• Bowling

Carry Down Carry Down หรือที่เรีัยกกันว่า ปลายสกปรก ปลายไม่สะอาด เกิดจาก การโยนผ่านไปหลายๆ เกม บอลของเราก้อจะพาน้ำมัน ส่วนหนึ่ง ติดขึ้นมากับบอล อีกส่วนถูกบอลพาจากหน้าเลน ไปกองที่ท้ายเลน ค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ ในสภาพน้ำมันหนา โอกาสเกิด Carry Down จะสูงและไว กว่าสภาพน้ำมันบาง รูปนี้ เป็นการจำลองการเกิด Carry Down ในแพทเทรินน้ำมันต่างๆ แต่ในความเป็นจริง จำนวนเกมที่จะทำให้เกิด Carry Down อาจจะมาก หรือน้อยกว่าที่แสดงในรูป ขึ้นอยู่กับ -ปริมาณการลงน้ำมัน -คุณภาพในการทำความสะอาดปลายเลน -การโยนของแต่ละคน โดยทั่วๆ ไปจะเจออาการ Carry Down อยู่ 2 ลักษณะคือ Carry Down ที่จุดเบรค กับ Carry Down ที่บริเวณหน้าพิน Carry Down ที่จุดเบรค สังเกตได้จาก การ Flip ของบอล ณ จุดเบรค จะเริ่มเปลี่ยนไป เช่นจากเดิมที่เคยเบรคระยะประมาณ 40 ฟุต แล้วบอลฮุคเข้าหาพิน แต่คราวนี้บอลไถลเลยจุดเ้บรคเดิมออกไป แล้วค่อยฮุคกลับเข้ามา ทำให้เลี้ยวไม่ถึงพ๊อกเกต เป็นเพราะเราไปเจอจุดที่น้ำมัน Carry ออกไป จากเดิมตรงจุดเบรค ที่เดิมแห้งสะอาด ก้อมีน้ำมันจากการโยนครั้งก่อน บอลจึงยังไม่สามารถเบรคได้ ณ จุดเดิม จึงไถลเลยออกไปอีก Carry Down ที่บริเวณหน้าพิน แบบนี้จะสังเกตยากกว่าแบบแรก อันเนื่องมาจาก บอลเบรค ณ จุดเดิมได้ แต่ในระหว่างทางที่บอลฮุคเข้าไปยังพ๊อกเกต ผ่านช่วงเลนที่เกิดมีน้ำมัน มา Carry Down อยู่ ทำให้บอลเกิดอาการ ลอย อาการลอย ที่ว่า คือบอลเกาะเลนได้ไม่ดี ทำให้เกิดอาการฮุคไมุ่สุด มองดูแล้วจะรู้สึกว่า บอลเข้าปะทะพ๊อกเกตได้ ไม่ดีบ้าง หรือเข้าไม่เต็มระหว่างพิน 1-3 บ้าง ทั้งๆ ที่ จังหวะเมื่อบอลเริ่มฮุค ยังทำงานได้ดีอยู่ วิธีแก้ไขเมื่อเจอเลน Carry Down - ขยับจุดยืนไปทางขวาเล็กน้อย สำหรับคนโยนมือขวา - ลดสปีดบอลลง - เปลี่ยนลูกบอลเอาใบที่เกาะเลนดีกว่าใบที่โยนอยู่มาใช้ - เปลี่ยนจุดเบรคของบอล ถ้า Carry Down ด้านใน ก้อเปลี่ยนมาโยนให้บอลเบรคด้านข้าง ถ้า Carry Down ที่ด้านข้าง ก้อโยนบอลให้เข้าไปเบรคใกล้ๆ พ๊อกเกตแทน   Create Date : 27 มิถุนายน 2552     Last Update : 27 มิถุนายน 2552 14:20:16 น. Counter : 1064 Pageviews.   0 comment Share Tweet

เคล็ด(ไม่)ลับ การโยนโบว์ลิ่งให้แม่น เคล็ด(ไม่)ลับ ของการโยนแม่น จะเริ่มต้นมาตั้งแต่ก้่าวแรกของการเดิน เลย จังหวะการก้าวเดิน ที่ถูกต้องในโบวลิ่ง จะก้าวอย่างต่ำ 3 4 5 หรือ 6 ก้าว แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่... การเดิน 5ก้าวจะเป็นจังหวะการเดินที่ ลงตัว ที่สุด สำหรับคนโยนมือขวา จะเริ่มก้าวเท้าซ้ายก่อน แล้วจบการสไลด์ด้วยเท้าซ้าย จังหวะการเดินที่ดี จะต้อง ไหลลื่น เป็นธรรมชาติ ไม่เกิดอาการสะดุด ชะงัก ตลอดช่วงของการเดินและแกว่งแขน การจับบอล ....... ถือบอลอย่างมั่นคง และผ่อนคลาย ไม่ต้องเกร็ง พยายามรักษาตำแหน่้งการการจับบอล ให้อยู่ในตำแหน่งเดิม ตลอดทั้งวงสวิง ไม่ให้เลื่อน หรือเคลื่อนที่ไปก่อน จะเปลี่ยนตำแหน่งของข้อมือครั้งเดียว คือตอนปล่อยบอล วงสวิง ......... ไม่สำคัญว่าจะหวะยกวงสวิง คุณจะยกสูงไปถึงไหน แต่เมื่อถึงจังหวะที่ดาวน์สวิงลงมา แขนควรอยู่ในลักษณะตั้งฉาก ชี้ตรงลงพื้น แขนอยู่แนบลำตัว ข้อศอกอยู่ด้านใน เมื่อถึงจังหวะปล่อยบอล จะใช้แค่ข้อมือในการบังคับมุมเลี้ยวของบอล ส่วนแขนและข้อศอก ยก follow ขึ้นมาตรงๆ ตามแรงเหวี่ยงของลูกบอล ถ้าแขนปัดออกไปซ้าย หรือขวา จะทำให้ส่งบอลเบี้ยว จังหวะสุดท้ายก่อนปล่อยบอล ชี้ปลายเท้า และหันลำตัว ..... ไปทางจุดหมาย ที่จะโยน สายตา .... จ้องมองไปยังเป้าหมายที่เราจะส่งบอลไป อาจจะเล็งที่ Dot Arrow PIN หรือ Breakpoint ตามความถนัด ตั้งแต่ก้าวแรกของการเดิน พุชบอล แบ๊คสวิง ดาวน์สวิง ต้องพยายามรักษาจังหวะเหล่านี้ให้สม่ำเสมอทุกครั้ง   Create Date : 26 มิถุนายน 2552     Last Update : 27 มิถุนายน 2552 14:54:26 น. Counter : 25784 Pageviews.   4 comment Share Tweet

เบรคตรงไหนดี???? สิ่งที่สำคัญที่สุดในการโยนบอลฮุค คือการที่บอลสามารถเปลี่ยนทิศทาง เข้าสู่พ๊อกเกตได้แม่นยำ และเต็มไปด้วยพลังที่พร้อมจะเข้าปะทะพิน ในปัจจุับัน นักกีฬาในระดับมืออาชีพ นิยมใช้การส่้งบอลไปหาจุดเบรค (เล็งจุดเบรค) มากกว่าโยนผ่านแอร์โรว์ หรือมองไปที่พิน ที่นี้แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรหละ ว่าอะไรคือจุดเบรค แล้วแต่ละเลน มันมีจุดเบรคกี่จุด เหมือนกันทุนเลนทุกที่รึเปล่า มาหาคำตอบกันเลยดีกว่า จุดเบรค ที่พูดถึงกัน จะหมายความถึง บริเวณปลายเลน ที่บอลสามารถ เกาะเลน แล้วเปลี่ยนทิศทางเข้าหาพินได้ การที่บอลจะเกาะพื้นเลนได้ดี และเต็มไปด้วยพลังที่พร้อมจะเข้าปะทะพิน พื้นที่บริเวณนั้นจะต้องแห้ง สะอาด ดังนั้นเราพอจะสรุปได้ว่า จุดเบรค คือพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของปลายเลน ที่โยนเข้าไปหาแล้ว บอลฮุคเข้าพ๊อกเกตได้ดีที่สุด (ฮุคเข้าอย่างสม่ำเสมอ และมีแรงปะทะพินดี) แล้วจุดเบรค มันอยู่ตรงไหนหละ คำตอบคือ ต้องไปค้นหาเอาเองครับ เนื่องมาจากสภาพเลน การลงน้ำมัน การทำความสะอาด ฯลฯ แตกต่างกันไปในแต่ละที่ แม้แต่สถานที่เดียวกัน แต่คนละวัน เลนก้อเปลี่ยน ทำให้ไม่สามารถชี้ชัดๆ ไปได้ จุดเบรคอยู่ตรงไหน แต่โดยทั่วๆไปแล้ว ก้อจะหนีไม่พ้น 3 บริเวณนี้ คือ....... ดูรูปจากรูปนะครับ จะไฮไลท์ เป็น 3 โซน ทั้งซ้ายและขวา ที่ระยะประมาณ 40 ฟุต โซน A จะเป็นโซนที่ง่ายและใหญ่ที่สุด เริ่มตั้งแต่บอร์ดที่ 1 - 5 โซน B จะเป็นส่วนที่อยู่ถัดเข้ามา ประมาณบอร์ดที่ 6 - 9 โซน C จะเป็นส่วนที่อยู่ในสุด ตรงนี้บอลฮุคนิดเดียวก้อถึงพินละ คือบอร์ด 10 - 14 วิธีสังเกตว่า จุดเบรคโซนนั้น ใช้งานได้หรือไม่ ก้อคือ โยนไปแล้ว บอลต้องสามารถเปลี่ยนทิศทางเข้าพ๊อกเกตได้ดี ไม่แถ ไม่ลอย ถ้า บอลมีอาการแปลกๆ แสดงว่าจุดเบรคโซนนั้นอาจจะมีน้ำมัน carry down อยู่ ทางที่ดี ควรหลีกเลี่ยง เพราะบอลจะ Hook เข้าพ๊อกเกตได้ไม่ค่อยดี ให้เปลี่ยนไปลองใช้จุดเบรคโซนอื่นดู คราวนี้ เราควรจะใช้จุดเบรคจุดไหนกันก่อนดีหละ โซน A ดีตรงที่ เล็งง่าย และกว้าง จะพบได้ตามน้ำมันแพทเทรินทั่วไป ที่บล็อกข้าง หรือลงข้างบางๆ และสั้น ให้เปิดบอลออกไปที่โซน A บอลฮุคกลับมาได้สบายๆ แน่นอน เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเลี้่ยว โซน B ถัดเข้ามานิดนึง จุดเบรคนี้ เ้ค้าบอกว่า เห็นผลได้ดีที่สุด %ที่จะทำสไตรค์จากบอลที่เบรคในโซนนี้เห็นผลมากที่สุด ถ้าเริ่มแม่้นจุดเบรคกันระดับนึงแล้ว ควรจะลองฝึกใช้งานจุดเบรคโซนนี้ โซน C - เอาไว้ใช้เวลาเจอเลนน้ำมันท่วมมากๆ โยนไปยังไง บอลก้อ hook ไม่ถึงพ๊อกเกตสักที ให้ลองเล่นที่จุดเบรคสั้นๆ หน้าพ๊อกเกตนี่แหละ - เอาไว้แก้ปัญหากับน้ำมัน Reverse Block (น้ำมันสมาคม) ที่มีการ Buff น้ำมันบอร์ด 1 - 5 ของทั้งสองข้างเอาไว้ ถ้าเปิดออกไปที่จุดเบรคโซน A เหมือนเดิม รับรอง ตกท่อแหงๆ ไม่ก้อบอลแถๆๆๆ หาพิน 10 ไม่กลับเข้ามา ให้ลองเล็งไปโซน B ดูก่อนถ้ายังไม่ได้ก้อย้ายเข้ามาใช้จุดเบรคในสุด คือโซน C - ไว้ใช้ในเกมที่ ที่จุดเบรคโซน A และ B เริ่มแห้งมาก บอลเริ่มตื้่อๆ โรลเร็วตั้งแต่กลางเลน ส่งบอลไปยังไง ก้อไม่ถึงเบรคที่เล็งไว้ แต่ตรงกลางยังพอมีน้ำมัน ก้อให้ย้ายมาเล่นจุดเบรคด้านในแทน   Create Date : 26 มิถุนายน 2552     Last Update : 27 มิถุนายน 2552 14:17:17 น. Counter : 1182 Pageviews.   0 comment Share Tweet

มารู้จัก มุมมือ กันดีกว่า เรื่องของมุมมือ แบ่งง่ายๆ ก้อมีสองแบบ คือ Forward Roll บอลจะหมุนไปข้างหน้า ในขณะที่บอล Skid ไปข้างหน้า Side Roll บอลจะหมุนทำมุมด้านข้าง ในขณะที่บอล Skid ไปข้างหน้า เมื่อบอลทำงานถึงจุดเบรค Forward Roll จะเลี้ยวกลับเข้ามาน้อยกว่า Side Roll Forward Roll ให้ความรู้สึก นุ่มนวล คอนโทรล คาดเดาได้ง่าย ในขณะที่ Side Roll บอลจะฮุคกลับมาอย่างสวยงาม ดุดัน แต่บางทีก้ออารมณ์แปรปรวน เลี้ยวเกินมั่ง ขาดมั่ง ส่วนใหญ่แล้ว นิยมปล่อยบอลให้มี Side Roll กัน แต่ในบางสถานการณ์ Side Roll ก้อตกม้าตายได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในสภาพเลนที่ต้องการความแม่นยำมากๆ Forward Roll จะกลับมาได้เปรียบ เพราะควบคุม Action ของบอลได้ดีกว่า เช่น - เลนที่มีจุดเบรคอยู่ในโซนแคบๆ ต้องการความแม่นยำ ของจุดเบรค - เลนที่ Over / Under Reaction โยนเบี้ยวขวาเลี้ยวไม่ึถึง เบี้ยวซ้ายก้อหลังบ้าน - เลน Carry Down ที่ไม่มีจุดเบรคให้บอล - เลนที่แห้งมากๆ จนการออกบอลแบบ Side Roll แล้วบอลเลี้ยวออกตกท่อฝั่งตรงข้ามไปเลย มาดูรูปนี้กัน ที่ตำแหน่ง 0 Degree Position นั่นคือมุมที่ออกบอลไปแล้ว บอลจะวิ่งเป็น Forward Roll ที่ตำแหน่ง 45 Degree Position นั่นคือมุมที่ออกบอลไปแล้ว บอลจะวิ่งเป็น Medium Side Roll ที่ตำแหน่ง 90 Degree Position นั่นคือมุมที่ออกบอลไปแล้ว บอลจะวิ่งเป็น Maximum Side Roll ถ้าทำมุมในการออกบอลมากเท่าไหร่ บอลจะฮุคกลับเข้ามามากเท่านั้น วิธีที่ง่ายที่สุดในการเช็กตำแหน่้งของมุมมืิอ คือ เอาสติ๊กเกอร์สักชิ้นนึง ไปแปะไว้ที่ PAP (ต้องรู้ PAP ของตัวเองก่อน) แล้วดูตำแหน่้ง PAP หลังจากที่ออกบอลไปแล้ว PAP จะนิ่งๆ ในช่วงต้นเลน อยู่สักระยะนึง แล้วจะค่อยๆ ย้ายตำแหน่งออกไปตามการทำงานของบอล (สำหรับคนที่ยังไม่เคยได้ยินคำนี้ PAP = Positive Axis Point คือจุดหมุนของบอล ที่เกิดจากการปล่อย ซึ่งตำแหน่งของ PAP แต่ละคน จะไม่เหมือนกัน) จากรูปข้างบน ถ้าปล่อยบอลแบบ Forward Roll จะเห็น PAP อยู่ใกล้ๆ เลข 9 Medium Side Roll PAP จะอยู่ระหว่าง เลข 9 กับเลข 6 Maximum Side Roll จะเห็น PAP อยู่ใกล้ๆ เลข 6   Create Date : 25 มิถุนายน 2552     Last Update : 27 มิถุนายน 2552 14:15:52 น. Counter : 941 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com