Mamma och Patrick
 
เส้นทางสู่ต่างแดน

ในชีวิตไม่เคยคิดหรือฝันเลยว่าจะได้มาอยู่ต่างประเทศเหมือนคนอื่นเขา เพราะเราเองก็ทำงานที่ไม่ได้เกี่ยวกับชาวต่างชาติเลย แต่นั้นแหละ ชีวิตมันพลิกผันกันได้ วันหนึ่งก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราตัดสินใจลาออกจากงานประจำและเดินทางไปภูเก็ต เพื่อหนีปัญหาบางอย่าง ในความคิดของเราก็คิดว่าร้ายแรงนะ เพราะเราไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ เนื่องจากงานนี้เป็นงานที่มั่นคง เงินเดือนอาจไม่สูง แต่ก็สามารถทำงานไปจนเกษียน เว้นแต่ทำความคิดร้ายแรง เขาถึงจะไล่ออกแค่นั้นเอง "_"


ทำให้เราตัดสินใจติดต่อกับเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่อยู่ภูเก็ต ว่ามีงานอะไรที่นู้นที่พอจะทำได้บ้าง ซึ่งเพื่อนคนนี้เขาได้สามีเป็นคนต่างชาติ และได้ดำเนินธุรกิจโรงแรม เขากำลังขาดคนพอดี เราก็เลยตัดสินใจลาออก และเดินทางไปภูเก็ต เมื่อไปถึงความรู้สึกแรกคือ ไม่ชอบเลยอะ ปกติเราไม่ชอบทะเล ไม่ชอบบรรยากาศแบบที่มีนักท่องเที่ยวฝรั่ง หรืออะไรแบบนี้ ชอบภูเขา น้ำตกมากกว่า แต่นั้นแหละ เมื่อตัดสินใจเลือกทางเดินนี้แล้ว ก็ต้องทำใจและยอมรับมันให้ได้

แต่เนื่องจากเราลาออกและไม่ได้เดินทางไปภูเก็ตทันที ทำให้เพื่อนไม่สามารถรอเราได้ ทำให้ไปถึงไม่มีงานทำทันทีเหมือนที่หวังไว้ เอาละหวา ทำไงดีละตรู แต่โชคยังดีที่ลางานออกมามีเงินเก็บมาด้วยหนึ่งก้อน หลังจากแบ่งเงินเก็บให้แม่ส่วนหนึ่งไปแล้ว เอาว่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองหางานทำดูละกันนะ ไอ้เราก็ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเลย เอาเป็นว่าไม่รู้เลยดีกว่านะ ลองไปสมัครงานดู สรุปได้ที่หนึ่งเป็นรีเซฟชั่นโรงแรม เจ้าของเป็นคนอิตาลี่ได้ภรรยาคนไทย ซึ่งภรรยาเป็นคนคล่องและดูเก่งมาก ไปทำงานวันแรก พนักงานที่มีอยู่ ไม่มีใครเก่งคอมฯ เลย เอาละเว้ยยยย ไอ้เราก็พอรู้บ้าง ก็เลยช่วยสอนคนที่ทำอยู่เดิมให้พอทำกันได้บ้าง เพราะต้องใช้คอมฯ ในการ check in - check out ซึ่งผู้จัดการก็ไม่ได้ประจำตลอด ต้องวิ่งไปดูงานอีกโรงแรมด้วย เอาละผ่านไปหนึ่งวันกะงานรีเซฟชั่น ครั้งแรกในชีวิต (เฮ้ออออออ)

หลังจากนั้นก็ไปทำงานอีก 3 วัน (ย้ำว่า 3 วัน เท่านั้น) ไม่อยู่แล้ว แทนที่จะได้ภาษาอังกฤษบ้าง กลับเจอแต่แขกอิตาลี่ ซึ่งพวกเขาไม่ค่อยชอบพูดภาษาอังกฤษ จะรอดไหมเนี้่ยะตรู คงไม่ผ่านโปร 3 เดือนแน่ๆ ตัดสินใจ วันที่ 5 ไม่ไปแล้วนะ โทรไปลากับ ผจก. บอกว่า จะต้องเดินทางกลับบ้าน ตจว. ด่วน เพราะยายป่วยหนัก (อันนี้ไม่ดีอย่างแรงงงง โกหกไม่พอ แช่งยายสุดที่รักอีกตังหาก แต่เรื่องจริงคือ ยายเสียชีวิตไปได้ประมาณ 6-7 ปีแล้ว) ไอ้เราก็คิดว่า พอลาสัก 2-3 วัน ค่อยโทรกลับมาว่า ไม่มาแล้วนะ แม่ไม่อยากให้มา อยากให้ดูแลยายและทำงานแถวบ้าน แต่จริง ๆ คือ เราก็อยู่ภูเก็ตแหละนะ หางานทำใหม่

แต่.....ปรากฎว่า เจ้าของโรงแรงผู้หญิงโทรมาเลย อย่าไปลับนะ กลับมาทำงานด้วย เพราะพี่เห็นว่าเล็กดูตั้งใจในการทำงานมากๆ อยากได้คนแบบนี้่ทำงานด้วย น้านนนนน 4 วัน มีคนเห็นด้วยว่า ยัยนี่มันถึกดี ขยัน อดทนว่างั้น เอาไงดีหว่า เราเลยต้องบอกว่า ขอโทษจริงๆ คะ แม่อยากให้ทำงานแถวบ้านนะคะ (ทำเสียงน่าสงสารซะหน่อย) สรุปจบไปด้วยการโกหก (เฮ้ออออ บาปกรรม...บาปกรรม) ทำไงได้ล่ะ ภาษาฉันก็ไม่แข็งแรงเอาซะเลย จะให้มาฝึกภาษาอิตาลี่เหรอ ไม่เอาง่ะ ยากชิบ...

ก็เลยเตร็ดเตร่หางานทำอีก 2-3 ที่ คนที่นี่ส่วนมากเขาได้ภาษากันทั้งนั้น คงเพราะความเคยชินหรืออะไรนี่แหละ ส่วนเราเรียนมา แต่มาใช้จริง มันคนละเรื่องอะ ขนาดข่มความอาย ยังนึกหาศัพท์ไม่เจอเลยอะ เออ..ก็คนมันอยู่แต่กะคนไทยจะให้พูดอังกฤษใส่กันก็ไม่ได้เนอะ ถึงพูดคงพูดไม่ถูกหรอกนะ อิอิอิ

สรุปเพื่อนคงสงสาร แอนด์ สมเพชมัง ฮ่าาาาา เลยให้ไปทำงานด้วย เอิ่ม..ก็พยายามไม่ให้เพื่อนลำบากใจนะ เพราะเขาทำธุรกิจก็อยากได้คนทำงานเป็น ไอ้เรางานอะไรไม่เกี่ยงหรอกนะ ขอให้บอกแค่นั้นแหละ แต่ไอ้ภาษานี่แหละคืออุปสรรคใหญ่ของฉันเลยล่ะ แต่พอได้ไปทำงานด้านรีเซฟชั่นที่โรงแรมเพื่อน อาศัยว่าสนทนากับแขก และอ่านหนังสือเพิ่มเติม ก็เลยพอถูๆ ไถๆ ไปได้

พอมาทำงานที่ก็เลยได้รู้จักแฟนที่เป็นแขกมาพักที่นี่ ซึ่งแฟนเป็นคนสวีเดนและเป็นเพื่อนกับสามีเพื่อนด้วย แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไรนะ เพราะเขาก็มีแฟน (ย้ำว่าแฟน..เพราะไม่ได้แต่งงานกัน) ซึ่งเขามานั่งคุยด้วยว่ามีปัญหากันอย่างงู้นอย่างงี้ เราก็รับฟังแต่ไม่ได้คิดอะไรนะ เพราะไม่คิดว่าเขาจะชอบเรา

เนื่องด้วยเป็นคนตัวเล็ก ผิวไม่ดำ ตาตี่ๆ ฝรั่งที่ไหนเขาจะชอบ ยิ่งแขกที่มาพักส่วนมากเขาจะชอบแต่น้องๆ รีเซฟชั่นคนอื่นๆ ยกเว้นเรา "_" อะนะ ผ่านไปไวเหมือนโกหก แฟนกลับประเทศเขาไป เราก็ทำไปประมาณ 4 เดือน รู้สึกว่างานนี้ไม่ถนัดเลยอะ แล้วไม่ชอบด้วย ก็เลยตัดสินใจกลับบ้านปีใหม่

แฟนกลับไปได้ประมาณเดือนกว่า ปรากฎว่า เขาโทรมา เราก็แปลกใจได้เบอร์จากไผหนอ อ้อ..เขาสอบถามจากน้องรีเซฟชั่น โดยการโทรเข้าโรงแรมขอเบอร์เรา แล้วบอกว่า อยากคุยด้วย ตอนนี้เลิกกับแฟนแล้ว ซึ่งคอนเฟิร์มจากสามีเพื่อนว่าเขาเลิกกันจริงๆ ทำให้เราคุยกับแฟนเราผ่านโทรศัพท์ 3 - 4 เดือน ได้มัง เขาก็เดินทางมาไทย ก็เลยตัดสินใจที่จะคบกันแบบกิจลักษณะ โดยอายุเราก็เยอะแล้ว ถามว่าไม่กลัวฝรั่งหลอกเหรอ ตอนแรกเกรงๆ แต่ไม่กลัวเพราะสามีเพื่อนเขายืนยันได้ว่า คนนี้ไม่มีพันธะ แล้วเขาก็ยังยืนยันว่าชอบผู้หญิงไทย ถึงผู้หญิงไทยก่อนหน้านี้จะทิ้งเขาไปมีคนใหม่ หลังจากที่เธอได้วีซ่าถาวรแล้ว

สรุปคือคบกัน และเขาชวนเราไปท่องเที่ยวบ้านเขาด้วย ตอนนั้นเราทำงานแล้วนะ หลังจากกลับบ้านปีใหม่ และเดินทาง เข้า กทม. อีกครั้งหางานทำใหม่ โชคดีของเราอะ พี่ที่ทำงานเก่าแนะนำให้ไปสัมภาษณ์งานด้านบัญชีกับศิษย์เก่าที่จบจากมหาลัย ที่พี่เขาทำงานอยู่ เขาอยากได้คนไปทำงานพอดี เอาลองดู ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ดี ปรากฎว่า ไปสัมภาษณ์กับพี่หัวหน้าบัญชี ได้อะ ทั้งๆ ที่เราบอกว่า เราเรียนมานิดหน่อย แต่ไม่เคยทำงานด้านบัญชีนะ พี่เขาบอกว่า แค่ตั้งใจและขยัน อดทน เป็นพอ ก็ทำได้แล้ว เพราะคนที่ทำอยู่เก่า เขาจะสอนงานเราเอง เราก็เริ่มทำงานประมาณ 13 ม.ค. นี้แหละ

พอแฟนเรามา เราก็ใช้วันหยุดบริษัทไปเที่ยวกะแฟน 2 อาทิตย์ ตอนเดือนเมษา ส่วนวันที่เหลือแฟนก็อยู่กรุงเทพฯ พอแฟนกลับไป เราก็หาข้อมูลทำวีซ่าและขอเอกสารแฟนประกอบการทำวีซ่าท่องเที่ยว ณ ตอนนั้นต้องโทรเข้า call center เพื่อขอจองคิวยื่นเอกสารก่อนน่าจะประมาณเดือน พ.ค. มัง ถ้าจำไม่ผิด และเมื่อได้วันก็ไปยื่นเอกสารกับสถานทูต รอสัมภาษณ์ ซึ่งน่าจะประมาณ มิ.ย. เราได้ไปสัมภาษณ์การขอวีซ่า ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี และรอผลวีซ่าหลังจากสัมภาษณ์ 7 วัน (แต่ ณ ปัจจุบันเห็นว่าการยื่่นวีซ่าเปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว สะดวก รวดเร็วขึ้น)

โดยเราได้บอกเพื่อนที่ทำงานด้วยกันและพี่หัวหน้าบัญชีว่า ถ้าวีซ่าผ่านเราจะเดินทางไปสวีเดนแล้วนะ ซึ่งพี่เขาก็ดีมากๆๆๆๆๆ ยินดีด้วย แต่เสียดายเพราะกำลังทำงานไปด้วยกันได้ดี เราก็เสียดาย แต่นั้นแหละในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป

และแล้วก็ครบกำหนดไปรับพาสปอร์ตและดูผลการขอวีซ่า เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน บอกว่า ไม่อยากให้ผ่านเลยอะ อยากให้อยู่ทำงานด้วยกันไปก่อน ปีหน้าค่อยไปก็ได้นะ น้าน....ทำงานด้วยกันไม่กี่เดือน รู้สึกเพื่อนคนนี้จะรักเราอย่างแร๊งงงงงส์ ฮ่าาาาา ในแผนกบัญชีมี 2 คน ส่วนพี่หัวหน้านั้นจะวิ่งรอกทำบัญชีหลายที่ แกจะเข้ามาอาทิตย์ละครัั้งเท่านั้น เพื่อนคงเห็นว่าเข้าขากันแล้วไม่อยากให้ออก อะนอกเรื่องอีกแล้ว จะจบไหมนี้

ผลเหรอ....ผ่านจ้าาาาาาา ดีใจมาก โทรหาแฟนเลยว่าผ่าน แล้วเราก็นั่งรถไฟฟ้าไปต่อที่กรมขนส่งแถวจตุจักร เพื่อทำใบขับขี่สากล รวมทั้งไปจองตั๋วเครื่องบิน และโทรบอกเพื่อนทีทำงานด้วย เพื่อนเสียงเศร้าน่าดู เฮ้อ!! ทำไงได้เนอะ เด็กบ้านนอก...มันจะไปเมืองนอกเมืองนา กะเขาบ้างง่ะ

ประมาณปลายเดือน มิ.ย. รู้ผล จองตั๋ว ได้เดินทางวันที่ 2 ส.ค. ตอนตี 1 สรุปเราก็ทำงานจนวันสุดท้ายคือ 31 ก.ค เลยทีเดียว ส่วนวันหนึ่งคือซื้อข้าวของเตรียมไปนู้น

โดยเพื่อนจากที่ทำงานเก่ามารับไปส่งที่สนามบิน ดีใจมากๆๆๆๆ เพราะที่ทำงานเก่านี้เป็นอะไรที่ผูกพันกันม๊ากกกกกกกกก พี่ๆ หลายๆ คน ก็เอ็นดูเรา เพราะเราปากมอม...ฮ่าาาาาา หลังจากนั้นเราก็บินลัดฟ้าไปสวีเดิน.....

ร่ายซะยาวเลยเรา


ที่เขียนมาไม่ใช่อะไรหรอกนะ ไว้เตือนใจตัวเองว่าชีวิตมันพลิกผันได้แบบไม่คาดคิดว่าก่อน


Create Date : 14 กันยายน 2554
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2555 4:46:01 น. 1 comments
Counter : 463 Pageviews.

 
ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง แต่สรุปว่า อุปสรรคก็ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วมีผลงานแห่งความสุขคือ หนุ่มน้อยแพททริคออกมา ยังไงขอให้ครอบครัวของคุณแม่แพททริคและลูก และคุณแม่ มีแต่ความสุขและโชคดีตลอดไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะคุณแม่


โดย: My baby!!! IP: 99.127.50.185 วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:22:41:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 
 

Mitt_alskling_heter_patrick
Location :
Sweden

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บล๊อกบ้านๆ แบบคนบ้านๆ ยินดีเป็นเพื่อนกับทุกคนนะคะ ใครว่าง ๆ แวะมาทักทายกันได้คะ เจ้าของบล๊อกไม่ดุนา (ฉีดยาแล้ว ฮา) ส่วนมากบล๊อกจะเขียนถึงลูกซะมากกว่า พอมีลูกทุก ๆ อย่างก็โฟกัสไปที่เจ้าตัวเล็กคนเดียวเลย ไม่ค่อยเห่อเลยเนอะ เข้ามาบล๊อกนี้อาจจะไม่ค่อยมีสาระอะไรมากมาย มีแต่รูปเยอะกว่าเนื้อหา ก็อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ เขียนบล๊อกไม่ค่อยเก่ง แต่พูดเก่ง แต่ทำไมเพื่อนๆ บอกว่า พูดมากหว่า ^^ (กับเพื่อน ๆ หรือคนสนิทๆ อิอิอิ)
[Add Mitt_alskling_heter_patrick's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com