|
ตรวจ เต้า เป็นประจำ ไม่ต้องช้ำเพราะมะเร็ง
....สภาพชีวิตที่เร่งรีบ ความเครียดที่พุ่งสูงปรี๊ด สวนทางกับเส้นกราฟขาลงของสภาพเศรษฐกิจ รูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมืองหลวง จังก์ฟูด ฟาสต์ฟูดที่ผุดเหมือนดอกเห็ดหน้าฝน สถานบันเทิงยามค่ำคืนที่เปิดยั่วใจบรรดานักท่องราตรีให้เข้ามาพักผ่อนคลายเครียดสูดอากาศใต้ม่านหมอกนิโคติน เพลิดเพลินไปกับความเมามึนของธารแอลกอฮอล์พร้อมๆ กับรื่นรมย์เสียงเอ็ดตะโรอึกทึกของดนตรีแบบใหม่ๆ ส่งผลต่อสุขภาพของคุณสาวๆ โดยตรง
โดยเฉพาะผู้หญิงที่สรีระร่างกายไม่แข็งแกร่งเท่าเพศชาย มะเร็งเต้านม รังไข่ ปากมดลูก น่ากลัวไปเสียทั้งนั้น ยิ่ง มะเร็งเต้านม ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นโรคที่ผู้หญิงแทบทุกคนมีความวิตกกังวลว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เนื่องจากจะส่งผลต่อสุขภาพแล้ว มะเร็งชนิดนี้ยังมีจุดเกิดที่อวัยวะที่ถือว่าเป็นความสวยงามของผู้หญิงอีกด้วย แม้ปัจจุบันการแพทย์จะก้าวไกลในวิทยาการผ่าตัดที่จะลดความน่ากลัวของบาดแผลลงได้มากแล้ว แต่การไม่เกิดโรคเลยดูจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อพูดถึงมะเร็งเต้านม อันเป็นมะเร็งที่เกิดกับผู้หญิงเสียเป็นส่วนใหญ่ (ผู้ชาย 1% มีอัตราเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน) พบว่ามีการจัดอันดับโรคมะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทย มะเร็งปากมดลูกยังเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุด มะเร็งเต้านมเป็นอันดับสอง แต่เมื่อสำรวจลึกลงไปในเมืองใหญ่ๆ ผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมจะมีมากกว่าผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งในประเทศไทยจากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่า ในผู้หญิง 100,000 คน พบผู้ป่วยโรคมะเร็งในกรุงเทพฯ 15.9 ราย เชียงใหม่ 16.9 ราย สงขลา 12.1 ราย และขอนแก่น 9.7 ราย สำหรับสาเหตุที่แท้จริงในการเกิดโรคมะเร็งยังไม่มีการวิจัยออกมาจนทราบผลอย่างแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ แต่อย่างไรก็ตาม มีการวิจัยแนวโน้มของปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมีอยู่มากมายหลายปัจจัย เช่น ปัจจัยที่เกี่ยวกับช่วงอายุ กล่าวคือความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมจะเพิ่มเมื่ออายุมากขึ้น โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในทุกๆ ช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น 10 ปี ปัจจัยความเสี่ยงในเรื่องที่เกี่ยวกับอายุที่เริ่มมีประจำเดือน จากการวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่มีประจำเดือนครั้งแรกที่อายุน้อยกว่า 12 ปี มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าผู้หญิงที่เริ่มมีประจำเดือนหลังอายุ 12 ปี และผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนขณะที่อายุมากกว่า 55 ปี เสี่ยงมากกว่าผู้หญิงที่หมดประจำเดือนก่อนอายุ 55 ปี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่สามารถระบุชี้ชัดลงไปได้ว่าเป็นสาเหตุการเกิดมะเร็งเต้านมโดยตรงหรือไม่ แต่ผลการวิจัยพบว่ามีแนวโน้มความเสี่ยงในการก่อเกิดมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน คือ อายุ ถิ่นที่อยู่ อาหาร สุรา การออกกำลังกาย ยาเม็ดคุมกำเนิด พันธุกรรม อาการป่วยด้วยโรคเต้านมชนิดอื่น การใช้ฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน การให้นมบุตร หรือแม้กระทั่งการได้รับรังสี
แต่ปัจจัยที่น่าสนใจมากที่สุด คือปัจจัยความเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้ คือการดื่มสุรา การรับประทานอาหาร การคุมกำเนิด และการใช้ฮอร์โมนในสตรีวัยหมดประจำเดือน เพราะเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สามารถปรับเปลี่ยน หลีกเลี่ยง และป้องกันได้ พ.ญ.เยาวนุช คงด่าน ศัลยแพทย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ข้อมูลว่า การดื่มสุราถือเป็นอีกความเสี่ยงหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะสถานการณ์ในยุคปัจจุบันที่ถือว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากเด็กและวัยรุ่นสมัยนี้ดื่มเหล้าเร็วขึ้น อายุเพียง 14-15 ปีก็ดื่มกันแล้ว ที่น่าตกใจก็คือ การเพิ่มขึ้นของนักดื่มที่เป็นผู้หญิงด้วยค่านิยมที่น่ากลัวที่คิดว่าการดื่มเหล้าเป็นความโก้เก๋ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่มนุษย์สามารถควบคุมได้นั้นมีวิธีการป้องกันความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้ด้วยตนเอง เพียงแต่ต้องอาศัยการเอาใจใส่ดูแลตัวเองเท่านั้น พ.ญ.เยาวนุชได้แนะนำวิธีการดูแลตัวเองแบบง่ายๆ เพื่อเป็นปราการด่านแรกในการป้องกันมะเร็งร้ายว่า ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต ออกกำลังการอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที ไม่รับประทานอาหารไขมันสูง ไขมันสัตว์ เนื้อแดง (วัว,หมู) หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มีส่วนป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม ได้แก่อาหารจำพวกถั่ว ผัก ผลไม้ หัวหอม กระเทียม น้ำมันมะกอก มะเขือเทศ ชาเขียว วิตามินดี และเพื่อให้ได้ผลในการป้องกันมากยิ่งขึ้นควรตรวจเต้านมเป็นประจำ ซึ่งการตรวจเต้านมนี้ สามารถทำเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง ในส่วนของการตรวจเต้านมด้วยตนเองนั้น เป็นการตรวจที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ถือว่าเป็นการลงทุนทางสุขภาพที่ได้ประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด หากเทียบกับการไม่ใส่ใจและละเลยสุขภาพจนอาจทำให้เกิดโรคร้ายอันทุกข์ทรมาน ซึ่งการตรวจเต้านมด้วยตัวเองสามารถทำได้เป็นประจำทุกเดือน และควรตรวจหลังประจำเดือนมา 710 วันนับจากวันแรกที่ประจำเดือนมา ขั้นตอนการตรวจเต้านมด้วยตนเองเริ่มจากการยืนหน้ากระจกแล้วดูที่เต้านมทั้งสองข้าง สังเกตขนาด สีผิว ตำแหน่งของเต้านม หัวนมว่าเป็นอย่างไร มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ จากนั้นก็ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะทั้ง 2 ข้าง แล้วดูที่เต้านมอีกครั้ง หมุนตัวช้าๆ เพื่อจะดูบริเวณด้านข้างของเต้านม
ต่อมาก็เอามือเท้าเอวแล้วโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ดูความเปลี่ยนแปลงซ้ำอีกครั้ง ใช้มือบีบเบาๆ ที่หัวนม ดูว่ามีเลือดหรือหนองไหลออกจากหัวนมหรือไม่ และเริ่มคลำเต้านม โดยคลำตั้งแต่กระดูกไหปลาร้าลงมา ใช้มือซ้ายคลำเต้านมขวา ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง ทั้ง 3 นิ้ว ค่อยๆ กดลงบนผิวหนังเบาๆ และกดแรงขึ้นจนกระทั่งสัมผัสกระดูกซี่โครง คลำเต้านมให้ทั่ว ทิศทางการคลำทำได้หลายแบบ สิ่งที่สำคัญคือต้องคลำให้ทั่วเต้านมไปจนถึงบริเวณรักแร้ใต้วงแขน หลังจากนั้นให้เปลี่ยนไปคลำอีกข้างในแบบเดียวกัน สุดท้ายเมื่อเสร็จการคลำในท่ายืนแล้วให้เปลี่ยนเป็นคลำในท่านอน ใช้หมอนหนุนหัวไหล่ข้างที่จะคลำแล้วคลำซ้ำเหมือนท่ายืน เมื่อทำตามขั้นตอนทั้งหมดข้างต้นแล้ว พบอาการใดอาการหนึ่งคือ พบก้อนเนื้อเต้านมที่หนากว่าปกติ ผิวหนังแดงหรือร้อน รูขุมขนใหญ่เหมือนผิวส้ม ผิวหนังบุ๋มหรือหดรั้ง มีการนูนผิดปกติของผิว ปวดกว่าที่เคย คันมีผื่นขึ้นบริเวณหัวนม ฐานรอบหัวนม หัวนมบุ๋ม การชี้ของหัวนมเปลี่ยนทิศทาง มีเลือดไหลออกจากหัวนม หรือมีแผลที่หายยากของเต้านมและหัวนม เหล่านี้ควรมาพบแพทย์ทันที เพราะอย่างน้อยการ ตื่นตัว ที่ไม่ใช่การ ตื่นตูม กับการผิดปกติของสภาพร่างกายตัวเองนั้น ยังดีเสียกว่าการไม่สนใจจนปล่อยให้อาการลุกลาม และกว่าจะรู้ตัวกว่าจะแก้ไขก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไข พ.ญ.เยาวนุชยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า หากผู้ป่วยรู้ตัวว่าผิดปกติแต่เนิ่นๆ แล้วมาพบแพทย์ และแพทย์ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งขั้นเริ่มต้นนั้น การรักษาจะทำได้ไม่ยาก เพียงผ่าตัดส่วนที่เป็นเนื้อร้ายออกโดยไม่ต้องทำเคมีบำบัด และไม่เสี่ยงต่อการเป็นอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย และต่อข้อซักถามที่หลายคนอยากรู้แต่ไม่กล้าถามว่า การที่ภรรยาถูกสามีสัมผัสหน้าอกในเชิงเพศสัมพันธ์จะมีผลทำให้เกิดมะเร็งเต้านมได้หรือไม่ พญ.เยาวนุชตอบว่า การสัมผัสเชิงเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสเต้านมระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด
Create Date : 04 สิงหาคม 2548 |
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2548 10:30:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 331 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|