Group Blog
 
All blogs
 

Haul + Review: IOPE แป้งน้ำวาวจากเกาหลี


ช่วงนี้ต้องขอสารภาพว่า item เครื่องสำอางค์นางมิสมานิตา drop เยอะมากกกก ไม่รู้ไปเก็บกดมาจากที่ไหน ซื้อได้ซื้อดี สรุปเธอมีกี่หน้าคะ สติค่ะสติ ! (เตือนตัวเอง)


ช่วงหลังๆ (เดือน July) ไปบินทีไรจะเริ่มได้ยินเสียงเม้ามอยเรื่องแป้งยี่ห้อไม่คุ้นหูจากเกาหลีบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ทำให้ดิชั้นหวั่นไหว เพราะที่บ้านมีมากมายแล้วจริงๆ ยังไม่ต้องการโอเค้ บอกว่าอย่าเซ้าซี้ๆๆๆ


จนกระทั่งวันที่ได้ไปไฟล้ทเกาหลี พี่แอร์เฟิร์สได้มองหน้าเราและบอกว่า การแต่งหน้าอย่างน้องนี่เหมาะกับแป้งยี่ห้อนี้นะ ลองดูสิ แอร์เกาหลีบอกว่ายี่ห้อนี้ฮิตมากๆเลย แต่ไม่ค่อยป๊อปในไทยนะ แต่ฮิตในหมู่คนเกาหลีมากๆ มันทำให้หน้าวาวแบบเกาหลี แอร์เกาหลีเสริมมาอีกว่า 95% of Korean girl use this brand โอเค…จะเซ้าซี้กันไปถึงไหน


แต่เท่านั้นแหละค่ะ พอได้ยินคำว่า "หน้าวาว" เท่านั้นแหละค่ะ นางมานิตาก็ตาโตหูผึ่ง บอกพี่คะ ปะ พาหนูไปซื้อหน่อย 55555 ชอบบบ แนวหน้าวาวอ่า เพราะว่านหน้าแห้ง แล้วเวลาแต่งหน้าแบบ matte นานๆทำให้หน้าดู crack (ย้ำ หน้า นะคะ ที่ crack ไม่ใช่ สติ)




ก็เลยจัดมา ไป แป้ง IOPE (อ่านว่า ไอ โอ เป้) ราคา 33 USD แต่ถ้าเป็น สมาชิค Shilla Duty Free ลดอีก 10% เหลือ 30 USD หรือถ้าสนใจซื้อเป็นแพคคู่ (สองอัน) ก็สามารถซื้อได้ในราคาตลับละ 30 USD ได้เช่นเดียวกันค่ะ


รุ่นนี้มี 2 สีให้เลือกเท่านั้นค่ะ ว่านซื้อสี C23 คือตัวสีเข้มค่ะ

ปล มันมี 2 รุ่นนะคะที่เป็นตลับแบบนี้ เป็นแบบบางเบาและเป็นแบบปกปิดค่ะ (แน่นอนว่านเลือกแบบปกปิด เป็นคนความลับเยอะก็งี้)


ภายในกล่องจะมี Refill และ พัฟ ใหม่ให้อีก 1 set




ที่บอกว่า แป้งๆๆๆ นี่ มันไม่ใช่ "แป้ง" จริงๆนะคะ มันมีลักษณะเหมือนน้ำค่ะ เป็นฟองน้ำที่ชุ่มไปด้วยแป้งน้ำ เอาพัฟกดๆ แล้วเอามากดๆเกลี่ยๆที่หน้า พัฟที่ใช้มันจะมีลักษณะไม่ดูดซึมน้ำค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องห่วง ทุกหยดไม่เสียเปล่า ฮ่าๆ


ใบแนะนำแป้ง IOPE ที่ใส่ให้มาในกล่องได้เขียนไว้ว่า

Blocks UV rays and covers imperfections at the same time. Maintaining glowing skin with cushioning sunblock Air Cushion XP SPF50+/PA+++


หะ…อะไรนะ SPF50 !! เอาไปเลย 10 กะโหลก ! เจ้ยอมค่ะเจ้ยอม


ยังไม่จบค่ะ

The product contains more than 30% of mineral water for healthy, glowing skin.

เนื่องจากมันเป็นแป้งน้ำ น้ำมันก็ไม่ใช่น้ำธรรมดานะคะ มันเป็นน้ำแร่ค่ะ! เค้ายังบอกว่า แป้งนี้ยังสมารถ improve the condition of the pores คือช่วยรักษาสิวได้อีกด้วยค่ะ


พร่ำสรรพคุณหลักๆมาพอสมควรแล้ว เรามาลองใช้กันเถอะค่ะ ว่านใช้แป้งนี้ตอนไปทริปเมกา 13 วัน ยันตอนนี้ (ผ่านมา 15 วันแล้ว) ผลที่ออกมาคือ เลิสค่ะ


ส่วนตัวสำหรับว่าน ถ้าใช้แป้งนี้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้รองพื้นค่ะ อาจจะมี concealer บ้างประปราย ถ้าชอบแบบ วาว มาก ก็ไม่ต้องโปะแป้งฝุ่นทับ แต่สำหรับว่าน ถึงแม้ว่าจะชอบหน้าวาวจริงๆ แต่พบว่าการไม่โปะแป้งฝุ่นตามหลังจะทำให้ แป้งเลือนหายไปไวกว่าที่ควรค่ะ


รีวิวโดยรวมคือ

Glowing - วาวดีค่ะ คืออิจฉาคนผิวขาวมากๆเพราะนางคง bright สุดๆ น้องว่านใช้สีขาวหน้านางเด้งสุดๆ แต่ว่านใช้สีเข้ม หน้ามันก็วาวๆไม่หลอก ไม่วอก กลืนไปกับผิวเลยค่ะ

Coverage - ปกปิดได้ดี ระดับหนึ่ง ไม่หนาเตอะ ยังคงต้องใช้ concealer ใต้ตาอยู่เพราะนางอาการหนัก

Long Lasting - อยู่ได้เป๊ะประมาณ ครึ่งวัน นอกนั้น ต้องเริ่มเติมแล้วค่ะ


โดยรวมคือ แป้งน้ำตัวนี้ สะดวกมาก เพราะไม่ต้องพึ่งรองพื้น หน้าก็สวยได้ เนื่องจากมีลักษณะเป็นน้ำทำให้สีกลืนเนียนเข้ากับผิว ยังกับลงรองพื้นแบบบางๆ แถม SPF50 นี่ได้ใจหนูมากๆค่ะ ไม่ต้องลงกันแดดที่หน้าก่อนอย่างมากถ้าลุยแดดจริงๆก็ลงกันแดดเพิ่มที่คอ เดี๋ยวคอดำ 5555


ปล. เอนทรี่นี้ no sponsorship ใดๆซื้อใช้เองจ้า







 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2557    
Last Update : 28 กรกฎาคม 2557 17:20:59 น.
Counter : 8454 Pageviews.  

Review: ต่อขนตาถาวรที่ Blanc



สวัสดีค่ะวันนี้ว่านอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การต่อขนตาถาวรครั้งแรกในชีวิตของว่านค่ะ หวังว่าจะช่วยเป็นหนึ่งความคิดเห็นสำหรับสาวๆที่กำลังหาข้อมูลหรือสนใจที่จะต่อขนตาถาวรนะคะ ^^


เกริ่นเลยคือ ส่วนตัว ตั้งแต่ติดขนตาปลอมเป็น ชีวิตชั้นก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เดี๋ยวนี้แค่ปัดมาสคาร่ามันไม่สามารถเติมเต็มความ"เยอะ"ของการแต่งหน้าของว่านได้อีกแล้ว เหตุผลที่เลือกติดขนปลอมเพราะ หนึ่ง ตอนล้างหน้า/ทำความสะอาดหน้าเนี่ย เราไม่ต้องเสียเวลามาขยี้ๆๆๆๆเอามาสคาร่าออก มันเสียเวลา และถ้ารีบร้อนจนมือหนัก อาจทำให้ขนตาร่วงและพื้นที่บริเวณตาช้ำได้ และ สอง ในเวลาเร่งรีบ/หรือขี้เกียจแต่งหน้าคัดเบ้าอะไรเยอะแยะ เราก็ ป้าป แปะไปเลย คู่อลังๆยาวๆหนาๆ เท่านี้ก็ทำให้เราดูเหมือนว่าเราแต่งหน้าเยอะพิถีพิถันในการเสริมความงาม ทุกคนเห็นเป็นต้องอึ้ง สจ๊วตเป็นต้องทัก (ว่าน้องทำไมขนตายาวจัง?) ซึ่งเวลาที่ใช้ในการติดขนตาปลอมของว่านนั้นเร็วกว่าเวลาที่ว่านต้องมานั่ง built up มาสคาร่าของว่านด้วยค่ะ


ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้บอกว่ามาสคาร่าไม่เวิร์ค แค่เพียงในบางวันที่อยากรีบกลับบ้านนอน ในบางวันที่บั่บ เหยจัดเต็มนะ วันนี้สวยนะ วันนี้สองแอลนะ (สองแอลเป็น position ในการทำงานที่ส่วนใหญ่สงวนไว้ให้คนที่สวยที่สุด ไว้ต้อนรับผู้โดยสาร … เปล่า มโน เอง) ก็ติด


ซึ่งจะบอกว่า มีหลายครั้งมากที่คิดว่า อยากติดขนตาปลอมในวันธรรมดาบ้างจัง เพราะคิด(เอาเอง) ว่าติดขนตาหนาๆงอนๆแล้วสวย แต่พอติดมาทีไร คุณแม่และคนรอบกายจะมองว่า เว่อร์ "ชีวิตประจำวันไม่ต้องแต่งหน้าจัดเต็มขนาดนี้ก็ได้" เมื่อได้ยิน concept ของการติดขนตาปลอมถาวรนั้นจึงน่าสนใจเป็นอย่างมาก....เพราะ! คนอื่นจะได้ว่าไม่ได้ว่าทำไมต้องแต่งหน้าเยอะขนาดนี้!? เอ่อ….ขอโทษนะคะ คือว่า....ตื่นมาก็เป็นแบบนี้เลยอะค่ะ ^________^


เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว เมื่อไปบินก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนในไฟล้ท์ว่า ร้านนี้เวิร์ค ตื่นมาแล้วสวยเลย ติดทนนาน สวยงาม ของญี่ปุ่นด้วย นางมานิตาก็รีบนะคะ ลงมาแล้วก็ไม่เป็นอันทำอะไรนะคะ หาเวลาว่างไปติดขนตาอย่างเดียวเลยค่ะ




ร้านที่ว่านไปต่อชื่อร้าน Blanc ค่ะ ไปเอง no sponsorship ใดๆ เท่าที่ทราบตอนนี้มี 2 สาขาคือที่ Gateway เอกมัย และที่ เซ็นทรัลพระราม9 ค่ะ ว่านเลือกไปอันที่ใกล้บ้านที่สุดนั่นก็คือ เซ็นทรัลพระราม9 ไปแต่เช้าเลยไม่ต้องจองคิวค่ะ (ถ้าสายไปหน่อยเจ้าหน้าที่บอกให้จองคิวก่อนเข้าไป)

ราคา ผู้ติดครั้งแรก (ไม่ได้เป็นสมาชิค) 2,200 บาท แต่ถ้าได้ รหัสสมาชิคเพื่อนมาแจ้ง ก็จะมีส่วนลดให้ 200 บาท เหลือ 2,000 บาทถ้วนค่ะ (เผื่อใครอยากจะไปต่อรหัสสมาชิคของว่านคือ R0265)


พอเข้าไปที่ร้านปุ้ป พนักงานก็จะมาถามเราว่าเราเคยมีประสบการณ์การต่อขนตาถาวรที่ไหนมาก่อนมั้ย เราก็บอกว่าไม่ แต่ปกติแต่งหน้าก็ติดขนตาปลอมอยู่แล้ว ทีนี้เค้าก็จะเอา chart ทรงขนตา ก็จะมี 3 แบบให้เลือก ถ้าจำไม่ผิดก็จะมีแบบ 1. เน้นขนตาตรงกลางตายาวให้ความรู้สึกตากลมๆธรรมชาติ 2. เน้นยาวตรงปลายตาลุคดูตาเซ็กซี่ 3. แบบผสม1+2


ว่านเลือกแบบ Mix ค่ะ พอเลือกแบบเสร็จเราก็จะมาเลือก ความหนา ความยาว ความงอน ของเส้นขนตากัน แต่ว่าในที่นี้เนื่องจากเราไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อขนตามาก่อน พนักงานเค้าก็จะคอยแนะนำว่า ถ้าคนไม่เคยต่อมาก่อนควรจะติดมากสุด ยาวแค่ไหน งอนแค่ไหน ไอเราก็เชื่อเค้านะ เพราะว่าเราไม่เคยต่อมาก่อนจริงๆ ก็เลยเลือกแบบที่เค้าแนะนำมาให้เลย คิดในใจว่าออกมายังไงก็ต้องสวย! ฮ่าาาาา (เข้าข้างตัวเอง)


พอเลือกทุกอย่างเรียบร้อย เค้าก็จะให้เราเซ็นใบยินยอมว่ารับทราบถึงภัยอันตรายของการติดขนตาปลอมและรับทราบว่าการหลุดร่วงของขนตาจริงนั้นเป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว และความทนทานของการต่อขนตาของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันเนื่องจากสภาพขนตาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน (จุดนี้แอบกังวลเรื่องขนตาร่วงเบาๆแต่ก็ต้องเซ็นเพราะตัดสินใจมาถึงขนาดนี้แล้ว)



มาค่ะ เรามาขึ้นเตียงกันนนนน เบื้องต้นพนักงานจะบอกว่า กระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ TIP นิดนึงคือควรมาต่อแบบหน้าโล้น (อย่างน้อยๆก็ตรงบริเวณตา) เพราะถ้าเราแต่งหน้ามา เค้าก็ต้องมีขั้นตอนในการล้างเครื่องสำอางค์ของเราออกก่อนจะเริ่มขั้นตอนการต่อขนตาค่ะ ซึ่งเค้าคิดตังด้วยไง (ประเด็นอยู่ตรงนี้) น่าจะสักประมาณ 200-300 บาท ไม่แน่ใจค่ะ ระหว่างนอนให้เค้าต่อขนตาให้เรา ถ้าหลับไปได้เลยก็คงจะดีมาก แต่เนื่องจากเค้าต้องเอาเทปกาวมาแปะไว้บริเวณตาของเราเพื่อ พูดง่ายๆว่า...จะได้แหกตาขึ้นมาให้ขนตาลอยตัวออกมาชัดๆ การหลับนั้นเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าใครทำได้นี่เยี่ยมเลย


ระหว่างขั้นตอนการต่อขนตา

1. ช่างมือเบามาก ไม่รู้สึกว่าเค้ามือสั่น หรือ เผลอทำอะไรที่โดนเราให้เราเจ็บเลย

2. มีแสบตาบ้างเป็นบางช่วง (กลัวตาบอดมาก) เค้าบอกว่ามาจากไอระเหยของกาว

3. (อาจเป็นเพราะ) เนื่องจากเราไม่ได้แต่งหน้ามา ระยะเวลาในการทำไม่ถึง 2 ชม. หรอกค่ะ แค่ประมาณชั่วโมงเดียวเท่านั้น (ว่านต่อขนตาบนอย่างเดียวนะ ขนตาล่างไม่ได้ต่อ)


เสร็จแล้วแจรรรร้

พอออกมาส่องกระจกเท่านั้นแหละ …… ผงะ

-

-

-

-

ทำไมมันธรรมชาติจัง(วะ) ธรรมชาติไปป้ะเนี่ย นี่มัน...นี่มัน...สองพันของช้านนนน

พยายามหลอกตัวเองว่า ตาหวานขึ้นเนอะ แต่พอหันไปถามคนข้างๆ ฮีก็ได้แต่ทำหน้ายิ้มเจื่อนๆ (อารมณ์ประมาณว่า กุบอกมึงแล้วว่า เอาตังสองพันมากินข้าวเถอะ) (อันนี้คือแปลความหมายมาจากสายตาที่มองมาที่ขนตาของชั้น)


น่าแปลกใจว่าช่วงการต่อขนตาถาวรของว่านไม่ค่อยมีการได้ถ่ายรูปสักเท่าไหร่ ก็พอมีเท่าที่เห็น

รูปข้างบนนี้ถ่ายในวันต่อมาหลังจากที่ไปต่อมาค่ะ (ต้องแต่งหน้าไปบิน)

คืนแรกตอนล้างหน้าอาบน้ำ ขนตาก็ประเดิมหลุดออกมา 1 เส้น (ต่อจากนี้ชั้นคงเป็นประสาทขึ้นไปเรื่อยๆ)


มาดูรูปแบบไม่แต่งตากันบ้างค่ะ



ระหว่างการต่อขนตา ว่านไม่ชอบเขียน eyeliner เลย เพราะว่ามันล้างยาก! ต้องเอา cotton bud มาคอยแซะๆออกตอนล้าง ใช้เวลานาน แอร์ปวดตับ (รูปนี้ถ่ายประมาณอาทิตย์นึงหลังจากต่อมาค่ะ)



แถมอีกรูป คนข้างๆไม่ได้ต่อขนตานะ

ปกติเป็นคนที่มี eyeliner เป็นของคู่กาย ขนตาไม่ปัดได้ แต่ต้องกรีดตา พอมาเจอ look แบบนี้เลยไม่ค่อยชินตัวเองเท่าไหร่ ฮ่าฮ่าฮ่าาา



รูปนี้ถ่าย  2 อาทิตย์หลังจากที่ไปต่อขนตามาค่ะ

สังเกตุได้ว่า เราเริ่มหาวิธิการแต่งหน้าได้โดยไม่ต้องกรีด eyeliner แล้วก็ออกมา พอดูได้ 

(magazine ไม่เกี่ยว อันนี้น้องฝากซื้อ แหะ)



ขั้นตอนการดูแลรักษา

1. ห้ามนอนคว่ำ ตะแคง เอาหน้าถูหมอน หรือถูไถอะไรก็ตาม อย่าโดนขนตาเด็ดขาด!

2. ห้ามใช้ makeup remover ที่มีส่วนประกอบเป็น oil-based

3. ห้ามปัด mascara

4. ห้ามใช้ eye makeup ที่เป็น water proof

5. ห้ามมาต่ออีก !!!! (อันนี้พูดเล่น) (แต่ตอนนั้นคิดจริง เพราะรู้สึกการนอนโดยไม่เอาหน้าไปถูกับหมอนเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติ)


TIP การล้างทำความสะอาดหน้าสำคัญมาก! เราต้องล้างแบบแยกโซน เว้นบริเวณตาไว้ แล้วค่อยๆพับสำลีครึ่งนึงแล้วเช็ดที่ตา พยายามอย่าให้สำลีเกี่ยวขนตา เพราะมันจะทำให้เบี้ยวและเป็นขุยติดค่ะ !


ระยะเวลาในการมีขนตาปลอมตลอดเวลา 24 ชั่วโมง = 20 วัน

ความจริงจะทิ้งเอาไว้นานกว่านี้ก็ได้ แต่ไม่กล้าเสี่ยง กลัวน้องขนตาของเราจะอ่อนแรงร่วงไปซะหมดก่อน


เฉลี่ยราคาติดขนตาปลอม ต่อวัน อยู่ที่ 100 บาท !

แต่มัน....แต่มัน...มัน 24 ชั่วโมงนะ เทียบกับขนตาปลอมคู่ๆที่เราซื้อมาติดไม่ได้หรอก (กล่อมตัวเอง)



ไปถอดขนตากันเถอะค่ะ!

ไปต่อที่ร้าน ก็ต้องไปถอดออกที่ร้านนะคะ ค่าเสียหายอยู่ที่ 350 บาทค่ะ

ไม่ต้องโทรนัด เพราะใช้เวลาไม่นานค่ะ (ไปสาขาเดิมที่เซนทรัลพระราม9)


ตอนที่เดินไปบอกที่เค้าเต้อว่าวันนี้จะมาเอาขนตาออก พนักงานกทำหน้าดราม่าใส่แล้วถามว่า "ขอถามได้มั้ยคะ ว่าทำไมถึงเอาออก"

ก็เลยบอกเค้าไปว่า นี่มัน 20 วันแล้วนะคะ ไม่อยากให้ขนตาจริงแบกรับน้ำหนักมากนานเกินไปให้พักบ้าง เค้าเลยอ๋อออออ เพราะเค้าดูไม่ออกเลยว่านี่ผ่านมา 20 วันแล้ว ลูกค้าบางคน อาทิตย์แรกก็ต้องมาซ่อมแล้วเพราะขนตาร่วงไปเยอะเลยแหว่ง (ดีใจจังอุตส่าประคบประหงมขนตามาตลอด 20 วัน สภาพเลยยังดีเลิสอยู่)

ตอนเอาออกมีการบอกว่า นี่ขนาดความยาวของขนตาปลอมยาวเท่าขนตาจริงเลยนะคะ (/me ใช่เสะ ธรรมชาติไปมั้ยคะ !? ใส่อารมณ์ๆ)

นางมีการทิ้งท้ายว่าครั้งหน้าจะต้องทำแบบอลังการ เพราะตอนนี้เรารู้จักวิธีการดูแลรักษาดีแล้ว (/me หึ!)

ระหว่างการเอาออกมีแสบตาบ้าง น้ำตาไหลพรากกันเลยทีเดียว ฮือๆ



หวังว่าเอนทรี่นี้จะเป็นประโยชน์ให้สาวๆที่คิดอยากจะต่อขนตาถาวรไม่มากก็น้อยนะคะ

ส่วนว่านตอนต่อขนตาเสร็จจนกระทั่งเอาออกรู้สึกว่า ไม่อยากกลับมาต่ออีก


แต่พอผ่านไปนานๆคนมันก็เจ็บไม่จำอะค่ะ เริ่มตะหงิดๆละตอนนี้ โอ้ย เพลียตัวเอง 555







 

Create Date : 11 มีนาคม 2557    
Last Update : 11 มีนาคม 2557 14:24:19 น.
Counter : 14464 Pageviews.  

Review: N7 Lift&Luminate Day&Night Serum (Number Seven)


มาอัพเดทกันกับ 1 โปรดักที่ว่านได้รับมาจากทาง Boots Thailand นะคะ นั่นก็คือ N 7 Lift & Luminate Day & Night Serum จ้าาา ในส่วนๆนี้นะคะ ทางเราก็ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่เล็งเห็นปัญหาผิวหน้าของแอร์สาวคนนี้ (/meพูดแบบพริตตี้) ในจุดจุดนี้นะคะแอร์สาวต้องการครีมมาประทินผิวเป็นอย่างยื่งนะคะ เค้าว่ากันว่าทำงานนี้จะแก่เร็วเพราะน้ำในอากาศมันน้อยทุกอย่างก็เหี่ยวคล้อยไปตามกาลเวลา


เรามาดูหน้ากล่องกันเลยค่ะ

" N7 Lift & Luminate

Day & Night Serum (แยก day 1 หลอด night 1 หลอด)

Triple action to help: Reduce the appearance of wrinkles, Visibly lift, Even skin tone

Clinically proven to help diminish the appearance of age spots. Hypo-allergenic "


Brand Claims

Lift & Luminate Day Serum

ด้วยสารเพิ่มความกระจ่างใสในโซฟาร่า (Sophora) ซึ่งประกอบไปด้วยกีวี และวิตามินซี ช่วยในการลดเลือนจุดด่างดำแห่งวัย

พร้อมด้วยสารแอนตี้ออกซิเดนท์ คอมเพล็กซ์ ประกอบด้วยมัลเบอร์รี่ โสม และวิตามินซี จะช่วยปกป้องผิว

สารเพิ่มความกระชับให้แก่ผิว ได้แก่ วิตามินเอ สารเปปไทด์ และสาร DPHP ช่วยในการดูแลผิวกระชับ และเรียบเนียน


Lift & Luminate Night Serum

ปฏิวัติวงการด้วยส่วนผสมของสารพีเอชเอ (PHA) หรือกลูโคโมโนแลคโทน (Gluconolactone) ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ฟื้นบำรุงผิว พร้อมปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ ตลอดจนเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหรือตลอดจนให้ผิวแลดูชุ่มชื่นขึ้น



Personal Opinion


Lift & Luminate Day Serum




เนื้อเซรั่มหอมมากก บีบออกมานี่เนื้อเซรั่มดูเข้มข้นสีขาวขุ่นอมเหลืองนิดๆ พอเกลี่ยลงที่ใบหน้าแล้วรุ้สึกว่ามันซึมซับเร็วมากๆแต่ยังทิ้งความชุ่มชื้นไว้อยู่เลยค่ะ พอทิ้งเอาไว้สักพักรู้สึกได้เลยว่าหน้านุ่มขึ้น ที่ brand claim เอาไว้ว่าจะเรียบเนียนขึ้นอันนี้ใช้เองแล้วเห็นว่าจริงค่ะ เนื่องจากตัวนี้มีส่วนผสมของโสม ส่วนตัวคิดว่าน่าสนใจนะคะ และจะคอยดูผลแตกต่างในระยะยาวค่า


Lift & Luminate Night Serum



เนื้อเซรั่มตัวนี้จะออกขาวขุ่นๆค่ะ เกลี่ยลงหน้าแล้วรุ้สึกเย็นสบายหน้าตัวนี้ว่านรู้สึกว่ามันจะออกแนวนุ่มสบายหน้าละลายหายไปเลยมากกว่าตัว day serum ส่วนเรื่องที่จะช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียนตามที่ brand claim นั้นคงต้องรอดูอีกสักพักค่ะ ปัจจุบันหน้าว่านก็มีรอยรักที่สิวเจ้ากรรมทิ้งไว้บ้างเหมือนกัน แล้วจะคอยดูสังเกตุค่ะ ^_^


โดยรวม นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ลองผลิตภัณฑ์จากนัมเบอร์เซเว่น ต้องบอกว่าเนื้อเซรั่มดีกว่าที่ว่านคาดหวังเอาไว้ค่ะ เห็นผ่านหูผ่านตากันอยู่ในร้าน Boots มานานจริงๆสำหรับแบรนด์และโลโก้นี้ ทุกคนทราบหรือไม่ว่าแบรนด์ N7 มีมาแล้วถึง 78 ปีและยังถือเป็นผู้นำแบรนด์ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยแห่งวัยในประเทศอังกฤษอีกด้วยค่ะ


ส่วนเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์เช่นการลดเลือนริ้วรอยและสีผิวหน้าทางแบรนด์บอกว่าต้องรอดูผลลัพท์อยู่ที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยยยยยตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มใช้นะ ที่แน่ๆอะว่านรุ้สึกผิวหน้านุ่มขึ้นหลังใช้ อย่างอื่นจะเป็นยังไงค่อยว่ากัน ฮ่าๆ


สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ Boots Thailand ที่ส่งเซรั่มมาให้ลองใช้นะคะ คือเค้าส่งมาในช่วงวันเกิดว่านพอดีเซอร์ไพร้ซ์มักมากกกก


ไว้เจอกันใหม่เอนทรี่หน้าค่า สวัสดีค่ะ



เดี๋ยวนี้พี่ติดไอจีมากพูดเลอ




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2556 16:15:47 น.
Counter : 882 Pageviews.  

Haul + Review: Etude House (Sep2013)



สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานนะคะ สำหรับการรีวิวเครื่องสำอางเกาหลีเนี้ย

ต้องพูดก่อนเลยว่าพักหลังๆมานี่ ไม่ค่อยได้ทำไฟล้ท์ไปเกาหลีเลย (หรือไม่ก็ได้มาทีไรจะต้องมีเรื่องให้เราได้คลาดจากกันเสมอ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีทางเลือก ไม่เปลี่ยนเครื่องก็ตัด555 เจ็บจนชินนะคะ)

สมัยก่อนตอนบินใหม่ๆ (พูดเหมือนตอนนี้แก่แล้ว ย๊างงงยังสาวอยู่ววว) ชอบซื้อมากเลย ไอพวก Etude Skinfood สองแบรนด์สุดฮิตของคนไทย หลังๆมา ตั้งแต่เริ่มบินญี่ปุ่นมากขึ้นก็ปันใจไปเยอะพอสมควร 555 บวกกับ สิ่งที่เคยซื้อไปยังใช้ไม่หมดเลย (อันนี้เรื่องจริง บีบี บางอันยังใช้ไม่ถึงครึ่งผ่านมาจะเป็นปีแล้ว) ก็เลยยย ไม่ได้ฤกษ์ซื้อของใหม่กันสักทีนะคะ!

มาครั้งนี้ก็ใช่ว่า ของที่มีอยู่ใช้หมดแล้วนะคะ ของที่มีอยู่ก็กองเอาไว้ตรงนั้น 555 เยี่ยมค่ะ สวยและรวยมากชิงๆ แต่ก็ขอเดินดูเอาบรรยากาศเผื่อจะได้อะไรกุ้บกิ้บๆติดไม้ติดมือกลับบ้านเราได้


สิ่งที่ยังคงใช้อยู่และยังเลิฟไม่จบสิ้นที่เป็นแบรนด์ของเกาหลีก็คือ

1. แป้ง Sulwhasoo (ใช้ดีจนเริ่มอยากไปถอยไลน์สกินแคร์ของเค้ามาใช้ งวดนี้เลยคุยกับแอร์เกาหลีว่าเนี้ย ไออยากซื้อมาใช้ ยี่ห้อนี้มีแต่คนบอกว่าดี ชีก็มองหน้าว่านแล้วบอกว่า ยูเครื่องสำอางยี่ห้อนี้เหมาะก็คนอายุ 30ปลายๆอัพ นะ ว่านก็เลยบอกว่า พี่คะ "Protecting is better than healing" นะคะ หรือต้องรอให้ตีนกาโผล่มาก่อนคะ!

2. Etude BB Cream ใช้ตั้งแต่ Precious BB Cream ยันรุ่น Collagen เดี๋ยวนี้ใช้บีบีบ่อยมากกว่าแต่ก่อนมาก สมัยก่อนอะไรๆก็ล่อรองพื้นทุกงาน แต่มารู้สึกว่าใช้รองพื้น แล้วหน้าดูไม่ bright ออกแนวส้มๆกลืนกับทุกอย่างไม่สดใส เลยหันมาใช้บีบีแทนค่ะ (อาจเป็นเพราะตอนซื้อรองพื้นผิวหน้าดำอยู่ก็เป็นได้ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอแดด ทำแต่งาน บำรุงแต่หน้า เลยดูสีไม่ค่อยเข้ากับหน้าเราแล้ว)

3. Etude Lipstick อันนี้ใช้มั่วทุกรุ่น สีแจ่มดี ชอบค่ะ ยังคงใช้อยู่ในบางวันที่ต้องการลุคสดใส แต่เสียดายที่ว่านแพ้ลิปสติกยี่ห้อนี้ ทาแล้วปากลอกอะค่ะ สีก็จางไวเหมือนกันต้องคอยเติม ถ้าวันไหนต้องบินไฟล้ทโหดๆเอาที่ว่าไม่ค่อยมีเวลาเติมปากนี่ ว่านก็จะไม่ได้หยิบมาใช้


เท่านี้แหละค่ะ สิ่งที่หลงเหลืออยู่จากเกาหลีของว่าน!


เรามาดูของใหม่กันบ้างดีกว่า

งวดนี้ซื้อของไม่เยอะ ไม่ได้ กวาดดดดเรียบมาหมด (สมัยก่อนหนูไร้ซึ่งสติจริงๆ) เน้นสิ่งที่กำลังขาดหายและใช้งานจริงค่ะ! ตลอดดดด

สาชาที่ซื้อคือสาขา airport (ICN) ค่ะ สาขานี้เน้นลดราคา ไม่เน้นของแถมนะคะ โปรดอย่าถามว่าทำไมไม่เข้าเมือง เรื่องมันเศร้า...ตื่นไม่ไหวเอ่าะ..


1. I'M BLOOMING Brightening Mist 6,650 won (ลดไป 2,850 won)

พักนี้บินไกลบ่อย เลยชอบซื้อจำพวกน้ำแร่ หรือ spray ฉีดหน้าให้ความสดชื่น เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทำได้เพื่อได้รู้สึกสดชื่น เพราะว่านไม่สามารถล้างหน้าได้ ยิ่งเวลานอนหลับมาแล้วต้องตื่นมาทำงานต่อ อาจจะรู้สึกสะลึมมากๆ ได้อะไรพวกนี้ฉีดหน้าเข้าไปทำให้รู้สึกตื่นสดชื่นขึ้นได้ค่ะ สำหรับตัวนี้ลองใช้แล้ว กลิ่นไม่ได้หอมจนฉุน แถมยังช่วยไม่ทำให้หน้าแห้งด้วยค่ะ ส่วนที่เค้าบอกว่าเป็น brightening อันนี้ ไม่รู้สึกแตกต่างอะไรเท่าไหร่ เพราะแต่งหน้าจัดอยู่แล้ว แหะๆ




2. Surprise Concealer Kit 4,900 won (ลดไป 2,100 won)

เป็นตลับ concealer เนื้อแบบครีม ในตลับนึงมี 2 สี จากที่ใช้ดูก็ coverage ปานกลางไม่ได้หนามาก ถ้าใครต้องการแต่งหน้าลุคใสๆไม่หนาเตอะ ก็ถือว่าใช้ดีค่ะ ส่วนว่านเหตุผลที่ซื้อตัวนี้มา เพราะต้องการจะนำมาใช้เป็น highlighter ก็เลยไม่ได้ต้องการอะไรที่มันปกปิดดีอยู่อล้ว ต้องการสีอ่อนมาใช้ไฮไลท์มากกว่าค่ะ ซึ่งตัวนี้ก็ผ่าน!




3. Color My Brows #4 4,200 won (ลดไป 1,800 won)

มาสคาร่าคิ้วตัวนี้เคยซื้อมาใช้แล้วแต่ซื้อเบอร์สีเข้มไปค่ะ รู้สึกว่าใช้แล้วมันมองไม่ค่อยเห็นสีเท่าไหร่ ครั้งนี้เลยซื้อสีที่อ่อนลงมานิดนึง ส่วนตัวเวลามีเวลาแต่งหน้าเยอะๆ การใช้มาสคาร่าคิ้วทำให้ look เราดู complete มากยิ่งขึ้นค่ะ แต่ถ้ารีบๆก็ไม่ได้ใช้ ฮ่าๆ เพราะไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น




4. Secret Beam Powder Pact #2 7,700 won (ลดไป 3,300 won)

ตอนนี้กำลังฮิตการแต่งหน้าแบบ วิ้งๆ shinyๆ มากๆ ก็เลยจัดไปค่ะ แป้งอัดแข็งผสมวิ๊งๆ ทาออกมาแล้ว กากเพชรจะมองไม่ค่อยเห็น (ต้องเจอไฟถึงจะวิ้งออกมา ชอบบบบบบ) ยื่นหน้าเข้าหาไฟสุดริด coverage งั้นๆนะคะ มันก็ขาวๆ แต่เราเน้นวิ้งๆ ทาทับทีหลัง (ตอนแต่งหน้าเสร็จแล้วเป็น touch up ก็โออยู่ค่ะ)




5. Secret Beam Highlighter 6,300 won (ลดไป 2,700 won)

ยังแวววาวกันไม่พอนะคะ มาต่อกันด้วย highlighter ที่ทำให้หน้า โกลวววว์ อันนี้อันโทนสีทองค่ะ กลายเป็นสิ่งนึงที่จำเป็นต้องใช้ทุกครั้งตอนแต่งหน้าไปเสียแล้ว ก็ลงไปที่ โหนกแก้ม สัมจมูก หน้าผาก คิ้ว คางเล็กๆ ดูหน้าวาวดีค่ะชอบ (บอกแล้วว่าฮิตหน้ามันจริงๆ)




6. Look At My Eyes Icing #BR401 Caramel Icing 3,150 won (ลดไป 1,350 won)

อันนี้เป็น eye shadow เนื้อกึ่งๆครีมแต่จะแข็งๆนิดนึงค่ะ พอลองแล้วชอบเพราะสีสวย ออกแนวกากเพชร แถมยังมีสีเบาๆ เพิ่มdefinition ให้กับตาเราได้ค่ะ สีก็ติดทนใช้ได้ แถมยังเข้ากับ look glowing (in the dark and in the sunlight) ของว่านมากๆ อันนี้ว่านให้ผ่านค่ะ




7. Look At My Eyes Pearl Shadow Base 3,150 won (ลดไป 1,350 won)

อันนี้ยอมรับว่าซื้อมาผิด 555 ตอนแรกคิดว่าเป็น cream eye shadow สีมุกๆกากเพชรเบาๆ เลิฟเลยรีบคว้า ที่แท้ มันเป็น eye shadow base ซะงั้น! แต่สีสวยดีนะคะใช้ทาเดี่ยวๆก็ทำให้ตาสว่างและบริ้งๆได้ค่ะ




8. Face Color Corset #4 Light Shading 3,500 won (ลดไป 1,500 won)

เป็นตลับที่สองแล้วที่ใช้สำหรับรุ่นนี้ คุณภาพและสีก็โอเคค่ะ ตัวนี้ชอบเอาไปใช้เวลาเดินทางเพราะว่ามันเล็กพกพาสะดวก




9. Oh My Eyeliner #1 Black 2,800 won (ลดไป 1,200 won)

ตัวนี้ไม่ต้องพูดถึงให้มากความ ครั้งหนึ่งมันเคยเป็น Manita's Holy Grail พักหลังๆมานี้ยอมรับว่าปันใจไปยี่ห้ออื่นบ้าง แต่ก็มีติดตัวไว้อุ่นใจอะ!




10. Proof 10 Auto Pencil #BK801 Black 4,200 won (ลดไป 1,800 won)

พึ่งเคยลองใช้ตัวนี้ครั้งแรกค่ะ สีเข้ม และที่สำคัญไม่แพนด้า ชอบๆๆ




11. Drawing Eye Brow #01 1,750 won (ลดไป 750 won)

ดินสอเขียนคิ้วตอนแรกก็ไม่อยากได้หรอก แต่พออยากได้เท่านั้นแหละ อยากได้เลย ฮ่าๆ ไม่ใช่ค่ะ พอดีน้องสาวว่านฝากซื้อมา แล้วมันดูเป็นสิ่งนึงที่นาง cannot live without ถึงขั้นพอใช้หมด แล้วว่านไม่มีไฟล้ท์ไปเกาหลีสักที นางต้องไปซื้อดินสอเขียนคิ้วแท่งนี้ที่ shop ในเมืองไทยเลยทีเดียว สวยและรวยมากทั้งพี่ทั้งน้องอันนี้พูดเลยยย ดินสอเขียนคิ้วใช้ออกมาก็ดีค่ะ เก๋ตรงที่มีหัวนึงเอาไว้เกลี่ย จะได้ดูลุคเป็นธรรมชาติ




12. Water Color Blusher #01 Strawberry Pink 4,200 won (ลดไป 1,800 won)

คอนเซ็ปอะไรก็ได้ แต่ขอให้ทนทาน อยู่บนหน้าดิฮั้นนานๆ เพราะดิฮั้น....ไม่มีเวลาเติมค่ะ! ตอนแรกบีบสีนี้ออกมาดู คิดในใจว่าสีต้องเข้มแน่ๆ แต่ก็ตามสไตล์ อีทูดี้ พอเกลี่ยออกมาแล้ว เป็นลุค ใสๆ จางๆ ซะงั้น!




13. Rich Collagen Hand Cream สีเขียว 5,000 won (ลดไป 5,000 won)

อันนี้ซื้อมาเพราะมันลดราคา 50% ก็เลย ….ซื้อก้ะด้ะ เพื่อความตื่นเต้น จากที่ลองตัวเทสเตอร์พบว่ามือนุ่มใช้ได้นะคะ แต่ที่ดีคือมันไม่เหนียวเหนอะหน่ะ คือแฮนครีมเป็นหนุ่งไอเท็มที่แอร์ และ/หรือ สจ๊วต ทุกคนต้องมีติดมือ เพรราะอยู่บนเครื่องอากาศแห้งมาก ยื่งเวลาเราล้างมือบ่อยๆมือก็ยิ่งแห้ง เลยชอบเอามาแบ่งปันกันทาตลอดเวลา ถือเป็นเรื่องเล็กๆที่น่ารักดีค่ะ พักหลังๆไม่ค่อยพกเอง (เพราะหนักกระเป๋า) คอยขอพี่ๆเค้าใช้5555 หว้าาาาา แหะๆ



สิ่งที่ว่านซื้อมาก็มีแค่นี้แหละค่ะ แต่ตอนไปซื้อนี่ก็แอบมี order เยอะกว่านี้ ฮ่าๆ มีความสุขที่ได้ซื้อของ แม้จะไม่ใช่ของเราก็ตาม แต่ไม่ได้เอามาใช้เอง ก็เลยไม่สามารถเอามารีวิวได้ 

ไว้เจอกันใหม่เอนทรี่หน้าค่า บ้ายบายยยย




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2556    
Last Update : 9 ตุลาคม 2556 21:52:09 น.
Counter : 3676 Pageviews.  

Haul + Review: Clinique Repairwear ลิปมันสุดเลิฟในตอนนี้!!



อั่ยย นานแค่ไหนแล้วนะที่เราไม่ได้อัพเดทบลอค >_< 
วันนี้ว่านกลับมาพร้อมกับ product ตัวใหม่ ที่ไม่บอกต่อไม่ได้จริงๆอะ

ขอเล่าที่ไปที่มาก่อน คือมีอยู่วันนึง มานิตาก็กระพือปีกบินๆอยู่
เป็นไฟล้ท์ที่วุ่นมากกกก ไม่ได้ดื่มน้ำเลยสักแก้ว ปากมานิตาก็แห้งงงผากกก
สวววววววววยยยยย มาาาากกกกกกก เลยจริงๆ

พอทำงานเสร็จ ก็เลยบ่นกับพี่แอร์คนนึงว่า เนี่ย ว่านเป็นคนปากห้อยและแห้งมาก (คงจะพอสังเกตกันได้นะคะ)
ละจะมีปัญหาเรื่องการทาลิปสติกสีเข้มๆมาก เพราะ หนึ่ง ทาก็ทาไม่ค่อยจะติดอยู่แล้วเพราะปากห้อย ไม่ใช่ปากหนา เข้าใจความแตกต่างมั้ยคะ T_T และ สอง ทาปุ้ปก็ทำให้ปากแห้งลอกเป็นแผ่นๆ (ก็เลยชอบตีไปเองว่าแพ้ลิปสติกยี้ห้อนั้น แต่ก็ยังไม่สามารถค้นพบยี้ห้อไหนที่ทาแล้วปากไม่ลอกมาก่อน) คือพอเป็นคนปากแห้งอยุ่แล้ว แล้วมาทำงานบนเครื่องซึ่งอากาศก็แห้ง (บนเครื่องไม่มีน้ำอยู่ในอากาศเหมือนตอนเราอยู่บนพื้น) มันก็เลยยิ่งแห้งเข้าไปใหญ่

บ่นๆ ไป บ่นๆ มา พี่เค้าก็บอกว่า นี่ๆพี่มีของจะแนะนำ ก็คือตัวนี้เลยค้าา
เค้าบอกว่าแพงนะ แต่ใช้แล้วพี่ไม่เป็นปากขุยอีกเลย

คือปกติว่านเปนคนชอบทาลิปมันอยุ่แล้ว เพราะมันจะรุ้สึกรำคาญมากเวลาที่ปากแห้ง และก็เปนคนทาลิปมันก่อนลงลิปสติกสีอยู่แล้ว ที่ผ่านมาว่านก็ใช้ลิป EOS ที่เป็นไข่ๆอะค่ะ มันก็ใช้ได้อะนะคะ แต่มันพกไปบินยากอะ 555ใหญ่เกิ้น ก็เลยตัดสินใจซื้อลิป clinique repairwear ตัวนี้มา (ถูก..ลงมาปุ๊ปเข้า king power ซื้อเลย วัยรุ่นใจร้อนก็เง้)



ราคา 1,190 บาท กรี้ดดดด ทำไมมันแพงอย่างเน้!! T_T
แต่มีบัตรคิงพาวเวอร์เลยลดเหลือ 1,071 บาท
(ต้องเข้าใจนะคะ ปกติว่านใช้ลิปมันอันละไม่เกิน 300 บาท เลยถือเป็น big step มากๆที่ไปซื้อไอเจ้าตัวนี้มา)
ว่าแล้วก็เขวี้ยงลิปมันเมย์เบอลีนที่แพคเกจสีสวยๆทิ้งซะเลย แหะ

แต่อยากจะบอกว่ามัน เวิร์ค มากกกกก พอทาออกมาแล้ว texture มันละเอียดมาก ทำให้รู้สึกปากนุ่มมากๆค่ะ และที่สำคัญทาลิปสติกสีแล้วเนียนดีค่ะ

เอ่อ...ว่าจะมาบอกต่อเฉยๆว่าลิปมันนี้มันเลิสมากๆไง๋พล่ามมาได้เยิ้นเย้อขนาดนี้เนี่ย555









 

Create Date : 21 สิงหาคม 2555    
Last Update : 7 ตุลาคม 2556 12:38:50 น.
Counter : 3806 Pageviews.  

1  2  3  

missmanita
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




lozocatlozocatlozocat
สวัสดีค่ะ ว่านขอฝากตัวเป็นนักเขียนบลอคมือสมัครเล่นกับชาว bloggang ด้วยคนนะคะ ส่วนตัวนึกอยากจะเปิด blog เป็นของตัวเองนานแล้ว เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสมาทำงานนึงที่ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ทำ คือการเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ! อุแหม่ะครั้งหนึ่งในชีวิตนะคะ เลยอยากจะใช้ที่แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมความรู้สึก ประสบการณ์ รวมถึงการดำเนินชีวิต ที่พูดได้เลยว่า มันเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!
lozocatlozocat
 

  Blogger Visits Count
Site Tracker
Friends' blogs
[Add missmanita's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.