Group Blog |
อยากหน้าสวย เป๊ะ ไม่อยาก แค่รู้จักปัดแก้มอย่างถูกวิธี !!!
ฮัลโหลลลสาว ๆ วันนี้เราจะพาสาว ๆมาปัดแก้มอย่างถูกวิธีกัน ซึ่งสาว ๆ หลายคน อาจคิดว่าแค่ปัดแก้มแบบวน ๆ ก็สวยได้แล้ว แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ใช้ได้กับทุกคนเสมอไปค่ะ ซึ่งบางคนปัดออกมาแล้วอาจะเพิ่มอายุ หรือดูตลกไปเลยก็ว่าได้ค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะวันนี้เรามีวิธีการปัดแก้มอย่างถูกวิธี สวยเป๊ะ ปัง มาฝากเพื่อน ๆ กัน ตามมา ๆ เลยจ้าาา --------------------------------------------------------------- อยากหน้าสวย เป๊ะ ไม่อยาก แค่รู้จักปัดแก้มอย่างถูกวิธี !!! --------------------------------------------------------------- RIGHT POSITION >>> DO!!! ลองยิ้มกว้างๆ ให้กับตัวเองในกระจกดูนะคะ แก้มที่นูนขึ้นมาตอนยิ้ม คือจุดที่แก้มของเราจะมีสีเลือดฝาดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นเราควรปัดบลัชออนที่บริเวณนี้ เพื่อได้พวงแก้มที่ดูมีเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ใช้แปรงขนาดกลางที่มีขนนุ่ม และเริ่มบริเวณจุดสูงสุดของโหนกแก้มไล่เฉียงขึ้นไปถึงแนวขมับเป็นการดึงสายตาทั้งยังช่วยปรับมุมโครงหน้าให้ดูเรียวขึ้นอีกด้วย >>> DONT!!! ห้ามปัดบลัชออนลงมาต่ำกว่าบริเวณปีกจมูกโดยเด็ดขาด! การปัดแก้มต่ำเกินไปจะทำให้แก้มดูหย่อนคล้อยเหมือนสาวสูงวัยได้ และถ้าปัดแก้มเป็นวงกลมเฉพาะที่โหนกแก้มจะทำให้สาวๆ ดูเหมือนแป๊ะยิ้มได้โดยไม่รู้ตัว สุดท้ายคือควรระวังไม่ปาดสีบลัชออนข้ามจากแก้มข้างหนึ่งผ่านจมูกมายังอีกข้างนึง เพราะจะทำให้แลดูหน้าหักและกว้างเอาได้ง่ายๆ จากประสบการณ์การยิ้มไปพร้อมกับปัดแก้มไปด้วย ทำให้สีแก้มของเราออกมาดูธรรมชาติมาก ถ้าใครที่ต้องการลุคใสๆอย่าลืมยิ้มทุกครั้งก่อนปัดแก้มกันนะคะ RIGHT AMOUNT >>> DO!!! ควรเริ่มจากการแตะบลัชออนทีละน้อย ก่อนปัดแก้มทุกครั้งก็ควรเคาะแปรงเบาๆเพื่อให้เนื้อบลัชออนส่วนเกินหลุดออกไป จากขนแปรง เพื่อกันไม่ให้สีบลัชดูเข้มเกินไปเป็นก้นลิงหรือเป็นคราบปื้น ดูเลอะเทอะ หากต้องการสีสันที่ดูสดขึ้น เข้มขึ้น ก็วนซ้ำด้วยแปรงอีกหน่อยเพื่อค่อยๆ build up ระดับสีตามความที่ต้องการ >>> DONT!!! ปัดแก้มด้วยแปรงที่ขนแปรงหนาแน่นจนเกินไปโดยไม่ได้เคาะแปรงเสียก่อนเพราะยิ่งขนแปรงหนาแน่นจะยิ่งจับเนื้อบลัชได้มาก หากไม่เคาะเนื้อบลัชส่วนเกินออกไปยิ่งอันตรายนัก เคยไหม ที่เห็นคนพลาดปัดแก้มเป็นตูดลิงเลย ก็เพราะว่าเรามือหนักเกินไปนี่เอง ค่อยๆเติมทีละนิดปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าพลาดนะจ๊ะ RIGHT TEXTURE >>> DO!!! โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ ควรเลือก บลัชออนชนิดฝุ่นที่เนื้อละเอียด จะ work ที่สุดเพราะบลัชออนชนิดนี้จะสามารถควบคุมและเกลี่ยได้ง่ายดายที่สุด และสามารถเติมได้เรื่อยๆไม่ต้องรีบ บลัชออนเนื้อครีม หรือเนื้อเจล นั้นเหมาะสมสำหรับวันที่ต้องการให้สีบลัชออนติดทนนานยิ่งขึ้น และสำหรับสาวๆ ที่ใช้บลัชออนได้เชี่ยวชาญแล้ว สามารถใช้เป็นเบสก่อนลงบลัชออนเนื้อฝุ่น เพื่อได้พวงแก้มที่มีสีสันเป็นธรรมชาติได้ยาวนานยิ่งขึ้น >>> DONT!!! สำหรับสาวๆ ที่ยังไม่เชี่ยวกับการใช้บลัช ยังไม่ขอแนะนำให้ใช้ บลัชออน เนื้อครีม หรือเนื้อเจล เพราะเนื้อบลัชชนิดนี้หากไม่รีบเกลี่ยให้เข้ากับผิว จะเป็นคราบและรอยปื้น ได้ง่ายๆ แถมติดทนนานอีกต่างหากจึงทำให้แก้ไขได้ยากกว่าเนื้อฝุ่นค่อนข้างมากทีเดียว รู้ไหมว่าสาวๆมือใหม่ควรเริ่มจากบลัชแบบฝุ่นก่อนดีกว่าค่ะ ใช้สะดวกและง่ายสุดแล้ว เพราะบลัชเนื้อครีมเนี่ยค่อนข้างจะเกลี่ยยากเลย แถมยังแก้ยากด้วยนะคะถ้าเราลงเยอะเกินไป RIGHT COLOR >>> DO!!! แม้สาวๆ อาจจะได้ยินกันบ่อยๆ ว่าสีผิวนี้ห้ามใช้บลัชออนสีนั้นสีนี้ แต่จริงๆ แล้วการเลือกสีบลัชออนไม่มีกฎตายตัว ตอนนี้มีบลัชออนหลากหลายสีสันให้เลือกสรรกันตามอารมณ์ความชอบ ซึ่งเราควรที่จะเลือกเฉดสีที่เข้ากับบุคคลิก ลุคการแต่งหน้า หรือเสื้อผ้าที่ใส ่มากกว่าที่จำกัดที่สีผิว สำหรับบลัชออนมี 4 โทนสีหลักๆ ที่สามารถเลือกสรรได้ โทนสีชมพู : เฉดสีบลัชออนยอดฮิตตลอดกาล คงหนีไม่พ้นโทนสีชมพู เพราะเป็นสีที่ทำให้สาวๆ ดูสวยหวานสดใสได้ทุกวัน ภายในโทนสีชมพูมีทั้งโทนอุ่น และโทนเย็น สีชมพูโทนอุ่นจะใช้ง่ายและดูเป็นธรรมชาติที่สุด ส่วนบลัชออนสีชมพูโทนเย็นจะทำให้หน้าดูใส และได้ลุคสาวหวานมากกว่า โทนสีชมพู-พีช : สาวๆ คนไหนไม่แน่ใจว่าจะเลือกซื้อบลัชออนสีใดเป็นสีแรก ขอแนะนำโทนสีชมพู-พีชเลยทันที เพราะเป็นโทนสีที่ปัดยังไงก็ไม่พลาด ทำให้ดูมีเลือดฝาดเป็นธรรมชาติ และเข้ากับสีผิวของสาวไทยที่ออกโทนเหลืองแน่นอน โทนสีส้ม : สีนี้จะเติมความสดใสให้กับใบหน้าได้ทันที ดูแล้วเหมาะกับการแต่งตัวต้อนรับซัมเมอร์เป็นที่สุด ดูเป็นสาว active มีบุคคลิกที่สนุกสนาน ไม่ดูหวานจนเกินไป โทนสีน้ำตาล : บลัชโทนชมพู-น้ำตาลบ่มแดดจะให้ลุคที่ดูสุขภาพดี เหมือนเพิ่งไปทะเล ไปออกแดดมา และดูเซ็กซี่ มั่นใจ เป็นผู้ใหญ่ยิ่งขึ้น >>> DONT!!! อย่าปิดกั้นตัวเองว่าเราห้ามใช้บลัชโทนสีไหนๆ แต่สาวๆ ก็ไม่ควรเลือกโทนสีบลัชที่ตีกับชุดที่ใส่ หรือเมคอัพลุคที่แต่ง! เช่น ถ้าแต่งลุคสโมคกี้อายส์ฟุ้งสวยงาม สุดเซ็กซี่ ก็ไม่ควรเลือกบลัชออนสีชมพูสดฟาดเป็นปื้นไปที่แก้ม จะทำให้ดูลิเกไปโดยปริยาย อย่างนี้ไม่สวยแน่! แหมมมม เคยไหมที่เราชอบบลัชสีนี้ แต่ก็มีคนทักว่ามันไม่เข้ากับเราเลย ที่จริงแล้วการแต่งหน้ามันไม่มีกฎตายตัวนะคะ อยู่ที่ความชอบและบุคลิกเลย ว่าเราอยากได้ลุคแบบไหน ใครจะทักยังไงก็ช่างอย่าไปสนค่ะ แค่เราแต่งแล้วเราชอบและมั่นใจว่าดูดีขึ้นก็พอ RIGHT MIX >>> DO!!! สาวๆสามารถใช้เทคนิคในการเติมสีสันให้พวงแก้มแลดูสวยเก๋แบบมีมิติ ด้วยการเลือก mix & match สีสันของบลัช เช่น การใช้บลัชโทนน้ำตาลทองปัดคล้ายกับเป็นการ shading บริเวณกรามและคางให้หน้าดูเรียวขึ้น และใช้บลัชโทนชมพูหรือส้มเกลี่ยไล้เบาๆ บริเวณโหนกแก้ม เพื่อให้ดูมีเลือดฝาด หากยิ่งมีชิมเมอร์สีทองเนื้อละเอียดก็จะยิ่งทำให้ผิวดูโกลว์ มีสุขภาพดียิ่งขึ้น >>> DONT!!! เวลา mix & match บลัชออน ห้ามปัดแก้มอย่างหนักมือแล้วลืมเกลี่ยให้แต่ละสีที่ใช้เข้ากัน ต้องเบลนด์สีให้เนียน ไม่ให้เห็นรอยต่อระหว่างสีโดยเด็ดขาด! วิธีการปัดแก้มแบบนี้ค่อนข้างจะยากไปหน่อย เเต่เรามีเทคนิคส่วนตัวค่ะ เวลาปัดแก้มให้เราลงน้อยๆไว้ก่อนค่ะ แล้วดูกระจกว่าเราต้องเติมบลัชหรือเชดดิ้งแทน ค่อยๆเพิ่มเติมทีละนิดระวังอย่าให้โดดเกินไปก็พอค่ะ ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.globalfashionreport.com/c19845-%E0%B9%81%E0%B8%95-%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99-%E0%B8%B2-make-up ลิปสติกติดทนนานทั้งวัน ทำได้ไม่ยาก อย่างที่คิด
ลิปสติกติดทนนานทั้งวัน ทำได้ไม่ยาก อย่างที่คิด เคยไหมที่เราต้องคอยเข้าห้องน้ำเติมลิปสติกตลอดเวลา นอกจากจะเสียเวลาแล้ว เผลอๆสาวๆอาจจะหมดสวยได้เลยนะ วันนี้ก็มีเทคนิคดีๆที่น่าสนใจ ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ยาก รับรองว่าลิปสติกติดทนทานอยู๋นานแน่นอน ไปดูกันเลยดีกว่าค่าาา ลิปสติก เป็นเครื่องสำอางที่ผู้หญิงขาดไม่ได้ ซึ่งการเลือกสีลิปสติกที่เหมาะกับช่วงซัมเมอร์ก็ต้อง สีชมพูช็อกกิ้งพิงค์ หรือ ส้มอมแดง สำหรับหน้าหนาวสีลิปสติกที่พลาดไม่ได้ก็คือ สีม่วงเข้ม หรือ สีแดง นี่เป็นเคล็ดลับการทาลิปสติกแบบเบสิค ที่สาวๆ ทุกคนต้องรู้! รับรองว่าหลังจากนี้คุณจะไม่ต้องเติมลิปสติกบ่อยๆอีกต่อไป อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม ---------------------------------------------------------------------------------------------------- 1.รองพื้น 2.แป้งฝุ่น 3.ลิปสติกสีสด 4.ลิปกลอส มาเริ่มกันเลย 1.ขั้นตอนแรก ทารองพื้นให้ทั่วริมฝีปาก 2.จากนั้นลงแป้งฝุ่นให้ทั่วริมฝีปากอีกเช่นกัน ถ้าไม่มีแป้งฝุ่นใช้แป้งอัดแข็งแทนก็ได้ 3.ทาลิปสติกสีโปรดลงไปโดยไล่จากบริเวณขอบปาก แล้วจึงค่อยๆเติมด้านในริมฝีปากทีละนิด 4.ตบด้วยแป้งฝุ่นให้ทั่วปากอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้สีลิปสติกติดทนนานตลอดทั้งวัน 5.สุดท้ายทาลิปสติกทับอีกครั้ง ถ้าอยากให้ริมฝีปากดูฉ่ำให้ทาลิปกลอสลงไป เพื่อเพิ่มความแวววาว อวบอิ่ม ดูสุขภาพดี เห็นไหมหล่ะคะ ว่าง่ายมากๆ แถมอุปกรณ์ยังเป็นของใกล้ตัวอีก ต้องไปลองทำกันดูซะบ้างแล้ว ขอบอกเลยว่าเราเคยลองวิธีนี้แล้ว มันเวิร์คมากเลยจ้า อย่าลืมไปลองทำกันนะจ๊ะ แหล่งข้อมูลอ้างอิง https://www.globalfashionreport.com/c5312-%E0%B8%82-%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A-%E0%B8%99-fashion-news อยากหน้าเด็กต้อง "Under eye blush" ปัดแก้มใต้ตา สไตล์สาวญี่ปุ่น คาวาอิสุด ๆ
อยากหน้าเด็กต้อง "Under eye blush" ปัดแก้มใต้ตา สไตล์สาวญี่ปุ่น คาวาอิสุด ๆ นี่เป็นเทรนด์แต่งหน้าที่กำลังมาเลยนะคะ บอกเลยว่าลุคนี้แต่งไม่ยากแค่เปลี่ยนวิธีการปัดแก้มแค่นั้นเอง ปกติสาวๆคงปัดแก้มกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่คราวนี้ลองปัดแก้มตรงใต้ตาดูบ้างมั๊ยล่ะ? การแต่งหน้าแบบนี้เรียกว่า Under eye blush โดยจะปัดสูงกว่าโหนกแก้มขึ้นไป อยู่บริเวณใต้ตาหรือหางตา เทรนด์นี้เริ่มต้นจากสาวญี่ปุ่นย่านโตเกียวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาแล้วก็เพิ่งจะมาฮิตกัน ปัดแก้ม สไตล์นี้เป็นของ Momoko Ogihara จนเป็นที่รู้จักในชื่อว่า Momoko blush เรามักจะปัดแก้มบริเวณโหนกแก้มซึ่งทำให้ลุคดูเป็นผู้ใหญ่เกินไป การปัดที่ใต้ตาจะช่วยให้สาวๆดูหน้าเด็กลง ถ้าอยากแอ๊บแบ๊วเป็นสาวน้อยวัยใสก็ต้องหัดปัดแก้มกันใหม่ซะแล้วสิ สายฝอก็ได้นาจาาา... เห็นไหมล่ะคะ เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการปัดแก้มก็หน้าเด็กลงได้ ซึ่งเทรนด์นี้กำลังมาแรงจริงๆ ไปลองปัดแก้มตามกันดูนะคะ ขอบตุณข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.globalfashionreport.com/c19845-%E0%B9%81%E0%B8%95-%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99-%E0%B8%B2-make-up ขั้นตอนการแต่งหน้าที่ถูกต้อง
หลายคนกำลังมองหาวิธีการแต่งหน้าที่ถูกต้อง เพื่อให้สวยได้ดั่งใจ เราจึงขอแนะนำวิธีการแต่งหน้าดีๆ จาก Booby Brown ซึ่งเป็นขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนแต่งหน้า จนแต่งครบทุกส่วนก่อนลงมือแต่งหน้า ก่อนลงเครื่องสำอางใดๆ ให้คุณล้างหน้าให้สะอาดและทาครีมบำรุงผิวที่เหมาะสมกับผิวของคุณให้เรีบยร้อย เพราะอาหารการกิน อากาศ และความเครียดที่คุณเจอในแต่ละวัน ล้วนมีผลต่อผิืวของคุณ คุณจึงต้องดูแลผิวของคุณเป็นประจำ และอย่าลืมบำรุงรอบดวงตาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า คอนซิลเลอร์ที่ทาลงไปจะสม่ำเสมอและเนียนเรียบเท่ากัน ขั้นตอนการแต่งหน้าที่ 1 ลงคอนซิลเลอร์ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ การลงคอนซีลเลอร์สำคัญมากๆเลยนะคะ เพื่อปกปิดรอยคล้ำหรือรอยสิว รอยจุดด่างดำต่างๆบนใบหน้าของเรา เพราะฉะนั้นสาวๆอย่าขี้เกียจที่จะลงคอนซีลเลอร์ก่อนลงรองพื้นกันเลยนะคะ เพื่อปรับสีรอบดวงตาที่หมองคล้ำ ให้คุณทาคอนซิลเลอร์ที่มีเนื้อครีมนุ่มใต้ดวงตา จนไปถึงขอบขนตาโดยใช้แปรงทาคอนซิลเลอร์ทา เกลี่ยสีของคอนซิลเลอร์ให้สม่ำเสมอโดยใช้นิ้วปัดอย่างแผ่วเบา ขั้นตอนการแต่งหน้าที่ 2 ลงรองพื้น เพื่อหารองพื้นที่เหมาะกับคุณมากที่สุด ลองป้ายรองพื้นสัก 2-3 สีลงบนใบหน้าและแก้มของคุณ แล้วตรวจดูสีในแสงธรรมชาติ สีที่มองไม่ไห้ก็คือสีที่เหมาะกับคุณมากที่สุด ใช้นิ้วหรือฟองน้ำทาหน้าเพื่อลงรองพื้นในจุดเล็กๆ เช่นบริเวณจมูกและปาก ในส่วนอื่นของหน้าให้ใช้แปรงทารองพื้น การเลิอกสีลงรองพื้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆนะคะ รองพื้นผิดเบอร์หน้าเทาได้เลยนะคะ เวลาที่เราไปเลือกรองพื้นที่เคาเตอร์แบร์น ขอแนะนำให้เกลี่ยลงไปที่หน้าเลยค่ะ ชัวร์สุดๆ เพราะการเกลี่ยลงที่หลังมือไม่ได้ช่วยให้เราชัวร์ได้แน่นอนว่าเราจะเลือกรองพื้นถูกเบอร์ ขั้นตอนการแต่งหน้าที่ 3 ลงแป้ง เพื่อให้หน้าดูเนียนและอยู่ได้นาน ควรลงแป้ง Loose Powder สี Pale Yellow (เลือกสีขาวถ้าผิวคุณขาว) ลงบนคอนซิลเลอร์ด้วยแปรงปัดรอบดวงตา หรือพัฟเล็กๆ ลงแป้งที่มีเฉดสีเดียวกับผิวในส่วนที่เหลือของหน้าด้วยพัฟ เพราะเมืองไทยอากาศมันร้อนมาก การลงแป้งเพื่อเซทเมคอัฟจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนี่ไม่ใช่เกาหลีที่เราจะทาแค่รองพื้นก็จบค่ะ บอกเลยว่าถ้าไม่เซทด้วยแป้งหล่ะก็... หน้าเยิ้มหน้ามันระหว่างวันแน่ๆนาจาาา ขั้นตอนการแต่งหน้าที่ 4 ปัดแก้ม ในขณะที่ปัดแก้มให้ยิ้มไว้ แล้วปัดบรัชออนเชดสีกลางๆ ลงบนโหนกแก้มด้วยแปรงปัดแก้ม ปัดไร่ขึ้นไปทาไรผม แล้วปัดลงเพื่อให้สีอ่อนลง การยิ้มแล้วปัดแก้มทำให้เราได้ลุคที่ดูธรรมชาติค่ะ ขั้นตอนการแต่งหน้าที่ 5 ทาปาก เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดริมฝีปากให้สะอาดและเนียน แล้วลงลิปสติกและลิปกลอส โดยคุณสามารถทาจากแท่งได้โดยครง แล้วใช้แปรงทาปากลงสีที่เข้มขึ้นหรืออ่อนลงในจุดที่ต้องการ ก่อนลงลิปสติกอย่าลืมทาลิปมันเพื่อบำรุงริมฝีปากกันด้วยนะคะ ไม่งั้นปากอาจจะแห้งระหว่างวันได้ ขั้นตอนการแต่งหน้าที่ 6 เขียนขอบปาก เพื่อให้สีของริมฝีปากชัดเจนและป้องกันไม่ให้ขอบปากซีด ให้คุณเขียนขอบปากหลังจากทาปากแล้ว และใช้แปรงทาปากเกลี่ยให้สีดูกลมกลืนและขอบปากไม่แข็งเกินไป การเขียนขอบปากทำให้ได้ริมฝีปากที่เป็นรูปสวย และไม่ดูแต่งหน้าจัดเกินไปด้วยนะคะ ขั้นตอนการแต่งหน้าที่ 7 เขียนคิ้ว ใช้แหนบถอนขนคิ้วที่ไม่เป็นระเบียบบริเวณใต้และระหว่างคิ้ว กำหนดรูปคิ้วโดยทาอายแชโดว์สีเดียวกับผมด้วยแปรงปัด เริ่มต้นทาจากหัวคิ้วด้านในไล้ตามรูปคิ้วออกมาโดยค่อยๆ ทาให้เบามือลง คิ้วเป็นมงกุฏของใบหน้า เราต้องไม่ลืมเด็ดขาด แล้วก็อย่าลืมเลือกสีคิ้วให้เข้ากับสีผมกันด้วยนะคะ ขั้นตอนการแต่งหน้าที่ 8 ทาอายแชโดว์ ทาอายแชโดว์สีอ่อน จากขอบขนตาไปยังโหนกคิ้วด้วยแปรงปัดตา ปัดอายแชโดว์สีกลางลงบนเปลือกตาส่วนล่าง ไล่ไปตารอยพับของเปลือกตาด้วยแปรงปัดตา การทาอายแชโดว์ทำให้ดวงตาของเราดูมีมิติมากขึ้น ทาอายแชโดว์แล้วอย่าลืมปัดมาสคาร่าด้วยนะคะ จะทำให้ดวงตาของเราดูกลมโตขึ้นด้วย ซึ่งนี่เป็นขั้นตอนง่ายๆที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน อย่าลืมไปลองทำตามขั้นตอนการแต่งหน้าที่ถูกวิธีง่ายๆกันดูนะคะ เพื่อให้เมคอัฟดูปังที่สุดแทนที่จะพังแทนค่ะ ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง https://www.globalfashionreport.com/c19845-%E0%B9%81%E0%B8%95-%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99-%E0%B8%B2-make-up สาวสายฝอลุคเมคอัฟที่ดูเป็น Natural
สำหรับสาวสายฝอ เคยไหมที่รู้สึกเบื่อกับการแต่งหน้าแน่นเต็มเว่อออออ ถ้าเบื่อกับลุคที่หน้าเต็ม ลุคใสๆแบบธรรมชาติ สาวสายฝอ ก็สามารถแต่งได้นาจาาา ซึ่งเกริ่นมาขนาดนี้ไปดูลุคที่ว่านี้กันเลยดีกว่า อ้อ...จุดเด่น ของลุค Natural แบบสาวสายฝอ จะเน้นการเขียนคิ้วให้ดูคมเข้ม และปัดขนตาให้ดูงอนงามเพื่อเพิ่มความสวยคม มี 7 วิธีแต่งหน้าแบบธรรมชาติ ให้เป็นสไตล์สายฝอได้ง่ายๆ 1.ลงรองพื้น -การลงรองพื้นของสาวสายฝอ จะนิยมใช้รองพื้นในการแต่งหน้ากันมากกว่านะคะ ต่างกับสาวเกาหลีที่นิยมใช้ BB คุชชั่น โดยรองพื้นจะค่อนข้างปิดรอยต่างๆ ได้มากกว่า เข้ากับสีผิวมากกว่านั้นเองค่า -สำหรับมือใหม่ แต้มรองพื้นที่ละน้อยๆ ลงให้ทั่วใบหน้า ใช้แปรงรองพื้นเกลี่ยจากกึ่งกลางใบหน้าออกมาทางด้านนอกนะคะ จะช่วยให้รองพื้นเนียน แต่ยังดูเป็นผิวธรรมชาติ ไม่หนาจนเหมือนโบกหน้านั้นเองค่ะ อันที่จริงแล้วเราอาจจะคิดว่าการลงรองพื้นอาจจะทำให้หน้าเราหนักเกินไป ถ้าไม่ชอบลุคที่หน้าดูแน่นเกินไป ลองลงรองพื้นทีละนิดดูก่อนก็ได้ค่ะ สำคัญสุดๆ คือการลงสีรองพื้นให้เข้ากับผิว 2.ปกปิดสิว หากมีปัญหาเรื่องสิว ก็เลือกปิดเฉพาะจุดเอานะคะ จะได้ไม่ดูหนาเกินไป และยังช่วยให้ดูเป็นธรรมชาติด้วย เลือกใช้เบสเขียว ที่ช่วยเลือนรอยสิวแดงๆ ได้มาเป็นตัวช่วยนะคะ -ใช้แปรงคอนซีลเลอร์แตะคอนซีลเลอร์ลงบนสิวหรือรอยสิวเฉพาะจุด -ใช้คอตตอนบัตเกลี่ยให้เนียน ก็เป็นอันเสร็จค่า ถ้าตรงไหนที่สิวมันเด่นชัดมาก เราก็ควรปกปิดมันเพื่อทำให้เรามั่นใจค่ะ รอยสิวเล็กๆเราอาจใช้แค่รองพื้นปกปิดก็เอาอยู่แล้วค่ะ 3.เขียนคิ้ว เขียนคิ้วแบบสาวฝรั่ง จะเน้นเขียนให้โครงชัดสีเข้ม และเห็นขนคิ้วให้ดูธรรมชาติ ต่างกับสาวเกาหลี ที่จะวาดโครงเป็นทรงตรง และเล่นสีอ่อนให้ลุคดูใส อยากจะเขียนคิ้วแอบบสาวฝรั่งก็ตามมาดูกันค่ะ -ใช้กฃดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาล วาดโครงคิ้วให้ชัดตามโครงคิ้วธรรมชาติก่อน -ใช้ดินสอเขียนคิ้วสีเทาเบลนด์ในกรอบคิ้วให้ -ใช้แปรงเบลนด์ให้สีเนียนเข้ากัน ก็ได้คิ้วชัดๆ สไคล์สายฝอ สำหรับสายฝอ งานคิ้วต้องมาค่ะ ยิ่งคิ้วโค้งและชัดยิ่งดูมีความเป็นสายฝอมากขึ้น แต่ระวังเขียนจนคิ้วปลิงด้วยนะคะ วาดโครงแล้วเติมเบรนให้มันพอดีๆ 4.แต่งตา เลือกใช้อายแชโดว์แบบมีชิมเมอร์โทนสีน้ำตาลนะคะ จะช่วยให้ดวงตาดูสดใสแต่ไม่ดูแน่นหรือเยอะเกินไป จะกรีดอายไลเนอร์ หรือไม่กรีดอายไลเนอร์ก็ได้ค่า -เริ่มจากใช้อายแชโดว์โทนสีน้ำตาล คัดเบ้าบริเวณชั้นตา เพื่อให้เห็นรูปตาชัดๆ -ใช้อายแชโดว์โทนสีอ่อนๆ เบลนด์ขอบตาด้านในให้ทั่ว -ใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลเข้มคัดเบ้า ตรงบริเวณหางตาอีกครั้ง -ปัดขนตาให้ดูยาวมากขึ้น ก็ไม่ต้องกรีดอายไลเนอร์แล้วค่า 5.กรีดอายไลเนอร์ แต่ถ้าใครจะกรีดอายไลเนอร์ การกรีดอายไลเนอร์แบบไม่แต่งตา หรือลงอายแชโดว์เบาๆ ก็เป็นที่นิยมในการแต่งหน้าลุคธรรมชาติ ช่วยให้ตาดูโตขึ้นได้และประหยัดเวลาแต่งหน้าได้ด้วยค่า -กรีดให้อายไลเนอร์เส้นเล็กและชิดขอบตาให้มากที่สุด -ยกหางอายไลเนอร์ขึ้นเล็กน้อย -ใช้แปรงแต่งหน้า เบลนด์ให้สีดูฟุ้งๆ ก็เป็นอันเสร็จค่า ทำไมสาวฝรั่งถึงตาโตสวยคม การแต่งตาด้วยเทคนิคนี้ก็ช่วยสาวเอเชียอย่างเราให้กลายเป็นสาวสายฝอได้ค่ะ รับประกันเลย 6.ปัดแก้ม วิธีปัดแก้ม ก็ไม่ยากนะคะ เลือกสีให้เข้ากันโทนผิว ไม่ว่าจะเป็นสีชมพู สีพีชหรือสีน้ำตาล ก็เป็นที่นิยมของสาวฝรั่ง โดยจะปัดให้อยู่บริเวณใต้สันแก้ม ก็ดูแก้มระเรื่อเป็นธรรมชาติ สาวฝรั่งจะชอบสีแก้มที่ดูเป็นธรรมชาติค่ะ ด้วยลุคที่เขาดูเป็นสาว เพียงแค่ให้บลัชโทนสีซอฟต์ๆก็สามารถช่วยให้หน้าเด็กลงได้แล้ว 7.ทาลิปสติก โทนสีนู้ดชมพู ส้ม น้ำตาล เลือกได้เลยค่า เหมาะกับวันที่ต้องการแต่งหน้าลุคธรรมชาติทั้งนั้น โดยสาวฝรั่งจะเขียนขอบปากให้ชัดก่อน แล้วงลงลิปไพร์เมอร์ แล้วทาลิปสติกเป็นอันดับสุดท้าย แค่นี้ก็ช่วยให้ลิปสติกติดทนนาน สีดูเป็นธรรมชาติแล้ว ใครที่อยากจะแต่งหน้าลุคสาวสายฝอก็นำเคล็ดลับวิธีเหล่านี้ไปใช้ได้นะคะ ไม่ยากเลย เน้นคิ้วให้ชัดและดวงตาเด่นๆ ก็ช่วยให้ได้ลุคธรรมชาติแบบสาวฝรั่งแล้วค่า ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง https://www.globalfashionreport.com/c19845-%E0%B9%81%E0%B8%95-%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99-%E0%B8%B2-make-up |
สมาชิกหมายเลข 4501565
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |