Never let go a chance, you never know if there's another.
Group Blog
 
All Blogs
 
เที่ยวญี่ปุ่น-โตเกียว ภาค 1 : เที่ยวโตเกียว

Day 0: ไปถึงสนามบิน รีบเช็คอินแล้วดิ่งไป duty free ทันทีเพื่อช้อปปิ้ง กว่าจะรู้ตัวว่าลืมแลกเครื่องกับ ais ก็สายไปเสียแล้ว โทรหา call center เผื่อว่าเจ้าหน้าที่จะเอาเข้ามาให้ข้างในได้ แต่ก็ไม่ได้ ถามพนักงานข้างในของร้าน duty free ก็ออกไปเอาให้ไม่ได้ สรุปอดใช้

ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิ เที่ยวบิน JL718 10:25pm-06:30am. ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง 5 นาที เวลาของประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่าประมาณสองชั่วโมง ขึ้นเครื่องก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ได้ดูหนังเรื่อง The Proposal สนุกดีเป็น Ramantic Comedy แสดงโดย Sandra Bullock ดูไปหลายรอบเลย

Day 1: ไปถึงก็กรอกใบผ่านต.ม. หยิบใบเหลืองด้วย พอผ่านเรียบร้อยก็ไปเอากระเป๋าแล้วก็เดินหาเคาน์เตอร์ของ Keisei จนเจอ แล้วก็ซื้อตั๋วKeisei Express เจ้าหน้าที่บอก 1,400 Yen ก็งง ๆ เพราะในโพยที่เตรียมไปบอก 1,000 Y แต่ก็จ่าย ตอนหลังถึงรู้ว่าเป็น Keisei Skyliner

แล้วก็ไปเดินหาที่ขายตั๋วของ Metro แต่ counter ที่ขายหายากมาก ต้องถามตลอด แถมแผนที่ metro ที่ให้มาเป็นภาษาญีปุ่น ดีว่าตรงแผนที่รถไฟเป็นภาษาอังกฤษ เลยช่วยได้นิดหน่อย หากใครไปให้ขอแผนที่ metro ฉบับภาษาอังกฤษ จะช่วยได้เยอะเลย ซื้อตั๋วแบบ 2-day-pass และ one-day-pass

เสร็จก็เดินตามคนอื่นไปขึ้นรถไฟ เป็นรถไฟที่นั่งแบบรถทัวร์บ้านเรา เบาะปรับเอนได้ แต่กว่าจะรู้ว่าเอนได้ก็เกือบถึง Ueno แล้ว และเพิ่งมารู้ภายหลังว่าที่นั่งมาเนี่ย เรียกว่า Keisei Skyliner หลับตลอดทางจนใกล้ถึงที่หมาย
นั่งฝั่งขวาจะไม่โดนแดด

ไปถึงลง ueno ฝากกระเป๋าไว้ที่ locker ในสถานี ueno ราคา locker ตามขนาด ตั้งแต่ 300-500 Y แล้วเริ่มใช้ 2-day-pass
ไปเที่ยวเซนโซจิ วัดอาซาคุสะก่อนเลย หลังจากนั้นก็เดินเที่ยวตลาดแถววัด
กินข้าวหน้าหมูทอดแบบจ่ายเงินหยอดตู้ แล้วเอาคูปองยื่นให้พนักงานข้างใน

Sensoji, Asakusa


หลังจากนั้นไปเอากระเป๋า เข้าโรงแรม เช็คอิน อาบน้ำแต่งตัว ไปตึก Yod กับ เที่ยวแถว akiba กินข้าวร้าน coco แถว ueno เป็นมื้อเย็น

Day 2: ไปตลาดปลาตอนเช้า กินมื้อเช้าร้าน Sushi แถวนั้น แล้วไปพระราชวัง สะพานแว่นตาแถววัง



Imperial Palace (Opposite site)

ต่อด้วย tokyo tower นึกถึงหนังญี่ปุ่น Always



กลับมาแถว ginza ไปกินข้าวห่อไข่ ตามรอยคุณชูชก SkyBox ยืนรอคิวแรกเลย
Omurice, Rengatei

กินเสร็จก็ไป ueno เดินตลาด ame ซื้อร่มป็อกกี้เป็นของฝาก ตามลายแทงคุณว่านน้ำ ตรงข้ามร้าน os drug

แวะร้าน Mutsushida เป็นระยะ ซื้อ Muhi S ให้ลูก ผ้าพันขา และเครื่องสำอางค์ของฝาก เดินตึกม่วง takeya

Day 3: kamakura/yokohama นั่ง JR ไปลง kamakura ออกจาก JR ขวามือเป็น tourist information ขอแผ่นพับและสอบถามข้อมูลไปวัด
เดินจากสถานีตามแผนที่แผ่นพับที่ได้มา วัดสวยมาก
เสร็จก็ต่อวัด Ken เดินขึ้นเขาเหนื่อยมาก พอพ้นโค้งเห็นวัดแล้วหายเหนื่อยเลย สวยจริง ๆ
การเข้าวัดในญี่ปุ่นมีบ่อล้างก่อนเข้า ล้างมือซ้าย ตามด้วยขวา และบ้วนปาก
มีต้นไม้ที่รัชกาลที่เจ็ดและสมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชมาปลูกไว้ด้วย
หน้าวัด ken มีป้ายรถเมล์ ขากลับขึ้นรถเมล์ลงสถานี JR kamakura
แล้วต่ออีกสายไปวัดพระใหญ่ Daibutsu เสร็จก็นั่งรถเมล์กลับมาที่สถานี JR kamakura เหมือนเดิม
นั่ง JR ไป yokohama แล้วต่อ seaside line ไป outlet ริมทะเล บรรยากาศดีมาก แต่หมดแรงแล้ว เลยได้แต่นั่งเล่นริมทะเล ดูเรือ ดูนก
แล้วก็นั่ง JR ไป yokohama นั่งรอเพื่อน ๆ แถวสถานีระหว่างที่เพื่อน ๆ เข้า china town เสร็จแล้วขึ้น JR กลับโรงแรม

Day 4: Disneysea
นั่ง JR ไปลงสถานีโตเกียว แล้วต่อรถไฟเจอาร์สายเคอิโยไปลงที่สถานีเจอาร์ ไมฮาม่า ลงสถานี JR Maihama Station (South Exit) ถึง Maihama Station จะไป Disneysea ต้องนั่งรถไฟสาย Disney Resort Line : ซื้อตั๋วที่ตู้ขาบบัตร ราคา 250 Yen รถไฟออกทุกๆ 4 นาที วิ่งวนไม่หยุด วนไปมาระหว่าง Resort Gateway station ----Disneyland --Hotel ---Disneysea

ค่าเข้าชม 5,800 Y เปิด 9:00-22:00 น. ไปถึงก็ไปต่อคิว Tower of Terror ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ เดินเล่น กินข้าวในนั้น กินอาหารชุดใหญ่ประมาณ 1,200 เยน เสร็จไปต่อ Indiana Jones สนุกดี ตามด้วย under the sea หมดแรงแล้ว อยากช้อปแต่ของแพงและยังไม่ถูกใจเท่าไหร่ สรุปไม่ได้ซื้ออะไร ขากลับนั่งรถ disney resort line แต่ลงผิดป้าย ออกไปเรียบร้อยแล้ว แจ้งนายสถานีเค้าก็จดชื่อ ให้กลับเข้าไปและให้แจ้งชื่อตอนออกที่สถานีปลายทางโดยเราไม่ต้องจ่ายเพิ่มอะไรอีก ประทับใจมาก

Day 5: Shopping ตั้งใจจะซื้อของให้ลูกที่ Akachan Honpo ตามลิงค์คุณป้าพนอจัน ก็นั่ง JR ไปลง สถานี Kinchijo ออก South exit เดินออกมา ห้าง KiT อยู่ซ้ายมือเลย ขึ้นไปชั้น 5 ซื้อของลูกส่วนใหญ่ ของกิน ของใช้ ไปดู carseat ลูก แต่กลัวหอบไม่ไหว เลยบอกพนักงานว่าขอดูกล่องใส่ก่อนได้ไหม ยังไม่ซื้อนะ เค้าก็ไปยกออกมาให้ดู พอไหว เลยซื้อแล้วฝากไว้ที่ร้าน

เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 7 ร้านร้อยเยน ใหญ่มาก ทั้งชั้นเลย เดินไม่หมด ช้อปของกินเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็แบกของทั้งหมดขึ้น JR กลับโรงแรมเลย เตรียมแพ็คของเพื่อใช้บริการส่งของไปสนามบิน ปรากฎว่าไม่ได้ส่งเพราะโทรไปตอนเช้าพนักงานไม่พูดภาษาอังกฤษด้วย

Day 6: Nikko, World Heritage
ตีห้าครึ่งออกเดินทางไปสถานี Ueno ต่อ Asakusa ขึ้น Tobu line รอบ 6 โมงกว่าไป Nikko นั่งรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ไปถึงหา tourist information รอรถบัสสาย 2 C และซื้อเบนโตะนั่งกินตรงสถานี

ขึ้นรถบัสไปป้ายสุดท้าย หวังเดินย้อนสวนชาวบ้านลงมา ปรากฎเข้าไม่ได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องแลกบัตรก่อน ก็ต้องลงไปข้างล่างป้ายแรกเพื่อแลกบัตรแล้วกลับมา ดูไป 4 ศาล/วัด เสร็จก็นั่งรถกลับมาสถานีรถไฟ กินข้าวกลางวันแถวนั้น แล้วขึ้นรถไฟรอบบ่ายสองกลับมา Asakusa ถึงประมาณ 4:30 น.

ต่อรถไป Ueno แล้วก็ไปเคาน์เตอร์ Kesei เพื่อจองตั๋วล่วงหน้ากลับพรุ่งนี้เช้า เจ้าหน้าที่ไม่ให้ซื้อแบบ keisei limited express ล่วงหน้า แต่ keisei skyliner สามารถซื้อล่วงหน้าได้ ราคา limited express = 1,000Yen ส่วน skyliner = 1,920Yen เลยตัดสินใจไม่ซื้อ เจ้าหน้าที่บอกว่าเคาน์เตอร์เปิด 6 โมงเช้า ก็เลย ok ค่อยมาซื้อพรุ่งนี้ตอนกลับเลยละกัน

แวะไปช้อปร้าน Muji ในสถานี JR Tokyo หาไม่เจอ ถามเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ให้แผนที่ของสถานี Tokyo มาให้ สุดท้ายเจอจนได้ เป็นร้านเล็ก ๆ ดูในเวป สาขา Tokyo Midtown จะเป็นสาขาใหญ่

Day 7 Checked out ประมาณหกโมง นั่งรถไฟไปลง Ueno แล้วต่อ Keisei Limited Express เข้า Narita Airport Terminal 2 ไปถึงเดินหาป้าย domestic แต่ไม่เหมือนในรูปที่เตรียมไป ก็ตัดสินใจตามป้าย domestic แล้วขึ้นลิฟท์ขวามือไปชั้น 3 โผล่ไปเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง ช่อง P สำหรับ Check in โหลดกระเป๋าเรียบร้อย ก็แวะช้อปต่อ แล้วก็ต่อแถวผ่าน ตม เข้าไปข้างใน

ช้อปต่ออีกหน่อย จนใกล้ขึ้นเครื่อง 10:30 เครื่องออกถึงสุวรรณภูมิ 3:30pm บนเครื่องดูหนังเรื่อง The Proposal เหมือนเดิม อาหารเป็นข้าวแกงกะหรี่ ใกล้ถึงก็แจกไอติม รสแปลก ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่ารสอะไร

พอผ่าน ตม เมืองไทย เจ้าหน้าที่เห็นกล่อง carseat ลูกก็เดินเข้ามาหาทันที ถามว่าอะไร ก็ตอบว่า carseat ของลูก โดนเอากระเป๋าเข้าผ่านเครื่องตรวจ เสร็จเจ้าหน้าที่ก็เดินมาถามว่าในกระเป๋ามีอะไร ก็บอกขนมลูกเป็นส่วนใหญ่ เจ้าหน้าที่ถามต่อว่าเห็นเหมือนร่ม ก็เลยตอบว่าซื้อร่มกลับมาเป็นของฝากเพื่อน ก็ปล่อยผ่านไป

สรุปแล้ว Trip นี้ประทับใจมากกับประเทศนี้ ติดใจจนอยากกลับไปอีก เพราะรู้สึกยังเที่ยวไม่หมดเลย และอยากพาลูกไปด้วย ผู้คนก็ให้ความช่วยเหลือดี เวลาถามทาง ซื้อของไม่ต้องต่อราคา ไม่กลัวโกง สบายใจดี

***พักก่อนนะ***


Create Date : 06 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2552 22:11:39 น. 1 comments
Counter : 5444 Pageviews.

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ ไปหลายที่เลย น่าสนุกมากๆ
และจะรอดูรูปนะคะ


โดย: ari1019 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:14:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Ganit
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Ganit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.