Credit: U.S. Secretary of Defense    

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน เดินทางเยือนประเทศไทยในวันจันทร์ และพบหารือกับนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เรียกว่า "เครือข่ายพันธมิตรและความร่วมมือที่ไม่มีใครเทียบเท่า"

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีประยุทธ์เป็นเจ้าภาพต้อนรับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ หลังจากที่ทั้งคู่ได้พบกันมาแล้วระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ - อาเซียน ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อเดือนที่แล้ว

แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยครั้งแรกของ ลอยด์ ออสติน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คือก้าวสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์ในยุคใหม่ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ และขยายความร่วมมือในเชิงลึกและกว้างด้านการทหารของสองประเทศ

สื่อของไทยรายงานว่า พลเอกประยุทธ์อาจหารือกับรัฐมนตรีออสตินในเรื่องการจัดซื้ออาวุธ รวมถึงเครื่องบินไอพ่น F-35 แต่ยังไม่มีรายละเอียดในเรื่องนี้

 

ประเด็นสำคัญประการหนึ่งในการหารือของผู้นำด้านการทหารของไทยและสหรัฐฯ คือความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในภูมิภาคนี้ ทั้งในส่วนของไต้หวันและทะเลจีนใต้ รวมทั้งการขยายอิทธิพลทางทหารของจีน

รัฐมนตรีออสตินกล่าวที่กรุงเทพฯ ในวันจันทร์ว่า การหารือระหว่างตนกับรัฐมนตรีกลาโหมจีนระหว่างการประชุมประจำปีด้านความมั่นคง แชงกรี-ลา ไดอะล็อก (Shangri-La Dialogue) คือก้าวสำคัญในการจัดทำช่องทางการสื่อสารระหว่างสองประเทศเพื่อแก้ไขจัดการข้อขัดแย้งต่าง ๆ

โดยในการปราศรัยที่สิงคโปร์เมื่อวันเสาร์ รัฐมนตรีออสตินกล่าวว่า จีนเพิ่มกิจกรรมที่เป็นการยั่วยุและบั่นทอนความมั่นคงใกล้กับไต้หวัน ซึ่งถือเป็นการคุกคามความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคนี้

รัฐมนตรีออสตินกล่าวด้วยว่า ตนมีความภูมิใจที่ "เครือข่ายพันธมิตรและความร่วมมือที่ไม่มีใครเทียบเท่าของรัฐบาลกรุงวอชิงตัน มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา"

ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหมจีน พลเอกเว่ย เฟ็งเหอ กล่าวที่การประชุมเดียวกันว่า "สหรัฐฯ พยายามโน้มน้าวให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นปฏิปักษ์ต่อจีน และเดินหน้าหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองผ่านฉากหน้าของระบอบพหุภาคี"

ทั้งนี้ ไทยและสหรัฐฯ ถือเป็นพันธมิตรใกล้ชิดในช่วงสงครามเวียดนาม และเมื่อปี 2003 สหรัฐฯ ได้จัดให้ไทยเป็นหนึ่งใน 20 "พันธมิตรสำคัญนอกองค์การนาโต้" ของสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่า สหรัฐฯ มองประเทศไทยว่าเป็น "พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์" และยินดีให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือต่าง ๆ ทางทหารด้วย

• ที่มา: เอพี และรอยเตอร์ / ที่มาของคำพูด: voathai