Secret of a happy life. Eat as if you are a horse. Drink as if you are a whale.

ร้านอาหารอิตาลี Basilico

รีวิวร้านอาหารอิตาลี Basilico

วันก่อนผมหมดมุกครับ ไม่รูจะออกไปกินไรดี ก็ได้คำแนะนำจากคุณ แอม Calamity ว่าให้ลองไปร้านนี้ดู ชื่อว่า Basilico แถมแนะนำเมนูมาเสร็จสรรพ ขอแสดงความขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ครับ

ร้านนี้อยู่สุขุมวิท 33 คับ เข้าไป สัก50เมตรได้มั้งจะอยู่ขวามือครับ เลย PANPAN ไปหน่อยเดียว




สั่งอาหารเสร็จ มีขนมปังต้อนรับก่อนเลยครับ

ชอบอันกลม ๆ เนื้อนุ่มดี




ขวดเครื่องปรุงดีไซน์เก๋ ข้างในเป็นน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชู Balsamicครับ




สปาเกตตี Sea Food ซอสไวน์ขาวครับ โดยส่วนตัวคิดว่าธรรมดา เส้นใหญ่แต่ไม่ค่อยดึ๋ง จะว่าอัลเดนเต้ก็เกือบ ๆ ใช่แต่รสสัมผัสแปลก ๆ ซอสไวน์ขาวผัดมาแห้ง รสค่อนไปทางจืด แต่ซีฟู๊ดทั้ง หอยลาย หอยตลับ ปลาหมึก ใส่มาให้เพียบเลยครับ สด ใหญ่ คุณภาพดีด้วย




Rocket Salad Tuna Steak ครับ ไม่มีเขียนในเมนู ได้ยินจากคุณแอม Calamityว่า เขาเคยทำ แต่ถอดออกไปแล้วตอนทำเมนูใหม่ แต่ถ้าสั่งก็ทำให้ครับ(ปัจจุบันคงเรียกได้ว่าเป็นเมนูลับที่มีแต่พวกขาประจำแต่เก่าก่อนจึงจะรู้)

ผัดสด น้ำสลัดบัลซามิครสชาติดี เนื้อปลาก็แน่นปึ๊ก เคี้ยวเพลินเลยครับ แบบปลาสด ๆ เอามาทำเสต๊กจริง ๆ ไม่ใช่Tuna Steak แบบปลากระป๋อง




Quattro Di Formaggi หรือ 4cheese pizza ครับประกอบด้วย Mozzarella, Parmigiano, Gorgonzola และ Fontina ครับ
เพื่อนผมเรียก พิซซ่าหน้าสารเพิ่มความอ้วนยกกำลัง4 แต่คนคลั่งชีสอย่างผม เจอเป็นต้องสั่งครับ
จานนี้ชีสหอมมาก ๆ ครับ ไม่เค็มเกินไปเหมือนบางร้านด้วย แป้งบางขอบกรอบแต่ตรงกลางนุ่ม ผมล่อพิซซ่าซะแบบ แทบไม่สนใจสปาเกตตีเลย ผมว่าที่นี่ทำอร่อยกว่าร้านดัง ๆ อย่าง Bella Napoli อีกนะ




รูปหมดแล้วครับ วันนี้รีวิวสั้น ๆ หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์ครับ




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2550   
Last Update : 23 สิงหาคม 2550 12:28:35 น.   
Counter : 1385 Pageviews.  

Uomasa ควบ Torajiro สวาปามอาหารญี่ปุ่น 2 ร้านในหนึ่งมื้อ

ก่อนหน้าจะไปญี่ปุ่นผมชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นมากถึงขึ้นควรเรีกยว่าบ้าคลั่ง นัดกับเพื่อนทีไรก็ลากกันไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ Nihonmura(หมู่บ้านญี่ปุ่น) ทองหล่อ13 เป็นประจำ

กลับมาไทยคราวนี้พอนัดเพื่อนก๊กเดิมก็ลากกันไปกินที่หมู่บ้านญี่ปุ่นเหมือนเดิม แถมล่อมันซะสองร้านควบเลยครับ

เริ่มกันที่ Uomasa ดีกว่า




ในร้านบรรยากาศแบบ Izakaya ญี่ปุ่นนี้ยังมีความเป็นไทยแอบแฝงครับ อิอิ




ของที่ยกมาต้อนรับ มีหอยสังข์ต้มซีอิ๊ว ลิ้นวัวย่าง ปลาชุบแป้งทอด บลอคโครี่มายองเนส ปูอัดห่อหัวไชเท้าดองฝาน

ในถ้วยนี้หอยสังข์โดนมากครับ ดึ๋งดั๋งได้ใจ




ล้างปากด้วยน้ำชา

และอย่างที่เห็นบนลายถ้วย มาร้านนี้ไม่ทานของดิบก็จะผิดธรรมเนียมไปสักหน่อย เพราร้านเขาดังเรื่องนี้ครับ




Unagi Bo Sushi ครับ ข้าวกดหน้าปลาไหล (380บาท) ปลาไหลเนื้อหนา ไขมันชุ่มฉ่ำดีครับ




ส่วนปลายหางเนื้อปลาชิ้นเป้งสุด หลังการเป่ายิ้งฉุบกะเพื่อนอีกสองคน มันก็ตกมาอยู่ในกำมือและกระเพาะผมครับ อิอิ




มาถึงชุดรวมมากูโร่อันลือลั่นครับ (1500บาท)




บริกรมาแจ้งว่า

บริกร : "วันนี้ Chu Toro หมด ... ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนเป็น Otoro ให้ทั้งหมดค่ะ พวก Tataki ใน Gunkanmaki นี่ก็เป็นโอโทโรสับนะคะ"

พวกเรา : "....!!!!" (นึกในใจมากินกันถูกวันแล้วเฟ้ยยย)




รอช้าอยู่ใย ไหน ๆ มันก็ Otoro ทั้งจาน เอาเจ้า Otoroลายหยาดน้ำค้างนี่เข้าปากโดยพลัน

แล้วก็ ....... ได้พบความจริงที่น่าตกใจ



.....น้ำตาไม่ไหลครับ




เงยหน้ามองหน้าเพื่อน ทุกคนทำหน้าเศร้ากันหมด

เพราะว่าเขาเปลี่ยนจาก Chu Toro เป็น Otoroให้ทั้งจาน จึงส่งผลให้ขนาดเนื้อปลาแต่ละชิ้น ... "บาง"ลงอย่างน่าใจหายครับ ถึงไขมันจะรสเข้มเท่าไร แต่ไม่มีสัมผัสเนื้อให้เคี้ยวเท่าที่ควรแบบนี้ สำหรับผมเป็นซูชิที่ไม่น่าปลื้มเท่าไรครับ

Otoro อีกแบบ ชิ้นนี้หนากว่าหน่อย รสก็เข้มดี แต่โดยส่วนตัว ไม่ชอบเจ้าเอ็นขาว ๆ เหนียว ๆ ตรงกลางเคี้ยวแล้วเหลือในปาก ขอแอบผิดหวังอีกชิ้นครับ




เนื้อปลาที่ทำกึ่งสุกมานี้ ผมไม่แน่ใจเลยครับว่า เป็นปลาลนไฟ(Aburi)หรือเปล่า เพราะมันไม่มีกลิ่นควันไฟเลยสักนิด ราวกับทำให้สุกด้วยน้ำร้อนยังไงยังงั้น ไขมันก็ไม่ได้เยิ้มละลายอย่างที่ควรเป็น

... และขอบอกความเห็นส่วนบุคคลเล็ก ๆ นะครับ ผมรู้สึกว่าซอสชาเชียวเนี่ย... เป็นส่วนเกินที่ทำลายรสชาติซูชิครับ กลิ่นและรสชมนิด ๆ ของชากลบรสชาติไขมันของปลาไปเยอะมาก แถมเนื้อซอสยังมีลักษณะเป็นครีมมัน ๆ ทำให้ตอนกินในปากมีไขมันสองชนิดตีกันเอง

ใครชอบชิ้นนี้ผมขออภัยครับ แต่สำหรับผมเอง ไม่ใช่แค่"ไม่ได้อร่อย" มัน "รสชาติแย่"เลยล่ะ




จะบอกว่าในจานนี้เนี่ย Gunkanmaki และ Makimono เป็นชิ้นที่ปลื้มสุดแล้วครับ รสชาติลงตัว จะว่าไปอาจเป็น Maguro Tataki แบบGunkanmaki อร่อยอันดับต้น ๆ ที่ผมเคยทาน (เพราะเขาผสมโทโรลงไปในทาทากิครับ) Makimono ก็ปลาชิ้นใหญ่และสดดี




ปลาทำแบบกึ่งสุกอีกแบบครับ (ไม่กล้าเรียก Aburi ครับ อาจเป็นวิธีการทำแบบกึ่งสุกที่ผมไม่รู้จักเองก็ได้ ไม่กล้าฟังธง แต่ถ้าเขาตั้งใจจะทำเป็น อาบุริ แล้วรสชาติออกมาแบบนี้ ... ไม่ปลื้มครับ)

ราดหน้าด้วยไข่ปลาเมนไทโกะ (ก็ทาราโกะแหละครับ แต่เป็นแบบใส่พริก) ไม่ได้ชิมครับยกให้เพื่อน




สลัดหนังปลาแซลมอนครับ ชื่อแบบนั้นก็นึกว่าจะเป็นหนังกรอบ ๆ แต่ที่จริงก็เป็นแซลมอนย่างติดหนังแหละครับ มีเนื้อมาบาง ๆ หนังก็ไม่ได้กรอบอะไร จานนี้ปกติ ๆ ครับ (เขาให้น้ำสลัดมาสองชนิด มี วาฟู กับ ซอสสีส้มที่รสชาติเหมือนซอสพริก -_-' คาดว่าคงให้คนเอาปลาจิ้มกินมั้ง อยู่ญี่ปุ่นไม่เคยเจอน้ำสลัดแบบนี้)




กุนกันมากิหน้าหอยเม่นครับ สองคำนี้ 380 บาท ... แต่ใครเคยกินหอยเม่นแล้ว ดูจานนนี้ก็น่าจะรู้ครับ เนื้อเหลว เส้นเลือดสีดำแทรกเต็มไปหมด ตอนยกมาเสิร์ฟเพื่อนผมคุยโทรศัพท์อยู่ พอเห็นจานนี้มันอึ้งเงียบไปเลย พอกินเข้าไปก็ ... "ตามที่คาดได้จากหน้าตา"

วันนี้ไม่ประทับใจ อุโอมาสะ อย่างแรงครับ




แซลมอนไร้ไขมันแทรกแต่เนื้อเนียนนุ่มแบบนี้ก็แสดงว่าสด ก็ยังดีครับ ปลาหมึกก็โอเค




เรายกพลมากินกันต่อที่ Torajiro ทันทีครับ อยู่ติดกับ Uomasa น่ะแหละ

ร้านนี้เป็นร้านประจำของผมตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยที่ไทย เรียกได้ว่าไปกินอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือบางทีก็อาทิตย์ละครั้ง อาหาราคาถูก รสชาติเยี่ยมยอด บริการว่องไว ยิ่งสมัยก่อนซูชิเขาราคาถูก แต่ปลาชิ้นโตและอร่อยมาก ไม่เคยต้องไปพึ่งพิงร้านอื่นเลยครับ ตอนนี้รสชาติซูชิตกลงแล้ว เวลามาร้านนี้เลยสั่งสลัดปลาดิบ ของย่างและอาหารปรุงมากกว่า คุณภาพยังดีคงเดิมครับ

ที่ว่างในท้องไม่เหลือเท่าไร เลยสั่งของย่างกันมาแบบสุ่ม ๆ ในจานมีไรบ้างแล้ว ก็จำไม่ค่อยจะได้ ที่แน่ ๆ ก็มี

หัวใจไก่ ปีกไก่ ฯลฯ ราว ๆ นั้นครับ




ของย่างอีกครับ ลิ้นวัวย่าง ไก่ย่างแซมต้นหอมญี่ปุ่น หมูพันหน่อไม้ฝรั่ง ฯลฯ




โครอกเกะ ครีมกุ้งครับ ถ่ายไม่ทันเพื่อนจ้วง




โอโคโนมิยากิครับ ถ่ายไม่ทันเช่นกัน

ที่จริงต่อจากนั้นเราไป Tusscini ด้วยครับแตไปไม่ทัน ร้านปิด T-T ลืมไปว่าปิด 4 ทุ่ม คุยกะน้องแพรแล้วอยากกินขึ้นมาว่าจะกลับไปกินซะหน่อย อดเลย




จบแล้วครับ วันนี้ขอลาแต่เพียงเท่านี้ คราวหน้าจะพาไปชิมอาหาอิตาลีที่ร้าน Basilico ครับ




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2550   
Last Update : 23 สิงหาคม 2550 12:17:06 น.   
Counter : 1946 Pageviews.  

"สบายใจไก่ย่าง" ส้มตำไก่ย่างและอาหารป่า

พาชิมส้มตำ ไก่ย่าง และอาหารอื่น ๆ ที่ "สบายใจไก่ย่าง" เอกมัยซอย1 ครับ

ร้านมีทั้ง oepn air และห้องแอร์ ที่จริงบรรยากาศตรงส่วนเปิดโล่งก็ดีทีเดียว แต่ผมขอตัวล่ะครับ หนีเข้าห้องแอร์ดีกว่า กลับมาได้อาทิตย์กว่าแล้วไม่ชินกับความร้อนของบ้านเกิดซะที




ไม่มาแค่ 10เดือน เปลี่ยนเมนูโฉมใหม่แล้ว แต่รายการอาหารข้างในและราคายังเหมือนเดิมครับ




ไก่ย่างเขามีบอกสูตรด้วยครับ ว่าใส่เครื่องเทศอะไรบ้าง พ่อครัวแม่ครัวคนไหนในห้องนี้สนใจลองเอาสูตรไปทำมั้ยครับ




มีผักสดมารับรองครับ แต่เสด็จพ่อผมบอกว่า "ไม่สด ไม่ต้องไปแตะ ไว้ไปกินที่ร้านอาหารเวียดนามหลังบ้านดีกว่า"

ก็เป็นอันโดนลอยแพครับ รอไปเคี้ยวเอื้องผักชีใบเลื่อยที่ ไซง่อนริมไทรดีกว่า อิอิ (ร้านโปรดผมอีกร้านเลยครับ)




เนื้อกวางแดดเดียว ทอดพร้อมใบมะกรูด แบบพอมีกลิ่นติดนิด ๆ ครับ จานนี้ 120 บาท

ข้างนอกแห้งแข็งนิด ๆ ตามแบบเนื้อตากครับ แต่ข้างในนุ่ม รสชาติก็กลมกล่อมเหมือนเดิม เสียอย่างตรงที่เขาทอดไหม้ไปนิดนี่สิ แอบดาวน์ หมายมั่นปั้นมือมากินแท้ ๆ




ตำไทยใส่ปูมาแล้วครับ

จานี้รสดีเหมือนเดิม ผมเป็นคนไม่กินเผ็ด ปะป๋า ก็เลยต้องมารับกรรมกินส้มตำไม่ใส่พริกกะผมครับ 555 ปกติไปกะเพื่อนจะสั่งไม่เผ็ดมากินเองคนเดียว แต่นี่มากันสองคนไม่อยากส้มตำสองจาน เลยเอาไม่เผ็ดมาจานเดียว

รสออกเค็มเปรี้ยวครับ ไม่ค่อยหวาน (ระดับความเผ็ดเพื่อนผมเคยบอกว่า สั่งแบบธรรมดา ก็แทบไม่เผ็ดเลย ต้องขอเขาใส่พริกเยอะนิดนึงถึงจะสะใจ)




หนึ่งในจานโปรดผม แหนมซี่โครงหมูครับ มันเคยอร่อยมาก แบบเนื้อเป็นเนื้อ แล้วก็เนื้อร่อนหลุดจากซี่โครงไม่ยากนัก แต่วันนี้มันเหนียวมาก แถมทอดเกรียมอีกแล้ว ไม่สะเด็ดน้ำมันให้ดีอีกตะหาก ผิดหวังอีกจาน T-T




หอยหลอดผัดฉ่า ครับ เครื่องถึงดีครับ รสร้อนทีเดียว (เผ็ดไปนิดสำหรับคนไทยลิ้นทรยศแบบผม -_-') แต่โดยส่วนตัวคิดว่าหอยหลอดไม่ดึ๋งเท่าที่ควร แต่ปะป๋าผมก็ถูกใจนะครับ จานนี้ 120 มีหอยสัก ... 10กว่าตัวได้มั้ง ไม่แน่ใจว่าป๋าจ้วงไปเท่าไร




ให้ดูขนาดตัวหอยครับ




ไก่ย่างมาแล้วครับบ กลิ่นหอมทอดโชยมาพร้อมกันเลย ยังหอมกลิ่นเครื่องเทศฟุ้ง เนื้อฉ่ำเหมทือนเดิมครับ ปัญญหาคือหนังไม่ค่อยกรอบเหมือนเมื่อก่อนนี่สิ แถมมุม ๆ ก็ไหม้ด้วย แต่โดยรวม ๆ ก็ยังโอเคครับจานนี้




จานนี้ชนะเลิศของวันนี้ครับ มันคือ ปลาคังลวกจิ้ม ลวกมาสุกพอดี เนื้อขาวนุ่มละเอียด หนังหนึบนิด ๆ แต่ไม่มีกลิ่นคาว จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ด รสเปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ (อ้อ สำหรับคนทั่วไปอาจคิดว่ามันเผ็ดไม่พอก็ได้ครับ เพราะผมพอกินได้ไม่ลำบาก)




รูปสุดท้ายแล้วครับ

ค่าเสียหายราว 550บาท ไม่เกิน 600อ่ะ

ตอนเก็บตังค์พ่อผม แอบบ่นกะบริกร ซึ่งบริกรก็ขอโทษและบอกว่า

"เพราะ กุ๊กใหญ่กลับบ้านนอกน่ะค่ะ ตอนนี้เลยขาดคนคุม"

ผมถามกลับหน้าตามีความหวัง "แล้วท่านพ่อยอดกุ๊กจะกลับมาเมื่อใดเล่า?"

บริกรสาวเอื้อนเอ่ย "ปลายอาทิตย์หน้าค่ะ วันศุกร์"

ผม ".........." (...ตรูกลับญี่ปุ่นวันพฤหัสนี่หว่า)


เอาเป็นว่า ตอนนี้ตั้งกะกลับมากินอาหารไทยไปมื้อเดียว ไม่ค่อยประทับใจครับ

ใครมีร้านอร่อย ๆ แนะนำทีครับบบบ อาหารอะไรก้อได้ไม่เกี่ยงทั้งนั้นนนนน หลังไมค์มาก็ได้ครับ ขอบคุณล่วงหน้า




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2550   
Last Update : 23 สิงหาคม 2550 12:26:11 น.   
Counter : 2740 Pageviews.  

BEI OTTO ร้านอาหารเยอรมันต้นตำรับ

สำหรับร้านนี้ผมคงไม่ต้องอารัมภบทอะไรให้มากความนัก ทุกท่านน่าจะรู้จักดีอยู่แล้วครับ ถือซะว่าดูกระทู้ยืนยันคุณภาพและการรักษาระดับความสม่ำเสมอของร้านละกันครับ

Bei Otto ร้านอาหารเยอรมัน สุขุมวิท 20




ใครขับรถมาเข้าไปจอดในโรงแรมฝั่งตรงข้ามก็ได้ครับ

จอดแล้วเอาบัตรมาประทับตราที่ร้าน จะได้จอดฟรี 3 ชั่วโมง




โต๊ะที่ผมเลือก อยู่ด้านในสุด เห็นว่าเป็นคอก ๆ แยกออกมา ดูเป็นส่วนตัวดี .....




พอนั่งไปแล้วมา รู้ตัวอีกทีว่า ..... นี่มันโต๊ะสวีทชัด ๆนี่นา!!! มีรูปบาดตาบาดใจของคู่อื่น ๆ ประดับทำร้ายจิตใจคนโสดด้วยย!!




ผมนั่งรอเพื่อนอยู่ประมาณชั่วโมงนึง ระหว่างนั้น บริกรเดินเข้ามาเติมน้ำให้ถี่ ๆ ถามสองสามครั้งว่าจะสั่งอาหารหรือยัง (จะมองว่ากดดันก็ได้ แต่ผมไม่รู้สึกแบบนั้นครับ เขาดูเอาใจใส่ดี เพราะผมมองเมนูนานมาก ไม่เคยเข้าร้านอาหารเยอรมันมาก่อน อ่านจนจบเล่มเลย)




อ่านโน่นนี่รอไปเรื่อย ถึงได้เพิ่งรู้ครับว่ามีสาขาทองหล่อด้วย รู้งี้ไปทองหล่อก็ดีหรอก ใกล้บ้านผมนิดเดียว




ขนมปัง Laugenbroetchenครับ เปลือกกรอบ เนื้อนุ่มดี (เป็นแบบเดียวกับ เพรสเซล) เสิร์ฟมากะเนยขาวจืด ๆ แต่เกลือเม็ดที่ฝังบนเปลือกขนมปังช่วยกระชับรสหวานของเนื้อขนมปังได้ดีทีเดียว ถูกใจตั้งแต่ออเดิร์ฟต้อนรับแล้วคับ




ซุปของผมครับ ซุปใสconsume ใส่ตับปั้นก้อน ซุปรสกลมกล่อมมากเลยครับ กลิ่นหอมได้รสเนื้อดี ตับบดปั้นก้อนที่ใส่มาก็นุ่มลิ้น




ซูมก้อนตับ ไม่คาวเท่าไรครับ




ซุปของเพื่อน กูลาช ครับ รู้สึกยังกับว่าอร่อยกว่าของตัวเองอีกแล้ว -_-' ท่าทางโรคคลั่งเนื้อของผมจะอาการสาหัสกว่าที่ตัวเองตระหนัก ต่อไปไม่สั่งอย่างอื่นนอกจากเนื้อแล้ววุ้ย




จานหลักมีแต่เนื้อ กับ เนื้อ กลัวจะรสเข้มเกินไป เลยสั่งสลัดมาแกล้มกันด้วยครับ แต่สั่ง สลัดมะเขือเทศกับมอซเซลเรลล่าชีส ^^' งานนนี้น้ำหนักไม่ขึ้นไม่มันรู้ไป

โดยส่วนตัวคิดว่าน้ำสลัดเขาจืดไปนิด แต่ชอบมอซเซลเรลล่าสดมากเลยครับ นุ่มดี




จานหลักปรากฏกายครับ ผมสั่ง Bavarian Platter ครับ ประกอบด้วย Grilled pork knuckle / Homemade Grilled & Fried sausages / Bread & Potato Dumpling / กะหล่ำปลีดอง Sauerkraut ครับ




มีซอสคล้ายเกรวีมาให้ด้วย ลักษณะไม่ข้นมาก รสเข้มกลิ่หอมดีครับ ออกเค็ม ๆ มัน ๆ ไม่รุล่ะว่าทำมาจากอะไร แต่เข้ากะไส้กรอกและขาหมูย่างเป็นที่ซู๊ดด




ไส้กรอกที่นี่ไม่มีกลิ่นสังเคราะห์แบบที่เราได้กลิ่นจากไส้กรอกตามซุปเปอร์ครับ ซึ่งปกติแล้วเวลากินไส้กรอกชิ้นใหญ่ ๆ ผมก็มักโดนไอ้กลิ่นพวกนี้แหละทืให้เลี่ยนกินได้ไม่เยอะ แต่พอมาเจอไส้กรอก Homemade ที่นี่ เนื้อเป็นเนื้อมีรสสัมผัสให้เคี้ยว กลิ่นหอมเนื้อธรรมชาติ ปรุงรสอ่อนให้ราดซอสตามชอบเอาเอง ทั้งจานนี่ผมยกให้ไส้กรอกชนะเลิศคู่เลยครับ ทั้งแบบมีเปลือก(สีเทา)และไม่มีเปลือก(สีแดง)




โปะมัสตาร์ดเยอะ ๆ แล้วเอาเข้าปากให้กลิ่นหอมฉุนมันแผ่ซ่าน ลิ้มรสไส้กรอกเคล้ากลิ่นมัสตาร์ดนี่แหละครับ วิธีการกินไส้กรอกอีกแบบที่ผมโปรดปราน มัสตาร์ดที่นี่มีเม็ด ๆ มัสตาร์ดเหลือในซอสด้วยครับ คาดว่าคงทำเองที่ร้าน (ผมเคยเห็นหนังสือทำอาหารบางเล่ม มัสตาร์ดมาเป็นหัว ๆ เหมือนไชเท้าหรือ แครอทก็มีนะครับ ทำไมถึงมีเม็ด ๆ แบบนี้แทรกได้ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร รอผู้รู้จิงมาแถลงไข)




ว่าแล้วก็มาลุยเจ้าขาหมูย่างกันเต๊อะ




เนื้อเปื่อยยุ่ย หนังกรอบ สมบูรณ์แบบมากครับ ไม่ผิดหวังจริง ๆ




ราดซอส แล้วเอาเข้าปาก เคี้ยวเนื้อนุ่ม ๆ กับหนังกรอบ ๆ พร้อมกัน แหม เพลิดเพลินเกินห้ามใจ

กิน ๆ ไป เพื่อนบอกว่า เหมือนข้าวขาหมู ผสม หมูกรอบมั้ย ..... เคี้ยว ๆ พลางคิด .... เออ!! เหมือนจริง ๆ ด้วย!! 55555 แต่หาเจ้าไหนย่างหังหมูหนา ๆ ให้กรอบ ไล่ไขมันใต้หนังไปเกือบหมดแบบนี้ คงหายากมั้งเพื่อน ดังนั้น ....อย่าไปคิด!!




ส่วนเจ้ามันบดปั้นก้อน กับ ขนมปังปั้นก้อน เนี่ย ลงความเห็นตรงกันว่า มันบดมีรสสัมผัสเหนียวนิด ๆ เหมือนขนมตาล 555 ส่วนขนมปังปั้นก้อนต้มแบบนี้ไม่คุ้นลิ้น เลยรู้สึกแปลก ๆ กินไม่หมดครับ (มันปั้นก้อนอ่ะกินหมด) สุดท้ายเครื่องเคียงที่ขายดีสุดคือ กะหล่ำดอง Sauerkraut ค้าบบบ มันเปรี้ยวแบบเปรี้ยวนิด ๆ ยังอมความหวานของกะหล่ำอยู่อ่ะ ไม่เปรี้ยวจี๊ดแบบแสแสร้งเกินไป กินแก้เลี่ยนอาหารเนื้อ ๆ ได้ดีเลยครับ




หมดแล้วครับ ค่าเสียหาย 1900 บาทเศษ ๆ จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว แต่มารู้ทีหลังว่าใช้ AMEX จะลด 20%แน่ะ น่าลากเพื่อนที่มีAMEXมาจัง




แผนที่ไปร้าน พร้อมที่อยู่ เบอร์โทร ครับ เผื่อผู้ใดต้องการสอบถามเพิ่มเติม คืนนี้ขอตัวดีกว่าครับ เหนื่อยแล้ว




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2550   
Last Update : 23 สิงหาคม 2550 8:57:55 น.   
Counter : 3891 Pageviews.  

OUTBACK STEAKHOUSE สเต๊กเนื้อสไตล์ออสซี่

รีวิว ร้านสเต๊กสไตล์ออสซี่ ที่ OUTBACK STEAK HOUSE ชั้นสอง Siam Discovery ครับ




ในร้านกว้างมากก็จริง แต่เขาจัดแบ่งเป็นส่วน ๆ มีคอกกั้น ทำให้ไม่รู้สึกว่าเปิดโล่งเกินไป แบบนี้ผมชอบครับ เป็นส่วนตัวดี




อย่างแรกที่สั่งมา

Bushman 'Shroom เห็ดแชมปิญองชุบแป้งทอด ครับ


เปลือกกรอบ เห็ดข้างในชุ่มฉ่ำ กลิ่มหอม ๆ แบบเห็ดฟุ้งกระจายเลยครับ แต่รสจืด คนกินเค็มแบบผมถ้าไม่จุ่มซอสหนา ๆ คงกินลำบาก

อ้อ ถ้าทิ้งไว้นาน น้ำจากเห็ดจะทำให้เปลือกเหี่ยวนะครับ สั่งแล้วรียทาน เวลาคงความอร่อยของมันค่อนข้างสั้นทีเดียว




จานนี้ของผม

Victoria's Fillet ครับ

A 8 ounce Beef Tenderloin, seasoned and seared as only Outback can, our most tender steak.
^^^^^
อ่านคำบรรยายมันแล้วสัญชาตญาณสัตว์กินเนื้อในตัวตื่นเต็มที่เลยครับ

อ่านบรรทัดข้างล่างนี่ มีตัวเลขบางตัวทำเอาสะอึกไปนิดหน่อย
Served with your choice of side Item .........Bath 850.00

แต่ สัญชาติญาณสัตว์กินเนื้อในตัวผมก็ชนะขาดลอยครับ สั่ง! ขอแบบMidium Rare




มาคู่กับ Jacketed Potato ครับ โปะชีส เบคอน และซาวครีมมาด้วย มันเขาอบมาสุกแต่เปลือกลอกออกจากเนื้อได้ง่ายมาเลยครับ ไม่แห้งติดเนื้อส่วนนอก ประทับใจจิง ๆ




อันนี้ริบอายของเพื่อนครับ สั่งแบบเพิ่มขนาดจาก 8 ออนซ์เป็น 10 ออนซ์ครับ

ลืมบอกราคา อยู่ที่ 765 บาทครับ (8ออนซ์ 665บาท ผมว่าเพิ่มแล้วน่าจะคุ้มนะครับ ราคทิ้งกัน 100เดียว ใหญ่ขึ้นอีก 1ใน4 แน่ะ)




มากะหัวหอมผัดครับ




เทียบกันแล้วจานของผมหนากว่า ร่วม 1 เซนต์ แต่ของเพื่อนกว้างกว่าเยอะเหมือนกัน ปริมาณน่าจะพอกัน แต่ผมมันคนชอบเนื้อแบบเลือด ๆ ครับ ไม่ค่อยชอบเนื้อติดมัน fillet นี่แหละ สุดยอดสวรรค์บนปลายลิ้นแล้ว




ขออนุญาติเล่นอะไรไร้สาระ ใครไม่อ่าน Bleach ก็ข้ามไปได้เลยครับ

เมื่อเนื้อมาแล้ว ก็ได้เวลาปลดปล่อยดาบฟันวิญญาณ เอ้ย อาวุธหั่นเนื้อ




"จงคลี่คลาย! กงเล็บหมีกินเนื้อคู่!"




อา เนื้อหนา ๆ ย่างมาสุกเกรียมเพียงผิวนอก ข้างในชุ่มฉ่ำ เลือดโชกแบบนี้สิ เจ้าสัตว์ร้ายในกายผมจึงพึงพอใจ

เนื้อหนา แต่นุ่มมากกกกกเลยครับ จานนี้ผมแนะนำให้คนรักเนื้อลอง




ย่างมาดีข้างในชุ่มฉ่ำ เลือดไหลโชกออกมาเลย

แต่โดยส่วนตัวคิดว่า ที่หั่นครั้งแรกมันไหลออกมาขนาดนี้ เป็นเพราะเขายังวางทิ้งไว้นานไม่พอครับ หลังย่างสเต๊กเสร็จแล้วควรวางพักไว้สัก 10 นาที ไม่งั้นถ้าเราหั่นกินตอนมันร้อน ๆ เลือดและน้ำซุปในเนื้อจะซึมออกมาหมด ทำให้ชิ้นเนื้อขาดความชุ่มฉ่ำเท่าที่ควรจะเป็น

ผมเลยลองปล่อยไว้อีกสัก 5 นาที แล้วค่อยหั่นกินต่อ อืม คราวนี้เลือดไม่นองแล้ว ฉ่ำอยู่ในเนื้อดี คราวนี้ก็ ปลดปล่อยสวัสดิกะ! โซ้ยแหลกเลยครับ!!!




กิน ๆ ไป ผมกะเพื่อน(ร่วมเผ่าพันธ์สัตว์กินเนื้อ)คิดตรงกันว่า อร่อยยังงี้ยิ่งกินยิ่งอยากกินเนื้ออีก เลยสั่งของกินเล่นมา และแน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่ผัก มันคือ

Spicy fried chicken bites ครับ

รสชาติก็ไม่ได้ชั่วอะไรหรอกครับ แต่หลังกินเนื้อวัวนุ่ม ๆ มากินไก่หมักเครื่องเทศแช่แข็งแล้วทอดเนี่ย อดรูสึกไม่ได้ว่า เส้นใยเนื้อของอาหารที่ผ่านการแช่แข็งแล้วเอามาทำให้สุกแบบทันทีเนี่ยแข็งจัง แถมไม่ชุ่มฉ่ำด้วย แต่ก็นะ จะเอาไปเทียบกับ เนื้อtenderloin ก็คงไม่ได้ จานนี้สนนราคา 165 บาทครับ




คิดเงินครับ พอบอกว่ามาครั้งแรก เขาลดค่าของทานเล่นให้หนึ่งอย่าง คือ Bushman 'Shroom ครับ (ลดอันแพงด้วย ไม่ลดไก่ทอดซึ่งถูกกว่า) ลบไป 185 บาท แบบนี้ประทับใจครับ




แถมยังให้บัตร Appertizer ฟรี มาหนึ่งใบด้วยครับ งานนี้ประทับใจสุด ๆ มีโอกาสแวะไปอีกแน่ครับ สำหรับOUTBACK STEAKHOUSE




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2550   
Last Update : 24 สิงหาคม 2550 12:32:50 น.   
Counter : 1836 Pageviews.  

1  2  3  

amenochikara
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




[Add amenochikara's blog to your web]

MY VIP Friend