ชีวิตนี้ แค่ได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่แปลกใหม่ ก็มีความสุขแล้ว
Group Blog
 
All blogs
 
ถวายเทียนพรรษา จ.เชียงราย

ถวายเทียนพรรษา 27-28/7/2550

วันที่ 27/7/2550



ถึงเชียงรายตั้งแต่เช้า เป้าหมายคือ "ถวายเทียนพรรษา 9 วัด" โดยเริ่มกันที่วัดแรก ที่ "วัดป่าอาชาทอง" หมู่ที่ 8 ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย "ครูบาเหนือชัย โฆสิโต" เป็นเจ้าอาวาสในปัจจุบัน ไปถึงก็จัดขบวนตักบาตรกันก่อน แล้วจึงไปถวายเทียนกัน บทสวดมนต์แปลกดี เป็นทำนองเพลง เราไม่ได้ถ่ายรูปตอนที่กำลังถวายเทียนแม้แต่วัดเดียว เพราะไม่ต้องการรบกวนพิธีสงฆ์ ไปครั้งนี้เป็นการไปกับทัวร์ เป็นทัวร์ที่จัดเพื่อไปถายเทียนพรรษาโดยเฉพาะ ละมีเที่ยวเป็นน้ำจิ้ม



พระและเฌร ขีม้าขณะบิณฑบาตร (เป็น unseen อย่างหนึ่ง)




ทางขึ้น-ลงลำบากมากต้องใช้รถตู้หรือโฟร์วิลไต่ขึ้น-ลง


วัดที่สองที่ไปถวายเทียนพรรษา คือ "วัดศรีโคมคำ" ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย (ไม่แน่ใจตัวสะกดชื่อวัด หากผิดก็ขออภัยชาวแม่คำด้วยค่ะ) เป็นวัดเล็กๆ ยังไม่มีโบสถ์ ไปแล้วเงียบสงบดี น่าทำบุญมากๆๆๆๆ วัดนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปเลย


วัดที่สาม "วัดร่องก๊อ" ต.แม่คำ อ.แม่จัน

พระพุทธรูปในโบสถ์สวยงามมาก


ทุกวัดจะต้องมี "ต้นสาละ"


วัดที่สี่ "วัดพระธาตุผาเงา" อ.เชียงแสน จ.เชียงราย วัดนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเช่นกัน เพราะตอนไปถวายเทียนนั้นแดดเปรี๊ยงมาก สู้แดดไม่ไหว
วัดพระธาตุผาเงา เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย ได้ชื่อมาจากพระธาตุผาเงาที่อยู่ในบริเวณวัดซึ่งตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ คำว่า "ผาเงา" ก็คือ เงาของก้อนผาหรือก้อนหินที่มีลักษณะเป็นรูปสูงใหญ่คล้ายรูปทรงพระเจดีย์และให้ร่วมเงาที่ดีมาก ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "พระธาตุผาเงา" พระธาตุองค์นี้เชื่อกันว่าสร้างมาตั้งแต่ ระหว่าง ปี พ.ศ.๔๙๔ - ๕๑๒ โดย ขุนผาพัง เข้าผู้ครองนครโยนก องค์ที่ ๒๓ สิ่งสำคัญในวัดพระธาตุผาเงา นอกจากพระธาตุผาเงาแล้วยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น พระเจดีย์เจ็ดยอด พระเจดีย์จอมจัน พระวิหาร สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงา พระธาตุพุทธนิมิต และซุ้มประตูพระธาตุผาเงาที่มีลวดลายลักษณะสวยงามมาก เป็นสถานปฏิบัติธรรมบนเนื้อที่ประมาณ ๑๔๓ ไร่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ.๑๐๐๕ วิหารใหม่สร้างขึ้นบริเวณที่ขุดพบพระประธาน (หลวงพ่อเงา) บนยอดเขาประดิษฐาน พระบรมธาตุนิมิตรเจดีย์ ซึ่งบริเวณนี้สามารถชมวิว ทิวทัศน์บริเวณเมืองเชียงแสน แม่น้ำโขง แม่น้ำคำ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ (ข้อมูลจาก thai-tour.com)


จบการถวายเทียนวันแรก ได้ทั้งหมด 4 วัด จากนั้นก็ไปเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำและแม่สายกัน ไปครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้วทั้ง 2 ที่ เลยถ่ายรูปมานิดหน่อย

สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเชื่อมดินแดน 3 ประเทศ คือไทย ลาว พม่า เข้าด้วยกัน



ท้องฟ้าที่สามเหลี่ยมทองคำสดใสสวยงาม แลเห็นพระพุทธรูปโดดเด่นมาก


น้ำเต็มแม่น้ำโขงและไหลค่อนข้างแรง แลเห็นประเทศลาวอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำโขง


วัดพระธาตุดอยเวา อ.แม่สาย จ.เชียงราย

วัดนี้อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจแม่สายเลย บริเวณทางขึ้นเขาไปยังวัด สองข้างทางมีของขายเต็มไปหมด ต้องเดินขึ้นบันไดไปประมาณ 100 กว่าขั้น ถ้าเดินไม่ไหวมีมอร์เตอร์ไซด์บริการ บนวัดจะมีจุดชมวิวมองเห็นทั้งฝั่งไทยและพม่า



พระธาตุดอยเวาและบันไดขึ้นพระธาตุ



ฝั่งพม่า ถ่ายจากจุดชมวิวพระธาติดอยเวา



แมงป่องยักษ์และประวัติความเป็นมา



อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร ในบริเวณพระธาตุดอยเวา


วันที่ 28/7/2550



ถวายเทียนพรรษาวัดที่ 5 "วัดมิ่งเมือง" อ.เมือง จ.เชียงราย ไม่ได้ถ่ายรูป มีผู้คนมาทำบุญกันเยอะเพราะเป็นอาสาฬบูชา วัดเงียบสงบมาก ทั้งๆที่มีผู้คนเยอะ รู้สึกอิ่มบุญดีจัง


วัดที่ 6 "วัดพระแก้ว" อ.เมือง จ.เชียงราย

เป็นวัดที่ค้นพบพระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่าเมื่อปี พ.ศ. ๑๘๙๗ ในสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่นั้น ฟ้าได้ผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่ง และได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์ ต่อมารักกะเทาะออกจึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปสีเขียวสร้างด้วยหยก คือพระแก้วมรกตนั่นเอง ปัจจุบันวัดพระแก้วเชียงรายเป็นที่ประดิษฐานพระหยก ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระชนมายุ ครบ ๙๐ พรรษา (ข้อมูลจาก khonthaitour.com)



พระแก้วจำลองและสถานที่ประดิษฐาน



ประวัติโดยย่อของพระแก้ว



วัดที่ 7 "วัดพระสิงห์" วัดพระสิงห์ ถนนท่าหลวง ใกล้ศาลากลางจังหวัด เดิมเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์องค์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่า เจ้ามหาพรหมพระอนุชาของพระเจ้ากือนา กษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ได้อัญเชิญพระพุทธสิงหิงค์มาจากเมืองกำแพงเพชร พระเจ้ากือนาได้โปรดฯ ให้ประดิษฐานไว้ ณ เมืองเชียงใหม่ ต่อมาพระเจ้ามหาพรหมทูลขอยืมพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานไว้ที่เมืองเชียงรายเพื่อหล่อจำลอง แต่เมื่อสิ้นบุญพระเจ้ากือนาและพระเจ้าแสนเมือง ราชนัดดาของพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ เจ้ามหาพรหมคิดจะชิงราชสมบัติ จึงยกกองทัพจากเชียงรายไปประชิดเมืองเชียงใหม่ แต่เจ้าแสนเมืองก็สามารถป้องกันเมืองได้อีก ทั้งยกทัพตีทัพเจ้ามหาพรหมมาถึงเชียงราย และครั้งนี้เองที่ทรงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์คืนกลับไปประดิษฐานอยู่ที่วัดพระสิงห์เชียงใหม่สืบมา วัดพระสิงห์แห่งนี้ยังมีรอยพระพุทธบาทจำลองบนแผ่นศิลา สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าเม็งรายมหาราช นอกจากนั้นบานประตูยังออกแบบโดย คุณถวัลย์ ดัชนี บอกเรื่องราวเกี่ยวกับดิน น้ำ ลม ไฟ แกะสลักโดยฝีมือช่างชาวเชียงราย(ข้อมูลจาก khonthaitour.com)




ประตูทางเข้าวัดและพระประธานในโบสถ์


วัดที่ 8 "วัดเจ็ดยอด" อ.เมือง จ.เชียงราย



โบสถ์และประตูเข้าวัด


ออกจากตัวเมืองเชียงราย แวะไปกินข้าวเที่ยงและชมวัดร่องขุ่นกัน วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ที่ บ้านร่องขุ่น ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ออกแบบและสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน ์ ตอนไปถึงวัด ฟ้าไม่เป็นใจเลย เที่ยงตรง แต่ฟ้าครึ้ม มัว เหมือนตอนเช้าตรู่เลย



วัดร่องขุ่น ด้านหน้าและด้านข้าง



ประกาศไม่รับเงินบริจาคเกิน 1 หมื่นจากผู้สร้างวัดคนดัง



ไปคราวนี้ มีให้ประทับตราว่าแวะชมวัดร่องขุ่นแล้วใน post card ด้วย และห้องน้ำอันอลังการก็กำลังซ่อมแซมอย่ อดเข้าไปดูสภาพภายในอีกแล้ว เสียดายจัง



บริเวณน้ำพุมีเลี้ยงปลาสวยงามด้วย มีหลากหลายพันธุ์


ออกจากวัดร่องขุ่น เดินทางไปจ.พะเยา เพื่อถวายเทียนพรรษาวัดที่ 9 วัดสุดท้าย ที่วัดศรีโคมคำ ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ซึ่งอยู่ใกล้กับกว๊านพะเยามากๆ เลย ไม่ได้ถ่ายรูปเช่นเคย เพราะแดดจัดเกิน ย้อนแสงด้วย


วัดศรีโคมคำ หรือวัดพระเจ้าตนหลวง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญได้สร้างมานานพร้อมกับการสร้างพระเจ้าตนหลวง เมื่อประมาณ พ.ศ.2034 โดยอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเมืองแก้ว เจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ และพระยาเมืองตู้ เจ้าผู้ครองเมืองพะเยา ในสมัยนั้นเจ้าอาวาสองค์แรกที่ปรากฎในตำนาน คือ พระธรรมปาล ท่านผู้นี้ได้ทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่คือ ได้เขียนตำนานพระเจ้าตนหลวงออกเผยแพร่แก่ประชาชนอยู่ต่อมาอีกประมาณ 404 ปี จุลศักราช 1219 (พ.ศ. 2400) พระกัปปินะ เป็นเจ้าอาวาสอีกครั้งหนึ่ง มีบันทึกหนังสือสมุดข่อยไว้ว่า แสนทักษิณะเยนดวงชะตาพระเจ้าตนหลวง มีพระธรรมปาลเขียนไว้มาให้ท่านได้รับทราบว่าวัดศรีโคมคำเป็นวัดมาแต่โบราณกาล แต่มาในยุคหลังๆ บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะสงคราม ทำให้บ้านเมืองอยู่ไม่เป็นปกติสุขต้องอพยพโยกย้ายไปอยู่ตามหัวเมืองที่ปลอดภัยจากข้าศึก ทำให้บ้านเมือง วัดวาอารามรกร้างว่างเปล่าไป ต่อมาภายหลังได้สถาปนาเมืองพะเยาขึ้น บ้านเมืองก็ดี วัดวาอารามก็ดี ก็ได้รบการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ตามลำดับ
วัดศรีโคมคำได้เริ่มก่อสร้างพระวิหารครั้งหลังสุดเมื่อ พ.ศ. 2465 พระครูศรีวิราชวชิรปัญญา เจ้าคณะแขวงเมืองพะเยา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทางฝ่ายบ้านเมืองคือ พระยาประเทศอุดรทิศ เจ้าผู้ครองเมืองพะเยา และหลวงสิทธิประศาสน์ (คลาย บุษบรรณ) นายอำเภอเมืองพะเยา คนแรกร่วมกันไปอาราธนาท่านครูบาศรีวิชัย จากจังหวัดลำพูนมาเป็นประธาน นั่งหนักในการก่อสร้างพระวิหารหลวงและเสนาสนะต่างๆ จำสำเร็จบริบูรณ์ โดยพระครูศรีวิราชวชิรปัญญา ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ เป็นองค์แรก ปัจจุบันพระธรรมวิมลโมลี (ปวง ธมฺมปญฺโญ) ได้ดำรงตกแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2511 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2523 (ข้อมูลจาก //www.oceansmile.com/N/Phayao/Watsrikomkam.htm)


อิ่มบุญกับการถวายเทียนพรรษาครบ 9 วัดแล้ว เราแวะไปเยี่ยมชมพระธาตุช่อแฮ กันก่อนกลับ วัดพระธาตุช่อแฮ อยู่ที่ตำบลช่อแฮ ห่างจากตัวเมืองแพร่ไปตามถนนช่อแฮ ประมาณ 9 กิโลเมตร (เส้นทางหลวงหมายเลข 1022) เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่ ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1879-1881 ในสมัยพระมหาธรรมราชาธิราช (ลิไท) โดยขุนลัวะอ้ายก๊อม พระธาตุช่อแฮเป็นเจดีย์ที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะเชียงแสน สูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 11 เมตร สร้างด้วยอิฐโบกปูนหุ้มด้วยแผ่นทองเหลืองลงรักปิดทอง สำหรับชื่อพระธาตุช่อแฮนั้น บ้างว่าได้มาจากชื่อผ้าแพรชั้นดีซึ่งทอจากสิบสองปันนา และชาวบ้านนำมาผูกบูชาพระธาตุ บ้างก็ว่ามาจากผ้าแพรที่ขุนลัวะอ้ายก๊อมนำมาถวาย ทุกปีจะมีงานนมัสการพระธาตุในวันขึ้น 9 ค่ำ- ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 (ประมาณเดือนมีนาคม) ของทุกปี

หมายเหตุ พระธาตุช่อแฮ ประธาตุประจำปีเกิดปีขาลของชาวล้านนา
(ข้อมูลจากwww.oceansmile.com/N/Phae/Patadchoha.htm)


ไปถึงกลับไม่ได้ยลความสวยงามของพระธาตุช่อแฮ เพราะอยู่ระหว่างการซ่อมแซม เสียดายจัง



ไปเชียงรายคราวนี้ รู้สึกชื่มชมการจัดระเบียบวัดของที่นั่นจังเลย มีการติดประกาศห้ามไม่ให้มีการนำสลากกินแบ่งเข้าไปขายในวัดด้วย ทำให้วัดเงียบ สงบ และน่าเลื่อมใสดี

ส่วนกระแสจตุคามรามเทพ ก็เกลื่อนไปทั่วทุกจังหวัดที่นั่งรถผ่าน มีให้เช่าบูชากันหลายรุ่น ฮิตจริงๆ





Create Date : 04 สิงหาคม 2550
Last Update : 12 สิงหาคม 2550 19:58:54 น. 1 comments
Counter : 2612 Pageviews.

 
สุดยอดครับนี่แหละเชียงรายดินแดนแห่งขุนเขา ทะเลหมอก ดอกไม้งาม สาวสวย เหนือสุดแดนสยาม จนใครหลายๆคนยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในเมืองไทย


โดย: Royter วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:22:33:08 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

noboy
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




รักสงบ รักการท่องเที่ยว และรักการอ่านเป็นที่ซู๊ดดด
Friends' blogs
[Add noboy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.