รีวิวคุชชั่นสายเกาที่เหมาะกับสาวไทย+how to แต่งหน้าง่ายๆ แบบรวดเร็ว


อันนยองฮาเซโย ส้มเองค่า ทักทายเป็นภาษาเกาหลีแบบนี้ไม่ได้จะมาเปิดถุงช้อปปิ้งจากเกาหลีนะคะ(ของจากกระทู้นั้นยังใช้ไม่หมดเลยTT)  แต่จะมารีวิวคุชชั่นสายเกาที่เหมาะกับสาวไทย พร้อมแชร์การแต่งหน้าง่ายๆ แบบรวดเร็วให้ชมค่า



ถ้าอยากทราบแล้วว่าคุชชั่นสายเกาตัวไหนที่เหมาะกับคนไทยอย่างเรา และการแต่งหน้าแบบรวดเร็วและง่ายในสไตล์ของส้มเป็นยังไง ติดตามชมได้เลยย

ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับคุชชั่นกันก่อน ส้มเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังงงๆ อยู่ว่าคุชชั่นคืออะไร?

เอาแบบง่ายที่สุดเลยนะ คุชชั่น คือ การนำรองพื้นหรือบีบีครีม มาใส่ฟองน้ำอยู่ในรูปแบบตลับที่หน้าตาเหมือนตลับแป้ง จะมาพร้อมกับพัฟ ซึ่งพัฟของคุชชั่นจะเรียกว่า air puff  

คุชชั่นก็จะช่วยให้เราแต่งหน้าง่ายขึ้นและรวดเร็วมากยิ่งนั่นเอง ><

ปกติคุชชั่นสายเกาก็จะเน้นงานฉ่ำวาว สไตล์เกาหลีเนอะ ไม่ค่อยคุมมัน สาวๆ ไทยที่มีปัญหาหน้ามันหรือเจอสภาพอากาศร้อน(มากกกกกก) อย่างบ้านเรา เวลาใช้คุชชั่นก็จะไม่รอดใช่ไหมล่ะคะ

ซึ่งส้มเจอคุชชั่นสายเกาที่ตอบโจทย์สาวไทยอย่างเราได้แล้ว ก็คือคุชชั่นที่ส้มจะรีวิวนั่นเอง

นั่นคือ Etude House Real Powder Cushion !!!


















ตัวนี้มี spf50+ pa+++ ด้วยค่ะ

ใครเคยอ่านบล็อกเปิดถุงช้อปจากเกาหลีอลังการงานสร้างของส้มคงเคยเห็นกันแล้วแหละ แต่ตอนนั้นมันยังไม่เข้าไทยไง ส้มก็ซื้อมาใช้เล่นๆ แต่ตอนนี้นางเข้าแล้วนะจ๊ะ ซื้อได้ที่ไทยไม่ต้องพรีหรือบินไปเกาหลีแล้ว

มาทำความรู้จักกับ Etude House Real Powder Cushion กันค่ะ

คุชชั่นตัวนี้มีปริมาณ 14 กรัมค่ะ ใน 1 กล่องไม่มีรีฟิวเพิ่มให้นะคะ ตัวกล่องและตลับคุชชั่นสีออกครีมๆ ตรงขอบจะสีเงิน มีทองเล็กๆ ตัวตลับเขาจะบาง ไม่หนาเหมือนคุชชั่นส่วนใหญ่  เหมาะกับการพกพามากค่ะ


คือตลับสวยมากกก มีความเล่อค่า

ส่วนเฉดสี มีทั้งหมด 3 เฉดสีคือ Light Beige  Natural Beige และ  Honey Beige 

ส้มไม่มีสี Honey Beige ให้ชมนะคะ





ส่วนตัวส้มลองที่เกาหลีแล้วสีhoney beige จะพอดีกับผิวส้มมากกกก  ซึ่งปกติส้มไม่ชอบรองพื้นที่พอดีกับผิวมากๆ เวลาเฉดดิ้งแล้วรู้สึกไม่ค่อยสวย ส้มเลยใช้เป็นสี Natural beige

คุชชั่นตัวนี้รวม 5 สิ่งที่สาวๆ ต้องการรวมอยู่ในตัวเดียวเลย คือ Primer , BB cream , Concealer , Powder Pact , Oil control powder
และที่สำคัญก็คือ คุชชั่นตัวนี้เครมว่า เมื่อทาลงบนผิวแล้วจะเปลี่ยนจากเนื้อครีมเป็นเนื้อแป้งทันที ให้ลุคแมตต์ ควบคุมความมัน 10 ชม ปกปิดได้อย่างเรียบเนียน

โหหหห เครมแรงขนาดนี้ แถมรวมทุกอย่างที่สาวๆ ต้องการอยู่ในตัวเดียวอีก

เราจะเชื่อง่ายๆ ไม่ได้นะคะ มาพิสูจน์พร้อมกันเลยย

ปกติเวลาส้มไปเรียนนี่ก็จะรีบมากๆ จะแต่งหน้าจัดเต็มนี่อย่าหวัง เอาแค่ตื่นไปทันเรียนก็ยากแล้วค่ะ

การแต่งหน้าของส้มก็จะเป็นอะไรที่ง่ายและรวดเร็วค่ะ ดังนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ ว่าส้มแต่งหน้ายังไง…

ให้ดูหน้าสดกันก่อน ส้มมีสิวและรอยสิวอลังการงานสร้างมาก



ขั้นตอนแรกก็มาเริ่มลงคุชชั่นกันเลยค่ะ เทคนิคการลงคุชชั่นของส้มคือ แตะออกมาปริมาณนิดเดียวก็พอค่ะ แล้วเริ่มลงจากกลางหน้าออกสู่กรอบหน้า 

(เทคนิคนี้จะช่วยให้เรากะปริมาณการใช้ได้ง่ายและสามารถช่วยเบลนสีคุชชั่นและเพิ่มมิติให้กับใบหน้า เพราะเราลงสีที่ที่สว่างตรงกลางหน้ามากกว่าตรงกรอบหน้าค่ะ)



การลงคุชชั่นจะใช้วิธีการกดๆ ไม่ปาดหรือถูนะคะ ส่วนจุดไหนที่ต้องการ การปกปิดเพิ่มก็กดย้ำๆ เป็นจุดๆ ไปค่ะ




ลงคุชชั่นเสร็จเรียบร้อยค่ะ จะเห็นว่ารอยสิวจางลงเยอะเลยแต่ก็กลบไม่หมด เพราะ ส้มมีรอยที่ชัดมากๆ ต้องเข้าใจว่าคุชชั่นไม่ใช่ Full coverage foundation จึงไม่สามารถกลบได้ 100% เพราะฉะนั้นใครมีรอยสิวที่ชัดมากๆ แบบส้มแนะนำให้ลงคอนซิลเลอร์ก่อนใช้คุชชั่น ถ้าอยากปิดสนิทจริงๆ หรือจะเผยผิวบ้างเล็กน้อยก็จะดูเป็นธรรมชาติค่ะ

*ส้มไม่ปัดแก้ม เพราะอยากให้เห็นคุชชั่นชัดๆ นะคะ

จากนั้นก็มาเขียนคิ้ว ปัดมาสคาร่าคิ้ว แล้วก็ดัดขนตา ปัดมาสคาร่าค่ะ



ขั้นตอนสุดท้ายคือการทาลิปสติกค่ะ วันนี้ส้มใช้ Etude House lip talk dear my blooming PK027


เท่านี้ก็แต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ





ดูจากในภาพจะเห็นว่ามันไม่ได้แมตต์แบบไม่มีมิตินะคะ ยังคงมีความเกาหลีอยู่ ผิวสวยมากๆค่า

เพื่อให้ทุกคนเชื่อว่ามันเปลี่ยนเป็นเนื้อแป้งจริงๆ ส้มก็จะใช้กระดาษซับหน้าซับให้ดูค่า



เห็นชัดเลยนะคะ ว่าไม่มีอะไรติดกระดาษออกมาเลย แสดงว่าเขาเปลี่ยนเป็นเนื้อแป้งและไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวเลยค่ะ

 เดี๋ยวส้มจะพาไปพิสูจน์ว่าคุชชั่นตัวนี้จะอยู่ได้ถึง 10 ชมจริงรึป่าว




ตอนบ่ายๆ ก็มีความมันขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ ปกติส้มจะมันตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วTT

พอครบ 10 ชม. หน้าส้มก็มันสุดๆ เลยค่ะ ถือว่าคุมมันดีงามมาก



หลังจากครบ 10 ชม. เลยลองซับหน้าด้วยทิชชู่ดู พอซับเสร็จหน้าก็จะหายมันแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมค่ะ


เย้ มาสรุปกันดีกว่า

สำหรับมนุษย์หน้ามันแบบส้มบอกเลยว่าต้องเลิฟแน่นอน เพราะมันคุมมันดีงาม ระหว่างวันก็จะมีความมันขึ้นมาเป็นปกติเนอะ ถ้าหน้ามันมากๆ ก็ใช้ทิชชู่ซับออกก็จะกลับมาเหมือนเดิมค่ะ

สำหรับมนุษย์ผิวแห้งที่กลัวว่าคุชชั่นตัวนี้ให้ลุคแมตต์ คุมมันแล้วจะไม่เหมาะ บอกเลยว่าใช้ได้นะค่ะ เพราะตอนส้มซื้อจากที่เกาหลีได้ลองใช้ที่นั่น คือสภาพอากาศแห้งแถมลองใช้ตอนกลับไทยด้วย อากาศบนเครื่องนี่แห้งมากๆ จะบอกว่ารอดจ้า ไม่แครกเลยค่ะ  

Tips : ถ้าผิวแห้งมากๆ หลังใช้คุชชั่นและระหว่างวันให้ฉีดสเปย์น้ำแร่เพื่อเพิ่มความชุมชื้นให้กับผิว

อย่างที่ส้มบอกตั้งแต่ต้นนะคะ ว่าเป็นคุชชั่นสายเกาหลีที่เหมาะกับสาวไทยอย่างเรา  เพราะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสาวๆ ได้ดีเลย ก็คือ สามารถประหยัดเวลาในการแต่งหน้าตอนเช้าที่รีบๆ และเหมาะกับอากาศบ้านเรานั่นเอง

ใช้ตัวเดียวจบเลย คอนซิลเลอร์กับแป้งเนี่ยเก็บไปได้เลยค่ะ เพราะคุชชั่นตัวนี้ปกปิดได้ดีและเปลี่ยนเป็นแป้งทันทีและคุมมันได้ดีงามมากกก


มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากทราบที่สุด นั่นก็คือ ราคา!  ราคาตลับจริง 790 บาท และรีฟิว 450 บาทค่ะ

หาซื้อที่ได้ร้านค้าอีทูดี้ เฮ้าท์ ประเทศไทย ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์

ย้ำอีกรอบ! เข้าไทยเรียบร้อยไม่ต้องไปตามหาเหมือนส้มนะคะ TT

ก่อนจากกันขอแจ้งข่าวนิดนึงง ตอนนี้ส้มเปิด Fanpage แล้วน้า อย่าลืมเข้าไปกดไลด์กันนะคะ คลิ๊ก

แล้วก็ตอนนี้ส้มได้เป็น 1 ใน 12 คน เข้าร่วมโครงการ Pinknista ของ Etude House ยังไงก็ฝากติดตามด้วยน้า  สำหรับบล็อกนี้ส้มก็ต้องขอตัวลาก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่า บะบายยย




This content is sponsored by EtudeHouse Thailand
All opinions are my own



Create Date : 06 ตุลาคม 2559
Last Update : 6 ตุลาคม 2559 14:34:33 น.
Counter : 2611 Pageviews.

0 comment
Review : Clean&clear Essentials Skincare


สวัสดีค่าา บล็อกนี้ส้มจะมารีวิวสกินแคร์ราคาน่ารัก ใครที่เป็นสิว ผิวมัน กำลังมองหามอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาหรือใครไม่รู้จะใช้สกินแคร์อะไรดี ลองอ่านบล็อกนี้กันได้เลย ถ้าอยากรู้แล้ว ไปดูกันเลยค่าา


สิ่งที่จะมาพูดถึงในบล็อกนี้คือ ผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ตัวจาก Clean & Clear ค่ะ





ทั้ง 4 ตัวนี้อยู่ใน line ของ Essentials เป็นสกินแคร์ที่ส้มเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเห็น เคยใช้กันบ้างแล้ว ส่วนตัวส้มพึ่งเคยใช้เป็นครั้งแรกและทดลองใช้มาประมาณเดือนกว่าๆ ค่ะ เรามาดูทีละตัวกันเลย


เริ่มที่ Clean&Clear Essentials Self-foaming Facial Wash



ตัวนี้เป็นโฟมล้างหน้าค่ะ มองภายนอกจะดูเป็นเจลแต่มันมีหัวปั๊มโฟมที่จะเปลี่ยนเนื้อเจลเป็นโฟมนุ่มๆ สะดวกต่อการใช้งาน ทำให้เวลาล้างหน้า มือเราไม่บาดหน้า ไม่ระคายเคืองผิวเลย 

ทางแบรนด์เครมว่า
- สูตรปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) 
- ช่วยจัดการสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินแบบหมดจด 
- ช่วยควบคุมความมันยาวนานตลอดวัน 
- ช่วยลดและป้องกันสาเหตุการเกิดสิว สิวเสี้ยน 
- ไม่ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื่นแห้งตึงหลังล้างหน้า

ส่วนผสม Water, Triethanolamine,Glycerin, Myristic Acid, Lauric Acid, Lauryl Phosphate, Phenoxyethanol,Cocamidopropyl Betaine, Cocamide MEA, Sodium Lauroamphoacetate, Fragrance,Methylparaben, Penrasodium Triphosphate, Propylparaben, o-Cymen-5-ol,Ethylparaben, BHT, Methylisothiazolinone, Cl 14700, Cl 47005

ลักษณะผลิตภัณฑ์เมื่อเปลี่ยนเป็นโฟมนุ่มๆ 


ส่วนตัวส้มลองใช้มาเดือนกว่าๆ พบว่ามันโอเคมาก คือส้มจะชอบพวกที่มันมีหัวปั๊มออกมาเป็นโฟมให้อยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่งตีโฟมเองอะไรแบบนี้ ล้างหน้าได้สะอาดแต่ส้มชอบใช้ตอนเช้ามากกว่า(ตอนเย็นเราแต่งหน้ามางี้ ส้มชอบใช้อะไรที่มั่นใจว่าสะอาดแน่ๆ มากกว่า) ส่วนเรื่องที่ช่วยควบคุมความมัน ลดสิว พวกนี้ส้มไม่สามารถตอบได้ค่ะ เพราะ ส้มเป็นคนหน้ามันและเป็นสิวอยู่แล้ว คือมีการรักษาสิวและใช้ผลิตภัณฑ์อื่นควบคู่ แต่เท่าที่สังเกตเวลาใช้ไม่ได้รู้สึกว่าช่วยให้ลดลงแต่ไม่ได้ทำให้เพิ่มขึ้นค่ะ และสุดท้ายไม่ทำให้ผิวแห้งตึงตามคำเครมจริงๆ อันนี้เลิฟมากก


ตัวต่อมา Clean&Clear Essentials Foaming Facial Wash



ตัวนี้เป็นเจลล้างหน้าต่างกับตัวบนแค่ลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ค่ะ

ทางแบรนด์เครมว่า 
- สูตรปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) 
- ช่วยทำความสะอาดขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกิน 
- ช่วยควบคุมความมันนานยาวนานตลอดวัน 
- ช่วยลดและป้องกันสาเหตุการเกิดสิว สิวเสี้ยน 
- ไม่ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื่นแห้งตึงหลังล้างหน้า

ส่วนผสมWater, Triethanolamine, Glycerin, Myristic Acid, Lauric Acid, Lauryl Phosphate, Hydroxypropyl Methylcellulose, Cocamidopropyl Betaine, Fragrance, Pentasodium Triphosphate, O-Cymen-5-ol, BHT, Benzophenone-4, Methylisothiazolinone

ลักษณะผลิตภัณฑ์จะเป็นเนื่อเจลใส เมื่อแตะโดนน้ำแล้วถูๆ จะเกิดฟองแต่ไม่ได้เยอะมากจนเป็นโฟมเหมือนตัวบนค่ะ



ตัวนี้ส้มว่าเหมือนตัวบนเลย อยู่ที่ว่าจะชอบแบบไหน ตัวนี้ดีตรงที่พกพาง่ายไม่ใหญ่กินพื้นที่เหมือนตัวบน แต่ก็จะเป็นเนื้อเจลล้างหน้าธรรมดา ส่วนผลลัพธ์ก็มีลักษณะเดียวกันค่ะ คือไม่ทำให้ผิวแห้งตึงจริง ส่วนตัวรู้สึกว่าล้างได้สะอาดกว่าตัวโฟมแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเรื่องลดความมันและสิว  โดยรวมโอเคและเลิฟเช่นค่ะ


Clean&Clear Essentials Oil-control Toner



ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ ทางแบรนด์เครมว่า
- สูตรปราศจากน้ำมันช่วยขจัดสิ่งสกปรก 
- ช่วยลดและป้องกันการสะสมของแบคทีเรียพร้อมควบคุมความมันส่วนเกิน 
- ช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงจากครีมได้ดียิ่งขึ้น

ส่วนผสมWater, Alcohol Denat, Glycereth-26, Panthenol, SalicylicAcid, Allantoin, Sodium Hydroxide, Polysorbate 20, Fragrance, Polyquatemium-7,Benzophenone-4, Cl 42090


ลักษณะผลิตภัณฑ์จะเป็นน้ำสีฟ้าๆ วิธีใช้ก็หยดใส่สำลีแล้วเช็ดทั่วใบหน้าหลังล้างหน้าค่ะ 
*แนะนำให้เช็ดโทนเนอร์หลังล้างหน้าเพื่อเช็คความสะอาดของใบหน้านะคะ ว่าเราล้างหน้าสะอาดพร้อมบำรุงจริงไหม*



สำหรับโทนเนอร์ตัวนี้เช็ดทำความสะอาดได้โอเคเลย แต่ส้มไม่ชอบเรื่องกลิ่นมากๆ คือกลิ่นแอลกอฮอล์แรงมากค่ะ(มีผสมนะคะ) แต่ดีที่ไม่แพ้เลยใช้ได้ ส่วนเรื่องลดความมันและสิวอันนี้ต้องตอบเหมือนเดิมว่าส้มไม่เห็นชัดเจนนะคะ 


ตัวสุดท้าย Clean&Clear Essentials Moisturizer




ตัวสุดท้ายเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ค่ะ ขวดสีขาวขุ่นไม่สามารถมองเห็นผลิตภัณฑ์ด้านในเหมือนตัวอื่นๆ ทำให้มีข้อดีตรงที่ป้องกันแสงแดดส่องโดนผลิตภัณฑ์แต่ก็ทำให้เรามองไม่เห็นว่าใช้ไปถึงไหนแล้วเช่นกันค่ะ

ทางแบรนด์เครมว่า 
- สูตรปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) 
- ซึบซาบเร็วไม่อุดตันรูขุมขน 
- ช่วยลดและป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย 
- ควบคุมความมัน

ส่วนผสมWater, Propylene Glycol, C12-15 Alkyl Benzoate, CetylAlcohol, Stearyl Alcohol, Propylene Glycol Isostearate, Stearic Acid,Phenoxyethanol, Cyclopentasiloxane, Dimethicone, Glyceryl Stearate, SalicylicAcid, PEG- 100 Stearate, Cyclohexasiloxane, Sodium Hydroxide, SodiumIsostearoyl Lactylate, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Allantoin,Carbomer, Disodium EDTA, Methylparaben, Propylparaben, Fragrance, Ethylparaben


ลักษณะผลิตภัณฑ์จะเป็นเนื้อครีมสีขาว แต่ไม่ใช่เนื้อครีมค้นๆหนักๆ จะเป็นเนื้อที่บางเบา เกลี่ยง่าย ซึมง่ายไม่หนักผิวเลย



ตอนแรกส้มนึกว่าจะเป็นครีมข้นๆ หนัก ปรากฎว่าไม่ใช่เลย เนื้อเกลี่ยง่าย ชอบมากไม่หนักผิว เพราะส้มผิวมันแถมช่วงนี้ร้อนมาก ตัวนี้ใช้ได้ค่ะไม่เหนียวเนอะหนะผิว เรื่องคุมมันและสิวอันนี้ก็ขอตอบเหมือนเดิมค่ะว่าไม่เห็นผลชัดเจน ที่รู้สึกและประทับใจ คือ ให้ความชุ่มชื้นโดยที่ไม่หนักผิวค่ะ คนผิวมันใช้ได้และหน้าร้อนๆ แบบนี้ก็ใช้ได้ค่า


ส่วนตัวส้มว่ามันโอเค ให้ผลลัพธ์กลางๆ ไม่มีพิษอะไร 5555 ส้มลองมาประมาณ 1 เดือนแล้ว ไม่แพ้และไม่ได้เห็นผลชัดเจนในแต่ละตัวที่ทางแบรนด์เครมไว้ในเรื่องความมันและสิว คือ สภาพผิวของส้มเป็นคนหน้ามันและมีสิวอยู่แล้วอาจจะต้องดูในระยะยาว และส่วนตัวคิดว่าความมันและสิวเกิดจากหลายๆ ปัจจัย สกินแคร์เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดและควบคุมได้ค่ะ 
เชตนี้เป็นสกินแคร์ที่เกี่ยวกับเรื่องควบคุมความมันและสิวที่ยังสนใจความชุ่มชื้น ใครที่กังวลว่ามันช่วยเรื่องคุมมันกับสิวแล้วจะทำให้หน้าแห้งนี่คิดผิดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นใครมีปัญหาผิวแบบส้ม(ผิวมันและมีสิว)หรือมองหาสกินแคร์ราคาน่ารัก ก็ถือว่าเชตนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมากๆ เลยค่ะ 
ส่วนตัวส้มเลิฟเจ้าโฟมล้างหน้าหัวปั้มมาก คือมันดีอ่ะ ปั้มออกมาเป็นโฟมเลย นุ่มๆ ไม่ระคายเคืองผิว แล้วก็ตัวครีม เนื้อไม่หนักดี ให้ความชุ่มชื้นดี อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นเลยค่ะ



สกินแคร์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน อาการแพ้ไม่สามารถตอบได้นะคะว่าไม่แพ้แน่นนอน และส้มต้องขออภัยที่ไม่ได้อธิบายพวกส่วนผสม ส้มไม่ถนัดและส่วนตัวไม่ชอบอ่านพวกนี้(ไม่ดีนะ555) ถ้าใครอยากศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปดูในเว็ปไซต์ของทางแบรนด์ได้เลยค่ะ

สุดท้ายราคาของทั้ง 4 ตัวก็ไม่แพงเลย(ส้มไม่ทราบราคาที่แน่นอนเห็นชอบมีโปรบ่อยๆ)แถมหาซื้อได้ง่ายมาก ตามห้างและร้านขายยาทั่วไป (แอบเห็นในเซเว่นมีไซส์เล็กๆ ราคาน่ารักให้พกพาและทดลองใช้ด้วยนะคะ) 

ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าค่าา Smiley

*Sponsored Item but all opinions are my own *



Create Date : 12 เมษายน 2559
Last Update : 2 มิถุนายน 2559 19:09:22 น.
Counter : 18458 Pageviews.

0 comment
รีวิว+เปรียบเทียบ Etude House Tint My Brows Gel & Mille 6D Tattoo Brow Gel


สวัสดีค่าา บล็อกนี้จะมารีวิวตัวช่วยให้เราเขียนคิ้วได้รวดเร็วมากขึ้นค่ะ ประหยัดเวลาแต่งหน้าเวลารีบๆ ได้ดีเลย แต่ๆๆ ไม่ได้จะมารีวิวที่เขียนคิ้วอะไรงี้เฉยๆ นะ แต่บล็อกนี้จะมารีวิวและเปรียบเทียบที่เขียนคิ้วเหมือนสักคิ้วที่ติดทนนาน เหมาะกับอากาศร้อนๆ แบบบ้านเราเลยและเป็นที่หลายๆคนพูดถึงอยู่ตอนนี้ ถ้าอยากรู้แล้ว ไปชมกันเลยค่าาา

ผลิตภัณฑ์2 ตัวที่จะรีวิวในบล็อกนี้คือ...

Etude House Tint My Brows Gel และ Mille 6D Tattoo Brow Gel




ทั้งสองตัวก็คือเจลสักคิ้วเหมือนเราไปสักคิ้วมาเลยค่ะ แต่ขอบอกเลยว่าเป็นธรรมชาติมากกว่า

เราไปดูทีละตัวกันเลยย


มาเริ่มกันที่ EtudeHouse Tint My Brows Gel




ต้องขอบอกก่อนว่าส้มได้ลองตัวนี้ก่อน Mille ค่ะ ฝากเพื่อนซื้อมาจากเกาหลีถ้าใครอยากลองใช้ ลองดูร้านพรีที่อัพราคาไม่แพงจนเกินไปนะคะ เช็คราคาเงินวอนได้ในเว็ปของอีทูดี้เลยค่ะ

ตัวนี้จะมาพร้อมกล่องสวยงามมี 3 สีนะคะ แต่ส้มมีสีเดียว แท่งเหมือนมาสคาร่าอะไรแบบนี้ เปิดออกมาจะเจอแปรงพร้อมเจลหนืดๆ เยิ้มๆ มันเป็น Tattoo อารมณ์เหมือนลิปสติกtattooที่ต้องรอมันแห้งแล้วลอกออกเลย




ด้ามแปรงอาจจะดูยาวแต่เวลาใช้งานถนัดมือ หัวแปรงใช้ง่ายค่ะ ปาดง่ายมาก ไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไปลักษณะเหมือนพู่กันแต่มีเจลเกาะอยู่ ขนาดกำลังดีค่ะ ส่วนเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ติดมากับแปรงไม่มากจนเกินไปทำให้ควบคุมได้ง่าย


วิธีการใช้: ป้ายไปลงไปที่คิ้วตามแบบที่เราต้องการเลยค่ะ ใครไม่ค่อยมีโครงคิ้วหรือไม่มีคิ้วเลย -0- อันนี้ยากหน่อยนะ ต้องค่อยๆ ระบายไปหรือจะวาดโครงด้วยดินสอเบาๆ ไว้ก่อนได้ค่ะ แต่ส้มพอมีอยู่เลยระบายลงไปเลย รอให้มันแห้งแล้วลอกออกค่ะ ถ้าส้มจำไม่ผิดนะรอสัก 15-30 นาทีแต่ส้มใช้วิธีทาแล้วเข้านอนตื่นมาลอกออกค่ะ แค่นี้คิ้วเราก็จะมีสีสวยๆเหมือนไปสักคิ้วแต่ได้ความเป็นธรรมชาติกว่ามากๆ แล้ว






ถ้าเขียนผิดล่ะทำยังไง? ง่ายๆเลยค่าารีบเอาคอตตอนบัดเกลี่ยส่วนที่ผิดออกหรือใช้คอตตอนบัดจุ่มรีมูฟเวอร์แล้วเกลี่ยออกหรือจะใช้เป็นการเก็บรายละเอียดให้เป๊ะมากๆ ก็ได้นะคะ

มาดูผลการใช้ของส้มตั้งแต่ทาจนมันหลุดหมดกันค่ะ







ถ้าแต่งหน้าไม่มากส้มจะใช้แค่คลีนซิ่งแบบน้ำเช็ด แต่ถ้าแต่งหน้าหนักก็จะใช้ออยและถ้าวันไหนแต่งตาก็จะใช้อายรีมูฟเวอร์เช็ดซึ่งโดนคิ้วด้วยค่ะ ส้มทำทุกอย่างเหมือนตอนไม่ได้ใช้เจลนะ แต่ถ้าใครอยากรักษาไว้ให้นานๆ ก็ต้องระวังตรงคิ้วเป็นพิเศษค่ะ

จะเห็นได้ว่าสีสวยติดทนระดับนึงเลยค่ะ พอมันเริ่มหายไปก็ใช้ที่เขียนคิ้วเติมๆ ก็จะได้คิ้วเป๊ะเหมือนเดิม อยู่ได้เกือบ 1สัปดาห์เลยค่ะ


มาดูอีกตัวกันเลยย  Mille 6D Tattoo Brow Gel




ตัวนี้กระแสดีมากกหมดเร็วมาก ช่วงแรกๆ ส้มไม่ว่างไปซื้อเลยฝากเพื่อนซื้อ นางบอกว่าหมดๆๆส้มนี่กรี๊ดเลย TT

ตัวนี้ไม่มีกล่องนะคะมาเป็นตัวแท่งแบบนี้และมีพลาสติดซิลไว้ ตอนนี้ Mille มีทั้งหมด 4 สี ค่ะ สามารถเลือกได้ตรงกับสีผมเลย สีผมที่ส้มทำไม่ได้อ่อนมากเลยเลือกสีเข้ม แต่ทำไมรูปเป็นน้ำตาลอ่อนล่ะ! มันหมดไง TT  ของไปไวมาๆ พี่บีเอบอกมันใกล้เคียงกัน ส้มเลยจำใจเอาสีอ่อนมาค่ะแต่พอใช้แล้วไม่ผิดหวังเลยน้าา (ตอนที่ส้มซื้อยังมีแค่ 2 สี)




ตัวแท่งเจลก็จะหน้าตาเหมือนอีทูดี้คล้ายมาสคาร่าอะไรแบบนี้ มีเจลหนืดๆ เหมือนกัน หัวแปรงที่ทาเจลดูยาวกว่าและกว้างกว่า วิธีการใช้งานเหมือนกันเลย และส้มใช้วิธีทาแล้วเข้านอนเหมือนเดิมค่ะ




มาดูผลการใช้ของส้มตั้งแต่ทาจนมันหลุดหมดกันค่ะ





จะเห็นเลยว่าติดทนมากวันสุดท้ายอีกข้างยังพอเป็นโครงอยู่เลยแต่ส้มเห็นข้างขวาไปแล้วเลยขอตัดที่ตรงนี้ค่ะ โดยรวมก็อยู่ได้เกือบ 1สัปดาห์เลย

ถ้าใครเป็นเหมือนส้มซื้อสีมาไม่ค่อยตรงกับสีผม คือ ส้มใช้มันเป็นเหมือนแค่เรามีโครงคิ้วแล้วทาแบบฝุ่นทับบางๆ แล้วปัดมาสคาร่าคิ้วค่ะ มันก็จะออกมาเป็นสีเหมือนที่เราเขียนทุกๆ วัน เพื่อนๆ สามารถนำวิธีนี้ไปเพื่อทำให้การเขียนคิ้วง่ายขึ้นได้น้าา


สรุปทั้งสองตัวว





สำหรับ Mille มีหลายสีให้เลือกทำให้เราเลือกสีที่เหมาะกับสีผมได้ ลอกออกง่าย ติดทน หาซื้อได้ง่าย แต่ส้มว่ามันจับไม่ถนัดมือ แปรงใช้ค่อนข้างยาก (แต่ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นน้า) 

ส่วน Etude ใช้งานง่ายถนัดมือ สีสวยกำลังดี ลอกออกง่าย ติดทนน้อยกว่ามิลเล่ หาซื้อลำบาก


บอกตรงๆว่าเชียร์อีทูดี้ แต่ตอนนี้ไม่มีขายที่ไทยเนอะ ลองเล่นของมิลเล่ดูก็ได้นะมันไม่ได้ยากขนาดนั้น ดีเหมือนกันเลย

ใครจะใช้เป็นแค่โครงคิ้วให้เราเขียนคิ้วได้ง่ายขึ้นก็ได้นะคะ จากที่ส้มใช้มามันสะดวกมาก เรามีโครงอยู่แล้ว ตอนเช้าแค่เติมนิดหน่อยหรือที่หายไป ปัดมาสคาร่าคิ้ว จบเลยค่ะ  ตอนทำวันแรกอาจจะดูแข็งๆ ไปหน่อย พอวันที่ 2 – 3 กำลังสวยเลยค่ะ

**เวลาลอกเจลออกขนคิ้วไม่หลุดออกมานะคะ ลอกง่ายมากๆ**

ทั้งสองตัวถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เราประหยัดเวลาในการเขียนคิ้วได้ดีมากๆ ใช้แล้วดูเป็นธรรมชาติไม่เหมือนกับคนไปสักคิ้ว (ส้มไม่เคยสักคิ้วนะคะ) แบบเวลาเราล้างหน้า คิ้วหายไปเลย ยิ่งใครหน้าสดไม่มีคิ้วนี่ไม่กล้าเจอใครสุดๆแต่ตัวนี้ช่วยเราได้ ล้างหน้าแล้วยังมีคิ้ว สวยเลย ตอนส้มใช้ตัวนี้แล้วเพื่อนเห็นหน้าสดเพื่อนก็ถามทำไมยังมีคิ้ว 5555


ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกๆ คน ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปสักพัก ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่บล็อกหน้าค่าา Smiley




Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 3 เมษายน 2559 21:32:53 น.
Counter : 2373 Pageviews.

0 comment
Review : Olay Natural White Serum&Cream

สวัสดีค่าาาสาวๆ หลายๆคนน่าจะกำลังมองหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสหรือขาวอมชมพูกันอยู่ใช่ไหมคะส้มก็เป็นหนึ่งคนค่ะที่อยากมีผิวที่กระจ่างใสหรืออมชมพูแบบสาวเกาหลีอะไรแบบนี้เพราะช่วงที่ส้มไปมหาวิทยาลัยเนี่ยส้มเจอแดดที่จะเผาส้มอยู่แล้วอ่ะ จะกลายร่างเป็นส้มแดดเดียวเลยค่า TT ผิวนี่โดนทำร้ายมากผิวคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัดเลย รองพื้นที่ใช้อยู่นี่ขาวกว่าผิวเลยค่ะ 

สมัยนี้ก็มีหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้แต่ก็มีหลายๆ ตัวค่ะ ที่ส้มใช้หรือได้ยินจากคนรอบข้างว่าไม่เห็นจะได้ผล หรือขาวแค่ตอนทาพอไม่ทาหรือล้างออกก็เป็นเหมือนเดิมและบางผลิตภัณฑ์ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งอีกด้วย บล็อกนี้ส้มมีผลิตภัณฑ์กลุ่ม Natural White ของ Olay ที่ส้มรู้สึกว่าสามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้จริง เลยนำมารีวิวให้ทุกๆ คนดูค่ะ 

เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส้มได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน "JebanxOlay : Be You ... BeBeautiful เป็นตัวคุณ สวยในแบบที่คุณได้ลอง"


จากงานนี้ทำให้ส้มได้รู้จักกลุ่มNatural White ของ Olay มากขึ้นค่ะ แต่ก่อนยอมรับเลยว่าเคยเห็นแต่ไม่เคยใช้เลยและส้มก็เชื่อว่าสาวๆหลายคนน่าจะเคยเห็นหรือเคยใช้ เอาตามตรงส้มใช้หมดมาสักพักแล้วค่ะตอนใกล้หมดทำ user review ในจีบันด้วยแต่ทำไมพึ่งมาเขียนรีวิวเต็มๆ ….. เพราะดองไว้ค่ะ TOT ตอนนั้นขี้เกียจสุดๆๆ 

เรามาทำความรู้จักทั้งสามตัวนี้กันดีกว่าค่ะ

Olay Natural White Pinkish Fairness Serum + Cream Day spf 15 pa ++


สิ่งที่แบรนด์เครม : ปรับผิวให้ดูกระจ่างใสเปล่งประกายอมชมพูตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ด้วย Olay Natural White PinkishFairness ที่มีการผสานคุณค่าของมอยส์เจอร์ไรเซอร์และเซรั่มเข้มข้นอุดมด้วยคุณค่าของสารสกัดจากน้ำนมบริสุทธิ์และดอกกุหลาบฝรั่งเศสเนื้อครีมเข้มข้นแต่บางเบาซึมเข้าผิวได้อย่างล้ำลึก ไม่เหนอะหนะช่วยฟื้นฟูความหมองคล้ำ จุดด่างดำ และมี SPF15 PA++ นอกจากช่วยบำรุงผิวแล้วยังเหมาะมากสำหรับใช้ก่อนแต่งหน้า


ตัวนี้เป็นเซรั่มสำหรับช่วงกลางวันมีส่วนผสมของกันแดดมาให้ แต่ก็ควรทากันแดดเพิ่มนะคะ มีลักษณะเป็นเนื้อครีมสีชมพูอ่อนสังเกตในขวดจะมีชั้นสีชมพู สีม่วงและสีขาวสลับกันไปมา พอกดออกมาจะได้สีชมพูอ่อน  พอทาลงบนผิวจะช่วยปรับให้ดูสว่างกระจ่างใสขึ้นทันทีตามที่แบรนด์เครมไว้เลย สามารถลดขั้นตอนการใช้เบสเพื่อปรับให้ผิวดูกระจ่างใสได้เลยค่ะ

ถึงจะเป็นเนื้อครีมแต่ก็บางเบาเกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะตามที่แบรนด์เครมไว้เช่นกันค่ะแต่แนะนำว่าต้องเกลี่ยดีๆ หน่อย บางทีเกลี่ยแบบขี้เกียจๆ จะทำให้เกิดคราบขาวๆ เวลาลงผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนต่อไป ถ้าเกิดคราบขึ้นก็แค่เกลี่ยๆ ก็จะหายไปค่ะไม่ได้ทำให้เกิดคราบเวลาแต่งหน้าหรือระหว่างวัน  เซรั่มที่มีลักษณะเป็นเนื้อครีมแบบนี้ส้มว่าให้ความชุ่มชื้นได้ระดับนึงเลยคนหน้ามันก็ใช้ได้ค่ะ ไม่ได้ทำให้หน้ามันเพิ่ม

OlayNatural White Pinkish Fairness Serum + Cream Night

สิ่งที่แบรนด์เครม: ผิวกระจ่างใสอมชมพูตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ด้วยโอเลย์เนเจอรัล ไวท์ 7อิน 1 ไนท์ แฟร์เนส ครีม + ซีรั่ม สเวิร์ล สำหรับกลางคืน ช่วยให้ผิวดูเปล่งประกายกระจ่างใสอย่างเห็นได้ชัดทุกวันนวัตกรรมล่าสุดที่ผสานซีรั่มเข้มข้นเข้ากับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีสารสกัดจากน้ำนมบริสุทธิ์และกลีบกุหลาบฝรั่งเศส ให้ผิวนุ่มเด้งเปล่งประกายอมชมพู และซึมซาบบำรุงได้อย่างล้ำลึก โดยไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ

ตัวนี้เหมือนเซรั่มสำหรับกลางวันเลยค่ะแต่ตัวนี้สำหรับกลางคืนเนื้อครีมสีชมพูอ่อนที่เข้มกว่าตัวกลางวันทาลงบนผิวทำให้ดูกระจ่างใสขึ้นทันที(ส้มรู้สึกว่ามันกระจ่างใสขึ้นกว่าตัวกลางวันอีกค่ะ) เกลี่ยง่าย บางเบาแอบมีความชุ่มชื้นมากกว่าเล็กน้อย คนหน้ามันก็สามารถใช้ได้ค่ะตัวนี้ก็ต้องเกลี่ยดีๆ เหมือนกันไม่นั้นอาจเกิดคราบขาวๆเหมือนที่ส้มบอกไว้ในตัวแรกค่ะ



เซรั่มทั้งสองตัวบรรจุอยู่ในแพคเกจจิ้งที่เป็นขวดสุญญากาศ  สะดวกต่อการใช้งาน เนื้อครีมไม่สกปรกสามารถกำหนดปริมาณการใช้ได้ง่าย ปกติส้มใช้ประมาณ 1ปั้มค่ะ


ดูสีเซรั่มอยู่ในขวดกันชัดๆ น่ารักมากกก

Olay -Natural White : 7 In One Insta-Glow With Uv Protection Fairness Cream

สิ่งที่แบรนด์เครม: โอเลย์ เนเจอรัล ไวท์ 7 อิน 1 อินสตา-โกลว์ วิท ยูวี โปรเทคชั่น แฟร์เนส ครีมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าผสมสารป้องกันแสงแดด มีส่วนผสมที่ทรงประสิทธิภาพช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใส ด้วยวิตามินบำรุงถึงสามชนิด วิตามิน B3 โปรวิตามินB5 และ วิตามิน E ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งกระจ่างใส ควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

มาดูครีมบำรุงผิวกันบ้างค่ะ เนื้อครีมสีขาวข้นแต่เกลี่ยง่ายบางเบา เนื้อครีมสีขาวก็จะช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้นทันทีและเหมือนเดิมค่ะต้องเกลี่ยดีๆ ไม่นั้นเป็นคราบเหมือนเซรั่ม ตัวนี้มีส่วนผสมของกันแดด สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ช่วงกลางวันตัวนี้ก็สามารถเป็นเบสให้กับการแต่งหน้าได้ดีค่ะแต่ก็ต้องทากันแดดเพิ่มส่วนกลางคืนใครที่เปิดไฟนอนหรือทำงานก่อนนอนอะไรแบบนี้ก็สามารถใช้ตัวนี้เป็นการป้องกันผิวจากแสงไฟได้เลย

ความชุ่มชื้นของเนื้อครีมกำลังดีคนหน้ามันไม่รู้สึกเหนอะหนะในตอนกลางวันแน่นอนส่วนตัวส้มชอบให้ผิวชุ่มชื้นมากๆ ในตอนกลางคืนตัวนี้ส้มรู้สึกว่ายังให้ความชุ่มชื้นน้อยไปหน่อยแต่ถ้ากลางวันตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นกำลังดีเลยค่ะ บรรจุอยู่ในกระปุกอาจจะต้องจ้วงขึ้นมาแต่เป็นพลาสติกไม่แตกง่าย พกพาสะดวกน้ำหนักเบา


หลังจากที่ส้มใช้เชตนี้มาอย่างต่อเนื่อง(ส้มใช้ครีมทั้งกลางวันและกลางคืน)แรกๆ เวลาใช้ก็จะดูสว่างกระจ่างใสขึ้น เวลาทาเซรั่มผิวจะดูอมชมพูนิดๆพอล้างหน้าก็จะเหมือนเดิม แต่จะค่อยๆ ปรับให้ขาวขึ้นไม่ได้อยู่ดีๆก็ขาวเลย ช่วงใกล้ๆหมด สังเกตผิวหลังล้างหน้าดูกระจ่างใสขึ้นกว่าตอนแรกที่ใช้(ขออภัยที่ไม่มีรูปหน้าสดก่อน-หลังใช้ เพราะส้มไม่คิดว่ามันจะดี) ดูสุขภาพดีขึ้นนุ่มชุ่มชื้นและรู้สึกว่าขาวขึ้นสามารถกลับมาใช้รองพื้นสีเดิมได้เลย ส่วนตัวคือเลิฟมากกก

ลองทาครีมแบบครึ่งหน้าให้ดูค่ะ อาจจะเห็นไม่ชัด คือมันไม่ใช่ทาแล้วขาวเลยมันจะค่อยๆ ปรับผิวในระยะยาวค่ะ


แต่ๆๆๆ เดี่ยวก่อนค่ะทั้งสามตัวเนี่ยมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งสกิลการอ่านส่วนผสมข้างกล่องของส้มต่ำมากขออภัยจริงๆค่ะ ส่วนตัวส้มไม่แพ้ใช้จนหมดหยดสุดท้ายจริงๆ ตอนทำ user review ในจีบันแอบเห็นความคิดเห็นหลายๆ คนว่าแพ้เกิดสิวอุดตันอะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นก่อนจะใช้ก็ควรเทสก่อนว่าแพ้ไหมนะคะถ้าใครไม่แพ้รับรองต้องชอบแบบส้มแน่นอนค่ะ




ราคาเซรั่มทั้งสองตัวอยู่ที่ 269 บาท ส่วนครีม 299 บาท ถ้ามีโปรก็จะลดไปอีก


หวังว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังมองหาสกินแคร์ดีๆ ราคาน่ารักอยู่นะคะ รีวิวนี้ส้มเขียนจากความคิดเห็นส่วนตัวส้มเองค่ะถึงแม้ว่าของจะได้มาฟรี ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าค่าา Smiley




Create Date : 20 ตุลาคม 2558
Last Update : 14 มกราคม 2559 11:11:33 น.
Counter : 774 Pageviews.

0 comment
Swatch+mini how to maybelline the nudes palette

สวัสดีค่าาาา เจอกันอีกแล้วจำกันได้ไหม ? 5555 วันนี้ส้มมีของเล่นมาให้สาวๆได้ชมกันค่า เป็นไอเท็มส่งตรงจากนิวยอร์กฉลองครบรอบ 100 ปี ของ Maybellineนั่นเอง ต้องบอกเลยว่าสาวๆชาวนิยอร์กนั้นเลิฟกันมากเลย เป็นไอเท็มที่ฮอตมากๆ และตอนนี้ก็มีขายที่บ้านเราแล้วไปทำความรู้จักกันเลยยย



Maybelline newyork the nudes palette

พาเลทสีนู้ด 12 เฉดสี เป็นสีโทนน้ำตาลเหมาะกับสาวไทยมากค่า มีทั้งสีขาวมุขๆ สีน้ำตาลกลางๆ น้ำตาลเข้ม สีทองๆ สีดำ เป็นต้น ครบสำหรับ everyday look หรือจะทำเป็นสโมคกี้อายไปปาร์ตี้เก๋ๆ ก็ได้เลย คุ้มสุดๆ

Smiley ตัวพาแลตจะมากับซองกระดาษสีม่วงแบบนี้



Smiley พอเอาซองออกมาจะเป็นพาเลทสีดำตามรูปแรกด้านบนเลยค่าา ด้านหลังพาเลทมีวิธีแต่งตาสามารถแต่งได้ถึง 13 แบบเลย ถ้าใครไม่อยากคิดเองแต่งตามด้านหลังได้เลยย



Smiley พาเลทเป็นพาสติกแข็งแรง เวลาเปิดฝาจะสามารถตั้งได้ปรับได้ไม่ล้มลงไปค่า ส้มชอบพาเลทแบบนี้






Smiley พอเปิดพาเลทมาจะเจอสีทั้ง 12 สีและ 1 แปรง มาดูแปรงกันน


แปรงมี 2 หัวเป็นหัวฟองน้ำทั้ง 2 ข้างค่ะ โดยข้างหนึ่งจะเป็นหัวใหญ่ๆกลมๆ ปกติทั่วไป อีกด้านจะเป็นหัวเล็กกว่าปลายจะค่อนข้างแหลมแต่ยังมีความมนอยู่ทำให้เข้าไปเกลี่ยสีพวกใต้ตาล่างได้สบายเลย

มาดูสีใกล้ๆกันดีกว่า




ส้มจะSwatch สีให้ดูโดยเรียงจากซ้ายไปขวาของพาเลทเนื่องจากมันไม่มีชื่อสี ส้มขอเรียกเป็นสีที่1 ถึง 12 สีด้านบนที่แขนส้มจะเป็นสีที่ปาดออกมาจากพาเลทส่วนด้านล่างส้มจะปาดทับอายไพรเมอร์



สีที่1 จะเป็นสีขาวมุขๆ เม็ดชิมเมอร์ละเอียดมาก เอาไว้ทาหัวตาจะน่ารักมากเลย

สีที่2 สีน้ำตาลอ่อน มีประกายเล็กน้อย

สีที่3 เป็นสีเบจ เนื้อแมต

สีที่4 เป็นสีน้ำตาลเข้มมีชิมเมอร์สีทองวิ้งมาก สีนี้ปาดทีเดียวชัดเลยค่ะ

สีที่ 5 สีน้ำตาลอมเทา มีประกายเล็กน้อย

สีที่6 สีน้ำตาลเข้มอมเทาเล็กน้อย สีนี้ก็มีประกายค่า



สีที่7 สีน้ำตาลเข้มอมทอง มีชิมเมอร์ละเอียด สีนี้ปาดครั้งเดียวชัด

สีที่8 สีน้ำตาลเข้ม มีประกายวิ้งๆ

สีที่9 สีทองมีชิมเมอร์ละเอียด

สีที่10 สีน้ำตาลเข้มมีชิมเมอร์ละเอียด สีนี้ปาดครั้งเดียวก็ชัดค่ะ

สีที่11 สีชมพูมุขอ่อนๆชิมเมอร์ละเอียด ตัวนี้ทาหัวตาก็สวยค่ะ

สีที่12 สีดำมีประกายวิ้งๆเล็กน้อยค่า


ภาพรวมทั้ง 12 สี ไม่ได้ทาไพรเมอร์น้าาา



มองจากพาเลทเหมือนจะมีสีแมตหลายสีแต่พอปาดดูแล้วมีแมตจริงๆแค่สีเดียวเอง TT นอกนั้นจะเป็นแอบมีประกายบ้างกับชิมเมอร์เลย เม็ดชิมเมอร์พาเลทนี้ละเอียดไม่ร่วงมากค่ะ กำลังดี พวกสีเข้มๆก็จะชัดมาก ส่วนสีอ่อนๆต้องถูหลายๆรอบหน่อยนะคะ สีที่ทาตรงไพรเมอร์ก็จะชัดและติดทนกว่าที่ไม่ทา และเวลาใช้แปรงแตะสีก็จะฟุ้งๆบ้างแต่ไม่ถึงกับร่วง เกาะเปลือดตาได้ดีค่า

Smiley บอกเลยว่าทั้ง 12 สีจาก Maybelline นี้คล้ายกับบางพาเลทที่แพงๆ คุ้นๆไหมเอ่ย ????

นี่เลยย Urban decay naked palette กับ Too faced natural eyes ส้มเลยถ่ายรูปเปรียบเทียบมาให้ ถ้าใครยังไม่มีทั้งสองนี้ส้มแนะนำ maybelline เลยจ้าา




Smiley มาดู mini how to ของส้มแบบง่ายๆ จาก the nudes palette นี้เลยค่าา เรียกเบอร์สีตามที่ swatch ด้านบนเลยนะคะ



1.ใช้สีที่ 3 สีเบจ ทาทั่วเปลือกตา

2.ทาสีที่ 2 สีน้ำตาลอ่อน ตรงชั้นตา (ทาให้แบบลืมตาแล้วยังเห็นนะคะ)

3.ใช้สีที่ 7 สีน้ำตาลเข้มอมทอง เอามาคัดเบ้าเบาๆ

4.ใช้สีที่ 7 ผสมกับ 8 ทาขอบตาล่างช่วงหางตาถึงกลางตา

5.ทาสีที่ 1 สีขาวมุข ตรงหัวตาแล้วลากมาถึงกลางตา

6. แตะสีที่ 1 ด้วยนิ้วมือแล้วแปะลงกลางเปลือกตาบน เพื่อให้ดูมีประกายวิ้งๆ

7.ใช้สีที่ 12 สีดำ ผสมกับสีที่ 6 มาเขียนเป็นอายไลน์เนอร์

8.รูปนี้คือข้างที่ทาไพร์เมอร์ค่า ส่วนขั้นตอนที่ 1-7 จะไม่มีไพรเมอร์น้าา

เมื่อเสร็จแล้วจะได้แบบรูปใหญ่ค่า ด้านที่มีวงกลมคือ ทาไพรเมอร์ ด้านกากบาท จะไม่ทาค่ะ
Smiley พาเลทสีน้ำตาลแบบนี้ส้มเลยเอามาเขียนคิ้วด้วยเลย



1.ใช้สีที่ 6 วาดโครงคิ้วตามที่ต้องการแล้วเกลี่ยสีเข้ามา

2.ใช้สีที่ 8 ระบายคิ้วให้เต็ม

3.ใช้สีที่ 2 มาเบรนตรงหัวคิ้ว
มีพาเลทเดียวก็ทำได้ทั้งตาและคิ้วเลยค่า สีสวยใช้ง่าย ถ้าใครสนใจอย่าลืมไปเล่นที่ maybelline นะคะ ส้มแอบเห็นในไอจีว่ามีสีอื่นๆด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าไทยไหม 5555 ส้มเชื่อว่าสาวไทยน่าจะแฮปปี้กับสีนู้ดแบบนี้กันนะคะ

ก่อนจากกัน ลืมบอกราคาเลย พาเลทนี้ราคาเต็มอยู่ที่ 699 บาทค่าา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันจนจบนะคะ ขออภัยหากผิดพลาดนะคะ อย่าลืมเข้ามาพูดคุยกันเพิ่มเติมที่ facebook และ ig  แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้าค่าา บายยยย




Create Date : 07 เมษายน 2558
Last Update : 8 เมษายน 2558 18:12:20 น.
Counter : 1048 Pageviews.

2 comment
1  2  3  

Sommikan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Welcome to my mikanbeauty blog! สวัสดีค่าา ชื่อส้มค่ะ ชอบเล่นชอบลอง เครื่องสำอางหรือสิ่งที่จะช่วยให้เรา สวยและดูดีขึ้นได้ มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ แชร์สิ่งต่างๆในบล็อกเล็กๆนี้กันค่ะ ^ ^ -Be Your Own Kind Of Beutiful-

Facebook : Mikanbeauty

instagram : ssommikan

twitter : Ssommmikan

Youtube : Mikan beauty

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน mikanbeauty.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด