การสอนดูจิตในปัจจุบัน เลวร้ายยิ่งกว่าท่านสัญชัยปริพาชกเสียอีก
ในปัจจุบันนี้การดูจิตที่(เสพ)ติดอาการของจิต เป็นที่ฮิตติดตลาดได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าลัทธิของท่านสัญชัยปริพาชกในครั้งพุทธกาลเสียอีก เพราะอะไร?
เพราะในครั้งกระนั้น ยังมีศาสนาพุทธของพระบรมครูจอมศาสดาเป็นคู่เทียบ จึงทำให้คนในครั้งกระนั้นรู้ตามความเป็นจริงว่าอันไหนถูกอันไหนผิด แล้วเลือกเดินตามได้ถูกต้อง โดยเฉพาะพุทธศาสนาของจอมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยแล้ว ต้องเสียสละในตนเองอย่างยิ่งยวดจึงจะบรรลุได้ ไม่ใช่ได้มาแบบง่ายๆ สบายๆ ลัดสั้น หรือ ได้มาแบบลำบากลำบนกับการทรมานกายให้เป็นทุกข์ เพื่อให้จิตเกิดความหน่ายคลายละ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เป็นการสุดโต่งสองฝั่ง ท่านสัญชัยปริพาชกนั้น ท่านสอนในแนวของท่านที่ทำให้คนเป็นคนดี มีกิเลสเบาบางลงได้ ถึงแม้จะหลุดพ้นไม่ได้ก็ตามเถอะ ท่านก็ยังสั่งสอนในแนวทางของท่าน โดยไม่ได้แอบอ้างหรืออ้างอิงแนวการสอนของจอมศาสดาเลย ส่วนลูกศิษย์ที่มีมากมายกว่าพระบรมครูจอมศาสดาในครั้งกระนั้น ที่ยังเชื่อและศรัทธาในตัวท่านสัญชัยนั้นก็มาก เพราะอะไร? เพราะเมื่อปฏิบัติตามแนวทางท่านสัญชัยแล้ว เป็นคนที่ดี มีชีวีที่เป็นสุข ขึ้นกว่าเดิม ตนเองก็ดีขึ้นกว่าเก่าก่อนปฏิบัติตาม เพราะรู้ทันกิเลสได้รวดเร็วขึ้น ใครเห็นใครทัก แต่กลับปล่อยวางกิเลสไม่เป็น ใครจะมาพูดให้เปลี่ยนใจอย่างไรก็ยาก เพราะเชื่อถือศรัทธาเข้าไปแล้ว ถอนยาก นอกจากจะมีปัญญาจริงๆ... ดังนั้นลูกศิษย์ท่านจึงไม่คลายศรัทธาในตัวท่านสัญชัยไปได้ง่ายๆ และเพราะท่านสัญชัยเองท่านก็เป็นคนดี มีคนนับหน้าถือตา ทำให้คนในครั้งกระนั้น หันมาสนใจ มาปฏิบัติเพื่อ เป็นคนดี ชีวีมีสุข กันมากมายใช่มั้ยครับ??? ซึ่งแตกต่างจากคำสอนของพระพุทธองค์ในครั้งกระนั้น ที่เป็นคู่เทียบเคียงให้เห็นชัดเจนว่า ถ้าหวังความพ้นจากทุกข์ในโลกแล้ว ต้องมาปฏิบัติตามพระสมณโคดม ศาสนาของพระองค์มีพระอริยบุคคลครบถ้วน ทรงสั่งสอนให้พุทธบุตรหลุดพ้นได้จริงจากทุกข์ทั้งปวงใช่มั้ยครับ ??? ทรงเน้นให้ปฏิบัติสัมมาสมาธิตามหลักอริยมรรค ๘ เพื่อให้จิตเกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงยังสมาธิให้เกิดขึ้นเถิด ผู้ที่มีจิตตั้งมั่น(สมาธิ) ดีแล้ว ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง(ปัญญา) และการปฏิบัติอริยมรรค ๘ มีเฉพาะในพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น จึงมีพระอริยบุคคล ขึ้นได้ และตราบใดยังมีการปฏิบัติอยู่ ตราบนั้นโลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ ดังมีพระพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า ดูก่อน สุภัททะ ในธรรมวินัย (ศาสนา) ใด ไม่มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น ย่อมไม่มี สมณะที่ ๑, สมณะที่ ๒, สมณะที่ ๓ และสมณะที่ ๔ ในธรรมวินัยใด มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น ย่อมมี สมณะที่ ๑, สมณะที่ ๒, สมณะที่ ๓ และสมณะที่ ๔ จำเพาะในธรรมวินัยนี้ (คือศาสนาพุทธ) เท่านั้น ที่มีมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ดังนั้น ในธรรมวินัยนี้จึงมี สมณะที่ ๑, สมณะที่ ๒, สมณะที่ ๓ และสมณะที่ ๔ ลัทธิอื่น (ศาสนาอื่น) ว่างจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง (ไม่มี สมณะ) ถ้าภิกษุนี้พึงอยู่โดยชอบ (คือปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘) โลกจะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ ถ้าการดูจิตในปัจจุบันนี้ มีคู่เทียบอย่างในครั้งพุทธกาล ก็เป็นการง่ายที่เราท่านทั้งหลายจะตัดสินถูกผิดได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องลังเลใจแม้แต่น้อยเลย แต่นี่ไม่ใช่เช่นนั้น กลับกลายเป็นการแฝงเร้นกายอยู่ในพระพุทธศาสนาของพระบรมครูจอมศาสดา แล้วใช้ประโยชน์จากศาสนาของพระองค์ ที่มีพ่อแม่ครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อนที่ท่านเดินตามรอยพระบาทของจอมศาสดาด้วยความตั้งใจจริงในการพากเพียรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงและบรรลุพระนิพพาน ในปัจจุบัน มีการแอบอ้างและแฝงกายมาเป็นกุลบุตรที่ขานนาคเข้ามาเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา แต่กลับมีการสอนแตกต่างออกไปจากพระพุทธพจน์และพ่อแม่ครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อน ที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้กระทำเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นพุทธบุตรที่เดินตามรอยพระบาทของจอมศาสดา ในพระธรรมและพระวินัยต่างๆที่พระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักไว้ว่า "เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว พวกเธอจงเอาพระธรรมและพระวินัยที่เราบัญญัติไว้ดีแล้วเป็นศาสดาแทนเรา" แต่กลับมีพุทธบุตรจอมปลอมที่แฝงกายเข้ามาเพื่อลาภสักการะ โดยการแอบอ้างเอาพระพุทธพจน์และคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อน ซึ่งเป็นที่รู้จักของเราชาวพุทธทั่วไปว่าเป็นพระอริยบุคคลแล้ว มาบอกว่าท่านเหล่านั้นรับรองภูมิธรรมให้ตนเองแล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งพ่อแม่ครูบาอาจารย์เหล่านั้นท่านก็ได้ล่วงลับไปแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถสอบถามโดยตรงกับท่านได้เลย จึงเป็นช่องทางทำมาหากินของพุทธบุตรจอมปลอมที่ได้มีการวางแผน สร้างภาพลักษณ์ให้กับตนเอง ตั้งแต่ก่อนบวชจนกระทั่งขานนาคเข้ามาสู่ร่มกาสาวพัสต์ เป็นการหลอกลวงศรัทธาประชาชนที่งมงายเชื่อถือศรัทธาในตัวบุคคล โดยไม่ดูที่เนื้อธรรมเลย คำสอนหรือเนื้อธรรมที่เป็นอยู่นั้น ทำได้เพียงแค่ "เป็นคนที่ดี มีชีวีที่เป็นสุข ขึ้นกว่าเดิม ตนเองก็ดีขึ้นกว่าเก่าก่อนปฏิบัติตาม เพราะรู้ทันกิเลสได้รวดเร็วขึ้น ใครเห็นใครทัก แต่กลับปล่อยวางกิเลสไม่เป็น" ไม่ได้ต่างจากการสอนของท่านสัญชัยปริพาชกเลย แต่ที่เลวร้ายกว่านั้น ก็คือติดดีในดี หรือ (เสพ)ติดกับดักอาการของจิตนั่นเอง.....(พิจารณาเองได้แล้วครับ) เจริญในธรรมทุกๆท่าน ธรรมภูต การสอนดูจิตตอนนี้ ไม่ต่างไปจากท่านสัญชัยปริพาชกในครั้งพุทธกาล
ท่านทั้งหลายที่เข้ามาอ่านครับ
ในครั้งพุทธกาลนั้น มีคนตั้งตัวเป็นอาจารย์ก็มากมายหลายท่าน โดยเฉพาะคณาจารย์บางท่านนั้น มีลูกศิษย์ลูกหามากมายยิ่งกว่าพระพุทธองค์ของเราเสียอีก เช่น ท่านอาจารย์สัญชัยปริพาชก ขอเรียนถามว่า ท่านอาจารย์สัญชัยปริพาชกนั้นเป็นคนดีมั้ย??? ใช่ เป็นคนดี.... ท่านอาจารย์สัญชัยเป็นมีคุณธรรมมั้ย??? ใช่ เป็นผู้มีคุณธรรมในระดับหนึ่ง..... ท่านสอนให้ลูกศิษย์ลูกหาเป็นคนดีมีคุณธรรมใช่มั้ย??? ใช่ สอนให้เป็นคนดีมีคุณธรรม.... ท่านอาจารย์สัญชัยเคยได้รับการชักจูงให้หันมาศึกษาศาสนาพุทธใช่มั้ย??? ใช่ โดยท่านพระอาจารย์สารีบุตร ทำไม? ทำไม? ทำไม? ท่านสัญชัยทั้งๆที่รู้อยู่เห็นอยู่ว่า คำสอนของพระบรมครูนั้นดี มีประโยชน์ช่วยให้พ้นทุกข์ได้ แต่ทำไมท่านกลับปฏิเสธหละว่า ธรรมะของพระพุทธองค์นั้นไม่เหมาะสมกับตน(ดีเกินไป) ที่ท่านสอนอยู่ทุกวันนี้ดีอยู่แล้ว ทั้งๆที่ไม่ได้ช่วยให้ใครพ้นทุกข์ได้เลย เพียงสอนให้เป็นคนดีมีคุณธรรมเท่านั้น เพราะอะไร??? เพราะง่ายๆสบายๆและลัดสั้น ไม่ต้องลำบากลำบนอะไรมากมาย ดูเฉยๆก็พอ ไม่แตกต่างไปจากที่มีอาจารย์บางท่านเลียนแบบการสอน ของ ท่านอาจารย์สัญชัยปริพาชก ในขณะนี้เลย โดยพยายามแยกคนเมืองที่มีการศึกษา ออกจากคนบ้านนอกที่มีการศึกษาน้อยกว่า ว่ามีจริตแตกต่างกัน โดยชี้นำว่าคนเมืองนั้นเป็นพวกทิฐิจริต มีความคิดฟุ้งซ่านตลอดเวลา ส่วนคนบ้านนอกเป็นพวกตัณหาจริต มีแต่ความทะยานอยาก คนบ้านนอกพวกตัณหาจริต ต้องอบรมด้วยการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาเท่านั้น(สมาธินำปัญญา) ส่วนพวกคนเมืองที่มีแต่ทิฐิจริตนั้น ต้องอบรมด้วยปัญญาแล้วเกิดสมาธิเอง โดยไม่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็ง เพื่อฝึกฝนอบรมการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา พุทโธมาก่อนเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ และขัดแย้งกับพระพุทธพจน์อย่างชัดเจน มีพระพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงยังสมาธิให้เกิดขึ้นเถิด ผู้ที่มีจิตตั้งมั่น(สมาธิ) ดีแล้ว ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง(ปัญญา) ดังนี้ ดังนั้น จะเห็นได้ว่า อาจารย์บางท่านที่สอนอยู่ทุกวันนี้ ที่สอนธรรมะให้ง่ายๆ สบายๆและลัดสั้นนั้น ไม่ได้แตกต่างไปจากท่านอาจารย์สัญชัยปริพาชกที่สอนอยู่ในครั้งพุทธกาลเลย ถ้าเป็นปริพาชกอย่างท่านสัญชัย เราชาวพุทธก็ยังพอให้อภัยได้ แต่นี่เป็นพุทธบุตรที่ขานนาคเข้ามาเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา กลับทำตัวเป็นลูกเต่าอกตัญญูต่อคำสอนของพระบรมครู... ครั้งพุทธกาล ท่านสัญชัย ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมายยิ่งกว่าพระพุทธองค์เสียอีก มีทุกระดับชนชั้น ตั้งแต่ยาจกยันคหบดี และผู้มีการศึกษา ฯลฯ ทำไมท่านอาจารย์สัญชัยจึงว่าพระพุทธศาสนาไม่เหมาะกับท่าน??? ทั้งที่คำสอนของพระพุทธองค์ ก็กระชับสามารถเข้าถึงได้ ๑.ละชั่ว ๒.ทำดี ๓.ชำระจิตให้บริสุทธิ์หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย..... พวกเราก็คงพอคะเนได้อยู่แล้วว่า ไม่ว่าศาสนาหรือลัทธิใดๆในโลกล้วนสอนเฉพาะข้อ ๑ และข้อ ๒ เท่านั้น ง่ายๆ สบายๆและลัดสั้น ดังมีปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ส่วนข้อ ๓ นั้น มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาของเรา ที่สอนไว้ว่าต้องชำระจิตใจให้บริสุทธิ์หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย (โดยการปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘) ซึ่งศาสนาอื่นๆไม่มี จะมีก็เพียงแต่พวกที่เข้าใจผิดๆและอ้างว่าที่ตนสอน เป็นคำสอนของพระพุทธศาสนา ทั้งๆที่สอนไม่ถูกต้องว่า เพียงแค่ดูเฉยๆและรู้ทันก็พอ ไม่ต้องทำอะไร จิตก็จะชำระตัวมันเองได้ โดยไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น แม้แต่การสร้างสติ ก็ให้สติเกิดเอง เป็นไปได้มั้ย? ขนาดสอนว่าให้รู้ทัน ยังกล้าบอกว่าไม่ต้องทำอะไร? ถ้าไม่มีการตั้งจิตเจตนาระมัดระวังที่จะระลึกรู้ จะระลึกรู้ทันมั้ย??? เห็นหรือยังครับว่าคำสอนของอาจารย์บางท่านในขณะนี้ ไม่แตกต่างอะไรกับท่านอาจารย์สัญชัยสอน ง่ายๆ สบายๆและลัดสั้น ไม่ต้องเหนื่อยยากลำบากนั่งหลังขดหลังแข็ง คิดเองเออเองว่าเหมาะกับคนเมืองผู้มีปัญญา เป็นพวกทิฐิจริต พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเสมอๆถึง ศีล สมาธิ ปัญญา หรืออริยมรรค ๘ หรืออริยสัจจ์ ๔ หรือสติปัฏฐาน๔ พระองค์ทรงตรัสว่า ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ทางอื่นนอกจากนี้ไม่มีอีกแล้ว (เป็นที่ไปของบุคคลผู้เดียว เป็นที่ไปในที่แห่งเดียว) เพื่อความหมดจดวิเศษของสัตว์(ผู้ข้องในอารมณ์)ทั้งหลาย เพื่อความก้าวล่วง ซึ่งความโศกและร่ำไร เพื่ออัสดงค์ดับไปแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม (ธรรมที่ควรรู้ ธรรมที่ถูก คืออริยมรรค) เพื่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง ทางนี้คือสติปัฏฐาน(ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติอย่างต่อเนื่อง)๔ อย่าง ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสมานี้ พระพุทธองค์รู้มั้ย? ต้องรู้สิ ถ้าไม่รู้ พระพุทธองค์ทรงสอนไม่ได้หรอก ใช่มั้ย? ใช่สิ ถ้าจิตผู้รู้ถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว พระพุทธองค์ทรงเอาอะไรมาตรัสสั่งสอนหละ? นั่นสิ เจริญในธรรมทุกๆท่าน ธรรมภูต |
ในความฝันของใครสักคน
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หน้าแรก Blog ธรรมภูต - พระภัทรสิทธิ์ Group Blog All Blog |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |