Group Blog |
ประสบการณ์ครั้งแรกในทริปยุโรปออสเตรีย-เวนิส venezia/Italy ดองเค็มไว้นานจะครบปีละ มีโอกาสได้ลงบลอกซะที เป็นการเดินทางไปเที่ยวยุโรปครั้งแรก ใฝ่ฝันมานานละเพราะเพื่อนอยุ่ออสเตรีย เราก็รับปากว่าจะไปเที่ยวบ้านเพื่อน ตอนขอวีซ่าก็ลุ้นมากเพราะทำเรื่องเองหมด แต่ก็ผ่านมาได้ พอดีเพื่อนกลับมาเมืองไทยอยู่ประมาณ 2 เดือนด้วยแหละ ตอนกลับเราเลยร่วมเดินทางไปพร้อมเพื่อน เพราะต้องไปอาศัยนอนบ้านเพื่อน ด้วยความที่เพื่อนลูกยังเล็กเพียง 2 ขวบ จนบางครั้งเราเลยต้องเดินทางเที่ยวคนเดียวแบบปฏิเสธไม่ไ่ด้ในทริปอื่นๆ ออกเดินทางวันที่ 6 มิ.ย.ลงสนามบินเวียนนาและต่อเครื่องไปลงอินส์บรูค อาศัยนอนบ้านเพื่อนไ้ด้ 2 คืน ก็แพลนไปเที่ยวอิตาลีกัน เราไปกะเพื่อน 2 คน ส่วนตัวเล็กฝากให้แม่เพื่อนดูแล แบคแพคกัน 2สาวงานนี้ เพื่อนก็ไปจองตั๋วรถไฟ แต่เราซื้อตั๋ว Eurail pass มาแล้วในราคาเกือบหมื่นห้า แถมซื้อผิดเล่นซะ first class เลยเรา ก็เข้าใจว่าไม่ต้องจอง(เซ็งจริงไม่ทำการบ้านมาก่อน) ทั้งๆที่พี่ฝรั่งบอกว่าต้องจองในราคา 20 ยูโร เราก็ไม่เชื่อ แอบงกเพราะไม่อยากเสียเงิน รถไฟออกประมาณห้าทุ่ม รถไฟดันเลทอีกรอประมาณครึ่งชั่วโมง นั่งรอกันตรงสถานีก็มีคนประมาณ 10 คนกระจายยืนกันไป สักพักเพื่อนหิวขนมเลยอยากหยอดตู้หาขนมกิน ดันเจอผู้ชายฝรั่งจรจัดเดินมายิ้มใกล้ๆ เพื่อนก็ขำบอกว่าฝรั่งมองเราน่ะ เรากำลังจะควักหาเศษเหรียญเลยไม่กล้าหยิบเงินออกมาเลย พอเราเดินหนีก็เดินตามมาใกล้ ก็รู้สึกเกร็งอะแต่สักพักพี่แกก็เดินหายไป โล่งเลยเรา จะเจอไรอีกไหมหนอ พอตอนรถไฟมาเรากะเพื่อนก็ไปขบวนที่มีตู้นอน แต่พนง.มาตรวจตั๋ว เค้าก็ถามหา reservation โอ้ววว..นึกออกเลยที่ยัยฝรั่งบอกว่าเราต้องมี reservation เราเลยบอกไปไม่มี เท่านั้นละ เราโดนไล่ไปยังกะหมูกะหมาจริงๆเลยนะ เค้าก็ชี้ไปที่ตู้ 3 นู้นเลย เราก็ทำไงดี กลัวอะเพราะเพิ่งเคยขึ้นรถไฟครั้งแรก แถมโดนแยกกะเพื่อนอีก เราก็เดินๆไปแบบงงๆและเอ๋อๆ จะไปนั่งตู้ไหนละเนี้ยะ โอยยย เดินผ่านไปคนก็มอง เราก็เดินวกไปวนมาจนมีคนนึงถามตู้ไหนเราก็บอกเลขไป เค้าก็ชี้ๆบอกทาง มองไปตู้ไหนก็เต็มๆ จนมาเจอตู้นึงว่างมีอีตาฝรั่งแก่นั่งอยู่คนเดียวติดหน้าต่าง เราเลยเข้าไปนั่งติดประตูคนละฝั่งกะแก โอ้วว พระเจ้านั่งสักพักกลิ่นตุๆลอยมาเตะจมูก แอร๊ยย กลิ่นถุงเท้านี้หว่า เหม็นมาก ถึงว่าไม่มีใครมานั่งกะแกเลย เราก็ไม่รุ้จะทำไง ไปตู้อื่นก็ไม่มีที่นั่งเลยอะ แถมมองเราเป็นตัวประหลาดยังไงไม่รู้ เลยทนนั่งไปซะยังงั้นอะ ดีนะพกยาดมติดตัว เราก็ไม่กล้านอนสิทีนี้ เลยนั่งกอดเป้ทั้งคืน นอนไม่หลับกันเลยละสิ อิจฉาเพื่อนได้นอนสบาย แถมรถไฟก็จอดแทบทุกเมือง คนก็เข้าออกตู้เราตลอด มีตาฝรั่งสองคนเข้ามานั่ง เค้าเห็นเรานั่งกอดอก เค้าก็มองและพูดไรไม่รู้(ภาษาอิตาเลี่ยน) เราก็กลัวและก็เขิน (ดันหล่อซะด้วยสิ) อิอิ แกก็ชอบมองมาที่เรา เราก็ไม่กล้าสบตา ได้แต่แอบนั่งมองแกเป็นระยะๆ แต่แกนั่งแค่ 3 สถานีก็ลง แล้วก็มีสาวผิวสี 2 นางกะอีก 1 หนุ่มเข้ามา กลิ่นน้ำหอมเตะจมูกดี คุยกันตลอดทาง ไม่นานก็ลง จนเหลือเรากะลุงแก่คนเดิม เหม็นมันได้ตลอทางกะอีถุงเท้าเน่าคู่เนี้ยะ ฮึ่ม!! พอประมาณตีห้าเราก็เริ่มกระวนกระวายว่าจะถึงหรือยัง กลัวว่าจะพลัดหลงกะเพื่อน เพราะเราไม่มีโทรศัพท์ซะด้วยสิ เราเลยถามตาแก่ถุงเท้าเหม็นว่าจะถึงเวนิสหรือยัง แกก็พูด(ไรไม่รู้เรื่อง งงเว้ยภาษาอิตาเลี่ยน) เราไม่รู้ด้วยแหละเค้าเรียกเวเนเซีย เราก็เวนิสอยู่ท่าเดียว เลยไม่เข้าใจสักที จนจะ 6 โมงเช้าเราสังเกตุเห็นคนเริ่มเดินไปมา และรถไฟก็จอดสุดสถานีพอดี เลยเดินลงมา เจอเพื่อนยืนยิ้มอยู่ มารู้ทีหลังเพื่อนบอกว่าตู้นอนว่าง ว่าจะเดินมาเรียกเราไปนอน แต่ไม่รู้อยู่ตู้ไหนเลยไม่มาตามซะงั้นอะ ตูละเซ็ง! ช้านไมไ่ด้นอนทั้งคืนเลยเนี้ยะ ฮือๆๆ ขอแชะรูปหน้าสถานีหน่อย ดูเบลอๆกระเซอะกระเซิงดีแฮะ มาถึงเวนิสแต่เช้าตรู่กันแบบหน้าซะลืมซะลือเล็กน้อย เปิดหนังสืออิตาลีที่พกไปด้วย หาทางไปที่พัก แต่ไม่รู้ว่าเราจะเริ่มจากตรงไหน เลยไปถามทางพนง.ที่เค้ายืนอยู่ด้านหน้าโรงแรม เลยย้อนกลับไปที่สถานีรถไฟและไปซื้อตั๋วเรือ 24ชม.ประมาณ 18 หรือ 20 ยูโรนี้ละ นั่งเรือไปก็คอยดูแผนที่ว่าใกล้ถึงหรือยัง ต้องคอยดูว่าเราจะลงท่าเรือไหน นั่งมาประมาณ 15 นาทีก็ถึง ลงเดินเท้าต่อ ระหว่างทางก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ไม่มีร้านค้าเปิดเลยเพราะยังเช้ามาก เราเดินหาตั้งนานย้อนไปย้อนมาจนงงและหลง เจอทางตันยังมี ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะหาเจอเล่นเอาเหนื่อยหอบประกอบกับรู้สึกหิวด้วยเลยแวะซื้อขนมปังแข็งกิน ราคาก็แพงซะ นี้คือหน้าที่พักของเรา เป็นโรงแรมเล็กๆที่มีห้องน้ำรวม แต่สะอาดเเละดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก โชคดี ช่วงเราไปแทบไม่มีแขกพักเลย เข้าห้องน้ำได้สบายโดยไม่ต้องรอ เราจัดการฝากกระเป๋าไว้กะเคาน์เตอร์ ทำการล็อคกระเป๋า และคุยว่าจะกลับมาประมาณช่วงเย็นเพื่อเชคอิน เพราะเราจะไปเดินเที่ยวกันก่อนเจ้าของก็ใจดีดูแลกระเป๋าให้ หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ไปนั่งเรือเพื่อที่จะไป St.Marco ไม่ได้นั่งเรือกอนโดล่าเพราะเพื่อนเคยมาและนั่งแล้ว เพื่อนก็บอกให้นั่งมาถึงนี้แล้ว แต่เราไม่อยากนั่งคนเดียว ราคาก็แพงด้วยละ จ่ายคนเดียวหงายท้องตึงแหง๋ๆ ได้ลองชิมเจลาโต้ด้วย ทำไมเรารู้สึกเฉยๆนะ แถมกินได้ไม่กี่คำก็ละลายเต็มมือไปหมดจนต้องตัดใจโยนทิ้ง นักท่องเที่ยวเยอะมากๆโดยเฉพาะคนจีน พวกเราเดินๆๆๆ เที่ยวจนเหนื่อย แดดก็ร้อนและแรงมาก แต่ดีนะที่ไม่มีเหงื่อสักหยด ถ้าเป็นบ้านเราเหงื่อคงอาบเต็มหน้า width='450' height='450' border=0> |
แป๊ะย๊ง
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ไปให้สุดแล้วหยุดคำว่า "พอ" Friends Blog Link |