Group Blog
 
All Blogs
 

ตอนที่ 6 ทัวร์กิน TAKAYAMA - KYOTO ! ! !




วันที่ 5 ทัวร์กิน TAKAYAMA - KYOTO กันนะ! ! ! 








>> วันนี้เกือบเรียกได้ว่าฟรีสไตล์ ไปเดินเล่นที่ตลาด Miyagawa Morning Market กันค่ะ





08.30 น. เดินจากที่พักไปตลาด Miyagawa Morning Market


>> จากที่พักที่พักเดินไปตลาดประมาณ 10 นาทีเองค่ะ (ที่พัก Hida Takayama Washington Hotel Plaza)



>> ตลาดนี้จะเปิดของตั้งแต่ช่วง 07.00 น. - 12.00 น. โดยประมาณนะคะ



>> เมื่อเข้ามาถึงตลาดจะเห็นร้านรวงตั้งอยู่ทั้งสองข้างทางนะคะ...ตลาดที่นี่ดีค่ะ


ภายในตลาดมีทั้งของสด (แต่สะอาดมากนะคะ) / มีทั้งของที่ระลึก ขนมหลายอย่างมากมายค่ะ


กรุ๊ปไหนมีผู้ใหญ่ร่วมทริปด้วย แนะนำให้มาตลาดนี้นะคะ รับรองท่านจะเดินจนลืมเหนือยเลยหละค่ะ


ขนาดเรามาเดินที่นี่ ยังแวะมันแทบจะทุกร้าน (ออกจากตลาดมืองี๊หนัก(ของ) กระเป๋าสตางค์นี่เบาโหยงเลยค่ะ -*-) 



ปล.แต่จะบอกว่าตลาดนี้ขายพวกของสดถูกมากค่ะ อยากจะซื้อกลับไปให้แม่ที่บ้าน (แต่ก็คงไม่ได้) คงจะเน่าหมดซะก่อน T^T





(เดินมาเจอคุณป้าร้านแรกเราก็ตื่นเต้นละคะ เจอผักกาดขาวกับต้นหอมต้นเท่าบ้านเข้าไป!!!)






(คุณป้าร้านนี้ใจดีมากค่ะ ย่างเห็ดให้ชิมสดๆ ของในร้านนี้ชิมได้ทุกอย่างเลยค่ะ อร่อยมาก นี่ชิมตลอดเส้น อิ่มเลย!!) 




>> และที่แนะนำของร้านนี้เลย คือมะเขือเทศค่ะ!!!!!)




>> เราเป็นคนกินมะเขือเทศสดๆ เพียวๆ ไม่ไค่อยได้ค่ะ จะรู้สึกแหยะมากๆ กลิ่นเหม็นเขียวสุดๆ สำหรับเรา


แต่จะบอกว่า พอกินมะเขือเทศที่ตลาดนี้ (ร้านนี้) อินี่ซื้อมะเขือเทศมากินเล่นเปล่าๆ ถุงนึงเลยค่ะ เดินเล่นไปด้วยเพลินๆ 


คือ...มะเขือเทศที่นี่อร่อยมากกกกกกกกกค่ะ  แนะนำให้ลองชิมดูก่อนนะคะ (แล้วจะติดใจจริงๆ)


ใครที่รู้สึกอี๋แหวะมะเขือเทศ อยากให้ลองเปิดใจกัดซักคำค่ะ  รสชาติมันไม่เหมือนมะเขือเทศจริงๆ ค่ะ หวานอร่อยมาก




>> ถ้าจำไม่ผิดมะเขือเทศนี่ถุงละ 100 เยนเองค่ะ



(เดินมาอีกนิดเจอหัวไขเท้า (รึเปล่านะ?) ใหญ่กว่าหน้าเราอีก!!!!)


(ที่นี่ขายต้นไม้ถูกมากค่ะ!!! อยากได้มากกกกกค่ะ!! แต่โดนเบรกเอี๊ยดหัวทิ่ม เอากลับมาเมืองไทยคงเหลือแต่กระถางแหงๆ T^T)

(เริ่มเข้าโหมดกินทุกอย่างสิ่งรายทางแล้วนะคะ : อันนี้เป็นเหมือนไข่ขาว+น้ำตาลตีฟองแล้วเอามาย่างที่เตาค่ะ)



>> เป็นคุณป้าอัธยาศัยดีน่ารักขายค่ะ ถ้าจำไม่ผิดราคาชิ้นละ 100 เยนค่ะ



>> อันนี้สำหรับเรา เราว่ามันค่อนข้างหวานไปค่ะ (ภาพ BG ด้านหลังคือร้านคุณป้าเค้านะคะ ^^)

(อันนี้เป็นไก่ทอดค่ะ ฺฺBG ด้านหลังเป็นร้านที่ขายไก่ทอดนะคะ : ในภาพนี้คือไก่ทอด Size S)



>> สำหรับเราเมนูนี้ในวันที่อากาศหนาวๆ ทอดไก่ร้อนๆ ก็อร่อยดีค่ะ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นต้องชิมแนะนำอะไรขนาดนั้น


แต่โดยรวมอร่อยตามสไตล์ไก่ทอดอ่าค่ะ (อธิบายไม่ถูกแฮะ) แต่ที่แน่ๆ รสชาติไม่แย่แน่นอน ^^




>> เค้าจะขายเป็น size ค่ะ

- Size S / 3 ชิ้น ราคา 250 เยน

- Size M / 5 ชิ้น ราคา 400 เยน

- Size L / 8 ชิ้น ราคา 600 เยน

(จำหน้าคุณลุงคนนี้ไว้ให้ดีดีเลยนะคะ...ร้านนี้เลยค่ะที่คุณไม่ควรพลาด เราคิดว่ามันเป็นร้านที่ดีที่สุดในย่านนี้แล้ว!!!)

(เป็นร้านเนื้อฮิดะย่างค่ะ จากภาพดูเหมือนเนื้อเสียบไม้ธรรมดาๆ นะคะ แต่รสชาติไม่ธรรมดาค่ะ Confirm!!!)




>> เรายืนดูคุณลุงแกย่างเนื้อ แกพิถีพิถันในทุกกระบวนท่าเลยนะคะ แกตั้งใจ และใส่ใจในทุกรายละเอียดมากจริงๆ


>> ถ้าเราจำไม่ผิดราคาจะอยู่ที่ไม้ละ 400 เยนค่ะ (แนะนำมากๆ ต้องลองค่ะ สักไม้ก็ยังดี เชื่อเรา!!!!)

(ภาพด้านบนเป็นตอนเพิ่งวางเนื้อลงที่เตาใหม่ๆ ส่วนภาพนี้คือเนื้อย่างที่สุกแล้ว รับรอง ฟินเฟ่อร์ค่ะ!!!!! )



>> พอเดินมาถึงร้านเนื้อย่างคุณลุงแล้ว เราก็หันหลังย้อนกลับเลยค่ะ ประหนึ่งว่าสมใจอยากแล้ว กลับเถอะ!



(คืออินี่แทบจะลอยกลับมา ฟินจัด!) ฮ่า ๆ ๆ 




>> ขากลับกะว่าจะซื้อของฝากที่เล็งๆ ไว้แล้วกลับเลย ตาดันเหลือบไปเห็นเนื้อย่างอีกร้านค่ะ


โอ้วววว...มีชายหนุ่มยืนเต็มหน้าร้าน ถือเนื้อย่างพร้อมเบียร์ในมือ....(อินี่ตาโตมาก!!)


รออะไรหละคะ...เดินปรี่นำเข้าไปเลยค่ะ!!! (เดินผ่านผู้ชายไปอย่างไม่แยแส ในหัวสมองนี่มีแต่เนื้อย่างๆๆ (ดูตะกละมากทีเดียว) -_-" )

(แล้วก็จัดมาอย่างละหนึ่งค่ะ!!)



>> แต่รู้สึกเหมือนตกสวรรค์เลยค่ะ -*-  // เราว่ารสชาติมันเฉยๆ ธรรมดามากค่ะ 


(หรือเป็นเพราะเราไปกินร้านเทพมาแล้ว ร้านนี้เราเลยรู้สึกเฉยมากๆ) แถมร้านนี้เนื้อราคาแพงกว่าอีกค่ะ 




>> ร้านนี้เนื้อราคาไม้ละ 500 เยน T^T  // ส่วนเบียร์ราคาแก้วละ 300 เยน ถ้าเราจำไม่ผิด (อันนี้ไม่แม่นจริงๆ ค่ะ)


เบียร์นี่เป็นเบียร์ท้องถิ่นค่ะ รสชาติจะออกไปทางขมลึกๆ ค่ะ (น่าจะเหมาะกับคุณผู้ชายมากกว่าค่ะ) 


-- แต่อินี่ก็เป็นคุณผู้หญิงประเภทไหนก็ไม่รู้ กินคนเดียวหมดภายในไม่ถึง 5 นาทีค่ะ (ดื่มยังกะเก๊กฮวย)  -_-"

(สุดท้ายละค่ะ...เดินกินมาตลอดทางท้องแทบแตก : ปิดท้ายด้วยเจ้านี่ เป็นนมโยเกิร์ตกล่องละ 100 เยนเท่านั้นค่ะ)



>> ใครชอบนม ชอบโยเกิริ์ต แนะนำค่ะ ถูกและอร่อยใช้ได้เลยค่ะ ^^




09.30 น.  ออกมาเดินเล่นตามถนน เรื่อยๆ ก็มาเจอร้านนี้ค่ะ


>> ร้านกาแฟน่ารักๆ ชื่อร้าน "If Coffee Shop"

(ป้ายหน้าร้านค่ะ)



(คาปูขิโนสักแก้วนำร่องก่อนค่ะ...กาแฟร้านนี้หอมค่ะ...ลองดูนะคะ) - เราจำราคาไม่ด้จริงๆ อ่าค่ะ ><

(นี่คือทั้งหมดที่สั่งมากันค่ะ...แหม่...สั่งกันยังกะคนหิวโซ...มาทริปนี้แก้มย้วยตามๆ กันค่ะ อิ่มมากกกกกกกกกก!!!)




>> ตามภาพมีชิฟฟอนรสชา Earl Grey กับครีม (รสชาติอร่อยดีนะคะ หอมชาติดลิ้นเลยค่ะ) - อันนี้เราก็จำราคาไม่ได้อ่าค่ะ ><


>> ส่วนจานใหญ่นั้นแซนวิสแตงกวา/แฮม  มะเขือเทศ (อร่อยนะคะ..อย่างที่บอกค่ะ มะเขือเทศที่นี่เค้าอร่อยมาก) 


เมนูนี้เราก็จำราคาไมไ่ด้ค่ะ...จำได้แค่ว่าถูกมากแค่นั้นเอง (ขออภัยค่ะ ><) 




สรุป

รสชาติ :  จัดว่าดีเลยค่ะ (4/5 คะแนน)

ราคา :  ไม่แรงมาก กำลังดีค่ะ ราคาคร่าวๆ หมดนี่ประมาณ 1,120 เยนค่ะ  (4/5 คะแนน)

บรรยากาศ :  เล็กๆ น่ารัด เข้ามาด้านในอุ่นมากค่ะ (4/5 คะแนน)




>> ถ้าจะถามว่าร้านนี้ควรมามั้ย อยากจะบอกว่า ถ้าพอมีเวลาชิวๆ ไม่เร่งรีบอะไร ลองแวะมาสักหน่อยก็ดีนะคะ


คือมันแบบ Slow Life โอเคมากค่ะ  ^^




12.00 น. กลับโรงแรมสองมือลากกระเป๋า Next Station KYOTO ค่าาาาา





(ตารางการเดินทางวันนี้ค่ะ...ลุยมุ่งหน้าไป KYOTO กันต่อนะคะ)




16.15 น. ถึงที่พักค่ะ (ชื่อที่พักที่เราจะพักวันนี้ชื่อว่า " Guesthouse Sanjyotakakura Hibiki ')






(แนะนำโรงแรมนี้ ดีมากค่ะ ดีที่สุดเท่าที่เคยพักมาเลยค่ะ)


>> แถมราคาก็ถูกที่สุดเท่าที่เคยพักมาด้วยค่ะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 900 บาท/คืนค่ะ



>> มีโซนเครื่องครัว / ตู้เย็น(ใหญ่กว่าที่อื่น) / ไมโครเวฟ / เครื่องซักผ้า (สิ่งแรกที่อินี่มาถึงห้องคือซักผ้าค่ะ!!)



เฟอร์นิเจอร์ก็ใหม่ค่ะ / ห้องน้ำแยกกันนะคะระหว่างห้องอาบน้ำกับตัวห้องน้ำ / แยกโซนระหว่างห้องครัวกับห้องนอนค่ะ




18.00 น. เตรียมตัวออกไปลุยมื้อเยนกันที่ "KATSUKURA" กันค่ะ



(นั่ง Subway จากที่พักมา 2 นาทีก็ถึงค่ะ // แต่ต้องเดินต่อมาที่ร้านอีกนิดนึงนะคะ)




>> พอลงสถานี Shijo ก็เปิด GPS หาพิกัด ย่านชินเคียวโกคุ (Shinkyogoku Arcade) เลยค่ะ



ร้าน Katsukura จะอยู่บริเวณทางเข้า Shinkyogoku Arcade เลยค่ะ



(หน้าตาทางเข้าร้านค่ะ : ยืมรูปมาจาก //pantip.com/topic/30840647 นะคะ ><)




>> พอเข้าไปจะพบว่าร้านนี้จะมีชั้นที่ยืนอยู่ (เราเรียกชั้น G ละกันนะคะ) กับมีบันไดลงไปที่ชั้นใต้ดินค่ะ



ที่ชั้น G จะเป็นที่นั่งแบบบาร์ค่ะ (เหมาะกับการมาเดี่ยวๆ) ส่วนชั้นใต้ดินจะเป็นโต๊ะนั่งแบบกรุ๊ปๆ ค่ะ



และอาหารที่เราสั่งมาวันนี้ (จริงๆ สั่งมาเยอะมากนะคะ แต่คือหิวมาก ถ่ายรปมาแค่นิดเดียวเองค่ะ ><)

(ภามภาพคือ Large Prawm Cutlet ค่ะ)



>> อันนี้ไม่มีเป็นเซตอ่าค่ะ (เป็นเซตส่วนมากจะเป็นหมูซะมากกว่า) 



>> ถ้าใครสั่งจานนี้ราคาจะอยู่ที่จานละ 920 เยน (ในจานมีกุ้งใหญ่ๆ 1 ตัวนะคะ) แต่เราสั่งเพิ่มค่ะ



เราเพิ่มข้าว กะหล่ำปลีซอยและมิโซะซุปค่ะ (ต้องเพิ่มเงินนะคะ...แต่เราจำไมไ่ด้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่สามารถเติมได้ไม่อั้นค่ะ)

(อันนี้เป็น Tenderloin cutlet zen set เป็นหมูสันในนะคะ)



>> อันนี้สั่งเป็นเซตค่ะ ภายในเซตก็จะมีกะหล่ำ / ซุป / และข้าวค่ะ (3 อย่างนี้ก็เติมไม่อั้นเช่นกันค่ะ) 



>> ราคาเซตนี้อยู่ที่ 1,550 เยนค่ะ (จานนี้เนื้อหมู 120g ค่ะ)



เค้าจะให้เราสั่งตามน้ำหนักเนื้อค่ะ เช่น 80g / 120g / 160g ราคาก็ 1,250 เยน / 1,550 เยน / 1,900 เยน (ตามลำดับค่ะ)



*** อ่อลืมบอกค่ะ...ร้านนี้เวลาสั่งอาหารเค้าจะต้องสั่งข้าวตามจำนวนคนนะคะ ***



>> ถามถึงรสชาติ...ดีมากค่ะ!!!! จริงๆ นะคะ อร่อยมากค่ะ (อร่อยจนเราแบบต้องสั่ง Chicken Cutlet -[อีก800 เยน] มาเพิ่มอีกค่ะ)



คือเป็นผู้หญิงที่กินจุมากกกกก!! กินมากกว่าผู้หญิงทั่วไปถึง 2 เท่าค่ะ (คนรึอะไรเนี่ย T^T)



มันดีงามมากนะคะ...ตอนกินไม่รู้สึกหรอกค่ะว่าจะอ้วนหรืออะไร // แต่พออิ่มเท่านั้้นแหละ...แก๊...จะอ้วนมั้ย? (แบบนี้ทุกที) T^T




สรุป


รสชาติ :  ดีงามมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะกุ้งตัวใหญ่ อร่อยมากค่ะ (5/5 คะแนน)


ราคา :  ค่อนข้างสูงอยู่นิดนึงนะคะ แต่ก็อยู่ในงบที่พอจ่ายได้ค่ะ (3/5 คะแนน)


บรรยากาศ : ตามสไตล์ร้านญี่ปุ่น เล็กๆ กระทัดรัด แต่ไม่ถึงกับเบียดเสียดนะคะ (4/5 คะแนน)





19.30 น. อยู่ย่านชอปปิ้ง (ก็ต้องชอปสักนิดสิครัช รออะไร!!!)


>> ย่านนี้เรียกว่าย่านชินเคียวโกคุ (Shinkyogoku Arcade) ค่ะ (จัดเป็นตลาดละลายทรัพย์เลยนะคะ เห็นเค้าว่ากันอย่างงี๊)





(หน้าตาประมาณนี้นะคะ : ยืมรูปเค้ามาจาก ติวเตอร์ตู่ค่ะ..เราไม่ได้ถ่ายอะไรมาเลยค่ะ ><)




>> แต่ย่านนี้สิ่งที่ละลายทรัพย์เราไม่ใช่ของเขิงอะไรเลยค่ะ...อินี่ทรัพย์ละลายไปกับการคีบตุ๊กตา (ไร้สาระมากกกกก!!!)



. . . แล้วดูสิ่งที่ได้มาค่ะ . . . 

(ตุ๊กตาหมีตัวเล็ก 2 ตัว : ซึ่งเป็นหมีที่ราคาแพงมากกกกกก!!!!! - จัดเป็นช่วงผีเข้าค่ะ ไม่ได้ไม่หยุด คีบแม่งอยู่นั่นแหละ!!) -_-"



>> คีบจนหน้ามืดตาลาย...แปบๆ หิวอีกละค่ะ (ผีออกจากร่างแล้ว...หิวเลย...อินี่จัดเป็นผู้หญิงกินเปลืองมากๆ >_<')

(แชว๊งงงงงงง!!! โดนัทน่าร๊ากกกกกก...ราคาชิ้นละประมาณ 250 เยนค่ะ // มีลายมารูโกะด้วยนะคะ อันนั้นชิ้นละ 350 เยน)




>> หน้าตาน่ารักไม่กล้ากินเลยค่ะ ฟรุ้งฟริ้งมาก! แต่ถ้าถามถึงรสชาติก็ธรรมดาทั่วๆ ไป ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากค่ะ ^^"




>> วันนี้ทั้งวันอย่างกับเป็นทัวร์กิน กินตั้งแต่เช้ายันมืด!! กลับที่พักกันเถอะค่ะ (อิ่มท้องนอนสบายละค่ะ ^^)



. . . . . 



. . . . 



. . .



. . 



.



. . . วันนี้กินอิ่มนอนหลับฝันดี พรุ่งนี้จะไปตะลุยเกียวโตกันทั้งวันเลยนะคะ . . . 


.



. . 



. . .



. . . . 



. . . . .




- o i l i i e -


















 

Create Date : 28 ธันวาคม 2558    
Last Update : 3 มิถุนายน 2559 14:50:31 น.
Counter : 1624 Pageviews.  

ตอนที่ 5 GO TO TAKAYAMA - SHIRAKAWAGO ! ! !




วันที่ 4 เก็บข้าวเก็บของไป TAKAYAMA - SHIRAKAWAGO กันค่าาาา........








>>  วันนี้ตื่นเช้ากันหน่อยนะคะ...วันนี้เราจะออกจากโตเกียวมุ่งหน้าไปทาคายาม่ากันค่ะ



06.45 น. ไปสถานี Ueno (ซื้อข้าวกล่องให้เสร็จสรรพ แล้วมุ่งหน้าไปทาคายาม่ากันค่ะ)



(ตารางรถไปทาคายาม่าค่ะ...ใช้เวลาพอสมควรนะคะ)

(อันนี้เป็นไก่เทอริยากิค่ะ อร่อยมากค่ะกล่องนี้ กินเกลี้ยงเลย ><)




>> น่าลองซื้อไปชิมดูนะคะอันนี้ ราคาไม่แพงราคากล่องนี้ประมาณ 870 เยนค่ะ^^

(อันนี้ของพี่เรา มีเนื้อปู เนื้อปลา ไข่ปลา...คือเยอะมากกกกกกก...ช่วยกันกินยังไม่หมดเลยค่ะ และรสชาติก็อร่อยเช่นกันค่ะ)


(อันนี้เป็นวิวระหว่างทางไปทาคายาม่าค่ะ)



>> จะบอกว่า ถ้าไม่ง่วงมากเกินไป อยากให้ลองนั่งมองวิวข้างทางบ้างค่ะ...เรามีความรู้สึกว่าวิวข้างทาง


บางจุดค่อนข้างสวยเลยทีเดียวนะคะ (เราก็มีหลับบ้าง ตื่นบ้างค่ะ  แฮ่!)






12.20 น. ถึง TAKAYAMA แล้วค่าาาาาาาาาา





>> อันดับแรก ลากกระเป๋าเข้าโรงแรมก่อนเลยค่ะ 



>> โรงแรมที่เราพักวันนี้ชื่อ "Hida Takayama Washington Hotel Plaza"




(อันนี้ยืมรูปมาจากหน้าเวปโรงแรมค่ะ : หน้าตาโรงแรมประมาณนี้ อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเลย โดยรวมดีค่ะ :))




>> ข้อดีของโรงแรมนี้คือ สามารถเช็คอินเข้าได้เลยค่ะ เราไปถึงเที่ยง เราก็สามารถเข้าห้องได้เลยค่ะ



>> เราว่าที่นี่โิอเคเลยนะคะ  แนะนำค่ะ



>> หลังจากจัดการกับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ให้เดินไปที่ Nohi Bus ก่อนเลยค่ะ  เพื่อไปจองบัสไปหมู่บ้าน Shirakawago กันค่ะ



(เอารูปมาจากเวป Japan guide นะคะ : หน้าตาสถานีเป็นแบบนี้ค่ะ เข้าไปบอกเจ้าหน้าที่เค้าได้เลยค่ะ)




>> เจ้าหน้าที่ที่นี่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมากค่ะ...แถมหน้าตาน่ารักด้วยค่ะ  :)



>> ราคาตั๋วไป-กลับจะอยู่ที่ 4,400 เยน นะคะ 



>>เราสามารถจองทั้งเที่ยวไป-กลับได้กับเจ้าหน้าที่เลยนะคะ...แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็ไม่ต้องจองก็ได้ค่ะ เพราะรถมีวิ่งอยู่ตลอดค่ะ

(อันนี้หน้าตาตารางเวลาของรถ และราคา Bus นะคะ)




>> ของเราจองรถขาไปหมู่บ้านรอบ 12.50 น. ค่ะ (แก็งค์เราจองแต่ขาไปนะคะ ขากลับไม่ได้จองค่ะ) 



เพราะว่ากะจะเดินกันแบบฟรีสไตล์ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลากลับด้วยค่ะ



>> ได้ตั๋วมาแล้วไปรอที่ด้านหน้าสถานีได้เลยค่ะ  รถ Bus จะมาค่อนข้างตรงเวลามากค่ะ


(ยืมรูปเค้ามาจาก Japan Guide เหมือนเดิมค่า..เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย : หน้าตารถจะเป็นแบบประมาณนี้นะคะ)




>> ขึ้นไปเจ้าหน้าที่จะฉีกตั๋วเราออกไปครึ่งนึงค่ะ...ให้เราเก็บอีกครึ่งไว้นะคะ อย่าเผลอทำหายนะคะ  ^^



จากนั้นก็เดินไปที่นั่งของตัวเองได้เลยค่า 



(นี่ก็ยืมรูปมาจาก Japan Guide เช่นกันค่ะ แฮ่! : อันนี้เป็นบรรยากาศภายในรถ Bus ค่ะ)





>> เราจะใช้เวลาในการนั่งรถ Bus อยู่ประมาณ 50 นาทีค่ะ



13.40 น. ถึงแล้วค่าหมู่บ้านมรดกโลก Shirakawago

(หน้าตาแผนที่จะประมาณนี้ค่ะ)



>>  ลงมาปุ๊บเดินไปหยิบแผนที่ของหมู่บ้านที่ศูนย์รวมข้อมูลได้เลยค่ะ (มีหลายภาษามากค่ะ ภาษาไทยยังมีเลย)


แต่แนะนำให้หยิบภาษาอังกฤษดีกว่าค่ะ เพราะว่าป้ายบอกทางในหมู่บ้านเป็นภาษาอังกฤษค่ะ


เวลาหาทางจะง่ายกว่าเยอะค่ะ อินี่เจอมากับตัวค่ะ เห็นภาษาไทยปุ๊บ หยิบภาษาไทยก่อนเลยครัช


ปรากฎ!!!  ต้องไปนั่งสะกดคำอ่านให้ตรงตัวกับเค้าอี๊ก..อ่านไปอ่านมา เพี้ยนอีก!!! -*- 





>> จุดแรกที่เจอเลย  แท่น...แท๊นนนนนน!!!

(อันนี้คือสะพานเดะไอ ข้ามแม่น้ำโชค่ะ...บนสะพานก็ถ่ายรูปสวยไปอีกแบบนะคะ..แต่คนเยอะมากๆ ต้องหามุมดีๆ ค่ะ)

(มองไปอีกทางจะเห็นวิวแบบนี้ค่ะ...วันนี้ท้องฟ้าถ่ายรูปสวยมากค่ะ ^^)

(งานถ่ายต้นไม้ใบหญ้า (แถวนั้น) ก็มาอีกแล้วค่าาาาา  ^^')



>> เดินข้ามสะพานไปนะคะ...เดินไปอีกนิด...เดินไปเรื่อยๆ จะได้เจอกับบรรยากาศแบบนี้ึค่ะ



(บรรยากาศภายในหมู่บ้านค่ะ) 



>> จะบอกว่าอากาศ และบรรยากาศในหมู่บ้านดีมากค่ะ เดินชิวมาก อากาศเย็นๆ (ค่อนไปทางหนาว) 


แต่เสียดายไปรอบนี้ไปไม่เจอหิมะค่ะ ถ้ามีหิมะน่าจะสวยกว่านี้ T^T





(ระหว่างทางไปจุดชมวิวค่ะ...เราก็เดินกินลมชมวิวไปเรื่อยเปื่อย เห็นแดดนี่อย่าคิดว่าร้อนนะคะ..หนาวค่ะ!!!)

(อันนี้ก็ระหว่างทางเดินจะขึ้นไปดูจุดชมวิวค่ะ...แอบเอาของเล่นมาเล่นซะหน่อย...แฮ่~ ^^) - ชิวมาก!!!!


(เดินไปเรื่อยๆ สักพักใหญ่ก็ถึงแล้วค่าาาาา...จุดชมวิว!!!)



>> ถ่ายภาพออกมาจะเห็นหมู่บ้านเป็นจิ๋วๆ แบบนี้เลยค่ะ (น่ารักมากกกกกกก  ><)

(มาโสด...มาเดี่ยว...ลองถ่ายภาพออกมาแนวนี้ก็เหงาๆ ดีค่ะ:) )

(หรือถ้ามาเป็นคู่ จะแนวนี้ก็โรแมนติกนะคะ : อันนี้ภาพตัวอย่างเรากับพี่เราค่ะ ลองถ่ายให้ดู เดี๋ยวจะไม่เห็นภาพค่ะ 55555+)



>> ชอบภาพคู่แนวนี้ค่ะ..ใครมีแฟนอย่าลืมเก็บภาพกันนะคะ...น่าร๊ากกกกกกก!!!  ><  (อินี่ก็เอะอะๆ น่ารักมันหมดทุกอย่าง!!!)



. . .



. .






>>> อย่าถ่ายรูปเพลินจนลืมดูเวลากันนะคะ เผื่อเวลาเดินกลับกันด้วยค่ะ เดี๋ยวจะตกรถ <<<




18.30 น. กลับมา TAKAYAMA เตรียมตัวไปตามล่ามื้อเย็นเด็ดๆ กันค่าาาาา



>> มื้อเย็นวันนี้นำเสนอเนื้อย่างฮิดะค่ะ!! ของเด่นของที่นี่เลยนะคะ (ลองไปชิมกันสักนิดนะคะ อยากให้ลอง มันดีจริงๆ ค่ะ ^^)



>> ร้านที่จะพาไปวันนี้ ชื่อร้าน "Ajikura"  (ร้านหาง่ายค่ะ จับ GPS เดินตามพิกัดแปบเดียวถึงเลย)



(เริ่มด้วยอะไรชุ่มๆ คอก่อนเลยค่ะ ^^"  : อันนี้สำหรับเรา เราชอบ Yebisu มากกว่าค่ะ)

(แล้วตามด้วยเซตนี้ค่ะ : เซตนี้จะมีทั้งเนื้อ และ เนื้อหมูเลยนะคะ เหมาะกับ 3-4 คนค่ะ) 



>> ราคาเซตละ 5,080 เยนค่ะ



>> จะบอกว่าเนื้อทุกชิ้นในจานนี้ไม่มีชิ้นไหนเหนียวเลยนะคะ ทุกชิ้นล้วนละลายในปาก (อยู่ที่มากหรือน้อยแค่นั้นเอง)



จริงๆ เค้าบอกเซตนี้กินกันได้ประมาณ 3-4 คนนะคะ (แต่แก็งค์เรานี่....ไม่พอกินค่ะ!!!!)   -*-

(เพิ่มซีฟู๊ดนิดนึงค่ะ...อย่าคิดว่ามาร้านเนื้อย่างแล้วซีฟู๊ดเค้าจะไม่ดีนะคะ ตรงกันข้ามค่ะ...มันดีงามมากค่า!!!!!)



>> ราคาจานนี้ 1,680 เยนค่ะ



>> คนไหนกินเนื้อไม่ได้ก็ยังสามารถไปแจมกับเค้าได้นะคะ...ร้านนี้เราว่าเข้าได้ทุกคนนะคะ 



>> กินคลีน กินมังฯ ไม่กินเนื้อ ไม่กินหมู (เราว่าเค้ามีเมนูหลากหลายค่ะ)

(อันนี้เป็นผัก เราสั่งมาเพิ่มค่ะ...รู้สึกว่าตั้งแต่มาญี่ปุ่นนี่กินผักน้อยมาก)



>> มันย่างอร่อยมากค่ะ!!! ชอบมากๆ ><

(จานนี้นำเสนอมากค่ะ!!! คือมันละลายในปาก รสชาติละมุนกลมกล่อมมากๆ กินเข้าไปนี่แทบลอยได้ค่ะ!!!) - อินี่ก็เว่อร์!!!



>> จานนี้ 1,980 เยนค่ะ (สั่งเถอะคะ...คุ้มจริงๆ เชื่อเรา ^^)



>> อ่อ...ของจริงเนื้อในจานเยอะกว่านี้นะคะ คืออันนี้เรากินไปได้สักพักแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมถ่ายรูป!!



เลยตาลีตาเหลือกรีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป ได้เท่านี้อ่าค่ะ ^^"




>> แนะนำสำหรับใครที่กระเป๋าหนักหน่อย เราว่าสั่งแยกเป็นอย่างๆ เลยน่าจะอร่อยกว่าแบบเซตค่ะ


 อย่างจานนี้ที่เราสั่งมาเพิ่ม รสชาตินี่ดีกว่าในเซตเห็นๆ ถึงสองสเตป!!!!

(จานนี้เป็นเต้าหู้ค่ะ เหมาะสำหรับมนุษย์กินนคลีน และมังสวิรัติอะไรทำนองนี้ค่ะ)



>> จานนี้ 200 เยนเท่านั้นค่ะ



>> เราว่ารสชาติโอเค อร่อยเลยนะคะ กลิ่นเต้าหู้เค้าชัดดีค่ะ เราคาไม่ได้แพงมาก ลองสั่งมาก็ได้ค่ะ

(อันนี้เป็นซุปไข่ค่ะ เค้าให้ไข่เยอะมากค่ะ ทีแรกนึกว่าเป็นซุปถ้วยเล็กๆ ผิดคาดค่ะ!!! ถ้วยนึงเรากินได้ 2 คนเลย)



>> ถ้วยนี้ราคา 380 เยนค่ะ



>> รสชาติซุปถ้วยนี้สำหรับเรา เราว่าเราเฉยๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก 



(แต่ตอนเราไปอากาศหนาวมาก...ได้ซุปถ้วยนี้ไปมันช่วยเราได้เยอะเลยนะคะ ^^')

(อันนี้ส่งท้ายค่ะ...ภาพรวมการปิ้งการย่างของแก็งค์เรา!!! สำราญมากๆ ค่ะมื้อนี้  ^___^)




สรุป

รสชาติ :  สำหรับเรามันดีมากค่ะ (5/5 คะแนน)

ราคา :  เหมือนจะค่อนไปทางราคาสูง แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพแล้ว เราว่าคุ้มอยู่นะคะ (4.5/5 คะแนน)

บรรยากาศ :  ดีเลยค่ะ ร้านใหญ่โอ่โถงมากๆ (5/5 คะแนน)




>> สรุปโดยรวมแล้ว ไปโดนเถอะค่ะร้านนี้ ไปถึงถิ่นเค้าแล้วก็ไปลองสักนิดนะคะ แล้วจะไม่ผิดหวัง ^___^



. . . . .



. . . . 



. . . 



. . 






พรุ่งนี้เราจะไปลุยตลาดที่ TAKAYAMA กันค่ะ...


.



. .



. . .



. . . . 



. . . . . 



- o i l i i e -












 

Create Date : 24 ธันวาคม 2558    
Last Update : 3 มิถุนายน 2559 14:45:57 น.
Counter : 1456 Pageviews.  

ตอนที่ 4 ไปโตเกียวกันเถอะ! (PART 3/3)




วันที่ 3 วันชิวๆ ในโตเกียว







08.30 น. มุ่งหน้าสู่ศาลเจ้าเมจิ (MeijiJingu


(เส้นทางไปศาลเจ้าเมจิ นั่ง JR Yamanote Line ไปลงฮาราจูกุเลยค่ะ)




>> ถึงสถานีฮาราจูกุแล้วให้เดินออกที่ทางออก Omotesanso ค่ะ 


เมื่อขึ้นมาด้านบนแล้วจะเจอสะพานข้ามทางรถไฟ ให้เดินข้ามสะพานมาแล้วเลี้ยวขวาก็จะถึงทางเข้าของศาลเจ้าเมจิ


ตัวศาลเจ้าจะติดกับสวนโยโยกิ (Yoyogi Park) และบริเวณทางเข้าจะมีเสาโทริอิขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า




ข้อมูลของศาลเจ้าฯ

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

เวลาเปิด-ปิด: 9.00น. - 16.30 น. หยุดตามวันหยุดราชการ

วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

(หน้าทางเข้าศาลเจ้าเมจิค่ะ...ตรงนี้เป็นเสาโทริอิ...ขนาดใหญ่มากๆ ทุกอย่างใหญ่หมดค่ะ...ต้นไม้ก็ใหญ่มากกกก)



>> ตอนที่เราไปเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ...และตอนที่ไปถึงปรากฎว่าฝนตก ลมแรงมากค่ะ...พัดใบมงใบไม้ปลิวว่อนเลยค่ะ


จากทางเข้าตรงนี้ ลองมองไปทางด้านซ้ายมือนะคะ จะเห็นเป็นถนนทางเข้าเส้นเล็กๆ (ใครได้ไปช่วงนี้..อยากให้ลองเดินเข้าไปค่ะ)


พอเข้าไปแล้วเราจะได้รูปภาพแบบนี้ค่ะ


(เงียบสงบมาก ไม่ค่อยมีคนผ่านทางนี้ค่ะ...ว่าแต่ทำไมเราถ่ายภาพเอียงจัง -*-)



>> ยืนถ่ายรูปกันสักพักใหญ่ (มาก) ได้เวลาเดินเข้าไปข้างในกันบ้างแล้วหละค่ะ...ไม่งั้นวันนี้คงจะได้อยู่ที่นี่กันทั้งวันแน่ๆ -*-



>> ได้เวลาเดินเข้าข้างในกันดีกว่าค่ะ...รู้สึกเสียเวลาอยู่ทางด้านหน้าเกือบครึ่งชั่วโมงได้ -_-"



เดินเข้ามาได้นิดนึง เราเห็นมันมีถนนเล็กๆ เงียบๆ (มาก) เป็นทางแยกอยู่ซ้ายมือ 
(ซึ่งคนส่วนใหญ่เดินตรงมุ่งหน้าเข้าสู่ศาลเจ้า ไม่มีใครเลี้ยวเข้าทางนี้เลยค่ะ)



แต่แกงค์เราไม่ค่ะ!!!!...ทั้งแกงค์นี่เดินปรี่เข้าไปในถนนเล็กๆ พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ขามันพาไปเองค่ะ 
(เรื่องซอกแซกขอให้บอก มีรู มีตรอก มีซอก มีซอยตรงไหน แกงค์เราเข้าหมด!!)

(เข้าไปปุ๊บ...ก็จะเจอกับบรรยากาศแบบนี้ตามภาพเลยค่ะ อารมณ์เหมือนอยู่ในนิยายเลยค่ะ บรรยากาศดีมาก ^^)

(ถ่ายรูปกันจนหนำใจ สักพักก็กลับเข้าสู่เส้นทางหลักเดินตามชาวบ้านชาวช่องเค้ากันบ้างนะคะ)


...เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับภาพแบบนี้ค่ะ ซึ่งระหว่างที่เราเดินจะได้ยินเสียงลมดังอู้ๆ ตลอดเวลาค่ะ

(ลองก้มมองพื้นบ้างอะไรบ้าง จะเจอกับกองใบเมเปิ้ล (ใช่รึเปล่านะ...ติ๊ต่างว่าใช่) กองอยู่เต็มพื้นเลยค่ะ ลองหยิบขึ้นมาเก็บภาพสักหน่อย)





>> จะบอกว่ามีอยู่เช้าวันหนึ่ง..เราไปเดินที่ตลาดสดแถวโอซาก้า เราเห็นมีคนเอาใบเเมเปิ้ลแบบนี้มาขายด้วยค่ะ..เค้าขายเป็นถาดโฟม


ถาดละ 600 เยนแหนะค่ะ!!!...แล้วคิดดูค่ะ ที่ทางเข้าศาลเจ้าเมจินี่มีใบเมเปิ้ลอยู่เป็นกอง!!!! ถ้าเก็บไปขายหมดนี่รวยเลยนะคะ!!!!!  >___<

(เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับถังสาเกจำนวนมาก อยู่ทางขวามือค่ะ)

(มองไปทางฝั่งซ้ายก็จะเจอถังไวน์จำนวนมากค่ะ)

(เดินไปอีกนิด ก็จะเจอเสาโทริอิอีกค่ะ มีอยู่เรื่อยๆ มาที่นี่รับรองได้กดชัตเตอร์กันรัวๆ เลยค่ะ..กว่าจะเดินถึงตัวศาลเจ้า ใช้เวลากันนานมากกกกก)

(เงยหน้าสักนิดจะได้เห็นภาพเหล่านี้ค่ะ ที่นี่ไม่ได้สวยแค่บรรยากาศรอบข้างนะคะ..จะพื้น จะฟ้า จะป่า จะอะไรต่างๆ นาๆ ก็ดูสวยไปหมดค่ะ ^__^)

(เอาหละค่ะ เดินมากันมาจนถึงหน้าศาลเจ้าแล้ว..อย่าลืมล้างมือ บ้วนปากกันก่อนเข้านะคะ)

(ก่อนจะเข้า...แวะถ่ายรูปตรงมุมนี้อีกสักนิดนะคะ // มุมนี้ถ่ายรูปออกมาสวยดีค่ะ ^^)

(ในที่สุดก็ถึงแล้วค่ะ...ศาลเจ้าเมจิ...)




11.00 น. ไปเดินเล่นที่ถนน Takeshita กันค่ะ

>> ร้านที่ไม่ควรพลาดเลยสำหรับที่นี่คือ Daiso ค่ะ เพราะที่นี่ใหญ่มากค่ะ ใช้เวลาพอสมควรเลยนะคะ


(ในส่วนนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปอะไรไว้เลยค่ะ เจอผู้คน เจอร้านค้าเยอะแยะ กล้องนี่ลืมแตะไปเลย -*-)



(มารู้ตัวอีกทีกมาอยู่หน้าร้านเครปละค่ะ มาย่านนี้เค้าว่าให้ลองชิมเครป)




>> ร้านนี้ชื่อร้าน Sweet Box ค่ะ ไปถึงเราก็ยืนเลือกเครปที่เราชอบที่หน้าร้าน (ตามรูปเลยค่ะ)


เลือกได้แล้วก็แจ้งพนักงาน / จ่ายเงิน / รับใบเสร็จ / รอรับของ  เปนอันเรียบร้อยค่ะ


(เครปที่เราสั่งคือ Sweet Potato Cream ค่ะ)


>> จริงๆ ราคา Sweet Potato Cream ปกติจะ 500 เยน  แต่เราเพิ่มไอศกรีมด้วยราคาก็จะอยู่ที่ 550 เยนค่ะ


รสชาติเครปอันนี้จะบอกว่ามันอร่อยมากค่ะ ดูหน้าตาทีแรกกลัวว่าจะหวานและเลี่ยน


พอชิมเข้าไปเท่านั้นแหละ ผิดคาดค่ะ!!!! เราตักมันกับไอศกรีมพร้อมกัน อร่อยมากจริงๆ ค่ะ ไม่หวาน และไม่เลี่ยน กำลังดีมากค่ะ


ถ้าใครมาย่านนี้ก็อยากให้ลองสั่งมาชิมสักอันค่ะ ^^




สรุป


รสชาติ :  กลมกล่อม อร่อยไม่หวานและเลี่ยนจนเกินไป (4.5/5 คะแนน)


ราคา :  อยู่ในเกณฑ์ปานกลางทั่วไปค่ะ (3.5/5 คะแนน)


บรรยากาศ :  อันนี้คือต้องเดินกินเท่านั้นค่ะ ไม่มีนั่งร้านนะคะ (3/5 คะแนน)





13.00 น. กลับไป Shopping ยาวๆ กันต่อที่ตลาด Ameyoko กันเถอะค่ะ




>> มาถึงก็ดิ่งไปที่ตลาดกันเลยค่ะ

(อันนี้เป็นทางเข้าตลาดค่ะ  ยืมรูปมาจากเวป ilove to go มาค่ะ คือลำพังตัวเองเจอร้านเยอะแยะ ลืมเก็บภาพเลยค่ะ -*-)




>> ตลาดนี้  เปิด-ปิด : ทุกวัน10.00-22.00 น. ค่ะ


>> ทางซ้ายเป็นของสด / ส่วนทางขวาเป็นของฝากนะคะ  (แต่เวลาเดินจริงๆ ก็เดินมันทั้งสองฝั่งแหละค่ะ ><)


>> คือจะบอกว่าลืมถ่ายรูปบรรยากาศโดยรอบของตลาดมาให้ดูกันแหละค่ะ มัวแต่ชอปของพะรุงพะรัง ต้องขออภัยจริงๆ นะคะ -/l-



รู้แต่ซื้อเสร็จกระเป๋าเดินทางนี่ซิปแทบแตก ส่วนกระเป๋าสตางค์นี่แฟ่บทันตาเห็น T^T (ซื้อของประหนึ่งผีเข้าค่ะ..หยุดไม่ได้จริงๆ)




18.00 น. มื้อเย็นแล้วค่าาาาา


>> บอกแล้วค่ะ วันนี้วันชิว เที่ยวใกล้ๆ วันนี้เราเน้นเที่ยว กิน ชอป สบายๆ แต่ได้ทุกอย่างครบเลยในวันเดียวค่ะ ^___^



>> ตั้งแต่มาเหยียบที่นี่ เรายังไม่ได้กินซูชิกันเลยค่ะ...สักหน่อยนะคะสักหน่อย วันนี้จะพาไปกินซูชิหน้าทะลักกันค่ะ


"ชื่อร้าน Miuramisaki Kou Sushi ค่ะ "

(บรรยากาศภายในร้านค่ะ)




>> อ่อ...ลืมบอกพิกัดร้านค่ะ...คือเดินเข้าซอยยูนิโคลมานิดนึงค่ะ หน้าร้านจะมีรูปซูชิหน้าทำลักอยู่ เห็นปุ๊บก็เดินเข้ามาได้เลยค่ะ

(ร้านนี้เป็นซูชิจานหมุนค่ะ ราคาแต่ละจานจะไม่เท่ากัน ราคาจะแปะที่หน้าที่นั่งเลยค่ะว่าแต่ละจานราคาเท่าไหร่)



>> โดยราคาจะอยู่ที่ 100 เยน ถึง 660 เยนค่ะ (จัดว่าเป็นซูชิที่ราคาถูกมากค่ะ!!!!)



>>  เข้าไปถึงก็หาที่นั่ง กดน้ำร้อนใส่ผงชาชงเองได้เลยนะคะ ^^



>> เราไปดูหน้าตาซูชิกันค่ะ

(เริ่มต้นด้วย Negitoro เป็นเนื้อปลาส่วนสีแดงสับผสมกับต้นหอมค่ะ)



>> จานนี้เราว่าค่อนข้างมีกลิ่นเฉพาะตัวค่ะ..เราว่าเรากินจานนี้แล้วเรายังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นะคะ


สำหรับเรา...เราว่ากลิ่นจะออกแนวคาวนิดหน่อยค่ะ 

(จานนี้โอโทโร่ค่ะ)


>> จานนี้รสชาติจัดว่าโอเคเลยนะคะ อร่อยใช้ได้ค่ะ...แต่ถ้าให้พูดถึงความสด อาจจะยังไม่มากเท่าที่ควรค่ะ

(จานนี้เป็น Trio Salmon ค่ะ)


>> รสชาติจานนี้ก็จัดว่าอร่อยค่ะ ภายในจานนี้จะมีปลาแซลมอล 3 แบบค่ะ คือแบบดิบ / แบบรนไฟ / และแบบราดมายองเนสค่ะ

(อันนี้เป็น Unagi Sushi ค่ะ)


>> จานนี้จัดว่าอร่อยเลยหละค่ะ...เราว่าอร่อยที่สุดในบรรดาทุกจานที่เรากินในวันนี้เลยแหละค่ะ ^^

(อันนี้เป็นปลาไหลหน้าทะลักทะลายค่ะ...คือตอนเห็นนี่ตาโตมาก คือหน้ามันล้นมากจริงๆ ค่ะ)



>> ถ้าถามเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคา จานนี้ถูกกว่จานบนอีกนะคะ...แต่สำหรับเรา เราชอบรสชาติของจานบนมากกว่าค่ะ


อันนี้จะออกแนวเป็นเศษปลาไหลชิ้นเล็กๆ เป็นกองพะเนินอยู่บนข้าวปั้นค่ะ (แต่ถือว่าคุ้มค่านะคะ)

(จานนี้ Hotate Nigiri ค่ะ)



>> จานนี้ก็จัดว่ารสชาติดี ควรหยิบลงมาลองชิมกันดูค่ะ

(จานนี้เราไม่แน่ใจว่าเป็น Engawa หน้าทะลักหรือเปล่านะคะ...แต่น่าจะใช่นะ)



>> จานนี้เห็นในรีวิว หลายคนชอบค่ะ...แต่สำหรับเรา..เรายังไม่ค่อยโอเคอ่าค่ะ กินไม่หมดด้วย (ไม่รู้ว่าอิ่มหรืออะไร) -*-




สรุป


รสชาติ :  กลางๆ ค่ะ อร่อยเป็นบางเมนู อยู่ที่เราเลือกมากกว่า และถ้าพูดถึงความสด เราว่ายังไม่ถึงขั้นเท่าไหร่ค่ะ(3/5 คะแนน)


ราคา :  อันนี้จัดว่าเป็นซูชิราคาถูกเลยค่ะ ราคาสบายกระเป๋ามากเมื่อเทียบกับปริมาณ (4/5 คะแนน)


บรรยากาศ :  ก็เป็นแบบร้านซูชิจานหมุนทั่วไป สังเกตว่าร้านจะคล้ายๆ กัน คือค่อนข้างจะเล็กหน่อยค่ะ (3/5 คะแนน)




. . . . .



. . . .



. . . 



. .



.



วันนี้เราเข้าที่พักกันเร็วหน่อยค่ะ รีบกลับไปจัดของ และที่สำคัญ พรุ่งนี้เราจะตื่นกันตั้งแต่ไก่โห่เลยค่ะ 



Next Station TAKAYAMA ค่าาาาาาาา  ^___^


.



. . 



. . .



. . . . 



. . . . .



- o i l i i e -









 

Create Date : 23 ธันวาคม 2558    
Last Update : 3 มิถุนายน 2559 14:42:27 น.
Counter : 1072 Pageviews.  

ตอนที่ 3 ไปโตเกียวกันเถอะ! (PART 2/3)




วันที่ 2 ไปดูฟูจิซังใกล้ๆ กันเถอะ :)












07.30 น. ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไป Kawaguchiko กันค่าาาาา


(อันนี้เป็นแผนการเดินทางไปวันนี้ค่ะ...)



อ่อ..ลืมบอก...วันนี้เราเพิ่งเปิดใช้ JR PASS วันแรกนะคะ...เราจองที่นั่งทั้งทริปแล้วเรียบร้อยค่ะ



. . . . . ก่อนขึ้นรถไฟแนะนำให้ซื้อข้าวกล่องที่สถานีขึ้นไปนั่งกินบนรถไฟด้วยนะคะ เพราะใข้เวลาเดินทางพอสมควร . . .  . .




(อันนี้เป็นหน้าตาข้าวกล่องที่เราซื้อมาค่ะ อันนี้เราซื้อจากสถานี Ueno ถ้าใครซื้อไม่ทัน ไปซื้อที่สถานี Shinjuku ก็ได้นะคะ พอมีเวลาเหลือ)

- กล่องแรกด้านบนเป็น Steak เนื้อค่ะ...อร่อยบอกต่อค่ะ (แต่ต้องยอมรับนิดนึงนะคะ..ว่าข้าวกล่องมันจะเย็นค่ะ..ไม่ร้อนเลย..แต่รสชาติดีค่ะ)

- กล่องที่ 2 นี่กล่องข้าวเด็กน้อยค่ะ..แต่คนกินนี่ตัวไม่น้อยแล้วนะคะ..ที่กินไม่ใช่อะไรค่ะ..อยากได้กล่อง!!!!!! ฮ่าๆๆๆๆ




สรุป

ข้าวกล่องที่ญี่ปุ่นเวลาเราไปซื้อเค้าจะให้ดูแบบค่ะ แล้วหยิบกล่องของจริงข้างๆ เอาไปจ่ายเงินค่ะ

จะบอกว่าของญี่ปุ่นตัวม็อคอัพหน้าตาเป็นยังไง เวลาเปิดกล่องมาก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ เลยค่ะ (แจ๋วมาก)

คือไม่เหมือนของไทยบางเจ้าค่ะ (ไม่ได้อยากจะว่าของประเทศตัวเองเลยนะคะ..แต่ขอนิดเถอะค่ะ)

ดูหน้าตาในแบบนี้ โอ้โหหห...เนื้อชิ้นโต..สมบูรณ์พูลผล!! อินี่ก็ซื้อเอาๆ..คืออยากมาก (หน้าตาในแบบมันดีมากค่ะ)

แต่พอเปิดไปข้างในของจริงเท่านั้นแหละ...สะเทิือนไปถึงไตเลยทีเดียว!!!! (นั่นเนื้อหรือวิญญานเนื้อคะ!!! เอาเงินหนูคืนมาาาาาาาา  T^T)




... แอ่ะ...นอกเรื่องมาไกลเลย......เด๋วขอสรุปรสชาติข้าวกล่องแปบ!!!




รสชาติ :  จัดว่าดี  อร่อยเลยนะคะ...แต่ติดว่าเย็นไปนิด ถ้าอุ่นๆ หน่อยนี่เยี่ยมเลยค่ะ (4/5 คะแนน)

ราคา :  รับได้ค่ะ ไม่ได้แพงเว่อร์ สมราคาค่ะ (4/5 คะแนน)

บรรยากาศ : อันนี้ไม่ขอลงคะแนนละกันค่ะ เพราะไม่ได้มีนั่งกินที่ร้านเนาะ..นั่งกินกันบนรถไฟอ่าเนาะ ^^"





. . . . .  แล้วก็กลับมาสู่การเดินทางไปทะเลสาบ Kawaguchiko กันต่อนะคะ . . . . . 




จากแผนการเดินทางวันนี้ มันจะมีจุดงงอยู่ตรงนึง คือ..ที่สถานี Otsuki ค่ะ...เมื่อถึงสถานีนี้ให้เดินลงมาค่ะ


แล้วจะเจอกับผู้คนมากมาย..หากใครมีบัตร Suica แล้ว ให้ไปที่ตู้หยอดตั๋ว ซื้อตั๋วเพิ่มแค่ 200 เยนค่ะ 
(แต่เราอ่านรีวิวไปเค้าซื้อ 300 เยนกันอ่าค่ะ..นี่ก็ยังคงงงอยู่นะคะ...ใครรู้บอกเราที ><)


แต่อันนี้เจ้าหน้าที่เค้ากดให้เราแค่ 200 เยนเองค่ะ (กว่าจะสปี๊คกันรู้เรื่อง เกือบตกรถแหนะค่ะ -*-)


เวลาเข้าก็แตะบัตร Suica + ยื่นตั๋ว 200 เยนที่กดมาให้เจ้าหน้าที่ดู  ก็วิ่งขึ้นรถไฟได้เลยค่ะ



--- และในส่วนของใครที่ไม่มีบัตร Suica ให้กดตั๋วเพิ่มค่ะ ราคาอยู่ที่ 1,140 เยนค่ะ (รวมเป็นตั๋ว 2 ใบนะคะ คือ 1,140 เยน + 200 เยน)


เวลาจะขึ้นรถไฟก็คล้ายๆ คนที่มีบัตร Suica ค่ะ คือยื่นตั๋วราคา 1,140 เยน กับ 200 เยน ให้เจ้าหน้าที่ แล้ววิ่งขึ้นรถไฟได้เลยค่ะ


ปล.ตั๋วนี่เก็บดีๆ นะคะ ระหว่างนั่งรถไฟจะมีเจ้าหน้าที่เดินตรวจค่ะ




10.40 น. ถึงแล้วค่า Kawaguchiko

ถึงสถานีปุ๊บ...สิ่งแรกที่เราทำเลยคือซื้อตั๋วรถ Retro Bus ค่ะ


(หน้าตาตั๋วประมาณนี้ค่ะ..)




คือที่นี่เรามาครั้งแรกค่ะ..อาจจะงง ไปสักหน่อย (งงว่า มันไม่มีตั๋ว 1 Day หรอ..เราได้ตั๋ว 2 Day มาค่ะ..ใครไปลองถามเค้าดูนะคะ) 


ราคาตั๋วในรูปนี้อยู่ที่ 1,200 เยนค่ะ เค้าจะให้มาพร้อมกับตารางเวลาเดินรถ 


แว่บแรกที่เห็นค่ารถ Retro Bus บอกเลยค่ะ...แอบรู้สึกโง่...นี่เราน่าจะจ่ายราคาตามป้ายเอานะ น่าจะคุ้มกว่า (แอบคิดในใจ)


แต่พอจบทริป มานั่งคำนวณ ไม่โง่ค่ะ ไม่โง่...ราคาจ่ายตามป้ายที่เราไปกับแบบตั๋วเหมาอันนี้พอๆ กันค่ะ ^^


>> พอได้บัตร Retro Bus เรียบร้อยแล้ว ให้เดินออกมาข้างหน้าสถานีเลยค่ะ...เค้าจะให้เรายืนต่อแถว


เลือกยืนให้ถูกแถวนะคะ...เลือก Red Line นะคะ..(ถ้าใครไม่มั่นใจ ถามเจ้าหน้าที่เค้าได้ค่ะ)


(อันนี้เป็นหน้าตารถ Retro Bus ค่ะ...แต่ถ้าใครไม่เจอหน้าตาแบบนี้ไม่ต้องตกใจนะคะ...

ตอนที่ไป..เราเห็นเค้ามีแบบอื่นด้วยค่ะ หน้าตาสมัยใหม่...แต่เราดันลืมถ่ายรูปมาอ่า..มัวแต่ยืนหาแถวอยู่ ><)

รถจะคันสีแดงๆ ค่ะ (แบบใหม่หนะค่ะ)





(อันนี้เป็นหน้าตารารางรถ Retro Bus อันใหม่ค่ะ...สถานีจะเปลี่ยนจากสถานีเก่านิดหน่อยค่ะ)

...อันนี้รูปเอามาจากเพจพี่ผู้ชายคนนึงค่ะ..ก่อนไปเที่ยวเราเซฟๆ ตารางนี้เก็บไว้ 

(นี่เลยขออนุญาตเอามาลงนะคะ..คืออยากจะแปะเครดิตพี่เค้าไว้..เค้ารีวิวดีค่ะ จำได้ลางๆ แต่คือจำไม่ได้แล้วว่าเอามาจากเพจไหน..เยอะมากจิมๆ ค่ะ -*-)





. . . . . สถานีแรก สถานีที่ 11 Sightseeing Boat / Rope way Ent. . . . . . .



>> ที่แรกนี้...เราเห็นแขกไปใครมาก็ต้องมาแวะที่นี่กันเกือบหมดเลยค่ะ...


ใครที่ยังไม่เคยนั่ง Rope way ก็นาสนใจนะคะสำหรับสถานีนี้...แต่เราเคยนั่งแล้ว...เรารู้สึกไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่กับสถานีนี้ค่ะ



พอเดินลงไปจะมี 2 ฝั่งค่ะ

 - ฝั่งนึงปั่นเรือเป็ด (อันนี้เราอยากมากค่ะ..แต่เดอะแกงค์ดูไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่..เลยอดไปตามระเบียบค่ะ เค้าว่าไปปั่นสวนลุมก็ได้ T^T)

- ส่วนอีกฝั่งเป็น Rope way ค่ะ (อันนี้แหละค่ะที่เค้าฮิตๆ มาดูกระต่าย กับทานุกิกัน) - ค่า Rope way ไป-กลับประมาณ 700 เยนค่ะ




ขึ้นไปถึงจะเจอบรรยากาศ อะไรประมาณนี้ค่ะ!!!


(รีบถ่ายก่อนเลยค่ะ...ฟูจิซัง...แต่เดี๋ยวไปสถานีหน้าก็จะมีมุมถ่ายเจ๋งๆ กว่านี้ค่ะ..ถ้าฟ้าเปิดนะ...อันนี้ตอนเราไปครึ๊มมากค่ะ..เลยรีบจัดก่อน)

(อันนี้เป็นกระต่าย กับทานุกิค่ะ...ก่อนไปอ่านประวัติไปนิดนึงก็ดีค่ะ...จะได้ไม่งงว่า...ทำไมต้องเป็นเจ้า 2 ตัวนี้นะ)

(เดินไปอีกนิดจะเจอมุมนี้เลยค่ะ The Bell of Tenjo)

จุดนี้เค้ามีความเชื่อกันว่า ถ้ามองภูเขาไฟฟูจิผ่านกรอบรูปหัวใจแล้วสั่นกระดิ่ง คำอธิษฐานจะเป็นจริงค่ะ 

(เดินขึ้นไปอีกนิดก็เจอมุมนี้เลยค่ะ...มุมฮิต...เปิดดูรีวิวไหน...เจอมุมนี้ตัลหลอดดด...นี่เลยเอกะเค้ามั่ง...นิดนุง ^^')



>> นี่แหละค่ะ..รูปสำหรับสถานที่นี้ของเรา...ถ่ายมาได้แค่นี้เอง...คือไม่ร้จะถ่ายมุมไหนดี



>> โดยรวมของที่นี่....เราเฉยๆ นะ..ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย...ถามว่าจุดนี้ต้องแวะมั้ย...

สำหรับเรา...คือ..มาก็ได้ ไม่มาก็ได้นะคะ..ไม่ได้หวือหวาอะไร..เฉยๆ มากค่ะ




>> อ่อ...พอลงมาจาก Rope Way แล้ว ข้างๆ จะมีร้านขายของฝากนะคะ...เราแอบซื้อคุ๊กกี้ ฟูจิซังมาลองชิมดูค่ะ

(นี่ค่ะ หน้าตาคุ๊กกี้ฟูจิซังค่ะ...เราซื้อรส Earl Grey กับ Almond มาลองชิมค่ะ)




>> รสชาติเฉยๆ ค่ะ...ถามว่าต้องซื้อกลับบ้านมามั้ย...สำหรับเรา..เรายังไม่ซื้อกลับอ่าค่ะ...


แนะนำ...ให้ลองซื้อมาชิมสักอันสองอันให้พอรู้รสก่อนนะคะ...ถ้าอร่อยค่อยซื้อกลับค่ะ  :)







. . . . . . สถานีที่สอง สถานีที่ 17 Kawaguchiko Music Forest Museum . . . . . .



>> อันนี้เออกแนวเหมือนเราเดินเข้าใปในกล่องเพลงเลยค่ะ...เข้าไปได้ยินแต่เสียงกล่องเพลงตลอดเลย...


สถานที่ข้างในถือว่าสวยเลยทีเดียวค่ะ...อ่อแต่มีค่าเข้านะคะ ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 1,500 เยนค่ะ (ตอนรีวิวเค้าว่า 1,300 เยน สงสัยขึ้นราคามั้งคะ)


พอเข้าไปถึงเราก็ซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปค่ะ แล้วเค้าจะให้ตารางเวลาของรอบการแสดงมาให้ค่ะ



(เข้าไปถึงก็จะเจอแบบนี้ึ่...ต้องสารภาพว่า...ตอนเข้าไปในนี้เราถ่ายรูปน้อยมากกก...คือมัวแต่เดินดูเพลิน)

เดินไปเดินมา...แว่บไปกินไอติม...มือแข็งงงงงง...หนาวไปอี๊กกกก...ถ่ายรูปไม่ไหวอีํก ง่อยกินนิ้วมือ   -*-

(นี่เลยค่ะตัวการทำให้หนาวยะเยือก...นิ้วแทบม่วงเลอ)



แต่จะบอกว่าตัวซอฟไอศกรีมเวลากินคู่กับตัวโคนนะคะ...อร่อยมากกกกกกกกก++


แนะนำค่ะ...ลองสักหน่อย...อร่อยจริงๆ ราคาประมาณ 500 เยนค่ะ
(กินไอติมเสร็จ...หนาวค่ะ!!!...เลยต้องต่อด้วย Caramel Macchiato ร้อนอีกนิดค่ะ...)



จะบอกว่ากาแฟเค้าก็ดีนะคะ...แต่จำราคาแก้วนี้ไม่ได้ละอ่า..หอมใช้ได้เลยค่ะ...คอกาแฟลองสักนิดก็ดีนะคะ ^^

(ระหว่างยืนจิบๆ กาแฟอยู่ ก็ได้เวลาแสดงพอดีค่ะ)



>> ช่วงที่เราไปเป็นช่วงใกล้คริสมาสต์พอดีค่ะ..การแสดงนี้คุณลุงซานต้าแกออกมาเป็น Conductor ค่ะ


ตัวน้ำพุก็แสดงลวดลายตามคุณซานต้าเลยค่ะ...ดูเพลินๆ น่ารักดีค่ะ..เราชอบ ^^

(อันนี้เป็น Entrance Hall ค่ะ...อ่านรีวิวไป..เค้าบอกว่าจะมีแสดงออแกน อลังการมาก...

แต่ตอนรอบเราไปเป็นการเล่นดนตรีพวกไวโอลิน กับอีกมุมเป็นโชว์วาดทรายเรื่อง Pinocchio ค่ะ)

(อันนี้คือ Main Hall ค่ะ..ห้องนี้จะมีเครื่องเล่นดนตรีอัตโนมัติขนาดใหญ่บะเริ่มเลยค่ะ)




>> พอเข้าไปพิธีกรก็จะพูดๆ (เราแปลไม่ออกร๊อก..นั่งทำตาปริบๆ) สักพักเครื่องดนตรีขนาดยักษ์ก็เริ่มบรรเลงค่ะ


เราก็ฟังไปเพลินๆ พอฟังจบ...พิธีกรก็ขึ้นมา..พร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมาแสดงโอเปร่าค่ะ...


เรา & เดอะแกงค์เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ปุ๊บ..สะกิดๆ กันเลย "แกๆ เหมือนครูอ้วนเลยอ่า..ว่าแมะ?"


คือจะบอกว่าเหมือนจริงอะไรจริง...อินี่ซุบซิบกันยังไม่ทันเสร็จ..นางก็กรีดกรายๆ แล้วเปล่งเสียงโซปราโนออกมา...


"แม่เจ้า....อินี่หุบปากเกือบไม่ทัน" .....ตะลึงตึง..นั่นคนหรือนกหวีด!!!! 

(นี่ค่ะ..ครูอ้วนที่เราพูดถึง....พลังนางสุดยอดมหาศาลก่ายกองมาก...อึ้งไปเลอ...)




>> พอจบการแสดงนี้เราก็เดินชมนกชมไม้อีกนิดๆ หน่อยๆ ก็มุ่งสู่สถานีถัดไปละค่ะ




. . . . . . สถานีสุดท้ายของวันนี้ค่ะ สถานีที่ 22 Kawaguchiko Shizen Seikatsakan . . . . . .

(ลงจาก Retro Bus มาก็เจอเลยค่ะ)





>> นี่ลงรถมาก็วิ่งปร๊าดไปถ่ายรูปฟูจิซังทันที...เค้าว่ากันว่า จุดนี้เป็นจุดที่ถ่ายรูปฟูจิซังที่สวยที่สุดค่ะ

(และภาพที่ได้.....อยากจะร้องไห้ให้ลืมบ้านไปเลย...เมฆนี่ครึ้มมาเลยครัช!!! แปบเดียวเท่านั้นแหละ..คุณพระ!!! ฝนตก!!!!!!!)




>> อินี่รีบวิ่งหน้าตั้งเข้าร้านขายของที่ระลึกข้างๆ นั่นเลยค่ะ..เพิ่งไปได้แปบเดียว กลัวไม่สบาย เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกค่ะ


และอยากจะบอกว่า...มันหนาวมากกกกกกกกกกกกกกกก!!!!....ถุงร้อน ถุงมือ Mask ถุงเท้า..แทบไม่มีประโยชน์ค่ะ!!! 


แต่พอเดินเข้ามาในร้านขายของที่ระลึกเท่านั้นแหละ...อย่างกับคนละโลกเลยค่ะ..อุ๊น..อุ่นนน ><
(แต่เค้าว่า...หนามยอกให้เอาหนามบ่งค่ะ...หนาวมาก....อินี่จัดซอฟครีมบลูเบอรีไปอีกโคนค่ะ - 300 เยนค่ะ)




>> แถมออกไปนั่งกินข้างนอกหนาวๆ ด้วยนะเออ...เอาซี๊!!!!! (แทบจะแข็งตายค่ะ!!!! -*-)


รสชาติของซอฟครีมอันนี้เราว่า.........มันคือยาแก้ไอเด็กรสหวานฉบับไอศกรีมค่ะ!!!!! (พอนึดรสชาติออกมั้ยคะ??)


เราว่า...สำหรับเรา..เราไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ค่ะ..แต่บางคนเค้าก็ชอบนะคะ....



... อ่อจะบอกว่าเค้าไม่ได้มีแค่รสบลูเบอรีอย่างเดียวนะคะ..เค้ามี 3 แบบค่ะ  คือ


1. รสบลูเบอรี / 2.รสนม / 3. รสบลูเบอรีผสมกับนมอย่างละครึ่ง  ค่ะ





>> กินเสร็จ ซื้อของฝากโน่นนี่เสร็จ...ก็ได้เวลากลับแล้วค่ะ..บาคนอาจจะพักที่นี่สักคืนแช่ออนเซนก็ได้นะคะ


แต่เราไม่ได้จองที่พักที่นี่ไว้เลย....แอบเสียดายนิดนึง..เราว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาฮันนีมูนมากค่ะ 


คือจะเงียบ สงบ หนาวๆ แช่ออนเซนอุ่นๆ มองฟูจิซัง...ดีงามค่ะ ^^




. . . . . . สบายใจแล้วก็กลับกันค่าาาา . . . . . . 


>> อันดับแรก รอ Retro Bus มารับ แล้วนั่งไปลง Kawaguchiko Staton เลยค่ะ (นั่งยาวๆ เลย)


>> พอถึงสถานี  Kawaguchiko Staton แล้ว ให้เดินไปกดตั๋ว 200 เยนที่ตู้เหมือนตอนขามาเด๊ะๆ นั่นแหละค่ะ
(ทำตามสเต็ปเดิมเลย)


(นั่งมาลงที่ชินจูกุกันค่ะ...วันนี้เราจะหาข้าวเย็นกินที่แถวนี้กันนะคะ)
(ออกมาจากสถานี...ก็จะเจอตึกรูปร่างแบบนี้ค่ะ...สวยงามตามท้องเรื่องค่ะ..เราชอบตึกประเทศนี้มากค่ะ..หลากหลายดี ^^)




>> มื้อเย็นวันนี้ สำหรับเรา & เดอะแก็งค์เป็นมื้อฟรีสไตล์ค่ะ เดินเจออะไร  อยากกินก็เข้าเลย


เดินๆ ไปเราก็บ่นๆ "แกๆ อยยากกินแกงกะหรี่อ่า..." เงยหน้ามาก็เจอร้านี้เลยค่ะ

(ชื่อร้าน Go Go Curry ค่ะ...สัญลักษณ์เป็นคิงคอง)




>> พอเดินเข้าไปในร้าน ไม่ได้เจอโต๊ะเก้าอี้นะคะ...แต่จะเจอเจ้านี่แทน



(ตู้กดสั่งอาหารอัตโนมัติค่ะ...อยากได้หน้าอะไร Topping อะไรกดแหลก..แล้วจ่ายเงินตามจำนวนค่ะ)

อันนี้ยืมรูปมาจาก เที่ยวญี่ปุ่น.คอมค่ะ



>> หยอดเงินจ่ายตังค์เสร็จจะได้ตั๋วอาหารออกมา..ให้หยิบแล้วเดินขึ้นชั้น 2 ไปเลยค่ะ...ชั้น 2 นี้จะมีโต๊ะเก้าอี้ ให้เลือกนั่งตามสบายค่ะ


ไม่นานอาหารที่สั่งก็มาค่ะ

(หน้าตาแกงกะหรี่ของแก็งค์เราค่ะ)




>> เวลาอาหารมาเสิร์ฟพนักงานจะขอดูตั๋วที่สั่งอาหารของเรา แล้วฉีกออกไปครึ่งนึง เท่านี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 



ร้านนี้บริการตัวเองนะคะ...เดินไปกดน้ำเอง เติมกะหล่ำ  เติมซอส  น้ำจิ้มๆ โน่นๆ นี่ๆ ตามใจชอบค่ะ


ส่วนเรื่องของรสชาติ....อร่อยค่ะ!!!!! เฟิร์มค่ะ....กินกันเกลี้ยงทุกคนค่ะ...ดีงามมาก...


นี่เดินไปเติมกะหล่ำกันอย่างกะเดินพาเหรดแหนะค่ะ (นี่ก็เว่อร์..แฮ่!)





สรุป

รสชาติ :  ดีงามค่ะ..คอแกงกะหรี่ควรมาโดนค่ะ (5/5 คะแนน)

ราคา :  ราคาก็ดีงามสมราคาค่ะ (5/5 คะแนน)

บรรยากาศ :  ร้านอาจจะแคบนิดนึง แต่โอเคค่ะ ไม่ได้อึดอัด (4/5 คะแนนค่ะ) 






. . . . . . . เดินย่อยกันหน่อยนะคะ ย่านนี้ร้านรวงเยอะเลยค่ะ . . . . . . .



>>  คนอื่นนี่เดินดูของค่ะ...ส่วนเรา  นี่เลยยยยยยยยยย!!!! ที่มาญี่ปุ่นนี้เพื่อการนี้เลยยยยย!!!

(คีบตุ๊กตาค่ะ!!!! นี่ดีใจมากตอนคีบได้..ไม่ได้นึกถึงตอนเอากลับเลย...จะเอากลับยังง๊ายย...ตัวบะเร่อ บาร่า

//อีกอันที่ขาดไม่ได้เลยคือ หยอดกาชาปองค่ะ!!!!) 





>> ที่เงินหมดเนี่ยไม่ใช่ซื้อของ หรือกินข้าวอะไรนะคะ...หมดไปกับหยอดตุ๊กตาเนี่ยแหละค่ะ!!!! อดใจไม่ไหวจริงๆ -_-"


(เพิ่งมาสำเหนียกได้ตอนที่เปิดกระเป๋าที่บ้านเนี่ยแหละค่ะ...นี่ชั้นทำอะไรลงไปเนี่ย!!! ><)





 . . . . . . . ได้เวลากลับที่พักกันแล้วค่าาาาาาาาาา . . . . . .




(ถึงที่พัก...ถ้าใครได้พักที่พักเดียวกับเรา ก็กลับมาแช่ออนเซ็นได้ค่ะ..สบาย)




. . . . . .



. . . . 



. . . 



. .



.



หมดไปอีกวันนะคะ สำหรับโตเกียววันที่ 2 (ยังไม่เหนื่อยกันเนอะ ^^)  // ติดตามต่อได้ที่ PART 3 นะคะ



.



. .



. . . 



. . . .



. . . . . 




- o i l i i e -




























 

Create Date : 22 ธันวาคม 2558    
Last Update : 3 มิถุนายน 2559 14:38:26 น.
Counter : 2753 Pageviews.  

ตอนที่ 2 ไปโตเกียวกันเถอะ! (PART 1/3)



วันที่ 1 จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว)








00.00น. เดินทางออกจากสุวรรณภูมิมุ่งสู่สนามบินนาริตะ


09.00น. ถึงสนามบินนาริตะ

(อันนี้เผื่อเวลาต่อแถวผ่าน ตม.โน่นๆ นี่ๆ  แล้วนะคะ)


(หน้าตาสนามบินที่นาริตะค่ะ)



เมื่อออกจาก Gate ไปถึงให้มองหาจุดขายตั๋วรถไฟของค่าย Keisei ก่อนเลยค่ะ...ทริปนี้เราจะนั่ง Keisei Limited Express นะคะ


เรานั่งไปลง Ueno ค่ะ (ถ้าเราจำ ไม่ผิดนะ...มันไม่ได้นั่งยาวรวดเดียวนะคะ มันไปเปลี่ยนสถานีที่ Aoto แหละ แล้วข้ามฝั่งไปฝั่งตรงข้ามนะคะ) 


แล้วค่อยต่อไป Nippori หรือ Ueno (แต่เราแอบงง..เราหาข้อมูลจากอินเตอร์เนตก่อนไป เค้าบอกให้เรานั่งยาวไปถึง Ueno เลยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน


...สรุป...เลยค่ะ!!! ต้องนั่งรถกลับมาเปลี่ยนสถานีที่ Aoto นั่นแหละค่ะ)  




>> เวลาหลงหรือนั่งรถไฟผิดเวลาที่วางแผนไว้ไม่ต้องตกใจนะคะ เข้าเวปไซต์ของ Hyperdia เลยค่ะ นางจะบอกเสร็จสรรพว่าต้องทำอย่างไรต่อค่ะ




(อันนี้เป็นเส้นทางของประเภทรถต่างๆ และราคาเพื่อความเข้าใจง่ายขึ้นนะคะ)




(ส่วนอันนี้เป็นเส้นทางเดินรถของค่าย Keisei ค่ะ)



สรุปรายละเอียดของข้อมูลถไฟนะคะ Keisei Limited Express


เวลาให้บริการ : วันธรรมดา 7:44 – 21:31 น. วันหยุด 6:14-21:29 น.


ค่าโดยสาร : จากสถานี Narita Terminal 1-2 ไปยัง สถานี Keisei Ueno

ผู้ใหญ่ 1,030 เยนเด็ก 520 เยน


ใช้เวลา :70 นาที จากสถานี Narita Terminal 2 ไปยังสถานี Ueno







10.30 น. เข้าที่พักแถว Ueno ค่ะ 

เราพักที่โรงแรม Marutani Hotel เดินไม่ไกลมากจากสถานีรถไฟค่ะ  โรงแรมโอเคค่ะห้องไม่เล็กไม่ใหญ่มาก ห้องน้ำในตัว มี Free Wifi 

และมีบริการออนเซ็นให้ภายในโรงแรมด้วยนะคะ (แต่เสียดายที่เราไม่ได้ลงแช่ค่ะ ><)






(หน้าตาโรงแรม และห้องพักประมาณนี้ค่ะ)
>> โรงแรมมีทางเข้าสองทางนะคะ แล้วแต่เลยว่าเราสะดวกทางไหน ไปถึงก็จับพิกัด GPS ได้เลยค่ะ หาไม่ยากค่ะ 



11.00 น. มื้อกลางวัน


เวลาประมาณนี้กำลังชิวเลยค่ะ มาถึงวางกระเป๋า พักสักแปบให้หายเหนื่อยตรง Lobby นั่นแหละค่ะ 

สักพักค่อยลองเดินเข้าไปในตลาด Ameyoko หาของกินได้เลยนะคะ 

ใครที่ไปครั้งแรกขอบอกว่า ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ ของกินเพียบ ร้านรวงขายของก็เพียบเช่นกัน แต่อดใจเมียงมองเล็งๆ ไว้ก่อนนะคะ 

(ท่องไว้ค่ะ..แค่แวะมากินข้าวๆ )



มื้อแรกของเราเริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อนเลยค่ะเดินเข้าร้าน Yashinoya ค่ะ 

(หลายคนอาจจะคิด...กินเมืองไทยก็ได้ป๊ะเมิง...ถ่อไปกินถึงที่โน่นทำไมแว๊!!)



แต่คือเราอยากลองเปรียบเทียบระหว่างไทยกับญี่ปุ่นค่ะ (แอบอยากบอกว่าที่ไทยรสชาติไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่ค่ะ...เลยอยากมาลองกินที่นี่ดูบ้าง)

(อันนี้เป็นเซตเนื้อค่ะ...เราเป็น Beef Lovers ค่ะ เป็นมนุาษย์กินเนื้อขนานแท้...แต่ผู้ร่วมทริปนี้...ไม่มีคนกินเนื้อสักคนค่ะ..เอาสิ เราต้องไปด้วยกันให้รอด)


(ส่วนอันนี้เป็นเซตปลาแซลมอนของพี่เราเองค่ะ...นางนี้ออกแนวกินผัก กินหญ้า กินพืช กินปลา...

อีกนิดนึงนางจะกินซากุระแทนข้าวได้แล้วค่ะ...แฮ่!!!...ย๊อเย่นนนน ><)



สรุปมื้อนี้นะคะ

เราว่านะ...ถ้าใครอยากลองเหมือนเราก็มาร้านนี้ได้ค่ะ...

แต่ถ้าจะให้เราแนะนำ....สำหรับเรา...เราว่ามันเค็มไปค่ะ...ขนาดปลาหน้าตาจืดๆ ยังเค็มเลยค่ะคุณคะ!!!!!

เซตเนื้อที่นี่หนะ..เนื้อก็ Juicy และนุ่มอยู่นะคะ..แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ..เค็มค่ะ... -_-"

(หรือ!!!! อาจจะเป็นแค่เฉพาะสาขานี้รึเปล่า สาขาอื่นอาจจะอร่อยก็ได้นะ..ใครไปชิมสาขาอื่นบ้างแล้ว มาบอกด้วยนะคะ)



(สรุป...อย่ากินเลยค่ะยี่ห้อนี้หนะ...ทั้งไทยทั้งญี่ปุ่นเลยค่ะ) >> ถ้าเค้ามาเห็นรีวิวเรา เค้าจะมากระทืบเรามั้ยอ่า ><

ปล. แต่ราคาถูกนะคะ...อันนี้บอกก่อนเลย ตกเซตละร้อยกว่าบาทเอง ถูกมาก!



รสชาติ :  ปานกลาง (3/5 คะแนน)

ราคา :  ถูก สบายกระเป๋า (4/5 คะแนน)

บรรยากาศ :  ร้านสไตล์ญี่ปุ่นทั่วๆ ไปค่ะ กินหมดแล้วก็ไป ไม่นั่งแช่เม้าท์มอยนะคะ (3/5 คะแนน)




12.00 น. ไปเดินย่อยที่ Ueno Park กันค่ะ

จับพิกัดเดินตาม Google Map ไปเลยค่ะ เดินไม่ทันเมื่อยก็ถึงแล้วค่ะ...อยู่ใกล้ๆ กันเองค่ะ

(พอดีช่วงที่ไปรอบนี้..ช่วงต้นๆ ธ.ค. 58 ใบไม้เปลี่ยนสีช้ากว่าทุกปีนิดนึง...เลยได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีกะเค้าบ้าง

เป็นสามสีอย่างที่เห็นตามภาพ สวยดีค่ะ..แต่บางต้นก็มาเป็นก้างแแล้วก็มีค่ะ)

(นี่ไงคะ..ต้นที่เป็นก้างๆ อย่างที่เราบอก...เราก็ถ่ายๆ ไป รวมๆ กับสีแดงๆ ก็สวยได้ค่ะ...เป็นมุมๆ ไปเนาะ..แฮ่!!)

(อันนี้เหลืองเป็นทิวเลยค่ะ...ของจริงสวยมาก...นี่ถ้ามาก่อนหน้านี้นิดนึง จะไม่มีพวกก้างๆ คงจะสวยมากๆๆๆๆ ค่ะ)



(ใครอยากเห็นแบบไหน เวลาเลือกช่วงที่จะมาก็เช็คนิดนึงก็ดีค่ะ..เราจะได้ภาพสวยๆ กลับไป..

แต่เราว่ามาช่วง เม.ย.คงจะดี ที่นี่คงจะสะพรั่งไปด้วยซากุระ...คงจะสวยมากๆๆๆๆๆ กว่านี้แน่ๆ 

...คือเราฝันค่ะ..ว่าอยากมาตอนซากุระบานๆ บ้าง ลมเย็นๆ ปะทะหน้าเบาๆ เดินจับมือกับแฟน(หรอ?) คงจะโรแมนติกดี ^^) 

.............ตื่นเภอะค่ะ...ตื่น ๆ ๆ ๆ ๆ ....ไปดูก้างๆ กันต่อค่ะ >< .................. 



(อันนี้เป็นใบที่หล่นมาจากต้นเหลืองๆ ที่เห็นเป็นทิวๆ นั่นแหละค่ะ..ไม่รู้เรียกต้นอะไร สวยดีค่ะ)


(อันนี้เป็น Starbucks ภายในสวนค่ะ...คอกาแฟไม่ต้องกังวลเลยนะคะ ประเทศนี้ Starbucks เพียบทุกอณู อย่างกะเซเว่นเลย

...แต่กาแฟทั่วๆ ไปในประเทศนี้ โดยรวมแล้วเราว่าก็หอมดีนะคะ....ใช้ได้อยู่ในระดับที่ดีเลยหละค่ะ)



>> คือพอเราเอารูปมานั่งดู...เพิ่งจะสังเกตว่า.......อินี่ไม่ได้ถ่ายสัญลักษณ์เด่นๆ ของสวนเค้ามาเล๊ยยยย...



คือพาเค้ามาดูสวน...อินี่ก็ถ่ายแม่งแต่รูปสวนจริงๆ มีแต่ต้นไม้ๆๆๆ แล้วก็ต้นไม้ (ขออภัยนะคะ..ครั้นจะเอาของคนอื่นเค้ามาโพสต์ให้ดู 

ก็กลัวเค้าจะมาด่าแม่เอาค่ะ...ดูต้นไม้ไปกับเราก่อนนะคะ...กราบบ... -/l-)



>> งั้นเราให้ข้อมูลเบื้องต้นของ Ueno Park ไว้ก่อนละกันค่ะ

Ueno Park (เปิด-ปิด : ทุกวัน 06.00-22.00น.)


(ภายในสวนอุเอโนะมีสถานที่สำคัญทั้งวัด ศาสเจ้า อนุสาวรีย์ สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์ให้ชม)

สถานที่ด้านในที่น่าสนใจ เช่น -วัด Keneiji>> เจดีย์ 5 ชั้น


บึงซิโนะบาซุ (hinobazu Pond) ที่มีเรือพายและเรือถีบ

- พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว(Tokyo Metropolitan Art Museum)

- หอศิลป์ขนาดใหญ่มี 6 ห้องให้เลือกชม บางงานจะเปิดให้ชมฟรี (เปิดตั้งแต่เวลา 09.30– 17.30น.) ปิดวันจันทร์



14.00 น. ไปวัดอาซากุซะ หรือวัดเซ็นโซจิ (SensojiTemple) กันค่ะ 



(อย่าสนใจเวลาเรานะคะ...อันนี้เราแสดงเส้นทางการเดินทางให้ดูคร่าวๆ เป็นตัวอย่างค่ะ)



>> เอาเป็นว่า...ใครเดินชมสวน Ueno เสร็จแล้ว ให้เปิด Hyperdia ขึ้นมาแล้ว Search หาทางไปวัดตามภาพเลยค่า....

เพราะเวลาพินิจพิจารณาละเมียดละไมในการชมสถานที่ของแต่ละคนมันไม่เท่ากันจริงๆ :)



>> ตามภาพด้านบนเราจะไปขึ้นรถไฟที่ Subway สถานี Ueno ไปยังสถานี Asakusa โดยใช้ขบวน Ginza Line ฝั่งที่จะไป Asakusa นะคะ...

เวลาเดินจะขึ้นรถ มองดูดีๆ ด้วยค่ะ เดี๋ยวจะขึ้นผิดฝั่ง  ราคา 170 เยน  



หมายเหตุ บางคนอาจจะไม่ถนัดหยอดตั๋ว เราแนะนำเพื่อความสะดวกให้ซื้อบัตร SUICA ค่ะ แตะปุ๊บ..ผ่านปั๊บ..หักเงินเต็มจำนวนไม่มีส่วนลดนะคะ



(หน้าตาบัตรจะเป็นอย่างงี้ค่ะ)



>> เวลาซื้อเราไปซื้อที่ JR Office นั่นแหละค่ะ...เค้าจะมีให้เลือก 2000 เยน  5000 เยน ฯ ประมาณนี้ค่ะ


เราก็เลือกราคาให้เหมาะกับทริปที่เราวางแผนไว้นะคะ...ถ้าเกิดใช้ไม่หมดเอาไปแตะจ่ายตังค์ตาม Family Mart หรือตามที่ต่างๆ ที่เค้ารับจ่ายผ่านบัตรนี้ได้ค่ะ


บัตรนี้มีอายุการใช้งานได้ 10 ปี เริ่มต้น 2000 เยน เป็นค่ามัดจำ 500 เยน 


(สามารถแลกคืนได้ตอนใช้หมด แนะนำให้ใช้ให้หมดเกลี้ยงนะคะ..ถึงจะได้เงิน 500 เยนคืนเต็มจำนวน) 


ส่วนอีก 1500 เยนเป็นมูลค่าภายในบัตรค่ะ (สามารถดูรายละเอียดการใช้ได้ที่ Web นี้ค่ะ)


https://www.gotokyo.org/th/tourists/info/profit/index.html



. . . . . . เ มื่ อ ถึ ง ส ถ า นี A S A K U S A . . . . . .


>> Ginza line ให้ออกทางออกที่ 1 ค่ะ


>> Tip! มองไปฝั่งตรงข้ามวัดจะเห็นตึก AsakusaCulture Tourist Information Center

เป็นจุดบริการให้ข้อมูลข่าวสารแก่นักท่องเที่ยว



(หน้าตา ตึก Asakusa Culture Tourist Information Center)



>> เห็นตึกหน้าตาแบบรูปด้านบนนี้แล้ว ให้เดินตรงเข้าไปในตึก แล้วขึ้นไปที่ชั้น 8 เลยค่ะ (ขึ้นฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ)


สาเหตุที่เราให้ห้เดินขึ้นไปตึกนี้คือ...เราจะพาไปดูวิวอาซากุสะจากมุมสูงค่ะ (น้อยคนจะรู้นะคะ..ว่ามีอะไรแบบนี้ด้วย ลองดูค่ะ)



(วิวอาซากุสะ ถ่ายจากมุมสูงค่ะ รูปจะออกมาประมาณนี้ค่ะ)



>> เมื่อถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว...ทีนี้ถึงเวลาเดินเข้าชมวัดของจริงแล้วค่ะ..


แต่!!! ก่อนที่จะถึงวัด เราจะเจอร้านรวงต่างๆ มากมายตามริมทางของถนนนากามิเซะ (NakamiseDori)


เป็นถนนช้อปปิ้งของที่ระลึก หรือของฝากค่ะ...แนะนำ ก่อนถึงวัดจะเจอร้านนี้ค่ะ


"ร้าน Agemanju asakusa Kokonoe ซาลาเปาทอดแห่งอาซากุสะ" (เปิด-ปิด : 09.00 – 19.00 น.) ราคา 120 – 200 ¥ ต่อลูก


ร้านอยู่ขวามือ ก่อนถึงประตู Kaminorimon ประมาณซัก100 เมตร (บล๊อคสุดท้าย)



(หน้าตาร้าน และซาลาเปาทอดร้าน Agemanju asakusa Kokonoe ค่ะ)



รสชาติโอเคค่ะ (ถ้าแบบร้อนๆ นะ) คือเราได้กินท้งอันที่ร้อน และไม่ร้อนค่ะ ถ้าร้อนๆ นี่อร่ิยเลย...


แต่ถ้าใครดันได้อันไม่ร้อนไปก็..อาจจะรู้สึก แข็งๆ นิดหน่อยค่ะ...แต่โดยรวม ลองดูสักอันค่ะ..ไหนๆ ก็มาแล้ว ^^


>> เดินมาอีกนิด.....ก็ถึงละค่า...ทางเข้าประตู Kaminorimon สุดฮิต...แขกไปใครมา ขอให้ได้ถ่ายรูปด้วยซักแชะ สองแชะ



(เราเองก็เอากะเค้าบ้างค่ะ...นิดนุง...แฮ่!!)



(อันนี้เป็นด้านล่างของโคม ลองเงยหน้าขึ้นไปนะคะ จะเห็นว่ามีรูปมังกรแกะสลักสไตล์จีนอยู่ค่ะ)



(อันนี้เป็นเจดีย์สูง 5 ชั้นค่ะ...แอบสังเกตว่าพอเลื่อนขึ้นเลื่อนลง..เหมือนภาพมีมิติ...แต่อบย่าเลื่อนเยอะนะคะ..มึน ><)




(อันนี้เป็นศาลาหลังใหญ่..ก่อนเข้าอย่าลิืมล้างมือ บ้วนปาก กวักควัธูปเข้าหาตัวกันก่อนนะคะ)



16.00 น. ได้เวลา Shopping แล้วค่าาาาาาา....ไป Ginza กันค่าาาา  ^___^




(อันนี้เป็นเส้นทางจาก Asakaza ไป Ginza ค่ะ)



. . . . . . ร้านที่ไม่ควรพลาดในย่านนี้ มีดังนี้เลยค่ะ!!! . . . . . . 



(1) MUJI (สาขาใหญ่) เปิด 10.00 – 21.00 น. ทุกวัน ร้านอยู่ใกล้ทางออกC9ของ Tokyo Subway สถานี Ginza


(2) ยูนิโคล สาขากินซ่า (ใหญ่ที่สุดในโลก)เปิดตั้งแต่ 11.00 – 21.00 น. ทุกวัน ตั้งอยู่ใกล้ทางออก A2 ของ Tokyo Subway สถานี Ginza


(3) KimurayaSohonten (คิมูระยะ โซฮอนเทน) เปิดตั้งแต่ 10.00– 21.00 น. เป็นร้านเบเกอรี่เจ้าแรกในญี่ปุ่น 

ที่เปิดมากว่า 150 ปีและเป็นต้นตำหรับคิดค้นขนมปังไส้ถั่วแดง (อยู่ใกล้ทางออกA9ของ Tokyo Subway สถานี Ginza) >> อันนี้เราไม่ได้ไปค่ะ

(เนื่องจากมัวแต่ชอปเพลินเลยเวลามากกกกก....) แต่อันนี้บอกไว้เป็นข้อมูลสำหรับบางท่านค่ะ


>> อ่อ...ลืมบอกไปค่ะ เดินไปเรื่อยๆ จะเห็น กินซ่า วาโกะ(Ginza Wako) ตึกนาฬิกาที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของย่านกินซ่า 

ตึกนี้ตั้งอยู่บริเวณแยก Ginza 4-Chome ใจกลางย่านกินซ่า เป็นแยกที่ตัดระหว่างถนนChuo และ Harumi Dori



(อันนี้กินซ่า วาโกะ(Ginza Wako) ตึกนาฬิกาที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของย่านกินซ่าค่ะ)



19.30 น. กลับไปย่านที่พักเราดีกว่าค่ะ...ท้องเริ่มร้อง Next Station Ueno Station ค่าาา




. . . . . . แท่น  แท๊นนนนน ห้ามพลาดเลยนะคะร้านนี้ - Isomaru Suisan ค่ะ . . . . . .


>> ร้านนี้เปิตลอด 24 ชม. นะคะ (แนะนำค่ะ...พยายามใส่เสื้อผ้าเข้าร้านนี้ให้น้อยชิ้นที่สุดนะคะ!!!)



(อันนี้เป็นหน้าตาร้านค่ะ..จริงๆ ร้านนี้มีหลายสาขานะคะ ที่ชินจูกุก็มี...โอซาก้าก็มี..แต่เลือกที่นี่เพราะใกล้ที่พัก และเคยมาแล้วโอเคค่ะ)




(เดิฟๆ ก่อนเลยค่ะ...อากาศข้างนอกหนาวๆ ได้เจ้านี่ไป...แฮปปี้ดี๊ด๊ามาก >__<)



(อันนี้ทางร้านเค้าจะแจกให้ทุกโต๊ะนะคะ...เตือนค่ะเตือน...เจ้ากลมๆ อย่าเผลอแกะกินเลยนะคะ..

มันมิใช่โมจินะคะ..ให้เอาไปย่างก่อนแล้วค่อยกินนะคะ...

ไม่ใช่อะไรค่ะ..น้องที่ไปด้วยกัน..ฉีกซองจัดเข้าปากก่อนเลยค่ะ...คายออกมาแทบไม่ทัน 5555+)



ข้างในนี้มันจะเป็นไส้...แบบ...ถ้าให้เราบรรยายรสชาติ ก็จะประมาณคล้ายๆ ทูน่าสเปรดอ่าค่ะ...เอาย่างร้อนๆ แล้วอร่อยมากค่ะ


ส่วนปลาที่เห็นนอนแอ้งแม๊งอยู่นั่น...อย่าดูถูกเชียวนะคะ...อร่อยกว่าที่ตาเห็นค่ะ..ขอบอก!!! 




(อัันนี้เป็นกุ้งค่ะ..เอาไปย่างที่เตาก่อนร้อนๆ ก่อนกินก็บีบเลมอนก่อนหน่อยนึง...จะบอกว่าเนื้อกุ้งนี่หวานมากกกกกก!!!)


สดสุดๆ ไปเลยค่ะ...แทบอยากจะกินเปลือกมันเข้าไปด้วยเลอออ (อินี่ก็เว่อร์ป๊ายยย -*-)


(อันนี้เป็นฉบับ...ขึ้นเตาย่างค่ะ...อดใจรอแว๊บนึงนะคะ...ฮี่ๆ  :))



(อันนี้ปลาอะไรสักอย่าง...ในเมนูมีรูปภาพค่ะ...จะบอกว่า....อย่าสั่งมาเลยจะดีกว่าค่ะ)



คือ...ที่บอกว่า อย่าสั่งมาเลย ไม่ใช่ว่ารสชาติมันไม่ดีหรืออะไรนะคะ...แต่ว่า..เจ้าปลานี่...ก้างเยอะมากๆ ค่ะ!!!!!


กัดตรงไหน กินตรงไหน คายก้างออกมาแทบไม่ทัน..รู้สึกแบบ...นี่ถ้าเรามัวแต่กินเจ้าปลานี่..เราจะกินอย่างอื่นไม่ทันเพื่อนนะคะ


เพราะมัวแต่นั่งบ้วนก้างนางออกมาทีละซี่ๆๆ เนี่ยแหละค่ะ..ลำบากละเกิน  -_-"


(หอยนี่ดีมากข่าาาาาา...สั่งเถอะค่ะ...หวาน และอร่อยมากกก...จะบอกว่า...หอยยนี่ตัวใหญ่เท่าหน้าเราได้อ่า!!!!)


เวลาเอาไปย่างก็หยิบขึ้นไปย่างทั้งตัวนี่แหละค่ะ...ไม่ต้องใจร้อนพยายามไปแงะมันนะคะ...ย่างไปเรื่อยๆ ค่ะ 


ใช้เวลาสักพักนึง...แล้วเจ้านี่จะค่อยๆ อ้าปากยลโฉมให้เราเห็นเองค่ะ....


(นี่ไงคะ....อันนี้คือนางสุกแล้วค่ะ...หยิบลงมาจัดการได้เลยค่ะ...เนื้อนาง Juicy มากๆค่ะ...ฟิน!!!!)


(อันนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ...จับวางๆ...รอนางอ้าเท่านั้น...ก็จัดการได้เลยค่ะ)


อ่อ...ที่โต๊ะ..เค้าจะมีบอกวิธีกินด้วยนะคะ..ลองอ่านดูก็ได้ค่ะ


(อันนี้เป็นหมึกค่ะ...ขนาดตัวคงไม่ต้องพูดถึง...ยิ่งใหญ่ค่ะ...อย่าคิดว่าจะเหนียวนะคะ...มันนุ่มมากๆ ข่าาาาาา...)


ขนาดเราตัดนางออกมาเป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วเคี้ยวทั้งคำยังเคี้ยวได้สบายมากค่ะ (ฟังดูแอบตะกละนิดนึงเนาะ 555+)


อ่อ...ลืมบอก...นางมากับมายองเนสนะคะ  :)


(แท่น...แท๊นนนนนน.....นี่เลยค่ะ...Hilight ของงานนี้...เจ้ามันปู!!!!  กราบเลยค่ะ  กราบบบ...สั่งเถอะค่ะ!!!)



อร่อยมว๊ากกกกกกกกก.....สั่งเถอะนะ...ไปกี่คน ก็สั่งคนละอันเลย...เชื่อเราๆ (อินี่ก็เชียร์อย่างกะมีหุ้นส่วนอยู่ร้านนี้ ฮ่า ๆ)


เวลาเอาขึ้นเตาสังเกตนะคะ จะใช้เวลานานประมาณนึงเลยค่ะ...คือลองสังเกต..ตรงขอบๆ จะค่อยๆ เดือดผุดๆ 


ให้เราอดใจรอออีกสักพักนึง ลองเอาตะเกียบคนๆ ดู  สักแปบจะเห็นว่าสีของมันปูจะค่อยๆ เปลี่ยนป็นเข้มขึ้น...


ลองเอาตะเกียบจิ้ม แล้วลองมาแตะๆ ที่ลิ้นดูค่ะ...รสชาตินางจะแบบบบบบบ....หวานละมุนลิ้นมากกกกกกกก...


มันจะแบบหวาน...มัน...อร่อยสุดๆ  (นั่นแหละค่ะ..พอสีนางเปลี่ยนก็เอาลงมาลุยได้เลยค่ะ รับลองเกลี้ยงไม่มีเหลือ)


แนะนำ  ตัวมันปูเนี่ย..ถ้าเรากินเปล่าๆ เลย อาจจะเลี่ยนได้นะคะ เราแนะนำว่า ลองเอาหมึกอ่าค่ะ...มาจิ้มแล้วกินดูนะ...


ฟินไป 18 ตลบค่ะ!!! 



(ขอปิดท้ายด้วยเมนูนี้ค่ะ...สดมากกกกก...จนไม่รู้จะอธิบายยังไง..ความสดดูได้ตามภาพเลยนะคะ)



สรุป

รสชาติ : ดีงามมากกกกกกกกก  (108/5 คะแนน) >> เว่อร์มากกก!!! 5555+

ราคา : เห็นแบบนี้...รสชาติเกินราคาค่ะบอกเลย ไม่แพงค่ะ (5/5 คะแนน)

บรรยากาศ : ก็ปิ้งย่างทั่วไปสไตล์ญี่ปุ่น ติดตรงกลิ่นค่ะนิดนุงค่ะ ติดไปยันชุดชั้นในค่ะ 555+ (4/5 คะแนน)


. . . . .


. . . .


. . .


. . 


.



หมดทริปโตเกียววันที่ 1 เท่านี้ก่อนนะคะ ยังมีต่อ PART 2 นะคะ ถ้ายังไม่เบื่อกันซะก่อน...^__^


.


. .


. . .


. . . .


. . . . .



- o i l i i e -






 

Create Date : 19 ธันวาคม 2558    
Last Update : 3 มิถุนายน 2559 14:35:54 น.
Counter : 3796 Pageviews.  

1  2  3  

Oiliie PlastX
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




- o i l i i e -

+ ชอบรีวิวร้านอาหาร (ทั้งคาวหวาน..ถ้าไปได้เราไปหมด)

+ ถ้าว่างๆ ชอบทำอาหารกินเอง

+ แล้วถ้าว่างมากๆ อีกชอบไปเที่ยวค่ะ
(เที่ยวไปเรื่อยตั้งแต่ใกล้ยันไกลๆ ตามงบประมาณช่วงนั้น)

+ ชอบหารีวิวร้านอาหาร..ร้านโน้น ร้านนี้ ไปเรื่อย
(ร้านไหนอร่อย ร้านไหนดี ร้านไหนสวย อินี่ไปหมด)

--- แต่ไม่เคยนึกลองอยากเขียนรีวิวเองสักที ---

+ อันนี้มีคนแนะนำ...บอกแกๆ ทำรีวิวเถอะ เลยอยากลองทำดู

มือใหม่ค่ะ ดีไม่ดียังไงรบกวนเม้นติ เม้นชมได้ค่ะ จะได้เอาไปปรับปรุง ^__^
Friends' blogs
[Add Oiliie PlastX's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.