Big Girl Little Heart

DIY ผ้าคลุมให้นม แบบไม่มี bone และ ห่วง D

ผ้าคลุมให้นมนี่เดิมทีอยู่ในลิสต์ของที่ต้องซื้อ แต่หลังจากไปเดินงาน bbb ที่ศูนย์สิริกิตต์ ได้เห็นผ้าของจริงที่เค้าขายกันแบบไม่มีโครง 200 บาท แบบมีโครง 350 ดูแบบจากสายตาคร่าวๆคิดว่าน่าจะเย็บเองได้นี่นา ไม่มีอะไรเลย ถ้าเย็บแล้วไม่ได้เรื่องจริงๆค่อยไปซื้อ เรื่องของเรื่องคือเสียดายกองผ้าที่ซื้อตุนไว้ทำพวกงาน quilt อีกหน่อยคลอดลูกคงไม่ได้ทำยาวเลย

ออกตัวก่อนว่าเราเย็บไม่ค่อยเก่ง ซื้อจักรมา 2 ปีกว่า เรียนเย็บกับ elvira จนหมดอายุสมาชิก แล้วก็ไม่ได้ไปเรียนอีกเลย เลยเย็บได้แต่แบบง่ายๆ ผลงานก็ยังไม่ค่อยเรียบร้อย เบี้ยว โย้ ไม่เท่ากัน ถูๆไถๆไป

กลับมาถึงบ้านแล้วลอง search ดูพวก how to ก็ไปเจอกระทู้นี้เข้า DIY ผ้าคลุมให้นม (Nursing cover) ทำเองได้ ง่ายนิดเดียว เจ้าของกระทู้อธิบายได้เข้าใจดี แล้วก็ดู คลิปของคนนี้ประกอบ How to Make a Nursing Cover

เรื่อง pattern และวิธีการทำ เราดัดแปลงจากกระทู้ด้านบนนิดหน่อยค่ะ เพราะเราไม่มี bone กับ ห่วงตัว D เราเลยใช้ใยอัดแผ่นที่ทำ quilt แทน bone แล้วก็ห่วงตัว D ตัดออกเลย ใช้เป็นสายผูกคล้องคอเอา

เตรียมผ้าตามนี้

1. ตัวผ้าคลุม เราตัดผ้าขนาด 32 นิ้ว * 38 นิ้ว
2. สายคล้องคอ เราตัดผ้าขนาด 4นิ้ว * 40 นิ้ว
3. ใยอัดแผ่น เราตัดขนาด 2.5 นิ้ว * 14 นิ้ว
4. ผ้ากาว ตัดเท่าขนาดใยอัดแผ่น 2.5 นิ้ว * 14 นิ้ว

ขั้นตอนการทำผ้าคลุมให้นม

(เราเขียนคร่าวๆนะคะ พอดีรูปที่ถ่ายไว้ในมือถือไม่รู้เป็นอะไรเสียเกือบหมด ดึงออกมาใช้ได้แค่ไม่กี่รูป ใครอ่านไม่เข้าใจ แนะนำให้อ่านกระทู้ด้านบนประกอบค่ะ)

1. รีดผ้ากาวลงบนใยอัดแผ่น (ถ้าไม่มีผ้ากาวไม่ต้องใช้ก็ได้ค่ะ เพราะตัวใยน่าจะทรงตัวอยู่ได้ แต่เราใช้เพราะตอนแรกกลัวมันย้อยและนิ่มเกินไป) รีดเสร็จแล้วก็พับทบครึ่งแล้วเย็บให้ชิดริมที่สุด (ประมาณ 1 ฝีเข็ม)



2. สายคล้องคอ ให้จับผ้าถูกชนด้านถูก แล้วเย็บริม เว้นระยะสัก 1 ตีนผี เย็บเสร็จแล้วพับทบครึ่ง ตัดตรงกลาง จะได้สายคล้อง 2 เส้น (ขนาดที่ได้หลังตัดและเย็บ 1.5 นิ้ว * 20 นิ้ว ต่อเส้น) รีดแบะตะเข็บ จากนั้นเย็บปิดท้ายด้านใดด้านหนึ่ง ทำเหมือนกันทั้ง 2 เส้น เย็บเสร็จแล้วให้กลับผ้าออกมา แล้วแบะให้ตะเข็บอยู่ตรงกลาง จากนั้นรีดทับลงไป



3. ตัวผ้าคลุมให้เย็บริมด้านข้างทั้ง 2 (ด้านกว้าง 32นิ้ว) และด้านล่าง (ด้านยาว 38นิ้ว) เข้ามา ด้านบนอย่าเพิ่งทำ ตรงนี้เราทบตามความรู้สึกเอาเลย ไม่ได้วัด ทบแล้วเอาเตารีดรีดให้เป็นรอยลงไป พอได้ 2 ทบก็เอาไปเย็บ ทำเหมือนกันทั้ง 3 ด้าน

4. มาที่ด้านบนของตัวผ้าคลุม ให้ทบเข้ามาก่อน 1 ทบ จากนั้นพับผ้าครึ่งหนึ่งเพื่อหาจุดกึ่งกลาง มาร์คจุดกึ่งกลางไว้ เอาใยที่เย็บไว้พับครึ่งเพื่อหาจุดกึ่งกลางเหมือนกัน

วางใยลงบนผ้าด้านบน ให้จุดกึ่งกลางตรงกัน จากนั้นทบผ้าพร้อมใยลงมา ขยับผ้าให้พอมีที่เย็บสัก 1 ฝีเข็ม เอาเข็มหมุดกลัดไว้ แล้วเย็บปิดที่หัวท้ายของใยก่อน จากนั้นขยับมาเย็บด้านยาว ตอนนี้ช่องใยเราจะถูกปิดทุกด้านแล้ว

5. หยิบสายคล้องคอทั้ง 2เส้น มาสอดเข้าไปในช่องผ้าข้างหัวท้ายของใยที่เราเย็บปิด หันด้านถูกออก สอดแล้วยกสายทบขึ้นมาตามภาพ (เอาด้านที่ไม่ได้เย็บปลายสอดเข้าไปด้านใน) ทำเหมือนกันทั้ง 2 ด้าน เอาเข็มหมุดกลัดตำแหน่งไว้





6. เย็บสายติดเข้ากับผ้าด้านบนได้เลย เย็บให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมมีกากบาทข้างใน

7. เย็บปิดตรงส่วนผ้าทบที่เหลือทั้ง 2 ข้าง เป็นอันเสร็จ ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ ขนาดสำเร็จ ตัวผ้า 27.5 นิ้ว * 34.5 นิ้ว ตัวสายคล้องเหลือข้างละ 16 นิ้ว



ลองคล้องคอดู โอเคเลย นึกว่าส่วนใยที่เราเอามายัดแทน bone จะย้วยกว่านี้ แต่อันนี้อยู่ทรงดีมาก (ไม่รู้ว่าซักแล้วจะย้วยลงมั๊ย เพราะไม่ได้ quilt ให้ใยติดกับผ้าด้านนอกเลย)



ข้อดีของการทำเป็นสายผูกคือ เวลาเก็บ เราเอาสายมาพันไว้แบบนี้ได้ เก็บง่าย หยิบใช้ง่าย



จริงๆตรงสายคล้องคอที่คิดไว้คือจะติดกระดุมแป๊ก หรือไม่ก็ตีนตุ๊กแก จะได้คล้องคอง่ายๆหน่อย เพราะตอนผูกบางทีผูกสั้นเกิน ยาวเกิน ไม่พอดี มานั่งกะทุกครั้งที่ใช้มันจะน่ารำคาญเกินไป แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ติดเพราะเราไม่รู้เหมือนกันว่าความยาวแค่ไหนถึงจะพอดี คงต้องได้ใช้งานก่อนแล้วค่อยติด




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2557   
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2557 21:22:42 น.   
Counter : 13098 Pageviews.  

เสื้อผ้า

เสื้อผ้านี่ไม่ได้ทำ list ไว้เลยกะว่าเจออันไหนถูกใจก็ซื้อซะ หลักๆได้มาจากงานเซลล์ papa เพราะถูกมาก ชิ้นละ 35 บาท แต่ก็ไม่ได้เอามาเยอะค่ะ กลัวลูกใส่ไม่ทัน ซื้อแค่ที่จำเป็นต้องใช้ช่วงแรกเกิดจริงๆ เอาไว้โตแล้วค่อยหาซื้อเพิ่ม ไม่อยากซื้อตุนไว้มาก



จากรูปสิ่งที่ได้มา มีดังนี้

ชุดนอน เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว 3 ชุด ราคา 210 บาท
เสื้อกระดุมหน้า แขนสั้น 3 ตัว ราคา 105 บาท
เสื้อผูกหน้า แขนสั้น 3 ตัว ราคา 105 บาท
กางเกง 5 ส่วน 1 ตัว ราคา 35 บาท
บอดี้สูทขาสั้น 1 ตัว ราคา 50 บาท

เสื้อผ้าป่านผูกหลังไม่ได้มาสักตัว เพราะดูเนื้อผ้าแล้วไม่ไหว ซัก 2 ทีจะพังรึป่าวไม่รู้ เลยได้มาเท่านี้ ตอนรื้อกระบะเซลล์นี่สนุกดีนะ แต่มึนมาก แต่ละคนก็พยายามเบียด คว้า รื้อ เลือก ตอนเราเลือกลายก็มึนๆงงๆ จับคู่เสื้อกับกางเกงไม่ได้เลย เสื้อลายนึง กางเกงไปอีกลายนึง ไม่ได้เข้าชุดกันเลย แถมมีกางเกงโดดมาตัวนึง หาคู่ใส่เสื้อไม่ได้ กลับมาถึงบ้านยังขำตัวเองอยู่เลย ทำไปได้

จะเห็นว่าเราแทบไม่ได้ซื้อกางเกงเลย เพราะช่วง 3 เดือนแรกจะให้ลูกใช้ผ้าอ้อมผ้า เพราะฉะนั้นกางเกงไม่ได้ใช้แน่นอน หลัง 3 เดือนก็จะเปลี่ยนไปใช้กางเกงผ้าอ้อมแทน ส่วนเสื้อก็ซื้อไม่เยอะเพราะต้องซักผ้าทุกวันอยู่แล้ว ถ้าจะซื้อเพิ่มคงเป็นชุดหล่อๆ ไว้ใส่ไปหาหมอ ใส่ไปหาย่า ตายาย อะไรแบบนั้น ถ้าอยู่บ้านก็วนใช้แบบนี้ไปก่อนละกันนะลูก



ชุดนี้ได้มาจากซุ้ม enfant ในงาน thailand mega show จะเอามาให้ลูกใส่ตอนออกจาก รพ. แบบว่าตัดใจซื้อสุดๆ เพราะไซส์ 60 ใส่ได้แค่ 1-2 เดือนเอง ยิ่งถ้าลูกตัวใหญ่ ไม่รู้จะได้ใส่กี่ครั้ง ราคาก็แพงมาก ลดแล้วเหลือชุดละ 374 บาท (ราคาเต็ม 750 บาท) ที่ซื้อไม่ใช่อะไร อยากให้ลูกใส่ชุดใหม่หล่อๆกลับบ้าน (แม่ขี้เห่อ) แล้วสีเสื้อผ้าเข้ากับผ้าห่อตัวพอดี ตอนกลับมาบ้านเปิดถุงให้ป๊าดู ป๊ามองตาเขียว ไม่ได้ไปด้วย ไม่มีคนห้ามเลยนะ! (แม่คิดในใจ ห้ามได้หรอ?)




 

Create Date : 28 มกราคม 2557   
Last Update : 28 มกราคม 2557 15:21:36 น.   
Counter : 1448 Pageviews.  

เครื่องนอน

เครื่องนอนลูกที่ทำ list ไว้ มีดังนี้

1. เบาะนอนแบบแข็ง ไม่ยวบ
2. หมอนหลุม
3. ผ้าห่ม
4. มุ้งครอบ
5. ผ้ายางสักหลาด (ช่วยซับฉี่ก่อนจะซึมลงที่นอน)
6. ผ้ายางรองเปียกแบบปุ่ม (รองตอนอาบน้ำเสร็จ)
7. ที่นอนปิคนิค

มาดูกันว่าได้อะไรมาบ้าง

เบาะนอนแบบแข็ง + หมอนหลุม



ตอนไปเดินงาน papa เซลล์ที่โรงงาน เกือบจะเอาเบาะนอนหมีพูห์มาแล้วล่ะ เป็นเบาะแบบไม่ยวบแต่ก็ไม่แข็งขนาดเบาะฟองน้ำ แต่ไม่ได้เอามาเพราะมันถอดซักไม่ได้ ถ้ายัดเข้าไปในเครื่องซักผ้าทั้งอัน เรากลัวว่าฟองน้ำจะย้วยหรือเสียรูป เลยขอผ่านดีกว่าเพราะราคาก็ไม่ถูก ลดแล้วเหลือ 1072 บาท

สุดท้ายน้องสะใภ้ส่งต่อของหลานมาให้ ยังใหม่อยู่ ใช้แค่ 2 เดือนก็ซักเก็บเนื่องจากน้องสะใภ้ให้หลานนอนเตียงเดียวกัน อนาคตเราก็คิดว่าจะให้ลูกนอนเตียงเดียวกันเหมือนกัน จะได้สะดวกเวลาให้นมตอนกลางคืน คิดว่าถ้าซื้อมาใหม่ก็คงใช้แค่ 2 เดือนแล้วเก็บเหมือนกัน (ใช้เฉพาะตอนลูกยังคอไม่แข็ง อ้อแอ้ไม่เป็น กลัวนอนทับลูก) เลยตัดสินใจไม่ซื้อดีกว่า

หมอนหลุมกบ papa ซื้อจากงาน thailand mega show ที่เมืองทอง ใบละ 165 บาท ยังไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือเปล่า ซื้อติดไว้เฉยๆ

ผ้าห่มนวม enfant



จริงๆผ้าห่มเนี่ยกะว่าจะไม่ซื้อนะ จะใช้ผ้าขนหนูห่มเอา และตั้งใจไว้แล้วว่าคลอดลูกเมื่อไหร่จะเริ่มเย็บผ้าห่ม quilt ให้ลูก ออกแบบลายเอง มีผืนเดียวในโลกอะไรแบบนี้ แต่พอไปเดินงาน thailand mega show เห็นซุ้ม enfant โฉบเข้าไปดูว่ามีอะไรลด มีอะไรน่าซื้อก็ไปเจอกับผ้าห่มผืนนี้ จับแล้วนิ่มมือมาก ผืนใหญ่ดี (30*40 นิ้ว) น่าจะใช้ได้ถึง 5-6 ขวบ ราคาเต็ม 890 บาท ลดแล้วเหลือ 470 บาท ราคาพอรับได้เลยจัดมา 1 ผืน เอาไว้ห่มในห้องแอร์ตอนกลางคืน



ผืนนี้ไม่ใช่ผ้าห่ม แต่มันคือผ้าห่อตัว ผ้าห่อตัวนี่ไม่อยู่ในลิสต์ซื้อของเลยเพราะน้องสะใภ้ส่งต่อมาให้ก็ 3 ผืนแล้ว และเป็นสิ่งที่แทบไม่ได้ใช้เลย ตอนหลานออกจาก รพ. ผ้าห่อตัวที่เตรียมไป พยาบาลไม่ใช้เค้าบอกว่ามันไม่พอดี ผ้าขนหนูห่อแน่นกว่า เราเลยไม่คิดว่าจะต้องซื้อ ที่มีอยู่ยังไม่รู้จะได้ใช้หรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ซื้อมาเพราะเนื้อผ้านิ่มมาก (อีกแล้ว) ผืนใหญ่ดี (ขนาด 30*40 นิ้ว) และชอบโทนสีออกเหลืองๆ เบื่อของใช้เด็กผู้ชายสีฟ้ามาก ตอนซื้อให้เหตุผลกับตัวเองว่า (เวลาอยากได้อะไรที่ไม่จำเป็นเราต้องพยายามหาเหตุผล ฮ่าๆ) เอามาทำเป็นผ้าห่มตอนกลางวันให้ลูกดีกว่า เพราะผ้าไม่หนามาก ผ้าห่มด้านบนห่มตอนกลางวันไม่ได้แน่นอนเพราะบุนวม  ราคาเต็ม 990 บาท ลดแล้วเหลือ 495 บาท จัดมา 1 ผืน

ผ้ายางสักหลาด enfant



ผ้ายางสักหลาด อันนี้จะเอาไว้ปูเบาะที่นอนเพื่อไม่ให้ฉี่ลูกซึมลงไปที่เบาะ เห็นน้องสะใภ้ใช้แล้วก็โอเคเลย ที่นอนหลานไม่มีกลิ่นฉี่เลย เราซื้อของ enfant ไซส์เล็ก (จำไม่ได้ว่าขนาดเท่าไหร่ แต่ในร้านเค้ามีแค่ 2 ไซส์คือเล็กกับใหญ่) แบบไซส์ใหญ่สามารถปูคลุมเบาะนอนได้เลย เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องซื้อไซส์ใหญ่เพราะลูกเราก็นอนอยู่แค่ตรงกลาง ถึงจะนอนดิ้นผ้าสักหลาดก็ไม่ลื่นไม่ไหลไปไหน
ราคาผืนใหญ่ก็แพงกว่าเท่าตัว ตอนแรกไม่ได้คิดจะซื้อของ enfant อยากได้ราคาย่อมเยากว่านี้หน่อย เล็งของ camera ไว้ ผืนละประมาณ 300กว่าบาท แต่ปรากฏว่าไปเจอ enfant ลดราคาเหลือผืนละ 413 บาท (ราคาเต็ม 590) ก็เลยตัดใจซื้อมาเลย แพงกว่านิดหน่อย ไม่เป็นไร

ที่นอนปิคนิค





ด้วยความที่บ้านย่า และตายาย อยู่ต่างจังหวัด เดือนนึงต้องไปต่างจังหวัดอย่างน้อยๆก็ 2 ครั้ง เลยซื้อที่นอนปิคนิค พกพาง่าย เตรียมไว้ด้วย ไปเดินดูแล้วที่นอนปิคนิคที่เจอจะเป็นที่นอนนิ่มๆ ยวบๆทั้งนั้น เพราะสะดวกกับการพับและพกพา ราคาประมาณ 4-500 เราจึงคิดว่าเปลี่ยนเป็นซื้อผ้าห่มนวมผืนเล็ก แล้วมาพับๆ รองนอนเอาน่าจะดีกว่า ตอนไปเดินงาน thailand mega show ผ่านซุ้มชุดเครื่องนอน Toto ไปเจอหมอนผ้าห่มแบบนี้ ลองคลี่ดูความหนาของหมอนแล้วโอเคเลย หนากว่าหมอนผ้าห่มทั่วไป ลองพับทบดูแล้วน่าจะปูนอนได้สบาย (ขนาดตอนกางแล้ว 120*120 ซม) แถมเก็บง่าย พกพาง่าย ไม่เปลืองที่ (ขนาดตอนพับ 38*38 ซม) ขัดใจแค่ตรงเนื้อผ้าที่สากๆนี่ล่ะ เพราะเป็นผ้าพิมพ์ลายทั้งผืน แต่จากประสบการณ์ที่เคยซื้อผ้าห่มนวม Toto มาใช้ ยิ่งซักยิ่งนิ่ม (ผ้าดีกว่าพวก tulip satin) ก็หวังว่าหมอนใบนี้จะยิ่งซักยิ่งนิ่มเหมือนกัน

มุ้งครอบกับผ้ายางแบบปุ่ม 2 อย่างนี้ไม่ได้ซื้อแน่นอนเพราะน้องสะใภ้ส่งต่อของหลานมาให้แล้ว คิดว่าหมวดเครื่องนอนลูกน่าจะเตรียมครบหมดแล้วนะ




 

Create Date : 28 มกราคม 2557   
Last Update : 28 มกราคม 2557 14:55:04 น.   
Counter : 3987 Pageviews.  

ผ้าอ้อม

ตอนนี้เริ่มเตรียมของใช้ที่จำเป็นให้ลูกบ้างแล้ว ช่วงนี้ถ้ามีงานแฟร์แม่และเด็กที่ไหนใกล้ๆบ้านก็พยายามไปเดินดู แต่ก่อนจะไปซื้อก็จะหาข้อมูลไว้บ้าง ผ้าอ้อมเป็นสิ่งแรกที่เรานึกถึงเลย เพราะช่วงแรกเกิดถึงประมาณ 3 เดือน เราจะให้ลูกใช้ผ้าอ้อมผ้าเป็นหลัก ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจะใช้แค่ตอนกลางคืน

ตอนแรกกะจะซื้อไว้สัก 3 โหล เอาหลายๆแบบมาทดลองใช้ จะลองทั้งของถูก ของแพง แต่พอเดินไปซื้อจริงๆ ก็เบลอๆ เลยได้มาตามนี้

เมื่อตอนปลายปีมีข่าวว่าโรงงาน papa ที่พระราม 2 จัดงานเซลล์ 50-80% เห็นว่าลดเยอะก็เลยลองไปเดินดูสักหน่อย เราเลยได้ผ้าอ้อมจากงานนี้เป็นหลัก

เล่านิดนึงว่าตอนไปถึงโรงงาน แทบหาที่จอดรถไม่ได้เลย คือโรงงานเป็นเหมือนตึกแถวอาคารพาณิชย์ ไม่มีที่จอดรถเป็นสัดส่วน ทำให้ต้องเลาะๆหาจอดเอาตามอาคารพาณิชย์นั่น แล้วคนมหาศาลมากๆ ขนาดเราไปก่อนเวลาเริ่มงาน ยังเกือบหาที่จอดไม่ได้ ในงานเค้าจะแยกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งเซลล์ 50-80% และฝั่งโชว์รูม ลด 35% ฝั่งเซลล์ 50-80%จะเป็นของมีตำหนิ ส่วนฝั่งโชว์รูมจะเป็นของใหม่

ฝั่งเซลล์ 50-80% เราได้มาแต่เสื้อผ้า ส่วนของอื่นพวกรถเข็น คาร์ซีท ถูกก็จริงแต่ยังไม่ซื้อ คิดว่าจะไปซื้อที่เซนทรัลช่วงงาน bbb เดือนกุมภา 57 ดีกว่า ของบางชิ้นเราก็ไม่เห็นตำหนิชัดเจน เลยไม่อยากเสี่ยง ถึงจะราคาถูกแต่ถ้าซื้อมาแล้วใช้งานได้ไม่ดีก็ต้องเสียเงินซื้อใหม่อีก

ทีนี้มาดูกันว่าเราได้ผ้าอ้อมอะไรมาบ้าง อ้อ! ผ้าอ้อมนี้ได้มาจากฝั่งโชว์รูมลด 35% ทั้งหมดนะคะ ฝั่งเซลล์มีแต่ผ้าอ้อมสาลูธรรมดา ซึ่งเราจับเนื้อผ้าดูแล้วมันแข็งมาก โหลนึงแค่ประมาณ 300 กว่าบาท

แบบที่ 1. ผ้าอ้อม cotton ยี่ห้อ papa ขนาด 29"*29" 1 แพค (6ผืน) ราคา 471.25 บาท (ราคาเต็ม 725 บาทต่อแพค) เอามาทั้งหมด 3 แพค 18 ผืน (คำนวณราคาลดแล้วจะตกที่ผืนละประมาณ 80 บาท)



ผืนนี้ที่ตัดสินใจซื้อมาเพราะ ตอนจับเนื้อผ้ารู้สึกว่าผ้านิ่มมาก ลื่นมือ  ผืนก็ใหญ่ดีด้วย เรียกว่าถูกใจที่สุดในบรรดาหลายๆแบบที่ได้ลองจับเนื้อผ้าดู

แบบที่ 2 ผ้าอ้อมหนังไก่ ยี่ห้อ papa ขนาด 27"*27" 1 แพค (6ผืน) ราคา 295.75 บาท (ราคาเต็ม 455 บาทต่อแพค) เอามาทั้งหมด 3 แพค 18 ผืน (คำนวณราคาลดแล้วจะตกที่ผืนละประมาณ 50 บาท )



ผ้าอ้อมผ้าที่เรารู้จัก จะมีแค่ผ้าสำลี ผ้าสาลู ผ้าอองฟอง อะไรประมาณนี้ ครั้งแรกที่เห็นผ้าอ้อมหนังไก่บวกกับคำโปรยว่า "เนื้อผ้านุ่มซึมซับน้ำได้ดีคล้ายผ้าสำลี แต่ระบายอากาศได้ดีเหมือนผ้าสาลู เนื้อผ้าบางกว่าผ้าสำลีแต่หนากว่าผ้าสาลู ใช้ทน แห้งเร็ว นุ่ม เบาสบาย ไม่ระคายเคืองต่อผิวทารก" ทำให้สนใจอยากลองซื้อมาใช้ดูบ้าง ตอนได้จับเนื้อผ้าของจริงก็รู้สึกว่านิ่มดี แต่นิ่มไม่เท่าแบบ cotton ด้านบน จริงๆตอนแรกจะเอามาลองใช้แค่แพคเดียว เพราะอยากลองแบบอื่นๆด้วย แต่ปรากฏว่าไม่เจอผ้าที่ถูกใจกว่านี้เลยเอามาซะ 3 แพคเลย

แบบที่ 3 ผ้าอ้อมฝ้ายแบบทอ ยี่ห้อ Disney (ซื้อจาก papa) ขนาด 27"*27" 1 แพค (4ผืน) ราคา 347.75 บาท (ราคาเต็ม 535 บาทต่อแพค) เอามาทั้งหมด 2 แพค 8 ผืน (คำนวณราคาลดแล้วจะตกที่ผืนละประมาณ 90 )



ผืนนี้ตอนจับเนื้อผ้าที่เค้าเอามาโชว์ก็นิ่มมือดี แล้วก็ดูเนื้อแน่น แข็งแรง ทนทาน กะว่าจะเอามาปูรองนอนบนผ้ายางสักหลาด แต่ตอนกลับมาบ้าน แกะผ้าออกมาดูแล้วรู้สึกว่ามันแข็งๆ กระด้างๆ คิดว่าอาจะต้องซักหลายทีหรือใช้ไปนานๆถึงจะนิ่มขึ้น ตอนมาถึงบ้านก็เพิ่งคิดได้ว่าขนาดราคาลดแล้วยังแพงอยู่เลยอะ ราคานี้เพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็ได้อองฟองแท้แล้ว คิดว่าที่แพงอาจจะเป็นเพราะลายลิขสิทธิ์ Disney ด้วย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะเอามาลองใช้แค่แพคเดียว -*-

สรุปแล้วได้ผ้าอ้อมผ้าจากงานนี้ทั้งหมด 44 ผืน ตอนแรกก็กะว่าพอแล้ว ไม่ซื้อแล้ว แต่ไปเจอแม่ท่านนึงในห้องเปิดท้ายชานเรือน ขายอองฟองโกลด์ 30" 1แพค (6ผืน) 700 บาทรวมส่งลงทะเบียน ตกผืนละ 116 บาทเอง cf อย่างไว

แบบที่ 4 ผ้าอ้อมอองฟองโกลด์ ยี่ห้อ enfant ขนาด 30"*30" 1 แพค (6ผืน) ราคาชานเรือน 700 บาท (ราคาเต็มใน shop ประมาณพันกว่าบาทค่ะ)



ผืนนี้ได้ลองจับเนื้อผ้าตอนที่ของส่งมาถึง ความรู้สึกแรกคือ รู้แล้วทำไมถึงแพงขนาดนี้ ผ้านิ่มมาก แล้วก็ทอแน่นจริงๆ เทียบกับแบบที่ 1 แล้วนิ่มพอๆกันแต่อองฟองต์ทอแน่นกว่าเยอะ เรียกได้ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะซื้อแต่อองฟองต์ - -"

แต่ enfant นี่ต้องซื้อตอนมีงานแฟร์ลดราคานะคะ ถ้าซื้อราคาเต็มจาก shop ไม่ไหว อย่างล่าสุดที่เราเห็นในงาน thailand mega show เมืองทอง ที่มุม mom&kid อองฟองต์โกลด์ 30" นิ้วแบบนี้ราคา 768 บาทค่ะ ส่วนอองฟองต์บลูไม่ได้ดูราคา เนื้อผ้าอองฟองต์บลูจะคล้ายๆกับแบบที่ 1 ด้านบน แต่ไม่แน่ใจว่าแบบไหนทอแน่นกว่ากัน



สรุปแล้วตอนนี้มีผ้าอ้อมผ้าทั้งหมด 50 ผืน ตอนแรกว่าจะสั่งผ้าสาลูเนื้ออองฟองต์มาลองอีกแบบ อยากรู้ว่าของแท้ใน shop กับของที่เค้าว่าเนื้อเดียวกัน มันเหมือนกันจริงๆมั๊ย แต่คิดไปคิดมาแล้วไม่เอาดีกว่า มันเริ่มจะเยอะไปแล้ว หลัง 3 เดือนก็คงไม่ได้ใช้ผ้าอ้อมผ้าแล้ว เพราะจะเปลี่ยนไปใช้กางเกงผ้าอ้อมแทน

ถ้าได้เริ่มใช้งานจะแวะมาอัพเดทข้อมูลอีกครั้งนะคะว่าผ้าแต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสีย ต่างกันอย่างไรบ้าง

อัพเดทผลการซักผ้าอ้อมครั้งที่ 1

ตอนนี้ 32w แล้ว เริ่มหยิบผ้าอ้อมมาซัก เพราะผ้าอ้อมนี่ต้องซักอย่างน้อยๆ 3 รอบขึ้นไป เพื่อให้ฝุ่นใยผ้าหลุดออกไปให้ได้มากที่สุด ครั้งแรกนี่เราซักแยกแต่ละแบบเพราะต้องการดูว่าแบบไหนฝุ่นผ้าเยอะสุด นี่คือผลของการซัก (เราซักด้วยเครื่อง ไม่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม และใช้เครื่องอบเอานะคะ)

แบบที่ 1 ผ้าอ้อมผ้า cotton ยี่ห้อ papa จำนวน 18 ผืน
หลังซักครั้งที่ 1 จับเนื้อผ้าดูแล้วรู้สึกว่าความนิ่มลดลง แต่ก็ยังถือว่าโอเคพอรับได้ ไม่ได้กระด้างมาก มีขุยขึ้นเล็กน้อย ฝุ่นผ้าก็ถือว่าเยอะ แต่ยังดีกว่าผ้าสาลูโบเบ๊ (เคยซักของหลาน ฝุ่นผ้าสาลูเยอะกว่าแบบนี้มากๆ) แต่แอบรู้สึกว่าผ้าค่อนข้างบาง ดูเหมือนจะซับน้ำไม่ได้เลย

แบบที่ 2 ผ้าอ้อมหนังไก่ ยี่ห้อ papa จำนวน 18 ผืน

หลังซัก จับเนื้อผ้าดูแล้วรู้สึกว่ามันกระด้างมาก แข็งกว่าตอนไม่ซักเยอะเลย แล้วผ้าก็ดูบางจริงๆ ไม่น่าจะซับอะไรได้เลย เริ่มคิดหนักว่า 18 ผืน จะเอามาทำอะไรดี - -" แต่ก็ยังมีข้อดีตรงที่ผ้าแทบไม่ขึ้นขุยเลย ฝุ่นผ้าน้อยกว่าแบบที่ 1 ครึ่งนึงเลย ตอนเข้าเครื่องอบ ในเวลา 30 นาทีเท่ากัน ผ้าแบบที่ 1 ไม่แห้ง ยังชื้นๆอยู่ ต้องเอาออกมาผึ่งข้างนอกสักพัก แต่ผ้าหนังไก่แห้งสนิท ซึ่งข้อดีอันนี้ไม่จำเป็นสำหรับเราเท่าไหร่ เพราะเราไม่มีที่ให้ตากแดดอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องอบ

แบบที่ 3 ผ้าอ้อมฝ้ายแบบทอ ยี่ห้อ Disney จำนวน 8 ผืน

เนื้อผ้านี้เป็นแบบที่ผิดหวังที่สุดถึงที่สุด เนื่องจากราคาผืนละ 90 บาท แต่คุณภาพผ้าเท่าผ้าโบ๊เบ๊ราคาผืนละ 50 บาท (อีก 40 บาทน่าจะเป็นค่าลิขสิทธิ์ที่ปักหมีพูห์และผองเพื่อนตัวจิ๋วลงไป T_T) ตอนหยิบออกมาจากเครื่อง ถึงกับอุทานในใจว่า นี่ซักครั้งแรก ทำไมผ้าเหมือนผ่านสงครามมาร้อยปี ขุยผ้าเพียบ แถมฝุ่นผ้าเยอะกว่าแบบที่ 1 อีก ทั้งๆที่มีแค่ 8 ผืน ยังดีที่ยังพอมีความนิ่มอยู่บ้าง ถือว่านิ่มกว่าแบบที่ 1 แต่อาจจะเป็นเพราะขุยผ้าขึ้นเยอะมันเลยนิ่มไปโดยปริยาย ซักเสร็จลองหยิบไปเปรียบเทียบกับของหลานที่ซื้อมาจากโบ๊เบ๊ (โบ๊เบ๊เค้าเรียกว่าผ้าคล้ายเนื้ออองฟองต์) จะบอกว่าเหมือนกันเด๊ะๆต่างกันแค่ลวดลาย แต่น้องสะใภ้ซื้อมาแค่ผืนละ 50 บาท (ช้ำใจที่สุด หมีพูห์ตัวกระติ๊ดเดียว คิดค่าปักผืนละ 40 เลยอ่า) ข้อดีข้อเดียวที่พอจะมองเห็นคือ ดูหนาและน่าจะซับน้ำได้ดี แต่ยังไงก็ต้องดูตอนใช้งานอีกที

แบบที่ 4 ผ้าอ้อมอองฟองโกลด์ ยี่ห้อ enfant จำนวน 6 ผืน

ยังคงเป็นเนื้อผ้าที่ปลื้มมากถึงมากที่สุด ราคาผืนละเกือบ 120 บาท แต่ซักแล้วยังคงความนิ่ม และแน่น ผ้าไม่ขึ้นขุยเลย แล้วก็แทบไม่มีความบูดเบี้ยวของทรงผ้าเลย ( 3 อันด้านบน ทรงสี่เหลี่ยมเบี้ยวทุกมุม พับให้สวยเหมือนตอนอยู่ในห่อไม่ได้แล้ว) ที่สำคัญฝุ่นผ้าน้อยมากๆๆ เรากะจากสายตาเอานะคะว่า 6 ผืนได้ฝุ่นผ้าเท่านี้  18 ผืนน่าจะได้ฝุ่นผ้าประมาณไหน เราดูแล้วฝุ่นน่าจะพอๆกับหนังไก่หรือไม่ก็น้อยกว่าค่ะ อันนี้อาจจะฟันธงให้ไม่ได้ แต่คิดว่าน่าจะประมาณนี้

นี่คือรูปเปรียบเทียบฝุ่นผ้าที่หยิบออกมาจากเครื่องอบผ้า (ผ้าหนังไก่เราลืมถ่ายรูปไว้ หยิบตัวกรองออกมาดูแล้วใส่กลับเข้าไป อบผ้าฝ้ายทอต่อ ฝุ่นผ้าของหนังไก่เลยไปปนกับฝ้ายทอ แต่ยืนยันว่าหนังไก่มีฝุ่นน้อย)



จากรูป ก้อนที่ 1 คือ ผ้าแบบที่ 1 ก้อนที่ 2 คือผ้าแบบที่ 3 (ปนผ้าแบบที่ 2 นิดหน่อย) และก้อนที่ 3 คือผ้าแบบที่ 4



สภาพหลังซักเสร็จครั้งที่ 1

Update 24 มีนาคม 2559

จะช้าไปหรือไม่ที่มาอัพเดทเรื่องผ้าอ้อม ตอนนี้น้องจะสองขวบแล้ว ยังคงใช้ผ้าอ้อมไว้เช็ดมือเช็ดปากอยู่ ผืนที่ใช้บ่อยสุดๆและใช้งานได้จริงๆคือ อองฟองโกลด์ และ papa cotton ที่มารู้ทีหลังว่าเค้าเรียกว่าผ้าอ้อมเนื้ออองฟอง ส่วนผืนที่เป็นผ้าฝ้าย ก็หยิบมาใช้บ้างแต่ใช้น้อยเพราะผืนเล็กและหนาเกินไป ที่แย่ที่สุดคือผ้าอ้อมหนังไก่ คือมันใช้งานไม่ได้เลย ตอนนี้ซักเก็บวางไว้ที่เดิมใหม่เอี่ยมเลย ผ้าแบบนี้เช็ดหรือซึมซับอะไรไม่ได้เลย มีดีแค่อย่างเดียวคือแห้งไวมาก ตอนนี้แม่เลยจัดการเอามาทำผ้าขี้ริ้วเช็ดของใช้ในครัวแทนแล้ว เพราะผึ่งไว้แปบเดียวก็แห้ง




 

Create Date : 12 มกราคม 2557   
Last Update : 24 มีนาคม 2559 0:38:44 น.   
Counter : 26393 Pageviews.  


คุณป้าเบอร์ห้าบ้าเห่อ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]





[Add คุณป้าเบอร์ห้าบ้าเห่อ's blog to your web]