| |
||||
พาพ่อแม่เที่ยวภูเก็ตแบบฟรีๆ บินฟรีกับนกแอร์ พักฟรีที่ Cape Panwa
เนื่องด้วยเมื่อช่วงวันแม่ที่ผ่านมาได้ร่วมเล่นเกมส์ใน instagram ของนกแอร์ เลยทำให้ได้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับกทม.-ภูเก็ต 2 ที่นั่ง และที่พักจำนวน 3 วัน 2 คืน ที่โรงแรมเคปพันวา (Cape Panwa Phuket) เลยถือโอกาสได้พาพ่อกับแม่ไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ตด้วยเลย  . . เดินทาง 29 - 31 ตุลาคม 2559 ด้วยสายการบินนกแอร์ ที่สนามบินดอนเมือง ไฟลท์เช้าสุดคือประมาณตีห้าครึ่ง ออกจากบ้านที่โคราชตอนเที่ยงคืนกว่า สนามบินก็ประมาณตีสี่ (เอ่อะ..เช้าไปอี๊ก) Counter เช็คอินก็ยังไม่เปิด เลยเดินเล่น นั่งเล่นรอไป ข้อดีของการบินไฟลท์เช้าคือคนน้อยมาก ใช้เวลาเช็คอินไม่ถึง 10 นาทีเสร็จ เยี่ยมไปเลย  จากนั้นก็เข้ามานั่งรอข้างใน รอนานเลยคราวนี้ เกือบจะหลับ แอร์ก็เย็น   แล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง ก่อนหน้านี้เห็นโฆษณาของนกแอร์บอกว่าได้เปลี่ยนแพคเกจของว่างใหม่ เป็นกล่องใส่ขนมและน้ำดื่มข้างใน น่ารักดี เป็นลายนกเงือก รู้สึกว่าจะเปลี่ยนทุกเดือนเลยมั้ง  ถึงสนามบินภูเก็ตประมาณ 7 โมงเช้า ด้วยสภาพอากาศที่ฝนเพิ่งหยุด ชุ่มฉ่ำเลยทีเดียว พอรับกระเป๋าเรียบร้อยก็โทรหารถเช่าให้มารับเพื่อไปทำสัญญาเช่ารถขับ มาคราวนี้ได้ใช้บริการรถเช่าของ "ต้นรถเช่าภูเก็ต" เพราะเห็นว่าราคาไม่แพง และเป็นข้าราชการไม่ต้องเสียมัดจำด้วย สบายไป เช่ารถ Honda Jazz 1.5 ราคาวันละ 900 บาท เช่า 3 วันก็ 2700 บาท จะมีเจ้าหน้าที่ขับรถมารับเราที่หน้าอาคารโดยสาร เพื่อที่จะพาเราไปสำนักงานเพื่อทำสัญญาเช่ารถและตรวจสภาพรถที่จะเช่าที่นั่น พอเซ็นสัญญาตรวจเช็ครถเรียบร้อยก็จ่ายเงินและออกเดินทางเที่ยวทันที สำหรับการเดินทางในทริปนี้ที่ภูเก็ตนั้น ได้ตัวช่วยเป็น Google Map เปิดตลอดเส้นทางเลย  มาถึงแต่เช้าก็หิว อยากกินติ่มซำเจ้าดังของที่นี่ เลยเปิดแผนที่ให้พาไปที่ร้านจ่วนเฮี้ยง ร้านตั้งอยู่ถนนชนะเจริญ ตรงข้ามกับโอเชี่ยนช็อปปิ้งมอลล์ คนเยอะเต็มร้านเลย เราอยากกินอะไรก็ไปยืนชี้บอกพนักงานแล้วเขาจะยกมาให้เราที่โต๊ะ (หิวมากเลยไม่ทันได้ถ่าย เหะๆ) ราคาไม่แพงเลย จะคิดตามราคาจานที่ใส่ กิน 3 คน กินจนอิ่ม หมดไปกว่า 4xx บาท   อิ่มแล้วก็หันไปถามพ่อว่าจะไปเที่ยวไหนต่อดี พ่ออยากไหว้พระ เลยเปิดแผนที่ให้พาไปยังวัดฉลอง พอดีตรงกับวันเกิดพอดี เลยซื้อสังฆทาน ทำบุญวันเกิดซะเลย สบายใจไป เมื่อคราวที่แล้วมาวัดฉลอง เห็นเขาจุดประทัดกันตู้มต้ามๆ แต่ไม่ได้จุด คราวนี้เลยจุดบ้าง   ที่สำคัญหากมาวัดนี้ต้องเข้าไปไหว้หลวงพ่อแช่มด้านใน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต   เห็นพ่อกับแม่ยิ้ม หนูก็มีความสุข*  จากนั้นก็ขับรถไปเที่ยวที่แหลมพรหมเทพต่อ     ได้เวลาบ่ายโมงก็หิว เลยขับรถไปทานอาหารที่ร้านวันจันทร์ ย่านเมืองเก่า   ได้มีโอกาสได้เที่ยวเยี่ยมชมเรือรบจากอินเดียที่มาจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือน้ำลึกด้วย       ต่อจากนั้นก็ไปไหว้พระผุด ที่วัดพระทอง อำเภอถลาง วัดเก่าแก่ประจำจังหวัดภูเก็ต    พอตกเย็นก็ไปถนนคนเดินหลาดใหญ่ที่บริเวณย่านเมืองเก่า  ของกินเยอะแยะเต็มไปหมด ของขายก็ไม่เท่าไร ของกินจะเยอะกว่า มีเด็กนักเรียนมาวาดรูปในหลวงด้วย สวยดีๆ  พอค่ำก็ได้เวลาเข้าที่พัก เพราะเที่ยวมาทั้งวันเริ่มเหนื่อย จึงขับรถลงมาทางใต้ของจังหวัดภูเก็ต ไปยังแหลมพันวา เพราะโรงแรมอยู่ที่นั่น ระหว่างทางจะมีการก่อสร้างขยายถนน น่าจะเป็น 4 เลนเพื่อสะดวกในการเดินทาง โรงแรมเคปพันวา (Cape Panwa) ตั้งอยู่ตำบลวิชิต ใกล้ๆกับศรีพันวา ทางขึ้นลงจะเป็นเนินซึ่งชันมาก ควรระมัดระวังในการขับรถและต้องใช้ความชำนาญมาก . . แล้วก็เดินทางมาถึงโรงแรมเคปพันวา เย้ๆ  บริเวณที่จอดรถด้านหน้าทางเข้า รถไม่ค่อยเยอะเท่าไร    รถรับส่งแขกที่มาพักโรงแรม เพื่อไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ  เข้ามาเช็คอินที่ Counter จะเจอพนักงานต้อนรับซึ่งบริการดีมาก อัธยาศัยดี ได้รับ Welcome Drink เป็นน้ำส้ม และผ้าเย็นไว้เช็ดมือ   ชอบปลาที่อยู่ด้านบน สวยดี ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในทะเล  นั่งรอสักพัก พนักงานก็จะเอาคีย์การ์ดและบัตรต่างๆมาให้ ได้คีย์การ์ด 2 ใบ ไว้เสียบทิ้งไว้ในห้องใบหนึ่งและพกติดตัวใบหนึ่ง เพื่อเปิดไฟและแอร์ทิ้งไว้ กลับมาเมื่อไรก็จะเย็นสบายเมื่อนั้น เราได้เป็นห้อง C302 จากเดิมรางวัลที่ได้เป็นห้อง Junior Suite แต่พนักงานแจ้งว่าห้องดังกล่าวเต็ม เลยได้อัพเกรดเป็นห้อง Cape Suite ฟรี ดีไปอี๊ก ได้พักฟรีแถมยังได้ห้องใหญ่กว่าเดิมด้วย    และที่น่าประทับใจอีกอย่างคือได้ดื่มซอฟท์ดริ๊งค์ฟรีคนละแก้วด้วย เลือกได้จากไวน์ขาว ไวน์แดง เบียร์ และน้ำผลไม้   ได้เวลาเข้าหัองพักแล้ว...เปิดเข้ามาก็เจอโซฟาที่ทางโรงแรมปรับให้เป็นโซฟาเบดสำหรับท่านที่ 3  โต๊ะข้างโซฟาที่มีเวลคัมฟรุ๊ทวางต้อนรับอยู่   Welcome Fruit  ทีวีและวิทยุ   เตียงนอนที่บอกได้เลยว่าดูดวิญญาณมาก ที่นอนนิ่ม หมอนนิ่ม ผ้าห่มอุ่น นอนแล้วไม่อยากจะตื่นเลยจริงๆ     โต๊ะข้างเตียงที่มีโทรศัพท์และนาฬิกาปลุก  เดินมาสำรวจบริเวณตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง มีรองเท้าแตะไว้ให้ใส่บริเวณรอบโรงแรมด้วย สะดวกสบายดีสำหรับแขกที่ไม่ได้เอารองเท้าแตะมา  กระเป๋าสะพายไว้สำหรับใส่ผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์ส่วนตัวเวลาลงไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำและชายหาด และรองเท้าแตะไว้ใส่ในห้อง  ร่มและไม้แขวนเสื้อ  ชุดคลุมอาบน้ำและผ้าเช็ดตัวไว้ไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำหรือชายหาด   ตู้เซฟ  ถุงสำหรับใส่เสื้อผ้าที่ต้องการจะส่งให้ทางโรงแรมซักรีดให้  และโต๊ะเครื่องแป้ง มีไดร์เป่าผม กระดาษทิชชู่แบบกล่อง  มาสำรวจห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำที่นี่กว้างขวางดี แยกฝั่งชัดเจน ส่วนที่เป็นอ่างอาบน้ำด้านขวามือ ส่วนที่เป็นฝักบัวด้านซ้ายมือติดกับชักโครก ส่วนอ่างล้างหน้าจะอยู่ตรงกลาง เปิดประตูเข้าไปเจอเลย    อ่างล้างหน้าที่นี่จะมี 2 อ่าง กระจกบานใหญ่มาก (แต่ไม่ได้ถ่ายมา)  อุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำมีครบ แชมพู ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำ ครีมทาผิว หมวกคลุมผม คอตตอนบัดและสบู่    ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดมือ  ออกมาสำรวจบริเวณเค้าท์เตอร์เครื่องดื่ม จะอยู่บริเวณทางเข้าติดกับประตู     หมอนอิงมีเยอะมาก น่าจะไว้ตรงโซฟา แต่ทีนี้ปรับเปลี่ยนเป็นโซฟาเบด  ออกมาสำรวจบริเวณระเบียงของห้องพัก เนื่องจากเป็นห้อง Cape Suite เลยเหมือนมี 2 ห้องติดกัน ระเบียบจึงกว้างมาก ฝั่งหนึ่งเป็นอ่างจากุชชี่ อีกฝั่งเป็นเก้าอี้และเบาะไว้นอนเล่น    วิวสระว่ายน้ำจากระเบียงห้อง  เก็บของเสร็จเรียบร้อย ออกไปสำรวจบริเวณโรงแรมกัน ชอบเคปพันวาตรงที่บริเวณโดยรอบของโรงแรมจะมีที่นั่ง โซฟาเยอะมาก มีเกือบทุกมุมเลยก็ว่าได้     ชอบที่สุดก็มุมนี้แหละ  ที่นี่มีห้องพยาบาลด้วย และเจ้าหน้าที่ที่ประจำห้องพยาบาลก็สวยอีกแน่ะ  ลงมาบริเวณชั้น 1 จะเป็นห้องนั่งเล่นของโรงแรม Game Room  มีโต๊ะหมากรุก โต๊ะเกมส์ฟุตบอล ห้องเด็กเล่น โซฟาไว้นั่งดูทีวี โต๊ะตีปิงปอง      บริเวณสระว่ายน้ำ   เดินมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับรถรางรับส่งจากด้านบนบริเวณโรงแรมไปยังด้านล่างเพื่อไปชายหาด    บริเวณที่นั่งรอรถราง  เดินมาถ่ายรูปบริเวณรอบๆโรงแรมไปเรื่อยๆ        ทางเดินไปยังบริเวณที่ยื่นออกไปทางทะเล เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่   มีบริเวณที่เป็นที่นั่งเล่น มีชิงช้าและโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งชมวิวทะเล  จุดที่ใครมาพักที่เคปพันวา จะต้องมาตรงนี้เพื่อถ่ายรูปทุกคน  ห้องอาหารชื่อดังของที่นี่  ชายหาดของที่เคปพันวา น้ำทะเลก็ใสน่าเล่นในระดับหนึ่งแต่กิ่งไม้เยอะไปหน่อย หาดทรายก็ขาวดี ส่วนตัวดี   เห็นศรีพันวาอยู่ไกลๆ     เดินเล่นบริเวณชายหาดสักพักก็เย็น ออกไปหาทานอาหารเย็นข้างนอก กลับมาก็ไปดื่มเครื่องดื่ม กันที่ Otter Bar's บาร์ของโรงแรม ที่ได้เครื่องดื่มฟรีคนละแก้ว    ตอนไปไม่มีแขกเลย โล่งมาก แต่บรรยากาศดีใช้ได้เลย เงียบๆ ส่วนตัวดี       เครื่องดื่มที่สั่งได้จะเป็นประเภทซอฟท์ดริ๊งค์ ไวน์ขาว ไวน์แดง เบียร์และน้ำผลไม้ เลยสั่งไวน์แดง 2 แก้ว และน้ำมะม่วง 1 แล้ว แถมด้วยถั่วและเม็ดมะม่วงหิมพาน 1 จาน   ดื่มเสร็จก็ได้เวลาพักผ่อนพอดี . . ตื่นเช้ามาก็ได้เวลากลับแล้ว เก็บของเตรียม Check out ก่อนกลับก็ลงไปทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารบริเวณชั้น 1 ใกล้สระว่ายน้ำ ไลน์อาหารเช้าของที่นี่เยอะดี มีหลากหลายประเภท อาหารไทย อาหารฝรั่ง ขนมปัง นม น้ำผลไม้ โยเกิร์ต ขนมจีบ สลัด ฯลฯ ทาน 2 วันก็ไม่ครบซักที              วิวสระว่ายน้ำตอนกลางคืน สวยและเงียบดี เป็นส่วนตัว แขกไม่ค่อยเยอะ จะเยอะตอนสายๆ สระว่ายน้ำที่นี่ปิด 2 ทุ่ม ซึ่งดีมาก ปกติเห็นปิดไม่ 6 โมงเย็นก็ 1 ทุ่มทั้งนั้น    บริเวณล็อบบี้    บริเวณด้านหน้าทางเข้าเคป สปา  แล้วก็ได้เวลากลับ Checkout เสร็จเรียบร้อยก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังสนามบิน ก่อนกลับก็ต้องแวะซื้อของฝากที่ร้านคุณแม่จู้ และแวะกินข้าวที่ร้านแหลมหินซีฟู้ดที่อยู่ติดกัน  จากนั้นก็คืนรถที่สำนักงานใกล้ๆสนามบินแล้วเจ้าหน้าที่ก็ขับรถมาส่งที่หน้าอาคารผู้โดยสาร จบทริปภูเก็ตกับครอบครัวด้วยความสุขและสนุกสนาน ดีใจที่เห็นพ่อกับแม่มีความสุข    ขอบคุณนกแอร์สำหรับกิจกรรมดีๆแบบนี้ ที่ทำให้ได้รางวัลตั๋วเครื่องบินไปกลับ และที่พักเคปพันวา 3 วัน 2 คืน เพราะถ้าไม่ได้รางวัล ก็คงไม่ได้มีโอกาสมาพักแน่นอน ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง แต่เทียบกับการบริการแล้ว ก็สมราคาอยู่พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ใส่ใจบริการดีมาก โรงแรมก็หรูหรา ประทับใจสุดๆ . . ทริปหน้าหลีเป๊ะ เยะเฮ๊ะ  เรารักของฟรี #2 "สุกันทรา แคสเคด รีสอร์ท แอนด์ สปา"
ทริปเชียงใหม่ดี๊ดี เพราะนอนฟรี 3 คืน เมื่อ 24-27 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา 2 คืนแรกนอนที่ Art Mai? Gallery Hotel ที่นิมมาน ส่วนอีกคืนได้มานอนที่ "สุกันทรา แคสเคด รีสอร์ท แอนด์ สปา" ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอนี้ที่เที่ยวก็เยอะอยู่ ส่วนมากเป็นแนวแอดเวนเจอร์ โชว์ช้าง,งู,ลิง,เสือ มีสวนพฤกษศาสตร์ด้วย แต่ทางเข้ารีสอร์ทจะลึกหน่อย แต่ก็มีป้ายบอกทางตลอด ไปทางน้ำตกตาดหมอก ก่อนถึงน้ำตกจะมีรีสอร์ทอยู่ทางซ้ายมือ . . ป้ายด้านหน้าทางเข้ารีสอร์ท ที่จอดรถจะมีไม่เยอะ ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ  มีต้นลีลาวดีปลูกอยู่ทางเข้า  ด้านซ้ายมือก่อนถึงในรีสอร์ทจะมีสปาชื่อ Chida Spa ส่วนราคาก็แอบแรง เหมาะกับแขกชาวต่างชาติ  เดินเข้ามาเรื่อยๆก็จะเจอแผนกต้อนรับ เวลคัมดริ๊งค์ด้วยน้ำแอปเปิ้ล  ระหว่างรอเช็คอินก็สำรวจรอบๆบริเวณ Lobby ไปพลาง การตกแต่งก็ออกแนวล้านนา มีไม้ซะส่วนใหญ่ ใครชอบแนวนี้ก็น่าจะชอบที่นี่   เนื่องด้วยที่นี่สัญญาณมือถือไม่ค่อยมี นี่ใช้ทรู ไม่สามารถใช้ได้เลย ไวไฟก็พอใช้ได้ แต่ไม่แรงมาก มีซีดีหนังให้ยืมไปเปิดในห้องด้วย และหนังสือให้ยืมไปอ่านได้  แผ่นพับต่างๆ  หลังจากเช็คอินเรียบร้อย ก็เข้าห้องพัก ห้องที่ได้พักฟรีคือห้อง Deluxe Lanna Cottage หลังที่ 4    ขึ้นบันไดมาก็จะเจอระเบียงด้านหน้ามีเก้าอี้ให้นั่งเล่นด้วย นั่งชิวได้สบายเลย  เปิดเข้าในห้อง ค่อนข้างมืด ไฟออกสลัวๆหน่อย ห้องก็กว้างพอใช้ได้  โต๊ะเครื่องแป้ง  ไดร์เป่าผม กล่องกระดาษทิชชู่ และโทรศัพท์  ข้างๆก็เป็นมินิบาร์ มีขนม กาแฟ และน้ำเปล่า  ทีวีและตู้เย็น  ในตู้เย็น ที่นี่ให้น้ำดื่มเยอะดี  เตียงนอน ใหญ่ดี ที่นอนและหมอนก็นุ่มนิ่มนอนสบาย   โซฟาไว้นั่งเล่น ดูทีวี (ชอบโซฟาแบบนี้มาก มันเข้ามุมห้องที่เป็นหน้าต่างพอดี เบาะนิ่มด้วย)  เปิดตู้เสื้อผ้าก็พบเสื้อคลุมอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า  ผ้าห่มสำรอง และตู้เซฟ  เพดานจะมีโคมไฟอยู่  เดินออกมาหน่อยก็จะเป็นห้องน้ำ แยกเป็น 3 โซน อาบน้ำ,อ่างล้างหน้า และชักโครก แบ่งแบบนี้ก็ดี ไม่แออัดด้วย ห้องน้ำที่นี่เป็นแบบ open บางทีก็หวิวๆนิดหน่อย และด้วยความที่เป็นห้องน้ำแบบ open ทำให้มีใบไม้และหอยทากเข้ามาในห้องน้ำ ดีที่เป็นแค่หอยทาก ถ้าเป็นตัวอื่นคงกรี๊ดลั่น 5555     เก็บของและสำรวจภายในห้องพักเสร็จก็ออกมาสำรวจภายในรีสอร์ท รีสอร์ทที่นี่กว้างขวาง ต้นไม้เยอะดี มีน้ำตกและนกยูงด้วย       มุมนี้ดี นั่งมองน้ำตกเพลินๆ  สระว่ายน้ำไม่ใหญ่ ไม่เล็ก พอเล่นสนุกๆ มีจากุชชี่ให้นั่งสบายๆ    ศาลาริมสระว่ายน้ำ นอนเล่น รับลม      ตรงบริเวณน้ำตกมีนกยูงมากินอาหารด้วย  ตอนไปน้ำไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่ก็ไม่แห้ง ยังพอมีน้ำให้เห็นเป็นน้ำตกอยู่     ที่นี่จะมีห้องพักหลายแบบ มีทั้งวิลล่า มีเต๊นท์ และห้องพักแบบตึก ราคาก็ต่างกันไป แต่ราคาแอบแรงทุกห้องเลย   มีสะพานแขวนข้ามไปยังห้องพักแบบเต๊นท์ติดแอร์ด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายห้องพักแบบอื่นมา เพราะมีแขกพักอยู่   เดินสำรวจจนค่ำก็ทานอาหารที่ห้องอาหารในรีสอร์ท รสชาดก็อร่อยใช้ได้ ราคาก็สูงกว่าข้างนอกนิดหน่อย แต่พอรับได้อยู่ กินเสร็จก็เข้านอน ตื่นเช้ามาเปิดผ้าม่านก็เจอนกยูงมาเยี่ยมแต่เช้าเลย ไม่มาตัวเดียว มาเป็นฝูง ตัวเล็กตัวน้อยมาหมด น่ารักมาก      มายืนอาบแดดกันแต่เช้าเลย ข้อดีของที่นี่คือจะมีนกยูงไปหาคุณถึงหน้าห้องพัก ไม่ว่าจะพักห้องแบบไหนก็ตาม เออ น่ารักดี  ตื่นเต้นกับนกยูงที่มาเยี่ยมเยียนถึงหน้าห้องเสร็จก็ไปอาบน้ำเก็บของ เพื่อไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหาร..ห้องอาหารก็อยู่ใกล้กับ Lobby วิวดี บรรยกาศดีมาก  อาหารเช้าที่นี่ไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ แต่จัดเต็มมาก ให้เยอะ กินจนจุก มีให้เลือกหลายประเภท แต่เลือกเป็น american breakfast 2 ที่เลย มีชา กาแฟ โกโก้ร้อน น้ำผลไม้ ขนมปัง และผลไม้ตามฤดูกาล        กินเสร็จก็เดินถ่ายรูปรอบรีสอร์ทสักพัก ก็เช็คเอ๊าท์กลับพร้อมความประทับใจมาก เหมือนกับสโลแกนของที่นี่  ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ได้รางวัลที่พักฟรีที่"สุกันทรา แคสเคด รีสอร์ท แอนด์ สปา" . . เจอกันใหม่ทริปหน้า...เมื่อได้ของฟรี "เรารักของฟรี" "เชียงใหม่" ครั้งนี้ดี๊ดี ดีงามไปหมดทุกสิ่งอย่างจริงๆ
เป็นการเที่ยวเชียงใหม่ที่ไปมาติดกัน 2 ปี เพราะ"ของฟรี"ที่ดี๊ดี เนื่องด้วยเล่นเกมส์จากเพจแอร์เอเชียโก ได้รางวัลเป็นที่พัก 3 วัน 2 คืน ที่โรงแรมอาร์ทไหม และเล่นเกมส์จากเว็บไปไหนดีดอทคอม ได้รางวัลที่พัก 2 วัน 1 คืน ที่สุกันทรา แคสเคด รีสอร์ท เมื่อได้ที่พักฟรี 3 คืน ก็จัดการจองตั๋วเครื่องบิน โชคดีจริงๆ ช่วงนั้นบางกอกแอร์ฯ จัดโปรครบรอบ 48 ปี ได้เส้นทางบิน กทม.-เชียงใหม่ 480 บาท รวมภาษีเบ็ดเสร็จ ไปกลับคนละ 11xx บาท ที่พักก็ฟรี ตั๋วเครื่องบินก็ถูก แถมได้นั่งบางกอกแอร์เวย์อีก ดีงามตั้งแต่ยังไม่ได้ไป . . กำหนดเดินทาง 24-27 กรกฎาคม 2559 4 วัน 3 วัน ลาพักผ่อนยาวไป ได้บินไฟลท์บ่ายสองครึ่ง ไปถึงสุวรรณภูมิก็เช็คอิน แล้วก็ไปนั่งเล้าจ์ที่ใฝ่ฝันมานาน จริงๆกินเยอะกว่านี้มาก กินทุกอย่างที่มี คือเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งบางกอกแอร์ฯ 555    ชอบที่นั่งกว้างขวางดี เหมาะกับคนตัวใหญ่บิ๊กเบิ้มอย่างเรา เหยียดขาได้สบายเลย  กินอาหารว่างในเล้าจ์อิ่มท้องจะแตก ลืมไปว่าขึ้นเครื่องก็เสริ์ฟอาหารอีก...กว่าจะถึงเชียงใหม่ แน่นพุงมาก . . ถึงสนามบินเชียงใหม่ รับกระเป๋าเสร็จก็นั่งรถแดงหน้าอาคารผู้โดยสารไปที่นิมมานซอย 3 เพื่อเข้าที่พักที่โรงแรมอาร์ทไหม แกลลอรี่ ค่าโดยสารคนละ 40 บาท (ก็โอเค พอรับได้)  . . เช็คอินเก็บกระเป๋าเสร็จก็เดินออกมาหาอะไรกินที่ร้านต๋องเต็มโต๊ะ(คราวนี้โต๊ะไม่เต็มแฮะ ไม่ต้องรอคิวด้วย)      กินเสร็จเรียบร้อยก็เช็คบิล(เพราะคนมายืนรอเต็มหน้าร้านเลย แอบกดดันเบาๆ 555) ก็เดินเล่นไปถึงห้างเมญ่า แล้วก็โบกรถแดงไปถนนคนเดิน คนละ 20 บาท  เดินจนเมื่อย ขาแทบลาก+อิ่มอาหารจนจุกก็โบกรถแดง(อีกแล้ว)กลับโรงแรมไปนอนเอาแรงเพื่อเที่ยววันพรุ่งนี้  ชอบการดีไซน์ภายนอกของโรงแรม เท่ดี . . 9 โมงเช้านัดร้านเช่ารถให้เอารถมาส่งที่โรงแรม เช่ารถของ T Carrent หาเจอใน Facebook ข้อดีของเจ้านี้คือ ราคาไม่แพง รถใหม่และสะอาดมาก ที่สำคัญไม่มีมัดจำ เช่า Nissan Almera 1.2 ไป 3 วัน หมดไป 2400 บาท ค่าน้ำมันไม่ถึง 500 เพราะเติม e85 . พร้อมแล้ว ไปเที่ยวได้  จุดหมายปลายทางที่จะไปวันนี้คือ "แม่กำปอง" ซึ่งเป็นที่ยอดฮิตซะเหลือนเกิน แม่กำปอง อยู่กิ่งอ.แม่ออน เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงโครงการหลวงตีนตก ระยะทางโดยประมาณ 51 กิโลเมตร และขับต่อไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตรบนถนนเดิม ก็จะถึงหมู่บ้านแม่กำปอง ซึ่งวันที่ไปถึงก็ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝนโปรยปราย   ระหว่างรอฝนหยุดก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งถ่ายรูปเล่นในรถ...  ฝนหยุดแล้ว ออกไปเดินสำรวจหมู่บ้านกัน รถมาเที่ยวค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่ก็ไม่หนาแน่นเท่าไร คงเพราะเป็นวันธรรมด้วย แต่รถตู้นำเที่ยวเยอะอยู่         แล้วก็แวะกินกาแฟและขนมร้านดังของที่นี่อีกร้านหนึ่ง คือ "ลุงปุ๊ด ป้าเป็ง"    จัดกาแฟไป 1 แก้ว กับเครปกล้วยหอมอีก 1 ชิ้น     แล้วก็เดินเล่นไปเรื่อยๆในหมู่บ้าน อากาศเย็นสบายดี คงเพราะฝนเพิ่งตกไป ใบไม้ก็เลยดูเขียวสวยดี   จากนั้นก็ขับรถขึ้นไปเที่ยวเรื่อยๆ ทางค่อนข้างชันมาก ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเลย ไปถึงน้ำตกแม่กำปอง ก็สวยดี ฝนตกเลยชุ่มฉ่ำไปอีก       แล้วก็มาแวะกินกาแฟ(อีกแล้ว)ที่ร้านชมนกชมไม้ ร้านดังอีกร้านหนึ่งของแม่กำปอง ด้วยวิวที่สวย เออ สวยมาก มองลงไปเห็นหมู่บ้านและภูเขาด้วย   สั่งกาแฟเย็นกับเค้กชาไทยมากิน นั่งไปนั่งมา เอ้า ฝนตกอี๊ก...   เจ้าถิ่นที่นี่ น่ารักชะมัด มีเก๊กใส่กล้องด้วย   พอฝนซาก็รีบกลับ เพราะกลัวตกแรงกว่าจะไม่กล้าขับ แวะถ่ายรูปตรงทางเข้าหมู่บ้าน มุมยอดฮิตอีกมุมของที่นี่     ขากลับเจอเจ้าถิ่นอีกหลายตัวเลย นอนอาบแดดอยู่ น่ารักดี   ขับรถกลับเข้าในตัวเมืองเชียงใหม่ ก็เย็นพอดี เริ่มหิว(อีกแล้ว) คราวนี้ก็ขับรถหลงทางไปอีก เพื่อจะหาร้านโอ้กะจู๋ ไม่รู้ว่า google map พางงหรืองงเองก็ไม่รู้ ขับรถอยู่ประมาณ 2 รอบเห็นจะได้ ก็มาเจอร้านโอ้กะจู๋ สาขา nim daily ร้านใหญ่ดี คนก็เยอะ พนักงานก็เยอะ อาหารจานก็ใหญ่ดี สั่งไปหลายอย่างอยู่ เพราะหิวมาก แต่อร่อยดีทุกอย่างเลย        จากนั้นก็กลับโรงแรม พักผ่อน เพื่อเตรียมตัวเที่ยวที่อำเภอแม่ริมต่อ . ตื่นเช้าเก็บกระเป๋า ลงมากินอาหารเช้า และก่อนเช็คเอ๊าท์ก็ขึ้นไปถ่ายรูปเล่นที่สระว่ายน้ำบนดาดฟ้าของโรงแรม   ก่อนจะไปแม่ริม ก็ขับรถไปกินชีสเค้กร้านพี่หมีก่อน ที่ร้าน Barneo Dessert Bar ร้านอยู่ถนนสิงหราช ซอย 4 ที่จอดรถเพียบ มีที่นั่งเยอะ กว้างขวางดี เดินเข้าไปซื้อด้านในแล้วก็ถือออกมานั่งกินที่โต๊ะบริเวณด้านนอก ชีสเค้กที่นี่อร่อยมาก นุ่ม ละมุนลิ้น ละลายในปากเลย ชาก็อร่อย       อิ่มชีสเค้กแล้วขับรถมุ่งหน้าไปอำเภอแม่ริม เพื่อเข้าพักที่สุกันทรา แคสเคด รีสอร์ท แอนด์ สปา ระหว่างทางก็แวะเที่ยวไปเรื่อย ไปถึงก็เที่ยงพอดี ก็แวะกินอาหารที่บ้านม่อนม่วน ร้านชื่อดังของที่นี่ วิวสวย อาหารก็อร่อย ราคาก็แพงดี 555        มุมยอดฮิตที่ทุกคนต้องมาถ่าย  ร้านนี้มีหลายโซนให้เลือกนั่ง ที่นี่เป็นที่พักด้วย อาหารก็มีคาว หวาน และกาแฟ มีครบ            แวะกินกาแฟ(อีกแล้ว) เพราะวิวสวย   ก่อนเข้าที่พักก็แวะเที่ยวน้ำตกตาดหมอก คือตอนไปเงียบมาก-มากที่สุด เพราะไม่มีใครมาเที่ยวเลย       แล้วก็ได้เวลาเข้าที่พักที่สุกันทรา แคสเคด รีสอร์ท แอนด์ สปา มีเจ้าถิ่นมานอนรอต้อนรับด้วย น่ารักมาก ตัวนิ่มๆ ให้เกาคางอย่างดี  ที่นี่เป็นรีสอร์ทที่มีน้ำตกไหลผ่าน มีนกยูงมาหาถึงหน้าห้องพัก มีต้นไม้เยอะดีด้วย ธรรมชาติสุดๆ     ที่นี่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองและร้านค้ารวมถึงร้านอาหาร เลยต้องกินมื้อค่ำที่นี่เลย ราคาก็ไม่แพงเว่อร์ พอรับได้ อาหารก็อร่อยดี สั่งเป็นอาหารพื้นเมือง     กินอิ่มก็เข้านอน... . ตื่นเช้ามาจัดเต็มกับอาหารเช้าอีก อาหารเช้าที่นี่เต็มที่ดี ไม่ใช่บุฟเฟ่ต์แต่ให้เยอะจนจุก  แล้วก็ได้เวลากลับ...สู่โลกแห่งความเป็นจริง  ก่อนได้เวลาไปสนามบิน ก็แวะมาหาของหวานตบท้ายก่อนกลับกทม. ที่ร้านเวียงจุมออนทีเฮ้าส์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงฝั่งตะวันออกบนถนนเจริญราษฎร์ ชอบที่ตัวร้านเป็นสีชมพูนี่ล่ะ สวยงามดี    ด้านหน้าเป็นบริเวณขายของต่างๆ เดินเข้ามาด้านในร้านจะเป็นส่วนที่นั่ง ร้านกว้างขวางดี ตกแต่งสวย    สั่งเครื่องดื่ม 2 แก้ว ขนม 2 อย่าง หมดไป 6xx โอ้ว แอบแพงแฮะ แต่ก็อร่อยดี       แล้วก็ได้เวลาคืนรถเช่าที่สนามบินและเข้าเช็คอินเพื่อเตรียมตัวกลับกทม. ที่พลาดไม่ได้เลยในการบินของบางกอกแอร์เวย์คือเข้าไปนั่งรอในเล้าจ์ เพื่อกินอาหารว่าง(กินอีกแล้ว ทริปนี้กินเยอะมากจริงๆ 555)  บายนะเชียงใหม่ ไว้จะกลับมาอีก(เมื่อได้ของฟรี อิอิ) ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ได้รางวัลที่พักฟรี 3 คืนแบบนี้ ขอบคุณตัวเองที่เก็บเงินมาเที่ยวจนได้ ขอบคุณบางกอกแอร์เวย์ที่ออกโปรเด็ดๆแบบนี้ ขอบคุณ"เค้าเอง" ผู้ร่วมทริปคนสำคัญ ที่คราวนี้ไม่ได้ทะเลาะกันเลยแม้แต่นิดเดียว น่าร๊ากก ^^ ไว้ไปเที่ยวกันอีกนะเธอ  อ้วนก็อ้วนก็กินก็กิน..."Vanilla Bake Shop"
Vanilla Bake Shop ร้านขนมสไตล์โฮมเมด อยู่ในซอยเอกมัย 12 ภายในวานิลลาการ์เด้น เปิดทุกวัน 10.00 - 22.00 น. . . ตอนที่ไหนคนในร้านค่อนข้างเยอะ เลยได้นั่งด้านหน้าข้างนอกร้านแทน ดีที่อากาศไม่ร้อนมาก นั่งได้ชิวๆ     เมนูที่นี่เท่ดี เหมือนหนังสือพิมพ์เลย แต่ละอย่างน่ากินมาก   วันนั้นสั่งขนมมา 1 อย่าง เครื่องดื่ม 2 อย่าง คือ The Ring จะเป็นแป้งครัวซองและโดนัท ราดคาราเมลและไอศครีมวานิลลา    Strawberry Biscuit Sundae Cream Float  เมนูนี้น่าจะเป็น Violet Lemonade Soda  รสชาดดีเลย  อร่อยสมราคา เรารักของฟรี #1 "Art Mai? Gallery Hotel เชียงใหม่"
ได้วอชเชอร์ที่พักฟรีจากเพจ airasiago จำนวน3 วัน 2 คืน . . Art Mai? GalleryHotel ตั้งอยู่เลขที่ 21 ซอย 3 ถนนนิมมานเหมินทร์ (นิมมาน ซอย 3) ตำบลสุเทพอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ใกล้ๆกับร้านกาแฟ Ristr8toร้านกาแฟชื่อดังอีกร้านของเชียงใหม่ ด้านหน้าโรงแรมมีที่จอดรถประมาณ 2 - 3 คันและสามารถจอดได้ที่ชั้นใต้ดิน . . แค่ภายนอกก็เท่แล้ว ชอบการดีไซน์ตึกมันดูแนวๆดี
เข้ามาภายในโรงแรมจะเจอเค้าท์เตอร์ต้อนรับและชุดรับแขก
Welcome Drink เป็นน้ำมะตูม (รึเปล่า ไม่แน่ใจ แต่น่าจะใช่) อร่อย ชื่นใจ
ระหว่างรอพนักงานเช็คอิน ก็เดินสำรวจรอบๆบริเวณLobby
มีนิตยสารให้นั่งอ่านเพลิน รวมทั้งมีคอมพิวเตอร์ให้เล่นด้วย(wifi ที่นี่สัญญาณแรงใช้ได้เลย ไม่มีหลุดอีกต่างหาก)
และที่สำคัญที่นี่มีโซนจัดแสดงภาพวาดและศิลปะด้วย
เช็คอินเรียบร้อย ก็ขึ้นไปดูห้องพักกัน
สอดคีย์การ์ดแล้วเข้ามาดูห้องกันว่าจะเท่ขนาดไหน
คีย์การ์ดที่นี่จะให้ห้องละ 2 ใบไว้เสียบในห้องเพื่อเปิดไฟและแอร์ไว้ตลอดเวลา
มาดูกันว่าภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง
ตู้เซฟและรองเท้าแตะใส่ในห้อง
ร่มและไฟฉายยามฉุกเฉิน
เข้าไปสำรวจห้องน้ำกันต่อ
อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในห้องน้ำมีครบทุกอย่างเลย
ชักโครกที่นี่น้ำแรง แบบแรงมากโดยเฉพาะสายฉีดก้น แรงจนแทบจุก 555
ผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดผม อย่างละ 2 ผืน สำหรับ 2คน
ที่นี่มีอ่างอาบน้ำและฝักบัวอยู่ในที่เดียวกันน้ำร้อนและแรงดี
ออกจากห้องน้ำมาสำรวจห้องนอนต่อ
ทีวีจอใหญ่ นอนดูได้สบายเลย
ชา กาแฟ(ฟรี) ขนมไม่ฟรีแต่ก็ไม่ได้กินอะไรซักอย่าง
ชอบโคมไฟอันนี้มาก มันเท่ดี อยากได้ไปติดที่ห้องนอนที่บ้าน
โต๊ะข้างเตียง ที่มีโทรศัพท์ กระดาษโน้ตและแผนที่เมืองเชียงใหม่ให้ฟรี
และสิ่งที่สำคัญที่สุดในห้องคือ เตียงนอน!!!!
สำรวจห้อง เก็บของเรียบร้อย ออกไปสำรวจให้ทั่วโรงแรมดีกว่า
และสระว่ายน้ำ สิ่งที่ชอบมากเช่นกันของที่นี่
วิวจากสระว่ายน้ำบนดาดฟ้า คือดีมากจริงๆ
ลงมาที่ห้องอาหารกันต่อที่ชั้น 1 ชั้นเดียวกับ Lobby
ไฟและภาพวาดที่ตกแต่งในห้องอาหาร สวยดี
แต่ไม่ได้กินอาหารค่ำที่นี่เพราะออกไปกินข้างนอกแทน
ปิดท้ายรีวิวด้วยวิวจากหน้าต่างในห้องพักซึ่งวันแรกเมฆครึ้ม แต่วันที่สองท้องฟ้าสดใสเลย
ชอบทุกอย่างของที่โรงแรมนี้พนักงานทุกคน(ย้ำว่าทุกคน) ให้การต้อนรับและบริการดีมากห้องพักสะอาดและยังใหม่ทุกอย่าง ถ้าคะแนนเต็ม10 ให้ 9.5 เลย 0.5 หักเพราะฝักบัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ เกือบลื่นอยู่หลายครั้ง . . ขอบคุณสำหรับความโชคดีของตัวเองที่ทำให้ได้รางวัลที่พักฟรีดีๆแบบนี้ . . จบการรีวิวArtMai? Gallery Hotel มีโอกาสคงได้กลับไปพักที่นี่อีกครั้ง
|
nikrem
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ชอบถ่ายรูป ชอบเที่ยว ชอบกิน
Group Blog All Blog
|
|||
| Pantip.com
| PantipMarket.com
| Pantown.com
| © 2004 BlogGang.com
allrights reserved.
|
||||
