Group Blog
 
All blogs
 

Review : แชร์ประสบการณ์ขูดฟิลเลอร์ และเสริมจมูกปลายหยดน้ำครบ1เดือน




วันนี้เช่จะมาแชร์ประสบการณ์และจุดเริ่มต้นของศัลยกรรมจมูก เมื่อ5ปีก่อนเช่มีโอกาสได้ลองวิธี
เสริมจมูกแบบไม่ถาวรด้วยการฉีดฟิลเลอร์1ครั้ง หรือที่หลายคนรู้จักในนามไฮยาลูรอนิก แอสิด
หรือ HA เป็นสารคอลลาเจนธรรมชาติชนิดหนึ่งแต่ก็สามารถสลายไปได้ คร่าวๆตามนี้เนาะ

และปัจจุบันอยากเสริมด้วยซิลิโคนจริงๆเพื่อให้อยู่ถาวร จึงอยากจะแชร์จากประสบการณ์ที่เจอค่ะ
เผื่อใครเป็นแบบเรา ยังลังเลว่าควรทำต่อหรือไม่เพราะกลัวคำว่าขูดฟิลเลอร์



เห็นโครงจมูกชัดๆว่าไม่ค่อยมีสันมากพอมีเนื้อจมูกกับปลายนิดหน่อย แต่มีความโชคดีอยู่
ในความแหมบๆ เนื้อปลายจมูกเราไม่หนาบาน หรือที่เรียกว่าแบบปลายชมพู่นั่นเอง
ได้รูปจมูกคุณพ่อที่โด่งมากแต่ดันไม่เอาสันจมูกมาซะงั้น น้องชายเอาไปหมดเลย TT
ตอนที่ฉีดฟิลเลอร์ฝีมือคุณหมอเติ้ลThe Kliniqueค่ะ



แรกๆตามรีวิวจะดูเป็นสันๆ สักพักจะเป็นตามทรงคุณหมอปั้นคือปลายหยดน้ำ
ชอบทรงจมูกตอนนั้นนะ ด้วยความที่ไม่รู้ ศึกษาไม่เยอะมากพอ เลยโอเคที่จะฉีดและดันไม่คิดถึง
ว่าตอนอยากทำจมูกจริงๆว่าจะเกิดความยุ่งยากและข้อจำกัดอื่นๆที่ตามมา อันนี้ต้องบอกเลย
1.ต้องขูดฟิลเลอร์ออก ยังไงก็ยังคงหลงเหลืออยู่ ถ้าไม่ขูดเสริมไปเลยอาจเกิดการอักเสบได้
2.บางคนที่ฉีดซ้ำๆย้ำๆหลายครั้ง จะต้องฉีดสลายและขูด ยังไม่ได้ทำเลยนะคะต้องพักจมูก
และบางคนเนื้อจะบาง บางคนเนื้อบุ๋มหายไปนิดนึง อันนี้พูดจริงเพราะเคยสัมผัสมาแล้ว



มาถึงระยะหลังๆเห็นไหมว่าสันเริ่มหายไปแล้ว ด้วยความที่ฉีดครั้งเดียวเวลายุบหรือสลาย
จะดูเป็นธรรมชาติอยู่ แต่บางคนที่ฉีดซ้ำๆๆๆสองสามรอบ สันจมูกจะป้านเหมือนจมูกสิงโต
พอนึกภาพกันออกไหม สันจมูกใหญ่แต่ไม่เรียว นั่นแหล่ะที่เช่เห็นเลยไม่ฉีดซ้ำ ยุบแล้วยุบไป



คนเคยฉีดฟิลเลอร์มาจะเป็นเคสแก้และราคาสูงกว่าทำจมูกปกติเป็นทุกที่ค่ะพูดเลย!
สุดท้ายมาจบที่The Kliniqueเช่ฉีดฟิลเลอร์ที่นี่ ลองไลน์ถามดู สุดท้ายจึงได้มาเป็นเคสเเก้ที่นี่
อยากให้เช่ลองเข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อน ที่นี่เป็นคุณหมอที่จบศัลยแพทย์โดยตรง
และมีประสบการณ์ในวงการศัลกรรมเท่านั้น ที่นี่ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการปรึกษา
แต่ต้องนัดก่อนนิดนึง เช่เล็งทรงปลายหยดน้ำนิดๆ กับทรงปลายพุ่งแบบหญิงรฐาเอาไว้

เลือกซิลิโคนละทีนี้ เอายังไงดี?
1.ซิลิโคนมีทั้งแบบสำเร็จรูปจากแต่ละที่ มาเหลาเคสบายเคส กับบางที่ใช้แบบแผ่นมาเหลาใหม่เลย
2.ซิลิโคนเมกาที่เป็นของแท้เกรดพรีเมี่ยมจะมีความนิ่มระดับนึง เหมาะกับคนที่อยากได้สันชัด
รัดแกนและโด่งได้รูปสวยในเวลาไว *ซิลิโคนเมกาคุณหมอให้ติ๊กไว้ว่ามีสวมรอยผลิตที่ไทยเยอะ
3.ซิลิโคนเกาหลี ช่วงปลายซิลิโคนจะนิ่มนุ่มสุดๆ แต่ตรงสันจะมีการไล่ความความแข็งขึ้นมา
แต่ก็ไม่แข็งเท่าเมกา เช่ลองจับดูเปรียบเทียบความรู้สึก ของเกาหลีคุณหมอบอกว่าแรกๆ
สันอาจจะดูไม่ชัด คนไข้จะใจร้อน ใช้เวลาเกือบปีกว่าจะรัดแกนและดูโด่งพุ่งสวยเป๊ะ



สรุปเคสของเช่คุณหมอประเมินตามนี้ค่ะ
1.คุณหมอจับจมูกแปปเดียวรู้เลยว่าสลายไม่หมด(ใจนี่ก็คิดแบบนี้อยู่แล้ว) มีผังพืดคลุม
ดังนั้นยังไงต้องขูด มากน้อยหมอเองบอกไม่ได้ต้องดูตอนทำ และบวมนานกว่าเคสทำใหม่
2.ซิลิโคนที่ใช้เป็นเกาหลีและเอากระดูกอ่อนหลังหูมาเย็บติดปลายซิลิโคน เพราะคุณหมอ
อยากให้เป็นทรงหยดน้ำนิดนึง หน้าจะได้ดูหวานหน่อย ไม่พุ่งมากเน้นปลอดภัยดูเป็นธรรมชาติ

ในรูปคือล่าสุดเลย เช็ดเฉดดิ้งจมูกออกให้หมด จะได้เห็นรุปจมูกจริงๆว่าเป็นยังไง
ตัวเช่มีความรู้สึกเองแล้วมันก็ใช่จริงๆ หลังฉีดฟิลเลอร์โด่ง สักพักสลาย แต่ปัจจุบันโด่งขึ้นอีก
คือยังไงไม่เท่าเดิมก่อนไม่ฉีด คุณหมอให้เหตุผลตามนี้ว่า พอช่วงสลาย สลายจริงค่ะแต่ไม่หมด
ร่างกายเลยสร้างผังผืดมาคลุมตามกลไกธรรมชาติบ้าง อีกกรณีคืออายุมากขึ้นแฟตหายไป
เคยทำยกกระชับหน้ามาด้วยเลยทำให้จมูกเราดูโด่งกว่าตอนแรกที่เรารู้สึกก็เป็นได้



เข้าห้องผ่าตัดละค่ะ ตื่นเต้นๆจะมาบรรยายความรู้สึกเป็นข้อๆให้เลยค่ะ
1.หลังจากคลีนหน้าและใบหูเรียบร้อย คุณหมอฉีดยาชาที่ใบหูเพื่อผ่าเอากระดูกอ่อนเราออกมา
ความรู้สึกคือมีคนมาเลื่อยหูเรา ใจฝ่อเริ่มกลัวละตอนนั้น TT พอเสร็จก็เย็บหูเรากลับคืนสู่ปกติ
2.จากนั้นฉีดยาชาที่ข้างจมูก เข็มแรกเข็มสองเจ็บมาก TT น้ำตาไหลเลยค่ะ555 จากนั้นเข็มต่อไป
เริ่มไม่รู้สึกเท่าไหร่แล้ว ตอนผ่าก็ไม่รู้เรื่องเพราะชาไปหมดละตอนนั้น
3.ตอนขูดฟิลเลอร์ก็ไม่รู้สึก คุณหมอบอกมีอยู่เป็นผงๆเล็กน้อย แสบคอตอนยาไหลลงมาจากจมูก



4.จะรู้สึกคือตอนยัดเข้าไป มันรู้สึกแบบมีอะไรยัดๆตะไบๆกระดูก ไม่เจ็บแต่รู้สึกแน่น
ตื้อจมูกไปหมด เบ็ดเสร็จเวลาเกือบชั่วโมงนึงค่ะ แต่ความรู้สึกเหมือนแป๊ปเดียวจริงๆ
5.คุณหมอจะแปะเทปลอคตามรูปจมูก เพื่อให้เราระวังอย่าไปโดนไปจับ ภาพซ้ายคือก่อนทำค่ะ
ส่วน2ภาพถัดมาคือเสร็จหมาดๆจากห้องผ่าตัด เป็นไหมไม่ละลายนัด7วันมาตัดออกค่ะ



ข้อควรปฎิบัติหลังทำ และการดูแลแผล
- ไม่กินของหมักดอง/แสลง/เผ็ด/ของสกปรกที่เสี่ยงทำให้ติดเชื้อ หาอาหารอ่อนๆเคี้ยวไม่ยาก
- ใช้หมอนล็อคคอนอนสูงสักอาทิตหรือนั่งนอนเลยก็ได้ หลังจากนั้นนอนหงายไม่ตะแคงจน1เดือน
- อย่าโดนน้ำหรือแต่งหน้า7วัน เพราะกลัวแผลติดเชื้อ ทายาที่แผลและทานยาที่ให้ครบทุกมื้อ
- ประคบเย็น 4-5วัน จากนั้นถึงประคบร้อน เช่แอบดื้อทำแต่ประคบเย็น
- ใส้เสื้อที่คอกว้างๆ หรือรูดซิบหลังแล้วทิ้งลงด้านล่างได้เลย จะได้ไม่เสี่ยงก้มหรือโดนจมูก



ความบวม - บวมหนักๆของเช่คือวันที่2ค่ะ แต่ดีใจที่ไม่ช้ำไม่เขียวเลย คือทำใจไว้มากว่าคงช้ำบ้าง
ปรากฎว่าแกะเทปออกมาคือช้ำหัวตาขวานิดนึง เป็นสีเหลืองๆ ส่วนตรงสันจมูกกับร่องจมูกใต้ตา
ด้านขวาที่เปิดแผลจะบวมกว่า ยุบช้ากว่าอีกด้าน นี่แหล่ะที่เค้าบอกกันว่าอาจจะดูไม่เท่ากัน
เพราะมันยังบวมอยู่นั่นเอง ให้ใจเย็นๆ ทานน้ำใบบัวบกหรือน้ำมะพร้าวสดร่วมด้วยยิ่งดี



ความเจ็บ - เจ็บที่หูมากกว่าที่จมูกอีกพูดเลย! จมูกพอโดนพอแตะได้ แต่หูนี่ห้ามเลยทั้งใบหู
อาทิตแรกอย่าก้มหน้า ก้มแล้วรู้สึกหน่วงๆเวียนหัวมวนท้อง เหมือนยังไม่เป็นส่วนนึงของร่างกาย
แต่หลังจากอาทิตนึงจะรู้สึกดีขึ้นละ ปลายจมูกจะเจ็บๆตึงๆนิดนึง อาการหายไปใน20วัน
จนตอนนี้ครบเดือนสามารถทำอะไรได้ปกติ แต่ถ้าโดนปลายจมูกแรงๆก็รู้สึกเจ็บนิดเดียว



ครบ7วันตัดไหมค่ะ ในรูปถึงแต่งหน้าก็ไม่เฉดดิ้งนะคะ พยายามยุ่งกับจมูกน้อยที่สุด เวลาคลีน
หน้าก็จะแรงไม่ได้ ดังนั้นถ้าแต่งหน้าเอาเบาๆพอค่ะ จะได้ไม่ระบมจมูกตอนล้างหน้า
ทำใจไว้นะคะตอนตัดไหมเจ็บประมาณนึงเลยค่ะ แต่ที่หูไม่เจ็บเท่าไหร่ค่ะ
คุณหมอนัดดู7วัน และ30วัน เพื่อตามผลการรักษาว่าเป็นอย่างไรบ้าง สงสัยอะไรก็ถามเลยค่ะ



ครบ15วัน หน้าสดให้ตลอดจะได้เห็นโครงจมูกชัดๆ ช่วงระหว่างทำจนเกือบครบ1เดือน
จมูก กับหน้าผากระหว่างคิ้วจะมันขึ้นมาก สิวเสี้ยนขึ้น ของเช่สิวอุดตันร่วมด้วย ล้างหน้าสะอาด
มากหรือเกลี้ยงมากแค่ไหน ความมันก็มาไว๊ไว ส่วนสิวอุดตันก็ใช้BHAรักษาค่ะ
ด้านขวายังยุบช้ากว่าด้านซ้าย สังเกตุได้จากด้านที่เปิดแผลยังไม่เท่ากัน ตึงๆมากกว่าอีกด้าน



มาดูมุมข้างบ้าง นี่คือรูปที่เรียงกันมาตั้งแต่จมุกธรรมชาติใสๆ ไม่แปลกใจที่เพื่อนเรียกแหมบ
หลังทำ7วันที่ไปรอตัดไหม และล่าสุดคือ1เดือน ยุบบวมไปมากสังเกตุจากหัวตา
โอเคมากนะคะสำหรับเช่ ครบ3เดือนถึงจะหายบวมเกือบ100% ต้องใจเย็นๆรอให้ร่างกาย
ฟื้นฟูสักพัก บางคนใจร้อนไม่ยุบสักที ลองคิดดูว่าเราเป็นแผลกว่าจะหายยังนานเลยใช่ไหม
นั่นแหล่ะค่ะ เราโดนแซะโพรงจมูก เนื้อเยื่อต้องมีบอบช้ำเป็นเรื่องปกติ 1ปีคือรัดแกนและลงตัวค่ะ



ทำไมถึงเลือกใช้กระดูกอ่อนหลังหูและซิลิโคนเกาหลี
1.เช่อยากได้จมูกที่เป็นธรรมชาติ นิ่มบิดได้แต่ก็คงไม่บิดเล่นหรอกค่ะ แต่เอาไว้เซฟตัวเอง
เผื่อเราโดนอะไรกระทบหน้า  หรือเผลอปัดหน้า จมูกเราจะได้ปลอดภัยหน่อย
2.เลือกทรงมาก็จริง พอเข้าห้องผ่าตัดสุดท้ายเช่เชื่อใจหมอ บอกว่าแล้วแต่คุณหมอจะปั้นให้ค่ะ
คุณหมอเลยบอกไม่ต้องเอาพุ่งมากดีกว่านะ เซฟตัวเองดีกว่า หลายเคสพุ่งเกินนานๆไปก็ทะลุ
และก็ต้องมาแก้ใหม่ทำใหม่ไม่ต่ำกว่า2รอบ บางทีรีวิวที่โด่งๆพุ่งๆ เราต้องแยกแยะให้ออก
คุณหมอเลือกทรงที่เข้ากับรูปหน้าเราดีที่สุดแล้วกัน แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
3.ที่ใช้กระดูกอ่อนหลังหูเพื่ออยากจะเซฟปลายให้เกิดการทะลุน้อยที่สุด เนื้อเยื่อเราเอง
เลือดก็จะมาหล่อเลี้ยงตรงนั้นจนกลายเป็นส่วนนึงของร่างกาย เป็นเทคนิคที่มีมานานแล้ว



เช่เลือกThe Klinique เพราะส่วนตัวที่ทำกับที่นี่ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทรีตเม้น/ปรับรูปหน้า
/ดูดไขมันที่แขน/ศัลยกรรม ลองกดรีวิวย้อนดูได้ค่ะ เลยไว้ใจมากๆ อีกอย่างคือได้คุยกับคุณหมอ
ที่เข้าใจเรา ให้คำปรึกษาดี และที่สำคัญเป็นศัลยแพทย์โดยตรง แต่บางที่ลองเชคดูคือไม่ใช่ก็มี
สุดท้ายขอให้ทุกคนโชคดีในการทำศัลยกรรม เลือกครั้งเดียวให้ใช่และชัวร์แบบเช่

ทุกวันนี้ชอบรูปหน้าตัวเองมากๆ ถ่ายมุมซ้ายมุมขวาได้หมด คือมีมิติขึ้นมากจริงๆ
โด่งแบบเป็นธรรมชาติเหมือนโด่งมาจากท้องพ่อท้องแม่มาเลย บางคนถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าทำมา
นึกว่าเราพอมีดั้งอยู่บ้าง ต้องรอดูยาวๆไปอีกพอรัดแกนแล้วจะขึ้นเป็นขอบซิลิโคนหรือไม่
เพราะตอนนี้1เดือนยังไม่ใช่ทรงที่แท้จริงของเค้า เป็นปีค่ะกว่าจะเข้าที่เข้าทรง ลุ้นไปยาวๆ
แต่ตอนนี้พอใจมากๆคิดไม่ผิดจริงๆ บทความนี้ยาวหน่อยแต่หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่
เคสเดียวกับเช่ที่ฉีีดฟิลเลอร์มา จะช่วยการตัดสินใจได้มากขึ้น ส่วนเรื่องราคานั้นสอบถาม
กับทางคลีนิกได้โดยตรงที่เพจ The Klinique  ได้โดยตรงจะดีกว่าเพราะในแต่ละเคส
ไม่ว่าจะเคสแก้หรือทำใหม่ จะมีราคาแตกต่างกันออกไปค่ะ ขอบคุณThe Kliniqueค่ะ




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2560 13:05:53 น.
Counter : 10658 Pageviews.  

Review : นวัตกรรมยกกระชับหน้า HIFU Therapy (High Intensity Focused Ultrasound)

สวัสดีค่ะ วันนี้เช่ขอมาอัพเดตเกี่ยวกับนวัตกรรมความงามใหม่ๆกันบ้าง หายไปนานมากกก
The Klinique HIFU Therapy หรือ High Intensity Focused Ultrasound
เป็นเทคโนโลยีใหม่จากประเทศฝรั่งเศสจร้า ทางThe Kliniqueได้เชิญให้เช่ไปลองทำดูค่ะ



การทำงานหลักๆคือ ปล่อยพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง 1,000ครั้ง/วินาที
และผู้เข้าการรักษาจะไม่รู้สึกเจ็บ รับรองมาตราฐานCE Medical Clearจากยุโรป
รับรองการนำเข้าจากองค์การอาหารและยาประเทศไทย ปลอดภัยแน่นอนล้านเปอร์เซนค่ะ



เช่มาทำที่The Klinique สาขาเซนทรัลปิ่นเกล้าค่ะ ส่วนให้คลีนิกนี้จะตกแต่งดีได้มาตราฐานค่ะ
เพราะเช่ไปมา3สาขาแล้ว และเคยรับบริการจากThe Klinique มา2ปีแล้วค่ะ



HIFU Therapy หรือเครื่องที่ทำก็คือ Sygma Lift ก่อนอื่นเราลองมาดูคุณสมบัติหลักๆก่อนค่ะ
 - กระตุ้นให้มีการจัดเรียงตัวใหม่ของเส้นใยคอลลาเจน ส่งเสริมกระบวนการผลิตเส้นใยคอลลาเจน
- กระตุ้นให้มีการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ช่วยเรื่องยกกระชับให้กับใบหน้า
หลัๆเลยคือลดริ้วรอย / ลดเหนียง / กรอบหน้า /ยกคิ้ว /ยกกระชับผิว / ลดไขมัน
ตัวนี้คุณสมบัติหลักๆเหมือน Ulthera ที่เช่เคยทำประมาณ2ปีที่แล้วเลย แต่แตกต่างอยู่ที่
ความรู้สึกขณะรับบริการ เดี๋ยวจะมาอธิบายเปรียบเทียบให้ฟังแบบชัดเจนไปเลยค่ะ



ขั้นตอนการทำHifu ไม่มีอะไรมากเลยสักนิด ไม่ต้องทายาชาก่อนด้วยซ้ำ ทาแค่เจลแล้วคุณหมอ
ก็ทำHifuให้เช่เลย ขณะทำเช่ไม่รู้สึกเจ็บ รู้สึกเหมือนมีเครื่องนวดหน้าแบบทำทรีตเม้นสบายๆ
แตกต่างจากอัลเทร่าคือ ตัวนั้นจะต้องทายาชาและรอ30นาที ตอนทำถ้าโดนช่วงคาง
หรือช่วงโหนกแก้มจะรู้สึกเจ็บ เพราะตรงนั้นมีมวลกระดูกหนาแน่น แต่Hifuไม่มีความเจ็บเลยค่ะ



เช่ทำรีวิวแบบคลิปVDOไว้ และถ่ายขณะตอนรับบริการไว้ด้วย ใครอยากดูรีวิวเต็มๆคลิกในคลิปได้เลย
ก่อนอื่นต้องบอกปัญหาของเช่ก่อน เหนียงเช่มีน้อย กรอบหน้าชัดอยู่แล้ว แต่กรามบานอันนั้นช่วย
ไม่ได้ต้องBotox เนื่องจากอายุเช่ยังไม่มาก พวกความหย่อนคล้อยยังไม่ถามหา แต่fatตรงโหนกแก้ม
มีอยู่มาก เวลายิ้มมากๆจะเป็นร่องตรงระหว่างจมูก คุณหมอเลยจัดการลดFatตรงโหนกแก้มค่ะ



Before - After หลังทำจะชัดเจนค่ะ เหมือนตอนอัลเทร่าก็ชัดเจนหลังทำเลยทันที
คือกรอบหน้าจะชัดขึ้นมาระดับนึง ร่องตรงข้างจมูกจะตื้นขึ้น ผลหลังทำ1เดือน
ค่อนข้างเป้นที่พอใจ เช่ไม่มีร่องตรงแก้มแล้ว กรอบหน้า คางชัดขึ้นมากๆ



ผลการรักษาอยู่ได้ต่อเนื่องอย่างน้อย6เดือน - 1ปี แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวและลักษณะปัญหา
ของแต่ละบุคคลค่ะ ทั้งนี้ต้องรักษาเพิ่มหรือทำซ้ำอีกได้ทุกๆ6สัปดาห์ และสามารถทำการรักษา
ได้3ครั้งภายใน1ปี แต่มีข้อห้ามคือต้องทำหลังจากฉีดBotoxอย่างน้อย6เดือน และหลังฉีด
Filler2-3เดือน หรือถ้าจะเข้ารับบริการจริงๆควรบอกคุณหมอให้ชัดเจนเลยว่าเราทำอะไรมาบ้าง

ขอบคุณทางThe Kliniqueที่เชิญเช่ไปลองนวัตกรรมความสวยความงามใหม่ๆ :) :)
สาวๆคนไหนสนใจลองสอบถามทางThe Kliniqueได้โดยตรงเลยค่ะ
www.theklinique.com
www.facebook.com/THEKLINIQUEinternational
instagram : @theklinique




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2557    
Last Update : 20 ตุลาคม 2557 21:10:25 น.
Counter : 32244 Pageviews.  

Review : เพ้นท์คิ้ว3มิติแบบนาโนเทคนิค และต่อขนตามิงค์สไตล์ญี่ปุ่นแบบเส้นต่อเส้น ร้านSmith&John

  สวัสดีค่ะสาวๆ วันนี้เช่จะมารีวิวเกี่ยวกับความสวยความงามที่เช่ได้มีโอกาสไปทำมาค่ะ
นั่นก็คือการเพ้นคิ้วนาโนเทคนิค และต่อขนตาสไตล์ญี่ปุ่นขนมิ้งค์ เช่เพิ่งเคยทำครั้งแรก
แบบว่าตื่นเต้นมากกกก เช่ทำกับร้าน Smith & John ที่ติดต่อมาให้เช่ลองไปทำดู
เช่เห็นว่ามันน่าสนใจมาก เพราะตอนแรกเช่มีความคิดที่ว่าเขียนคิ้วเอาดีกว่า ไม่อยากไปทำ
ณ ขะนั้นก็มีหลายเจ้าที่ติดต่อเช่เข้ามา แต่ก็ยังดูๆอยู่จนเช่เห็นผลงานร้านนี้ เลยตกลงทันที



ก่อนอื่นต้องออกตัวไว้ว่าเพราะเช่กลัวเป็นแบบคิ้วปลิง แข็งๆทื่อๆแบบที่เราเคยเห็น แต่พอร้าน
Smith & John ติดต่อเช่มาและให้เช่ดูผลงานของร้าน พร้อมทำกับคุณปุ๋มที่เป็นเจ้าของร้าน
และเป็นมือ1ที่ราคาแพงที่สุด จึงไม่ยากที่จะตัดสินใจ เพราะผลงานรีวิวเค้าสวยมากกกกก

ข้างบนนี่คือหน้าสดของเช่ เช่เดินทางไปถึงคลีนิกก็ถ่ายรูปเก็บไว้เลย แอบยิ้มปลื้มปริ่มว่า
ต่อไปนี้ถึงหน้าสดยังไงก็จะดูมีคิ้วแล้ว คนคิ้วหนาได้รูปคงไม่เข้าใจโมเม้นนี้จริงๆนะ5555



เอาหล่ะ เช่มัวแต่โม้มากเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
ขั้นตอนแรกคือ การเทสยาชาว่าเราแพ้ไหม โดยแปะไว้15นาที ถ้าไม่คันไม่ยุบยิบ ก็ถือว่าผ่านแล้ว
ขั้นตอนการออกแบบคิ้ว คุณปุ๋มถามเช่ว่าชอบแบบไหน บอกตรงๆเช่ไม่มีแบบไว้ในใจเลย
เช่ตั้งโจทย์ให้คุณปุ๋มว่า ปกติเช่เขียนความตามความโค้งแนวคิ้ว แต่เส้นคิ้วล่างจะตรงหน่อย แต่ยังไง
ก็แล้วแต่ เช่ให้คุณปุ๋มออกแบบคิ้วที่เข้ากับเช่ เหมาะกับรูปหน้าของเราดีที่สุดค่ะ เรียกได้ว่าเชื่อ
ฝีมือจริงๆ คุณปุ๋มวัดองศาอยู่สักพักใหญ่เลย เล่นเอานั่งแล้วเมื่อยนิดๆ แต่เพื่อความเป๊ะเราทนได้

หลังจากได้ลองวาดคิ้วที่โอเคได้รูปร่างที่เหมาะสมกับใบหน้าเรา ก็แปะยาชาที่คิ้วรอได้เลย30นาที
ระหว่างนี้ก็ไปต่อขนตาด้วย ขนตาที่เช่ต่อคือ " ขนมิงค์แบบเส้นต่อเส้น "



คือแบบเป็นเส้นต่อเส้นจริงๆ พิถีพิถันมากๆ ระหว่างต่อเช่จะรู้สึกจั๊กเดียมมากๆ อาจจะบ้าจี้เองด้วย
แต่ไม่เจ็บไม่ต้องเกร็งอะไรทั้งนั้น ตื่นมากระพริบขนตาสวยปริ๊งๆได้เลย ที่จริงมีต่อขนตาล่างด้วย
ตอนแรกบอกเลยว่าสนใจมากกกกก แต่พอขนตาบนเสร็จ เช่เลยขอไม่เอาขนตาล่างดีกว่า
เช่จั๊กจี้อ่า เพื่อนเช่มานั่งเฝ้าข้างๆเช่บีบแขนบีบมือเค้าตลอด จะขำก็ไม่ได้5555



หลังจากต่อขนตาเสร็จก็เริ่มการเพ้นคิ้วได้เลยค่ะ ตอนทำนั้นจะรู้สึกเหมือนโดนกันคิ้ว ไม่เจ็บค่ะ
แต่จะเจ็บตอนที่กดๆบนคิ้ว และป้ายยาชาซ้ำอีกรอบ โอ้โห! จะแสบนิดนึงประมาณไม่กี่วินาที
ก็ชาเหมือนเดิม คือทำมารู้สึกว่าแสบตอนคุณปุ๋มลงเส้นรอบแรกและป้ายยาชาแค่นั้นค่ะ

การเพ้นท์คิ้ว3มิติ แบบนาโนเทคนิค
ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่าเช่เป็นคนผิวแดงง่าย จากรีวิวคนอื่นไม่แดงเลย บางคนก็แดงบ้าง
เพราะโดนสัมผัสตลอดเวลา ดังนั้นความแดงหลังทำแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่แต่ละสภาพผิวค่ะ



ภาพที่1 ก่อนทำมุมคิ้วโก่งไม่เท่ากัน , คิ้วบาง , มีรอยแผลเป็นขีดเล็กๆซ้ายมือของภาพด้านล่าง
ภาพที่2 หลังทำลงรอบแรก จะให้เราเห็นเส้นว่ารูปคิ้วจะประมาณไหน และลงซ้ำอีกรอบ
จะได้ความเข้มมากกว่านี้ หลังทำเสร็จผิวจะแดงๆโดยรอบสักพักนึงค่ะ สามารถแต่งหน้าต่อได้เลย
ภาพที่3 หลังลงคิ้วรอบที่2จะเข้มประมาณนี้ วันถัดมารอยแดงจางหมดแล้ว แต่เห็นเป็นสะเก็ด
นูนๆบางๆเล็กๆแทน ระหว่างนี้ไม่ให้โดนน้ำและทาครีมที่ร้านให้มาอย่างเคร่งครัด
ภาพที่4 แค่วันที่5 สะเก็ดจะลอกเป็นแผ่นฟิล์มบางๆจนหมดทั้งคิ้ว กจะเห็นรูปคิ้วจริงๆของเรา
จะเห็นได้ว่าสีจางลงมาก เป็นธรรมชาติมากถึงมากที่สุด กลบรอยแผลเป็นได้ทันที
แต่รอเวลาอีก3เดือนต้องไปย้ำ ไปเติมอีกรอบ คุณปุ๋มบอกว่าจะสวยเป๊ะกว่านี้

ในรอบเติม สีจะเข้มขึ้นทรงจะสวยขึ้น  เนื่องจากรอบแรกอาจจะมีบางเส้นหลุดหรือจางไปบ้าง
โดยเฉพาะตรงรอยแผลเป็นกับตรงที่ไม่มีขนคิ้วขึ้น  อาจจะจางมากกว่าส่วนอื่น 
ในรอบเติมจะติดดีขึ้นต้องค่อยๆปรับแต่ง  จะเป็นธรรมชาติกว่าลงสีหนักไปเลย



ภาพนี้คือหลังทำเสร็จหมาดๆเลยค่ะ แอบแต่งหน้าแล้วมาถ่ายรูปกับคุณปุ๋ม หน้าเด็กมั่กๆ
หลังทำคิ้วยังแดงๆม่วงๆอยู่ แต่สัก3-4ช.ม.ก็หายแล้วค่ะ ใครจะทำวันนั้นทั้งวันควรมีเวลาว่างพัก
ในกรณีคนผิวแดงง่าย ต้องพักสักระยะนึงก่อนค่ะ



นี่คือภาพหลังทำเสร็จ2วัน เช่ต้องถ่ายงานต่อ ก็ไม่ได้รูสึกเป็นภาระอะไรเท่าไหร่ เพราะปกติ
เช่เขียนคิ้วเข้มอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องใช้อายแชโดว์เบลนตรงหัวคิ้วให้เนียนหน่อย
หลังจากทำคิ้วต่อขนตา เช่ต้องเปลี่ยนคลีนซิ่งแบบoil เป็นแบบWaterแทน เพราะถ้าเป็นแบบoil
หรือแบบที่มีแอลกอฮอลจะทำให้กาวหมดสภาพไวขึ้น เช่ใช้Biore และ L'orealแทนค่ะ



นี่คือวันที่3จะเห็นได้ว่าคิ้วแหว่งนิดๆเพราะบางจุดลอกบ้างแล้ว เช่ก็ไม่ได้เขียนคิ้วเลย
พอแต่งหน้าเสร็จแล้วก็ดูเนียนสวยใช้ได้ เพราะสีคิ้วเข้มๆแบบนี้คือเช่เขียนอยู่เป็นประจำ



เช่ขอตอบคำถามข้อข้องใจหลายๆคนค่ะทั้งเรื่องคิ้วและขนตา

- เพ้นท์คิ้ว3มิติ แบบนาโนเทคนิคคืออะไร? แตกต่างกับการเพ้นท์ธรรมดาหรือสักอย่างไร?
สีของนาโนพิกเม้นสีจะละเอียดกว่า ลายเส้นจะเล็กและละเอียดกว่า เมื่อเทียบกับการทำลักษณะ
อื่นๆ ผลลัพธ์ที่ได้เมื่อตกสะเก็ด สีนาโนจะเส้นเล็กคงที่ เพราะฉะนั้นจึงสามารถใส่ลายได้มากกว่า
หดตัวน้อยกว่า เป็นธรรมชาติมากกว่า ซึ่งสีปกติเวลาหลุดพิกเม้นสีจะหยาบกว่า แบบนาโน
สามารถใส่ได้ถึง120ขน/คิ้ว1ข้าง สีปกติจะใส่ได้60เส้น/คิ้ว1ข้าง

- ตอนทำเจ็บไหม? ระยะเวลาการทำนานรึเปล่า?
ตอนทำไม่เจ็บเพราะทายาชาเรียบร้อย แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่รู้สึกเลย เราจะรู้สึกเหมือนเราโดน
ใบมีดกันคิ้วค่ะ ครืดๆแบบนั้น ใครเคยกันคงนึกถึงอารมณ์ตอนนั้นออก หางคิ้วจะรู้สึกน้อย
แต่หัวคิ้วจะรู้สึกมากหน่อย และจะแสบอีกทีตอนที่เพ้นไปแล้วทายาชาอีกรอบ
ระยะเวลาการทำ ของเช่ต่อขนตาน่าจะครึ่งชั่วโมงจนถึง40นาที คิ้วจะ2ชั่วโมงกว่าๆได้เลยค่ะ

- หลังทำจะเป็นคิ้วปลิงไหม?

หลังทำทันทีคิ้วจะแดง หลังจากนั้นวันที่1วันที่2 คิ้วจะขึ้นสะเก็ดนูนๆเข้ม พยายามอย่าแกะ
รอให้ลอกเอง วันที่4จะรู้สึกว่าคิ้วด่างๆเราะลอกบางจุด วันที่5-6รับรองว่าลอกออกหมดคิ้วจะบาง
ลงเยอะ จนเหมือนขนคิ้วเราจริงๆ ย้อนดูภาพด้านบนได้เลยค่ะ

- ทำคิ้วแบบนี้อยู่ได้นานเท่าไหร่?
ทำรอบแรกแต่หลังจากนั้น3เดือนให้ไปย้ำสีอีกรอบ เส้นจะชัดขึ้น คราวนี้อยู่ได้ถึง 2-3 ปี
แต่ท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับการดูแล และสภาพผิวของแต่ละคนด้วยว่าจะทนได้มากน้อยเพียงใด

- ต่อขนตามา เวลาขนตาที่ต่อหลุดขนตาจริงจะหลุดไหม?
อยู่ได้นานแค่ไหน?
ขนตาจริงไม่หลุดค่ะถ้าเราไม่ไปมือบอนดึง ถ้าหลุดเองเวลาหลุดเราจะรู้เลยว่าขนตาปลอมหลุด
แต่เช่เคยทดสอบดึงขนตา หลุดตามค่ะ แต่ดึงนี่เจ็บเหมือนกัน ทุกวันนี้จะหลุดวันละเส้น2เส้น
ระยะเวลาอยู่ได้1เดือน เช่ยอมรับว่าสวยมาก เด้งมากที่สุด แต่ส่วนตัวเช่เช่คงไม่ต่ออีกแล้ว
เพราะเวลาติดขนตาปลอมค่อนข้างลำบาก เช่ชอบแต่งตาแรงๆเข้มๆ พอต่อขนตาการทำความ
สะอาดเป็นอะไรที่ยากและนานมาก ต่อขนตานี่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยแต่งตาหนักๆแรงๆค่ะ

- วิธีการดูแลหลังทำคิ้ว และต่อขนตา
1.คิ้วไม่ใช่ว่าพอเราทำถาวรปุ๊ปก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ควรเล็มขนคิ้วให้ได้รูป กันส่วนเกินของ
โครงคิ้วออกบ้าง ของเช่จะคอยเล็ม ๆ ตัด ๆ ให้ได้รุปเสมอ  3 เดือนดูแลทีค่ะ
เพราะถ้าเราไม่ตัดแต่ง  อาจจะทำให้ดูคิ้วไม่เท่ากันได้
2.ขนตาจะมีแปรงเฉพาะไว้แปรงขนตา ให้เปรียบเสมือนขนตาก็เหมือนผม ตื่นมาจะยุ่งเหยิง
กระจายกันไปหมด ต้องใช้แปรงค่อย ๆ ปัดขึ้นให้ได้รูป และเปลี่ยนใช้คลีนซิ่ง water แทนนะคะ
อย่าปัดมาสคาร่าจะดีที่สุดเพราะเวลาล้าง อาจจะดึงขนตาที่ต่อหลุดออกมาได้



นี่คือล่าสุดเมื่อวานเช่ออกงานได้เเล้ว แต่งหน้าตามปกติแต่เขียนคิ้วให้เข้มขึ้นเท่านั้น
โดยรวมถามว่าเช่ชอบไหม ชอบมากกกกกกก เพราะได้ตามที่เช่คิดไว้คือเป็นธรรมชาติ
ล้างหน้าสดก็ออกมาเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่คนเขียนคิ้วแต่งหน้าอยู่ตลอดเวลาทั้งยามหลับยามตื่น
เวลาเช่ต้องการความเป๊ะเช่จะเขียนย้ำเองอีกทีให้ดูเนี๊ยบ นี่คือความต้องการของเช่เองค่ะ
กระทู้นี้ยาวหน่อยแต่เช่หวังว่าจะครอบคลุมทุกอย่าง และเป็นประโยชน์ให้คนที่ตัดสินใจอยู่ค่ะ
...........................

โปรโมชั่นคิ้ว3มิติ Smith&John

ทีมงานจูเนียร์  9,000บาท (ปกติ12,000บาท)
ทีมงานซีเนียร์ 15,000บาท (ปกติ18,000บาท)
นาโนเทคนิค คุณปุ๋ม(เจ้าของร้าน) 30,000บาท
มีบริการเติมฟรี1ครั้ง ราคาแตกต่างกันตามประสบการณ์และความชำนาญของช่าง

ต่อขนมิงค์แท้100% เบาสบายเหมือนขนตาจริง
 ขนตาบน ราคา 1,900 บาท
ขนตาล่าง 900 บาท
ขนตาบน ล่าง 2,700 บาท

สถานที่รับบริการ Smith & John สถานนีรถไฟฟ้าBTSวงเวียนใหญ่ทางออกที่1
ฝั่งมุ่งหน้าขึ้นสะพานสาทร เดิอนเลยมานิดเดียวจะเห็นตึกใหญ่อยู่ติดถนนใหญ่ค่ะ
www.facebook.com/3deyebrows

www.threedeyebrow.com
02-862-1221 , 086-5454-111
Line ID : wimmypummy

.....................................................................

ใครจะคิดทำคิ้วควรดูผลงานที่ผ่านมาของร้านด้วยค่ะ คิ้วคือกรอบของหน้า และยิ่งทำอะไรที่มันถาวร
ควรศึกษาให้มาก ๆ เพราะถ้าไม่ถูกใจจะมาแก้นี่ลำบาก  ที่ทราบมาบางรายแก้เป็นปี
ตัวอย่างที่พลาดมีให้เห็นเยอะแยะตามเน็ต ขนาดเช่มีสปอนเซอร์เข้ามาหลายที่ เช่เองก็ยังต้องศึกษา
แต่ละที่ให้มาก ๆ ว่าผลงานของร้านเค้าเป็นอย่างไร คนรีวิวเยอะไหม ประสบการณ์มีแค่ไหน
ถ้าเป็นร้านเปิดใหม่ หรือช่างที่ไม่มีฝีมือเช่ก็ไม่อยากทำ แต่ถ้าเรามั่นใจในคุณภาพของร้านแล้ว
ก็ทำไปเลย เพื่อความเป๊ะและง่ายกับชีวิตเรา วันนี้ไปแล้วค่ะไว้ครั้งหน้ามีอะไรใหม่ๆมาอัพเดต
จะมารีวิวกันใหม่นะคะ ขอบคุณSmith & Johnค่ะ




 

Create Date : 25 กันยายน 2557    
Last Update : 25 กันยายน 2557 23:15:39 น.
Counter : 7979 Pageviews.  

Review : เลเซอร์ขนขาถาวร ด้วยTSK Laser จากDoctor Younger Clinic

 สวัสดีค่ะสาวๆชาวblog นี่เป็นอีกบล็อกนึงของเช่ที่ใช้ระยะเวลาการดูผลนานที่สุด รวมแล้ว
หลายเดือนจนเกือบจะครึ่งปีเลยทีเดียว แต่ไม่ลืมที่จะมาเขียนBlogแน่นอน เพราะตื่นเต้นมากๆ
คอยดูผลอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่สุด นั่นก็คือการเลเซอร์ขนขาถาวรนั่นเอง เช่ได้รับสปอนเซอร์
จากทางDoctor Younger Clinic ขอกราบงามๆ3ทีเพราะเปลี่ยนชีวิตเช่ไปเลยจริงๆ
กว่าจะเขียนรีวิวออกมาได้ต้องใช้เวลาดูผลสักพักใหญ่เลย จนปัจจุบันเช่สามารถรวบรวมรีวิวได้แล้ว



มาดูภาพBeforeก่อนที่จะยิงเลเซอร์ พอมาดูรูปรับไม่ได้อย่างแรง ลืมโมเม้นแบบนี้ไปแล้วจริงๆ
สภาพก่อนทำคือ ในรูปเช่โกนขนมาแล้วนะคะก่อนหน้านั้นใช้วิธีการกำจัดขนโดยการถอนบ้าง
โกนบ้าง ทำให้เห็นปัญหาได้ชัดว่ามีทั้งรอยอักเสบของรูขุมขน ขนคุด สารพัดจะนึกออก
แต่ก่อนต้องถอนบ่อยๆ ถ้ามีรอยแดงก็ต้องเอารองพื้นหรือBBมาทาบริเวณน่อง ใครไม่เจอแบบเช่
ไม่เข้าใจแน่นอน ว่ามันรู้สึกแย่มากแค่ไหน ขนทั้งแข็งทั้งยาวทั้งเป็นตอ เครียดค่ะ!



ส่วนช่วงบริเวณขาอ่อนจะขนไม่แข็งมาก แต่ยาวเห็นได้ชัด จะโกนก็ไม่กล้ากลัวเป็นเส้นแข็งๆ
แบบบริเวณน่อง เลยต้องปล่อยให้ยาวแบบนี้ไป ใครเป็นผู้หญิงขนเยอะแบบเช่คงเข้าใจกันดี
เช่อิจฉาคนที่ไม่ค่อยมีขนขาสุดๆ จนDoctor Younger Clinicติดต่อเช่เข้ามา ดีใจน้ำตาไหล



เรามาเริ่มขั้นตอนการเลเซอร์กันเลยค่ะ แอบตื่นเต้นเบาๆในครั้งแรก เช่ต้องไปคลีนิกก่อนเวลานัด
สักชั่วโมงนึง เพื่อทำการโกนขนขาและแปะยาชา หรือจะไม่เลือกแปะก็ได้ แต่เช่แนะนำให้แปะ
เพราะยังไงก็ยังคงช่วยทุเลาความเจ็บได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ซึ่งเช่อ่านมามีแต่คนบอกเจ็บTT



ก็เลยปรึกษาคุณหมอ คุณหมอบอกเจ็บหน่อยนะคะ เพราะขนเราเส้นใหญ่แข็งมากๆ ใจแป้วไปแล้ว
ตอนนั้น5555 แต่ยังไงก็จะทำต่อไปเจ็บไม่กลัว กลัวไม่สวยมากกว่า ระหว่างนั้นแปะยาชาเช่ก็
หลับไปเลย จนพี่ๆพนักงานมาเรียก โอ้ยยย ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเลยตอนนั้น



นี่ก็เป็นเครื่องทำเลเซอร์ ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่เช่เลเซอร์ขนรักแร้ คุณหมอก็ตรวจดูเส้นขนเรา
มาเริ่มกระบวนการเลยค่ะ เช่จะอธิบายขั้นตอนการทำครั้งแรกให้อย่างละเอียดเลยนะคะ

- ขั้นตอนแรกคุณหมอจะมีทั้งเจลเย็น และลมเป่าที่ช่วยคลายความเจ็บของการยิงเลเซอร์
อย่างที่บอกไว้ข้างต้น เช่ขนหนาเป็นตอ ดังนั้นต้องเจ็บและอดทนนิดนึง

- คุณหมอจะยิงช่วงบริเวณน่องด้านหน้า และขาอ่อนด้านหน้า ซ้ายขวาสลับกัน จากนั้นถึงพลิกตัว
นอนคว่ำ เพื่อยิงตามแนวแบบเดิมด้านหลัง ทั้งบริเวณน่องและขาอ่อนด้านบนของเรา

- ระหว่างยิงเลเซอร์ก็จะมีเจลเย็นทาและเป่าลมตลอด ซึ่งเช่บอกไว้เลยว่าช่วงน่องเช่เจ็บมาก
เจ็บน้ำตาไหล เจ็บจะร้องไห้ แต่ช่วงบริเวณขาอ่อนที่ขนเส้นบาง ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่
จะเจ็บสุดๆช่วงขนที่เป็นตอแข็งๆ เกือบจะทนไม่ไหวแต่สุดท้ายก็ผ่านมาจนได้

อย่างที่เช่บอกไว้ว่าครั้งแรกยิงเจ็บมาก แต่ครั้งที่2มายิงไม่เจ็บมากเท่าครั้งแรกค่ะ เพราะขนเรา
เส้นเล็กและบางลง ครั้ง2เช่เตรียมใจมาเยอะว่าเจ็บเท่าเดิม แต่ก็เจ็บน้อยกว่าที่คิดมาก ชิวๆเลย



หลังการยิงเซอร์จะพบว่ามีตุ่มขึ้นมาแบบนี้ ซึ่งคุณหมอก็บอกก่อนเเล้วว่าไม่ต้องกลัว ไม่นานก็ยุบ
เป็นปฎิกริยาของเลเซอร์ที่กระทบต่อรูขุมขน เช่นั่นรอสักพักประมาณชั่วโมงนึงตุ่มก็ยุบ
จนกลับมาถึงห้องก็หายไปเองดังภาพ ทางคลีนิกจะมียามาให้ทาควบคู่ไปด้วย ตุ่มหลังยิงเลเซอร์
แบบนี้เกิดขึ้นทั้งการยิงรอบแรก และรอบ2ก็มีเช่นเดียวกัน แต่สักพักก็ยุบเช่นเดียวกันค่ะ



ผลหลังทำรอบที่1 : หลังทำเสร็จขนจะหายไป แต่บางที่ก็เป็นตอๆ ห้ามดึงค่ะเพราะเดี๋ยวรากโคน
จะหลุดออกไป ต้องใช้วิธีการโกนเอา หลังจากนั้นขนไม่ขึ้นเลยมานานมาก เป็นเดือนๆกว่าจะงอกออกมาแต่ขนที่งอกออกมามันไม่เหมือนเดิมค่ะ เส้นเล็กกว่าเดิมไม่มาก แต่ไม่คุดไม่อักเสบ

ผลหลังทำรอบที่2 :
รอบนี้ขนยิ่งขึ้นน้อยและช้ากว่าเดิมมาก เฉลี่ยโกนแค่เดือนละครั้ง และบางส่วน
ขนก็ขึ้น บางส่วนขนก็ไม่ขึ้น เป็นขนอ่อนๆบ้าง ทำแค่รอบ2ได้ขนาดนี้เช่ก็ปลื้มใจมากๆแล้ว

วิธีการดูแล : หลังทำคุณหมอแนะนำว่าสัปดาห์แรกให้หลบแดดนิดนึง และใช้วิธีการโกนขน
เอาถ้าขนขึ้นมาใหม่ อย่าถอนอย่าแวกซ์ และทายาที่คลีนิกให้จนหมด



ปัจจุบันขาเนียนมาก ขนขึ้นมาน้อยและบางกว่าเดิมมาก ไม่มีขนแล้วชีวิตสะดวกสบายสุดๆ
ใส่ขาสั้นไปงาน ใส่เดรสโชว์ขาได้อย่างมั่นใจไม่ต้องกังวล เวลาลูบขาก็เนียนมากกกก
ลืมขาเก่าๆไปเลยที่มีทั้งขนคุด อักเสบ ตอหนาๆ ตอนนี้ฟินมากบอกเลย



แต่ก็ไม่ใช่ว่าขนจะหายไปถาวรเลยนะคะ ถ้าจะให้หายไปถาวรต้องยิงต่อเนื่องสัก7ครั้งตามครอส
คุณหมอบอกว่าขนก็จะหายและไม่ขึ้นมาเป็นปี ขึ้นมาใหม่ขนก็จะเป็นขนอ่อนๆเนียนๆ
แต่เช่เพิ่งทำมาแค่2รอบเท่านั้น ระยะเวลาของขนที่ขึ้นใหม่ก็สักเดือน-2เดือนจึงไปยิงซ้ำอีกรอบ
...............................................................


Review : กำจัดขนรักแร้ถาวร ด้วยเครื่องTKS Laser by Doctor Younger Clinic
ส่วนใครอยากดูเลเซอร์ขนรักแร้ คลิกเข้าไปดูได้ที่ลิ้งเลยค่ะ ตอนนี้เช่ทำมารอบที่3แล้ว
ขนที่ขึ้นเป็นขนอ่อนมากๆ ไม่สังเกตุจริงๆก็จะไม่เห็น สบายตัวมากๆ ไว้ถ้าเช่ทำมาอีก
จะอัพเดตให้กันเรื่อยๆที่แฟนเพจporscherta นะคะ ใครสนใจครอสเลเซอร์ สามารถดูรายละเอียด
และสอบถามจากทางคลีนิกด้านล่างได้เลยค่ะ

** ข่าวดีสำหรับBlogเช่ ** เพียงแค่บอกว่ามาจาก Blog Porscherta
ทางDoctor Younger ใจดีให้ส่วนลด50% ติดต่อทางคลีนิกได้โดยตรงเลยค่ะ

Call Center 02-261-3697-8




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2557 12:08:06 น.
Counter : 13175 Pageviews.  

Review : ครีมเปลี่ยนสีผมMilbon โดยBalance By Nut

  สวัสดีค่ะสาวๆ วันนี้เช่ขอมาเปิดโหมดรีวิวสีผมครั้งแรก เนื่องจากไม่เคยรีวิวเรื่องเกี่ยวกับผมเลย
เช่ได้รับเชิญจากทางคุณนัท ร้านซาลอนBalance By Nut ซึ่งอยากให้ทดลองเปลี่ยนสีผมโดยมี
ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากทางญี่ปุ่นให้เช่ทดลอง Milbon เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่ใช้
กันอย่างแพร่หลายในซาลอนญี่ปุ่น ตอนแรกเช่ก็ไม่ทราบข้อมูลจนได้ไปอ่านของบล็อกเกอร์ท่านอื่น
ก็คือพี่แป้ง Kirarista เลยรู้สึกว่าน่าทดลองใช้มากๆ เลยเซย์เยสนัดคิวกันเลยจร้า 



ดูภาพBeforeกันก่อน หัวด่างมากกกก เกริ่นประวัติทำผมของตัวเองนิดนึง เช่เคยกัดสีผมตัวเอง
1ครั้ง ปัจจุบันก็อยู่ช่วงปลายๆผม เพราะเช่เลี้ยงยาวและตัดออกตลอด เนื่องจากผมเสียแห้ง
พันกันยุ่งเหยิง จากนั้นก็เปลี่ยนสีโดยใช้โฟมเปลี่ยนสีทำเองนี่แหล่ะค่ะ จนหลังๆขี้เกียจทำเลยปล่อย
ให้เลยตามเลย พี่นัทคงสงสาร555 กวักมือเรียกมาทำสวยกันเถอะหนู ;) ผมด่างๆมันไม่สวยเท่าไหร่
ดูภาพAfter ผมสวยสม่ำเสมอมีมิติกว่ากันเยอะค่ะ กรี๊ดร้องมากกกก เลยรีบเขียนรีวิวเร็วที่สุดดีกว่า 



มาถึงร้านซาลอนBalance by Nut อยู่ต้นซอยนวลจันทร์ เป็นตึกกว้าง ร้านอยู่ชั้น2 ตกแต่งได้เรียบ
หรูดีมากๆค่ะ วัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างดีมาก ร้านนี้ไม่เปิดwalk inนะคะ ต้องจองคิวกันก่อน
082-442-3242 (watsapp&SMS ไม่สะดวกรับโทรศัพท์) หรือจะดูคิวว่างในแฟนเพจเค้าก็ได้
ซึ่งรออย่างต่ำก็เดือนนึง เผลอๆมีคิวว่าง เช่ก็งงอะไรจะขนาดนั้น พอได้ทำและทราบถึงวัตถุประสงค์
ของทางร้านว่า ต้องการที่จะใส่ใจรายละเอียด ดูแลเส้นผมทุกคน และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับ
แต่ละสภาพเส้นผม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ร้านนี้เช่ให้นิยามเองว่าเน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณค่ะ


มาถึงร้านปุ๊ปเราก็มาดูชาร์ตสีผมของMilbonกันเลย ตอนแรกพี่นัทจะทำโทนสีAshให้เช่ แต่เช่
แอบงอแงอยากได้โทนน้ำตาลแดงผสมชมพู เพราะโทนแอชแต่ก่อนก็ทำบ่อย อยากลองเปลี่ยน
พี่นัทก็โอเคค่ะ เลือกมาผสมได้2สีดังในรูป โดยทำการจูนนิ่งสีให้ได้ระดับ11-12 แต่สีผมจะไม่เป็น
ตามแบบชาร์ตสีเป๊ะๆ เพราะสีนั้นคือต้องฟอกขาวมากๆ ผิดคอนเซปในการทำครั้งนี้ 
ซึ่งทำครั้งนี้มีกฏคือ จะไม่มีการฟอกหรือกัดสีให้ด่างให้ขาว เพราะอยากคงไว้ซึ่งสุขภาพผมที่ดี 
พี่นัทบอกเช่ว่าผมเสียเพราะกัดสีไม่น่าพิศมัยนัก และยังใช้เวลาดูแลอีกนานกว่าจะดีแบบเดิม
 เช่เลยโอเครอบนี้เน้นตามคอนเซปMilbon ที่เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอย่างดี เพื่อสุขภาพผมที่ดี
และต้องเสียน้อยที่สุด ฟังแล้วรู้สึกดีมากๆ เลยอยากรู้ว่าผมเป็นยังไงกันนะหลังทำสี
โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีชื่อว่า ORDEVE อยู่ในเครือMilbonเช่นกันค่ะ



เตียงสระนุ่มสบายมั่ก ครั้งนี้มีบล็อกเกอร์สาวสวย พี่โบว์ Bowy06 คุณแม่ลูกสองที่ยังเช้งอยู่
และพี่เอ้ แต่ละคนก็ได้คนละโทนสีแตกต่างกันไปค่ะ มาดูขั้นตอนกันเลยดีกว่า



พี่นัททำการจูนนิ่งสีผมเช่ คือการปรับสีผมให้สว่างขึ้นโดยไม่ใช้ผงฟอก จะใช้สีเบอร์พิเศษในการปรับ
ไฮโดรเจนจะไม่เกิน6% และมีข้อจำกัดคือความสว่างไม่เกินLevel 12 ข้อดีคือผมไม่เสีย โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งสำหรับคนที่ผมติดสีง่ายอยู่แล้ว จะได้ผลคล้ายการฟอกสามารถลงสีที่ต้องการได้โดยตรง
ไม่ต้องใช้ผงฟอกให้ผมเปื่อยและเสียไปเปล่าๆ เช่เริ่มจูนนิ่งช่วงโคนที่ดำก่อน เนื่องจากตรงปลาย
ผมสว่างมากอยู่แล้ว แต่ตรงโคนนี่สิ่เป็นปัญหา เพราะสีผมเข้มชัดเจน ต้องทำให้สม่ำเสมอกัน



ทำการจูนนิ่งทั่วโคนผมส่วนปลายผมทิ้งไว้ก่อนรอทำรอบ2ค่ะ  เห็นชัดเจนว่าโทนสีต่างกันมาก
เช่เลยทำนานกว่าคนอื่นนิดหน่อย ตอนที่ทำมีที่ครอบหูให้ ไม่มีกลิ่นรบกวนหรือฉุนจมูกเลยจริงๆ 



ผลออกมาละค่ะ รอบ1ปรับได้สว่างเล็กน้อย ลงรอบ2เลยทันที แต่ครั้งนี้เพิ่มปลายผมไปด้วยค่ะ



ผลการจูนนิ่งรอบ2ออกมาแล้ว โดยรวมสม่ำเสมอกันทั้งหัว มีช่วงปอยบางปอยดูสว่างกว่า
พี่นัทบอกว่าพอทำสีออกมาจะดูเป็นลูกเล่นตอนม้วนผม ให้เช่รอดูหลังทำสีดีกว่า



มาถึงขั้นตอนการลงสี ลง2รอบเช่นกันเนื่องจากผมเยอะจัดหนาด้วย ขนาดพี่นัทตัดออกไปเล็กน้อย
ผมก็ยังหนาอยู่  ผลออกมาชัดเจนเลยตอนผมเปียกว่าหัวแดงเชียว จะบอกว่าไม่มีกลิ่นฉุนเลย
ปกติใครเปลี่ยนสีผมเอง จะรู้เลยนะคะว่ากลิ่นฉุนมากกกก ยิ่งทำวันแรกๆกลิ่นยังติดที่ผม
แต่ของเช่ไม่มีกลิ่น แถมหลังทำกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย หลังจากทำสีผมเสร็จสระแล้วทำทรีตเม้นเลยค่ะ



ทำทรีตเม้นผมด้วย แล้วก็ไดร์ เซ็ทจัดทรง โดยมีพี่บีมืเซ็ทของเช่ ม้วนผมเซ็ทผมพองดีมาก 
โดยที่เช่บอกเลยว่าผยากได้โคนพองนิดๆ ผมช่วงหน้าม้วนออกแต่ปิดโกนกแก้มบลาๆๆๆๆๆ
พี่บีทำออกมาได้สวยเป๊ะมาก ปกติเช่ม้วนผมเองเพราะเคยเจอช่างม้วนผมถ่ายงานให้โคตรแย่
เข็ดเลยจริงๆนะ แต่ครั้งนี้โดนในสุดๆค่ะ ขอบคุณพี่บีที่ทำออกมาตอบโจทย์แบบที่เช่ต้องการเป๊ะๆ



เสร็จแล้วค่ะ ใช้เวลาตั้งแต่ช่วงเที่ยงถึงเย็นๆเลย ดีที่ร้านมีไฟสตูดิโอด้วย เช่เลยขอมาเซ็ทถ่ายภาพ
กันดีกว่า เห็นช่วงปอยผมที่เช่บอกว่าก่อนลงมีมันสว่างกว่าไหมคะ พอหลังทำเสร็จมันเป็นลูกเล่น
ให้จริงๆด้วย บางปอยผมจะสว่างเวลาม้วนผม มันทำให้ดูมีิติมากขึ้น ไม่ใช่สีแบบทื่อๆ



ผมเงามากสะท้อนไฟเหมือนผมด่าง แต่ของจริงไม่ด่างนะคะสม่ำเสมอ เพียงแต่สะท้อนได้หลายโทน
เป็นประกายสีต่างๆ เทียบกับภาพBeforeชัดเจนเลย ผมด่างอันนั้นคืออัลไล!!!!!!!



ไฟในร้านจะอมเหลือง แต่พอจัดไฟสตุออกมาพอดีลงตัว สีผมยิ่งโดนไฟก็จะมีประกายออกมา
ไม่เหมือนกัน ชมพูบ้าง อมฟ้าหน่อยๆ ในที่ร่มก็จะอีกสีนึง ออกแดดได้แสงธรรมชาติก็อีกสีนึง



อย่าลืมแช๊ะ!รูปคู่กับช่างคนสวย,พี่บีมือเซ็ทและผลิตภัณฑ์Milbonด้วยค่ะ สนุกสนานจริงๆวันนี้



หลังทำมาจากร้าน แน่นอนว่าทุกร้านจะไดร์จะม้วนให้เงางามอยู่ทรงนิ่มลื่น เราอยากรู้สภาพผม
จริงๆต้องมาสระและปล่อยแห้งที่บ้านจะรู้เลยว่าผมจริงๆเป็นยังไง ประกฏว่ามันแทบจะไม่แห้งเลย
รู้สึกปกติมากกก พี่นัทบอกว่ายังไงเป็นสารเคมีก็ต้องแห้งต้องเสีย แต่จะหลีกเลี่ยงให้แห้งน้อยที่สุด
ราคาปกติของการทำสีผมร้านนี้จะอยู่ที่ประมาณ3,500 เช่ผมยาวหนา จูนนิ่งสีสองรอบกว่าสีจะเท่ากันทั้งหัว ราคาจะสูงกว่าที่บอกนิดนึง แต่ไม่เกิน5พันบาท แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับสภาพผมและผลิตภัณฑ์ด้วยนะคะ ซึ่งรวมทรีตเม้นเซ็ตผมเรียบร้อยหมดแล้ว ใครสนใจลองถามทางร้านดูค่ะ 



ภาพแรกคือหลังสระ1วัน ภาพ2ประมาณวันที่3 ส่วนภาพ3คือหลังทำมาได้8วัน 
ไม่ได้ออยหรือมูสอะไรดัดผม สีแทบจะคงที่ตลอด ทุกครั้งที่สระผมน้ำจะเป็นสีชมพูอ่อนๆ หลังทำ
ทางร้านให้ทรีตเม้นมา4หลอด เช่ใช้หลอดเดียว และจะทยอยใช้ครบเดือน  ผมตอนนี้ก็รู้สึก
เหมือนเดิมแห้งปลายนิดๆ ซึ่งก่อนทำสีก็แห้ง ส่วนช่วงโคนผมยังปกติดี โอเคมากๆเลยสำหรับ
การทำสีผมครั้งแรกแล้วได้ถูกใจแบบนี้ ขอบคุณMilbonและBalance by Nut ค่ะ :)




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2556    
Last Update : 5 ธันวาคม 2556 10:59:55 น.
Counter : 15985 Pageviews.  

1  2  

porscherta
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Hits Since December 8, 2010!

Free Hit Counter by Pliner.Net
Friends' blogs
[Add porscherta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.