้ำ กับ น้ำมัน เหมือนเป็นลูกครึ่งค่ะ Surfactant ที่มักจะอ่อนโยนลงมาถ้าเทียบกับกลุ่มน้ำ

กรณีนี้นับรวมถึงที่เป็นแบบสองชั้นที่ต้องเขย่าก่อนใช้ด้วยค่ะ

สุดท้ายคือ Cleansing oil ประกอบด้วยน้ำมัน กับ Surfactant ที่ละลายได้ใน OIl 
ซึ่งพวกนี้มักจะอ่อนโยนกว่า Surfactant ที่ละลายได้ในน้ำ 
และน้ำมันก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรในส่วนของโปรตีนจากน้ำตาเคลือบตาด้วยค่ะ 
แต่จะให้เอา Cleansing oil มาทาทั้งหน้าก็ไม่ไหวใช่มั้ย ก็เลยต้องมี Cleansing 2 ขวดวางอยู่บนโต๊ะ



เรามาทำความรู้จักกับ Surfactant กันดีกว่าค่ะ

เจ้าสารที่เรียกว่า Surfactant คำนี้แปลเป็นไทยว่า “สารลดแรงตึงผิว” 
แต่แปลแล้วก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ก็ขอเรียกว่า สารทำความสะอาด ดีกว่า 
ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์มากนัก แต่ก็อนุโลมให้แล้วกันเนาะ

เจ้าสารทำความสะอาดที่ว่านี้มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดผิว 
เพราะตัวของมันจะมีส่วนหัวที่ชอบน้ำ กับส่วนหางที่ชอบไขมัน มองดูคล้ายๆไม้ขีด 

สรรพสิ่งบนโลกใบนี้จะมีด้วยกัน 3 แบบ คือ 
ละลายในน้ำ หรือ ละลายในน้ำมัน หรือไม่ก็ไม่ละลายในอะไรเลย
เวลาเราล้างหน้า สิ่งสกปรกที่ละลายน้ำได้ก็จะออกไปกับน้ำ 
ส่วนที่ไม่ละลาย ถ้าขัดๆถูๆหน่อยมันก็หลุดออกไปได้ไม่มีปัญหาอะไร 
แต่เจ้าสิ่งสกปรกที่ไม่ละลายน้ำมันถ้าล้างด้วยน้ำเฉยๆมันก็จะไม่ออกไป แต่พอเรามีสารทำความสะอาดอยู่ด้วยเวลาเขาเจอสิ่งสกปรกที่เป็นพวกละลายน้ำมัน มันจะเอาส่วนหางที่ชอบน้ำมันเข้าไปจิ้มไว้ แล้วชูส่วนหัวออกมาข้างนอก พอเราล้างน้ำตาม ส่วนหัวมันก็จะออกมาอยู่กับน้ำ โดยจะดึงเอาหางที่เกาะกับน้ำมันออกมาด้วยกับน้ำ ผิวเราก็จะสะอาด 
(ลองดูรูปที่ให้ไว้ดูค่ะ)



ส่วนของสารทำความสะอาด เราแบ่งได้เป็น 4 แบบ ตามประจุบนส่วนหัวของมัน ดังนี้

1. Surfactant ประจุบวก (Cationic surfactant) 
จะมีหัวเป็นบวก สารพวกนี้ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ในพวกผลิตภัณฑ์ผิวหนัง 
แต่จะเจอกับพวกครีมนวดผม และตัวมาสค์หมักผม เพราะพวกนี้มันจะจับกับโปรตีนได้ดี ทำให้ผมเสียนุ่มสลวย แต่ก็มีใช้ใน Cleansing สำหรับผิวด้วย เพราะพวกนี้จะจับกับโปรตีนบนผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง สารบางตัวสามารถใช้ใน Skincare ได้ด้วย ก็จะให้ผิวนุ่มเนียนน่าสัมผัส 
สารกลุ่มนี้ส่วนมากมักจะระคายเคืองผิว พวกนี้จะลงท้ายด้วยคำว่า -nium

2. Surfactant ประจุลบ (Anionic surfactant)
เป็นตัวหลักในกลุ่มทำความสะอาด เพราะให้ฟองที่เยอะมาก มีความสามารถในการทำความสะอาดสูง แต่ก็ระคายเคืองได้บ้าง พวกนี้มีเยอะ มักจะมีคำว่า Sodium หรือ Potassium หรือ Ammonium นำหน้าสาร บางตัวก็อ่อนโยน บางตัวก็รุนแรง ตัวที่รุนแรงที่สุดคือ Sodium lauryl sulfate 

3. Surfactant สองประจุ (Amphoteric surfactant)
พวกนี้มีทั้งบวกและลบ ขึ้นกับค่า pH ของผลิตภัณฑ์ ถ้าเป็นบวก ก็ให้ผลเคลือบปรับสภาพผิว ถ้าเป็นลบก็ทำความสะอาดไป พวกนี้เช่นที่ลงท้ายด้วย Betaine หรือมีคำว่า ampho ในชื่อสาร กลุ่มนี้มีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้น

4. Surfactant ที่ไม่มีประจุ (Nonionic surfactant)
พวกนี้ไม่มีประจุเลย มักจะมีความอ่อนโยนกับผิวมาก แต่ก็จะไม่มีฟอง 
เราเจอในสูตรที่เขา Claim ว่าไม่มีฟอง หรือพวกอ่อนโยน สารกลุ่มนี้มีเยอะและค่อนข้างกว้าง



คนส่วนใหญ่ จะคิดว่าถ้ามีฟอง จะทำความสะอาดได้สะอาดหมดจด
แต่ความเป็นจริง ความสามารถในการทำความสะอาดไม่ขึ้นกับฟองค่ะ 
แต่ถึงรู้ทั้งรู้ แอดมินเองก็ชอบให้ Cleanser มีฟองอยู่ดี

กลับมาที่ Surfactant นะคะ 
พวกนี้เวลาเขาอยู่ในน้ำ ในความเข้มข้นต่ำๆ เขาจะเรียงตัวกันอย่างสะเปะสะปะ 
บางครั้งก็จะลอยขึ้นไป แล้วเอาหางชี้ออกไปสู่อากาศ เพราะหางนั้นไม่ชอบน้ำมากๆ 
แต่เมื่อความเข้มข้นสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดๆหนึ่ง Surfactant พวกนี้เขาจะเรียงตัวกันเป็นวงกลม ส่วนของหางจะชี้เข้าหากันและอยู่ด้วยกันในวงกลมอันนั้น

ลักษณะการเรียงตัวเป็นวงกลมแบบนี้เราเรียกว่า "Micelle” ค่ะ 
และความเข้มข้นจุดนี้ ที่เป็นจุดต่ำสุดที่ Surfactant มาเรียงตัวกันเป็นไมเซลล์ 
เราเรียกว่าเป็น Critical micellar concentration (CMC)



ซึ่งความรู้ว่าสารพวกนี้มีการสร้างไมเซลล์นี้มีมาหลายสิบปีแล้วค่ะ 
แต่เพื่อการตลาด อยู่ดีๆ ก็เกิดคำว่า Micellar solution ขึ้นมา นับว่าเป็นการตลาดที่สวยหรูและเลอค่า ที่ Based on หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จริงๆ

ดังนั้น Micellar solution คืออะไร??

คือ สารละลายที่มีความเข้มข้นของ Surfactant ที่ค่าๆหนึ่ง 
ที่ Surfactant พวกนี้มาเรียงตัวกันเป็นไมเซลล์ พอ Surfactant อยู่ในรูปแบบไมเซลล์ จะมีความสามารถในการทำความสะอาดได้ค่อนข้างสูงค่ะ

ถ้าเราเลือก Surfactant ชนิดที่ค่อนข้างอ่อนโยนมาทำไมเซลล์
 มันก็จะอ่อนโยนตามชนิดของ Surfactant ค่ะ แต่ถ้าถามว่าตัวไหนอ่อนโยนบ้าง จริงๆก็เยอะค่ะ และอีกอย่างคือ การตอบสนองของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน 
บางคนอาจจะทน Surfactant ตัวนี้ได้ แต่อีกคนมาใช้แล้วรู้สึกแห้ง ตึง แสบ ก็เป็นไปได้ 
ดังนั้นถ้าอยากรู้จริงๆ คงต้องลองค่ะ ถึงจะตอบได้






Create Date : 13 กรกฎาคม 2558
Last Update : 13 กรกฎาคม 2558 12:12:31 น.
Counter : 2176 Pageviews.

0 comment
Review ✱ ครีมกันแดดหลายตัว ราคาหลักสิบถึงหลักพันบาท!


สวัสดีค่ะ

วันนี้มายด์เลยนำ ครีมกันแดด มารีวิวให้ดูกัน 11 ตัวค่ะ
มายด์เป็นคนผิวมันมาก หลักๆเลยคือเน้น ไม่มัน ไม่หนักหน้า 
เพราะสาวๆก็ต้องแต่งหน้าต่อจากทาครีมกันแดดนี่เนอะ

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥




Test ดูน้ำมันที่ออกมาจากตัวผลิตภัณฑ์กันก่อนค่ะ 
ภาพใหญ่คือถ่ายทันทีที่บีบเนื้อครีมกันแดดออกมา // ภาพเล็กทางขวามือคือน้ำมันที่ออกมาหลังผ่านไป 1 ชั่วโมงค่ะ

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

1. SPECTRABAN FACIAL SUNBLOCK CREAM SPF60



เป็นครีมกันแดดที่คุณหมอแนะนำเวลาไปหาหมอเรื่องสิวค่ะ 

เป็นเนื้อครีมปกติ สีขาว
ใช้แล้วไม่ได้อุดตัน เนื้อครีมจะข้นๆนิดนึง เกลี่ยได้ไม่ยากนัก
เมื่อทาเสร็จผิวจะขาวๆนิดๆ ตามภาษาการทาครีมกันแดด แต่เมื่อทิ้งไว้สักพักจะดีขึ้น

ความมันบนใบหน้า ใช้แล้วหน้ามันค่ะ
แต่มันในขั้นรับได้ ไม่ได้ไหลเยิ้ม เมื่อเทียบราคา+ประสิทธิภาพ โอเคค่ะรับได้
ถ้าช่วงไหนประหยัด แล้วอยากได้ครีมกันแดดดีๆ เหมาะกับคนเป็นสิวด้วย ตัวนี้ก็ดีค่ะ

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

2. EUCERIN SUN FLUID MATTIFYING FACE SPF30



เนื้อลิควิด สีครีมๆ เหลืองๆ เหลวๆ เนื้อมันๆ ต้องเขย่าขวดก่อนเทมาใช้ค่ะ
สำหรับมายด์ใช้แล้ว ก็ไม่ได้อุดตันนะคะ ทาแล้วไม่ขาววอกด้วย

ความมันบนใบหน้า ตัวนี้มันจริงค่ะ รู้สึกมันตั้งแต่ทาไปบนหนังหน้าเลย
วันไหนทาครีมกันแดดตัวนี้ แล้วลงรองพื้น สำหรับมายด์จะหนักหน้าไปค่ะ

สำหรับตัวนี้มายด์ใช้ในโอกาสที่เราต้องไปเจอแสงแดดจัดๆ หรือในวันธรรมดาที่ไม่แต่งหน้า
เพราะเค้าเคลมว่า เหมาะสำหรับคนผิวไวต่อแสงแดด
มายด์ว่าราคาแพงไป ประมาณพันนึงมั้งจำไม่ได้อ่าาาา
แต่ครีมกันแดดตัวนี้ น่าจะเหมาะกับคนผิวแห้ง, ผิวธรรมดา ไปถึงผิวผสมมากกว่าค่ะ

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

3. ANESSA PERFECT UV SUNSCREEN SPF50+ PA++++



มาฝั่งญี่ปุ่นกันบ้าง พูดเลย ตอนแรกไม่กล้าใช้
เพราะแพ้ครีมกันแดด Biore ขวดสีชมพู กับ ZA มาค่ะ

เป็นเนื้อน้ำนม สีขาวๆ ทาลงไปแล้วมันนิดๆ หนึบๆ ขาว แต่ไม่วอกค่ะ
ต้องให้เวลาเค้าเซ็ทตัวแปปนึง แล้วก็ค่อยแต่งหน้าต่อ หรือลงแป้งฝุ่นนะคะ

ความมันบนใบหน้า ครีมกันแดดตัวนี้ เหมาะสำหรับผิวมัน หรือคนที่ไม่อยากเหนอะหน้า
สำหรับราคาตัวนี้ซื้อจากญี่ปุ่น ราคายังอยู่ในหลักร้อย เมื่อเทียบกับคุณภาพ ดีค่ะ

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

4. RAJDHEVEE SMOOTH SUN BEIGE SPF50+



ตัวนี้ได้มาหลังสงกรานต์เล่นน้ำ แล้วผดเต็มหน้าเลยไปหาหมอ

เป็นเนื้อมูส สีเนื้อๆ นึกถึงมูสชอคโกแลตใน Sizzler 555
นิ่มๆนุ่มๆทาง่าย มีสีด้วยทำให้ผิวหน้าสว่างขึ้น (อย่าลืมทาคอเด็ดขาด)

ความมันบนใบหน้า ทาไม่แล้ว ไม่มันเลยคร้าาาา ทาปุ้ป อีกแปปก็แห้งเลย ไม่หนักหน้า
เหมือนตัวกันแดดมีซิลิโคนทาไปรูขุมขน กว้างๆดูดีขึ้น หน้าสว่างขึ้น คุมมันเกินคาด

ทาครีมกันแดดตัวนี้แล้ว ลงคอนซีลเลอร์+แป้งฝุ่นเลยค่ะ ไม่ต้องพึ่งรองพื้นเลย
ตัวนี้ชอบมาก ราคาประมาณ 500 มั้ง หลอดนี้ใช้ทุกวัน 1 หลอดได้ประมาณ 2 เดือนนะ

แต่! มีข้อเสียคือ ผิวที่ลอกๆ ลงตัวนี้จะเห็นชัดว่าหน้าเราเป็นขุยค่ะ

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

5. LA ROCHE-POSAY ANTHELIOS XL SPF50+ FLUID EXTREME (แพตเกจเก่า)



เป็นครีมกันแดดที่ใช้บ่อยที่สุด

เป็นเนื้อลิควิด สีขาวๆ ข้นกว่าฝาทอง ใช้แล้วไม่อุดตัน
ทาลงไปแล้วขาวๆ วอกๆมันๆนิดๆ ต้องให้เวลาเค้าเซ็ทตัวแปปนึง แต่ยังขาวอยู่

ความมันบนใบหน้า ทาแล้วมันค่ะ แต่มันในระดับรับได้ ไม่ได้เหนียวอะไรมาก
ทาครีมกันแดดตัวนี้แล้วแต่งหน้า ก็โอเคนะคะ ไม่ได้มันเยิ้ม 
สำหรับราคาในบ้านเรา สู๊งสูง แต่ส่วนใหญ่ฝากเค้าซื้อมาจากฝรั่งเศสนู่น เลยถูกลงเยอะเลย

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

6. BIORE UV COLOR CONTROL CC MILK SPF50+ PA++++



อย่างที่บอกมาว่าเคยแพ้ครีมกันแดดของค่ายนี้
มาถึงตัวนี้ .... ก็ยังคงแพ้ต่อไป 5555
มายด์ test เป็นวงเล็กๆ บริเวณกรามค่ะ ปรากฏว่ามีสิวเล็กๆ ผดเล็กๆแดงๆขึ้น จบข่าว !

แต่คุณแม่มายด์ใช้ ชอบค่ะ 555+
ผู้หญิงผิวแห้ง, ผิวธรรมดาที่แต่งหน้าไม่เป็น ไม่ชอบแต่งหน้า 
อยากลงตัวเดียวจบ แนะนำตัวนี้ค่ะ (ถ้าไม่แพ้)

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

7. RJK Real Joy Aqua Sun SPF 50+PA+++

ซื้อมาแบบซองใน 7-11 ราคาหลักสิบบาท
เป็นเนื้อน้ำนม เหลวๆ สีขาว ใช้แล้วไม่อุดตันแต่มันมาก
ทาลงไปแล้วขาวๆ วอกๆมันๆ ให้เวลาเค้าเซ็ทตัวแปปนึง ก็ยังวอกอยู่

ความมันบนใบหน้า ทาลงไปแล้วมัน หนึบๆบนหน้า แถมวอกอีก แต่กันน้ำได้ดี
สรุป สำหรับเราไม่โอเค

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥



มาดูน้ำมันที่ออกจากครีมกันแดด หลังผ่านไป 8 ชั่วโมงกันค่ะ



เรียงจากซ้ายไปขวา
SpectraBan / Eucerin / Anessa / ราชเทวีคลินิก / La Roche Posay 
/ Vaseline / Nivea / Banana Boat / CC cream

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ยังไม่หมดค่ะ !
เราจะพกครีมกันแดด ไปตากแดดที่หัวหินกัน









ให้พ่อบ้านใจกล้า นั่งตากแดด 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ 




ผ่านไป 4 ชั่วโมง .... หลังจากเล่นน้ำเสร็จ






OMG! ไม่แตกต่าง 555 
ตอนไปเที่ยวสวนน้ำวานานาวา แดดไม่แรงเลยค่ะ ผลคือมองไม่เห็นความต่าง

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥



มาให้คะแนนครีมกันแดดหน้าตามความรู้สึกของมายด์กันค่ะ

ราชเทวีคลินิก > La Roche Posay > Anessa 
> SpectraBan > Eucerin > RJK > Biore


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หมดแล้วคร้าา

ทุกครั้งที่เผชิญแสงแดด ห้ามลืมทาครีมกันแดดเด็ดขาด !
ช่วงเวลาที่แดดจัดๆ อย่าลืมหาสิ่งมาคลุมปกป้องผิวเราด้วย

แล้วทุกครั้งเวลาทากันแดดลงบนผิวหน้า
อย่าลืมใช้ cleansing เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าก่อนนะ
เพื่อไม่ให้มันอุดตันอยู่บนหน้าเรา





Love me like you do 





Create Date : 11 กรกฎาคม 2558
Last Update : 18 เมษายน 2559 16:16:54 น.
Counter : 3401 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

sweetie_mild
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



ชื่อมายด์นะคะ

❥ วิศวกรโยธา
❥ ชอบแต่งหน้า
❥ ชอบกิน กินเยอะด้วย
❥ ชอบถ่ายรูป หลงใหลกล้องฟิลม์
บางครั้งก็ to be a backpacker ☺

มีเพจด้วย ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

( /) ❤
( . .)/
c(”)(”) มี facebook fanpage ด้วย
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ IG : sweetie_mild ♥ ♥ ♥ ♥ ♥