Group Blog |
ฮ่องกง
เราเป็นสาวลุยอยุ่แล้ว พอโบนัสออกก้วางแผนกะเพื่อนซี้ว่าจะไปฮ่องกงกันเอง ทั้งๆที่เรา 2 คนไม่เคยเดินทางออกไปนอกประเทศเลย และภาษาก้แค่ถูๆไถๆ และเพื่อนซี้เรานี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ซึ่งจริงๆแล้วเราอยากไปเกาหลีกัน แต่เราได้ศึกษาข้อมูลมาค่อนข้างพอสมควรแล้วว่า การที่ผู้ญเดินทางลำพัง ภาษายังไม่แน่นพอและไม่เคยไปต่างประเทศเลยอาจมีสิทธิ์โดน ตม. ส่งกลับ และจะเสียค่าตั๋วเดินทางฟรีด้วย พวกเราเลยวางแผนใหม่ตัดสินใจว่าจะไปฮ่องกงหรือสิงค์โปรดี ก็ศึกษาข้อมูลเพิ่มอีก คนส่วนใหญ่บอกว่าสิงค์โปรไม่มีอะไรเลย เราเลยตัดสินใจไปฮ่องกงแทนละกันเพื่อให้พาสปอร์ตไม่ว่าง เพื่อนที่เคยเดินทางก้มาเป่าหูว่า มีของน่าซื้อเยอะมาก แต่เราก็ไม่ได้สนใจคำที่เพื่อนพูดเลย เพราะไม่ได้คิดอยากไปช๊อปปิ้ง แค่อยากให้พาสปอร์ตมีการเดินทางเท่านั้นเอง ก้เลยจัดการจองตั๋วและหาโรงแรมโดยให้ทัวร์จัดการ แต่เราไม่ได้ซื้อทัวร์นะ เราแค่ให้เค้าหาที่พักและตั๋วเดินทางไป-กลับให้ สำหรับการเดินทาง 3 วัน 2 คืน แต่ก็ได้เป็นซิตี้ทัวร์มา รวมภาษีสนามบินทั้งไทย-ฮ่องกงเรียบร้อย รวมเบ็ดเสร็จก็ประมาณ 12000 บาท และยังแถมได้นั่งกระเช้านองปิงฟรีด้วย คุ้มจริงๆ เราไม่ได้สนใจดิสนีย์แลนด์เพราะว่าโตแล้ว จะให้ไปขลุกกับสวนสนุกทั้งวันคงไม่ไหว หมดวัยแล้ว เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าเพราะเวลามีน้อย เราสองคนเดินทางไปถึงฮ่องกงประมาร 5 โมงเย็น และนั่งรถมาที่โรงแรมชุงถิงอยุ่แถวถนนนาธาน ที่ๆเราพักจะมีคนไทยพักด้วย เป็นกลุ่มผู้ชายอายุคงไล่เลี่ยกะเราอะ แต่ระหว่างนั่งรถก็แอบได้ยินเค้าคุยตลอดทางเลย (เพราะเรานั่งหน้าเค้า)คือมีเพื่อนชายคนนึงเค้าคงเดินทางมาบ่อยอะก็ค่อนข้างรุ้เส้นทางการเดินทางดีโดยไม่ต้องพึ่งทัวร์ (อยากไปกะมันวุ้ย จะได้ไม่หลง...อิอิ) เราก้ได้พักชั้นเดียวกะ 3 นายนั้น เราก็ได้ยืมหม้อแปลงเพื่อนมาด้วย ซึ่งหนักมากเกือบโลเห็นจะได้ ปรากฎว่าใช้การไม่ได้เลย เซ็งชะมัด แบกมาหนักก็หนักอะ และก็ต้องสติแตกเพราะว่าอุปกรณ์ทุกอย่างทั้ง มือถือ กล้องวิดีโอและกล้องดิจิตอลก็พร้อมใจกันแบตหมดซะงั้น เราเลยตัดสินใจออกไปดูห้องผู้ชาย 3 คนนั้นว่าพักอยุ่ห้องอารัย เพราะเค้าจะอยุ๋คนละมุมกะห้องเราเลย พอออกไปดู ดันเอ๋อจำเบอร์ห้องมาผิดอีก แต่โทรไปก็เป็นชายไทยรับสายนะ เราเลยบอกไปว่า เธอจำเราได้ไหมที่นั่งรถมาพร้อมกันน่ะ อีตานั้นก็ดันบอกว่าไม่รู้เรื่องแถมวางสายเราไปเฉยเลย เราก็อ้าว.... (เป็นคยไทยด้วยกันแท้ๆ แต่ไม่ช่วยกันเล้ยยย สงสัยคงจะเอาภรรยามาด้วย คงกลัวเข้าใจผิดอะ ) ก็เลยออกไปดูใหม่ ที่แท้เราจำเบอร์ห้องผิด ก็โทรไปใหม่ ค่อยยังชั่วถูกคนซะที เค้าก็แนะนำเราก็เลยถึงบางอ้อเพราะมันมีปลั๊กอยุ่ในห้องน้ำ แต่เราต้องไปหาซื้อเต้าเสียบมาใหม่อะ คืนนั้นเราก็ออกมาเดินเล่นถ่ายรุปกะเพื่อน เดินไปเรื่อยๆก็เจอแหล่งช๊อปปิ้งยามค่ำคืน เหมือนตะวันนา-สะพานพุธบ้านเราเลย วันแรกก็สูบเงินเราไปซะแล้ว และก็มานั่งโซ้ยบะหมี่ข้างทางกัน ราคา 10 เหรียญ เราสั่งมา 3 ชาม แต่กินเส้นกันไม่หมดหรอกเพราะมันเยอะมาก ชามก็ใหญ่ซ้า ก็กินเเต่เกี๊ยว ระหว่างโซ้ยบะหมี่เกี๊ยวน้ำ ก็เจอชาย 2 คนนั่งข้างโต๊ะเรา ตอนแรกเราคิดว่าคนญี่ปุ่น ที่ไหนได้ เป็นคนไทย ก็เลยทักทายกัน เค้าบอกว่าเค้ามาอยุ่ได้อาทิตย์นึงแล้ว (เราอยากอยุ่นานๆแบบนี้บ้างจัง แต่ต้องหาที่พักแบบถูกๆเพื่อเซพค่าใช้จ่าย) ออ วิธีการสั่งอาหารของพวกเราคือ เราจะต้องเข้าร้านที่มีรุปภาพประกอบด้วยเท่านั้น แล้วก็ชี้ๆที่เราต้องการกิน เพราะบางร้านคนแก่เค้าจะพูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้เลย และคนจีนพูดก็ฟังเข้าใจยากมาก กว่าจะสั่งอาหารและเครื่องดื่มได้เหนื่อยชะมัด แต่สนุกดี มีครั้งนึงเพื่อนสั่งชานม เค้าก็ถามว่า ฮอกออโค เราก้งงโคตร อารัยวะ ฮอกออโค ก็นั่งนิ่งกันได้สัก 10 วินาที เพื่อนเรามันเก็ทก่อนบอกว่าโคล ที่แท้ก็หมายถึงว่า hot or cold เราละนับถือมันจิงๆที่เข้าใจเราละเอ๋อกับการฟังคนจีนพูด เพื่อนเรานะจะชอบกินชานมมาก อยุ่ 3 วัน ชีกินมันทุกมื้อ น้ำเปล่าแทบไม่ได้แตะ ที่นี่ชาจะมีรสหอมของกลิ่นชา ไม่เหมือนชานนมมุกรถเข็น 10 บาท แบบบ้านเราที่มีแต่รถหวานเท่านั้น คืนแรกพวกเราเดินกันเพลินจน 5 ทุ่ม อย่างร้าน SASA เค้าก็ยังขายกันอยู่เลยนะ เรากะเพื่อนก็กว่าจะนอนก็ปาไปตี2 ได้เพราะมานั่งคำนวนเงินที่จ่ายกันไป แต่ก็ดีดตัวตื่นมาได้ตอน6 โมงเช้าได้เพราะไกด์นัดตอน7.30 คิดดูละกันเรามาถ่ายรูปกันตั้งแต่7 โมงเช้าได้อะ แทบจะไม่มีคนเดินบนถนนเลยนะ เงียบมากๆๆ ตอนเช้า เราก็มานั่งรอไกด์นานมาก ก็เลยงงว่าเรามารอก่อนครึ่งชั่วโมงเองนะ ที่ไหนได้ดูนาฬิกาบนห้องผิด เหลือเวลาตั้งเกือบชั่วโมง ระหว่างนั้นเราก็ไปหาถ่ายรูปแถวโรงแรม ก็มีรถตำรวจจอดหน้าโรงแรมด้วย เลยไปยืนถ่ายรุป ตำรวจในรถก็มองงงๆ ถ้าไม่เกรงใจจะขอตัวพี่แกมาถ่ายรูปคู่ด้วยนะนี้ สถานที่แรกไกด์พาเราไปคือไปกินติ่มซำก่อน (เก็บเงินต่างหาก แต่จำราคาไม่ได้)และก็ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมอะ (เราไม่ได้สนใจไหว้ ห่วงถ่ายรุปอย่างเดียว) แต่ก็มีตากล้องที่ไกด์พามาด้วยมาถ่ายรูปให้ด้วยแต่เป็นกล้องของเค้า แถมพี่แกทำใส่จานให้เบ็ดเสร็จแพคซะเรียบร้อยมาขายให้จนพวกเราต้องเสียตังค์ซื้อโดยไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ราคาก็ 600 บาทอะ แพงกว่าบ้านเราอีก เราไม่ค่อยมีรุปคุ่กะเพื่อน เพราะไม่มีคนถ่ายให้เค้าก็ห่วงถ่ายของตัวเอง เราก็เกรงใจ พอขอให้คนฮ่องกงถ่ายให้ ก็เดินหนีเราไปเฉยเลยอะ แถมมองแบบแปลกๆด้วย (เรางี้หน้าแตก) และก็ไปโรงงาน jewery แต่ละสถานที่เราค่อนข้างเบื่อ เพราะเราไม่ชอบอยุ่สถานที่นึงนานๆ และเป็นที่ๆเราไม่ชอบด้วยแหละ เราไม่ได้คิดจะมาซื้อ แต่เพื่อนซี้เรามันรูดบัตรซื้อจี้มา 1 อัน เป็นเงินไทยก็แปดพันได้ และก็ต้องรอคนในกรุ๊ปที่ซื้อนานมาก จนเราเบื่อออกมา ไกด์ก็จะคอยตามว่าให้อยุ่ก่อน อย่าไปไหน เราละเซรงงง เพราะเราต้องมานั่งรอคนอื่นพอตอนบ่ายก็ไปขึ้นกระเช้านองปิง คนเยอะมากกก เห็นแถวเเล้วตกใจ แต่ที่ไหนได้กระเช้าเค้าเยอะ แปปเดียวก็ได้ขึ้นแล้ว ยังเร็วกว่ารอขึ้นกระเช้าที่ดรีมเวิลด์บ้านเราซะอีก เราก็ได้แต่ถ่ายรุปอย่างเดียวและไม่ได้ขึ้นไปไหว้พระใหญ่เลยเพราะเวลามันจำกัดอะ และคิดว่าคงเป็นลมก่อนถึงพระใหญ่แน่ แต่ระหว่างนั่งกระเช้าก็มีคนเดินขึ้นเขาไปเองด้วยนะ เดินข้ามเขาหลายลูกมาก นับถือในความอึดเค้าจริงๆ พอตอนเย็นไกด์ก็มาส่งที่หน้า Avenue Star เราก็ไปเดินถ่ายรูปกะเพื่อนอีกแล้ววว แต่ไม่ได้ดูการแสดงแสงสีตอนกลางคืนอะ เพราะ 2 ทุ่มแล้ว ก็เลยคิดว่าไปเดินช๊อปปิ้งดีกว่า และก้เดินกลับมาสถานที่พักเองอะ โดยไม่ขึ้นรถโดยสารเลย ระยะทางเหมือนเดินทางจากซอยรางน้ำไปสวนลุมเห็นจะได้ ไกลมาก แต่เราเดินกันไปเรื่อยๆไง เหนื่อยก็นั่งพักสัก 10 นาทีก็เดินต่อ พอเช้าวันสุดท้ายก็ตื่นตั้งแต่ 8 โมง แล้ว 9 โมงก็เป็นการออกไปช๊อปปิ้งและถ่ายรุปของพวกเราต่อ เดินจากนาธานไปถึงจิมซาจุ่ยเลย และก็เดินไปจนถึง avenue star อีกครั้งเพื่อถ่ายรุปตอนเช้า อากาศเย็นมากก มีฝนพรำเป็นระยะๆ แต่ไม่ตกแรง เราก็หมดไปแต่กับการซื้อเครื่องสำอางค์ ครีม และของฝาก เสื้อผ้านิดหน่อย แต่ของฝากเยอะ โดยเฉพาะกระเป๋าที่เพื่อนฝากซื้อ ก็กลับมาถึงโรงแรมประมาณบ่ายๆเพราะเราและเพื่อนปวดขามาก เดินช๊อปปิ้งอย่างเดียวตั้ง 3 วัน เพื่อนซื้อกอเอี๊ยะฮ่องกงมาแปะขาบรรเทาใช้ได้เลยอะ แต่ต้องมาซวยอีกเพราะเค้าโทรมาบอกว่าไม่ยอมเช๊คเอ้าท์เลยขอขาร์ตครึ่งวัน ก็มาเสียตังค์กันประมาณพันกว่าบาทอะ (เสียดายชะมัด แต่ก็เซ่อเองที่ไม่ยอมเช็คเอ้าท์ก่อนออกไป) พอตอนกลับผ่านตม.เราก็กลัวเค้าค้นกระเป๋ามากเพราะเพื่อนเคยบอกว่าถ้าซื้อกระเป๋าหลายใบเค้าจะค้นอะ แต่โชคดีที่ไม่เจอ แต่ป้าคนนึงที่เดินทางไปด้วย พี่แกดันซื้อน้ำหอมซะหลายขวดและไม่ยอมแพคใส่กระเป๋า ดันถือเดินขึ้นเครื่องมาด้วยเลยโดนแกะออกหมดเลย แกหน้าเสียเลยอะ แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี พอมายืนรอรถเปลี่ยนสถานีไปขึ้นเครื่อง ก็ดันมีพี่แขกจะมาขอยืมโทรศัพท์เราโทรหาแฟนเค้า เพราะโดนตม.กักตัวอยุ่ เราละงง (ใครจะไปให้ยืมฟระ) ก็เลยบอกไปว่าไม่มีอะ เพื่อนบอกว่าพวกนี้จะชอบมีปัญหาน่ะ การเดินทางไปฮ่องกงครั้งนี้เราก็หมดเงินไปประมาณแปดพันบาทอะ รวมทัวร์ด้วยก็ประมาณสองหมื่นถือว่าคุ้มจริงๆ แต่พอมาดูของที่ซื้อไป ก็เหมือนไม่มีอะไรเลยนะ เพราะดูของน้อยมาก ทั้งๆที่ตอนซื้อถือถุงเยอะจริงๆ ก็ส่วนใหญ่มีแต่ของฝากเค้าอะ และก็มีแต่คนมาทวงของฝากทั้งนั้น แต่ไม่เข้าใจเลยว่าเวลาเค้าไปเที่ยวไม่เห็นมีของมาฝากเราบ้างเลยอะ ทั้งๆที่เราก็ไม่เคยไปทวงกะเค้าเลยนะ งงวุ้ยย สรุปแล้วชอบทริปนี้ค่ะ เพราะที่ฮ่องกงอากาศดีมากกก เดินแบบไม่มีเหงื่อเลย ไม่เจอแดดเลย ต่างกับการเดินช๊อปปิ้งบ้านเราเลยอะ อยากกลับไปอีกเสียดายที่ซื้อของมาน้อยไป เพราะตอนนี้ซื้อของในเวปแล้วเค้าหิ้วมาจากฮ่องกงทั้งนั้น ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องสำอางค์ ซึ่งเราก็เห็นนะแต่ไม่ได้สนใจเลย ซื้อมาก็แค่นิดเดียวเอง แต่ตอนนี้รุ้สึกเสียดายมากค่ะเพราะของที่นั้นถูกมาก ถ้ามีโอกาสคงไปอีกแน่นอน
ถ่ายสนามบินจากในกระเช้า รุปพระใหญ่หมอกจะเยอะมากเห็นไม่ค่อยชัดเจน การแสดงกายกรรมนั่งบนกระดาษได้ ที่ถนน Avenue Star แอบถ่ายวัยรุ่นยืนจูจุ๊บกันด้วย บริเวณนี้จะเห็นคู่รักที่มายืนกอดจูบกันหลายคู่ ยังเป็นวัยรุ่นกันอยู่เลย นี้เป็นอาหารจานโปรดของเราจานละ 120 บาท นี้คือสภาพหลังการช๊อปปิ้ง แอบถ่ายเด็กจีนในร้านชานม
|
แป๊ะย๊ง
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ไปให้สุดแล้วหยุดคำว่า "พอ" Friends Blog Link |