Big Girl Little Heart

ผื่นลมพิษ ตอนท้องอ่อนๆ

3 กย. 56



ตื่นเช้ามาแล้วเห็นจุดแดงๆขึ้นที่คอ แขน และท้องเต็มไปหมด ตอนที่เห็นตกใจมาก คิดไม่ออกว่าไปทำอะไรมา ทำไมถึงมีผื่นขึ้นเต็มไปหมดแบบนี้ เท่าที่จำได้คือ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เราเคยเป็นไข้ ออกผื่น ลักษณะผื่นเป็นแบบนี้เลย ตอนที่สาหัสที่สุดคือผื่นลามเป็นปื้น แล้วคันมาก จำได้ว่าตอนนั้นต้องหยุดงานเป็นอาทิตย์ นอนไข้ขึ้น ทาคาราไมน์ทั้งตัว เอาถุงมือหน้าๆใส่มือไว้ เพราะชอบเผลอเอามือไปเกาตอนนช่วงสลึมสลือ ทรมานมาก ตอนที่คันทั้งตัว

แล้ววันนี้มาทำธุระต่างจังหวัด ไม่สามารถไปหาหมอได้ จึงได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เป็นเหมือนคราวที่แล้วเลย

4 กย. 56

รีบกลับมา กทม แต่เช้า แต่ก็ต้องรอไปหาหมอคลินิคพิเศษช่วงเย็น วันนี้ตรงคอ และ แขน เรื่มลามเป็นปื้น ที่คออาการหนักสุด เพราะตอนกลางคืนเผลอเอามือไปเกา นั่งคันยิบๆทั้งวัน ทำได้แค่เอามือไปลูบๆ และพยายามนอนให้หลับ

ประมาณบ่ายๆ ออกไปฉีดยากันแท้งที่คลินิคในหมู่บ้าน แล้วก็ให้สามีขับรถพาไปส่ง รพ. เลย คราวนี้ต้องขึ้นไปที่ชั้น 4 แผนกผิวหนัง ระหว่างนั่งรอหมอ คันที่คอมาก ได้แต่นั่งหน้าเศร้า ทำอะไรไม่ได้



กว่าจะได้เจอหมอก็ 18.30 น. พอคุยกับหมอแล้ว หมอบอกว่าเป็นผื่นลมพิษ หมอจะจ่ายยาให้ หมอเปิดแฟ้มเราแล้วเห็นภาพวาด ช ญ เปลือย หมอถามว่าเรารักษาโรคอะไรอยู่ เราบอกว่า รักษาเรื่องมีบุตรยาก ที่แผนกมีบุตรยากอยู่ค่ะ แล้วเราก็บอกหมอว่าตอนนี้ท้องอ่อนๆอยู่ด้วยค่ะ หมอทำท่าตกใจเล็กน้อย แล้วถามว่า ตอนนี้เรากินยาอะไรอยู่หรือเปล่า เราก็ตอบไปว่า มีแค่ยากันแท้งแบบกินและฉีด แล้วก็โฟลิคแค่นั้น 

หมออธิบายต่อว่ายาที่สั่งให้ปกติมันก็ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับคนท้อง แต่ทีนี้คนไข้รักษาเรื่องมีบุตรยากเนี่ยหมอเข้าใจว่า คนมีบุตรยากพอท้องขึ้นมาต้องประคบประหงมเป็นพิเศษ หมอจึงอยากให้เรากลับไปปรึกษาหมอเจ้าของไข้เราว่า ยาตัวนี้ทานได้มั๊ย? เราก็เริ่ม งงแล้ว นี่มันจะทุ่มนึงแล้ว จะให้เราไปปรึกษาใครที่แผนกมีบุตรยาก แล้วตอนนี้อาการเราเริ่มแย่แล้ว ผื่นแดงมาก และคันด้วย จะให้เรารอนัด อ.พิทักษ์ ก็คงไม่ใช่นะ เราจำไม่ได้แล้วด้วยว่า อาจารย์ลงตรวจวันไหน

สุดท้ายหมอบอกให้เราถือแฟ้มลงไป แผนก สูติ-นรีเวช เพื่อไปหาอาจารย์ท่านนึงที่อยู่ในทีมรักษาผู้มีบุตรยาก แล้วให้อาจารย์เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเราสามารถทานยาตัวนี้ได้

สรุปว่าเราต้องถือแฟ้มลงมา แล้วนั่งรอคิวหมอ กว่าจะได้เข้าพบหมอก็ 3ทุ่มพอดี ตอนนั้นบอกตรงๆเลยว่าเครียดมาก กว่า 6 ชั่วโมงแล้วที่ต้องมานั่งรออยู่แบบนี้ ได้คุยกับหมอ 2-3 คำ แล้วหมอก็อธิบายว่า สำหรับคนท้องมันไม่มียาตัวใดที่ปลอดภัย 100% หรอก แต่ยาตัวนี้เป็นยาเก่า เค้าใช้กันมานานแล้ว เวลาคนท้องเป็นหวัด เค้าก็จ่ายยาตัวนี้ให้ ซึ่งเด็กก็ปลอดภัย จากนั้นหมอก็เขียนลงในแฟ้มว่าเราสามารถทานยาตัวนี้ได้ เป็นอันเสร็จ

พอไปรับยา เราหยิบชื่อยามาอ่าน คลอเฟนิรามิน นั่งสงสัยมาตั้งนานว่ามันยาอะไร ลอง search google ดู ถึงได้รู้ว่าหลายๆคนเค้าก็ใช้กัน มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนิ รู้สึกว่าเสียเวลามาก เครียดด้วย

แถมตอนรอสามีมารับก็ดราม่าอีก รออยู่ครึ่งชั่วโมง ยังมาไม่ถึง พอโทรไป ยังไม่ออกจากบ้านเลย เราก็ดราม่าเลยว่า ติดลูกค้าแล้วทำไมไม่บอกให้กลับแทกซี่ จะให้นั่งรอทำไมเนี่ย หิวข้าวก็หิว อยากกลับบ้าน สามีบอกงั้นก็นั่งแทกซี่มา พอเราวางสาย บ่อน้ำตาแตกเลย นั่งน้ำตาหยดแหมะๆอยู่ข้างๆตึกอุบัติเหตุ พอปาดน้ำตาเสร็จจะเดินไปเรียกแทกซี่ สามีโทรกลับมาบอกว่า จะออกจากบ้านแล้ว นั่งรออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวไปรับ เราก็ได้แต่อืมๆ พอวางสาย บ่อน้ำตาแตกอีกรอบ โอ้ย เป็นบ้าอะไร เมื่อก่อนตอนไม่ท้อง ชั้นก็ไปไหนมาไหนเองได้นี่นา แล้วทีนี้ทำมาเป็นนั่งแทกซี่ไม่เป็น รถก็ไม่รู้จักหัดขับ จะไปไหนมาไหนก็ต้องมีคนมารับ มาส่ง พอน้ำตาแห้ง ก็นั่งฟังเพลงรอสามีมารับ อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

กลับบ้านกินยา ทาคาราไมน์ นอนหลับ สลบเหมือด

5 กย. 56

ตื่นเช้ามา คอ กับแขนแดงเป็นปื้นเหมือนเมื่อวาน และขาเริ่มมีจุดตามมา ถึงตอนนี้ทำใจได้แล้วว่าลามก็ลาม ทำอะไรไม่ได้

แต่ตอนเย็นก็สังเกตเห็นว่า ตุ่มไม่ลามต่อแล้ว วันรุ่งขึ้นสังเกตอีกทีก็รู้สึกว่าผื่นเริ่มจางลง จนวันนี้ 11 กย. 56 ผื่นจางจนแทบไม่เห็นแล้ว แต่ตรงแขนยังมีอยู่จุดสองจุดที่เป็นร่องรอย

อีก 1ประสบการณ์ตอนท้องอ่อนๆ ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะเป็นอะไรอีก 9 เดือนนี่ช่างยาวนานเหลือเกิน




 

Create Date : 11 กันยายน 2556   
Last Update : 11 กันยายน 2556 12:51:33 น.   
Counter : 9111 Pageviews.  

นัดซาวด์ครั้งที่ 2

2 กย. 56

หมอนัดมา ultrasound อีกครั้ง เพราะคราวที่แล้วเราซาวด์เร็วไป ยังไม่เห็นอะไร คราวนี้เห็นหัวใจแล้ว อายุครรภ์ประมาณ 6w วันนี้เพิ่งรู้ว่าเวลาเค้านับอายุครรภ์ เค้านับจากวันแรกที่มี ปจด ครั้งล่าสุด ตอนแรกเราก็นึกว่านับจากวันที่ปฏิสนธิ

วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก รับยากันแท้งทั้งแบบฉีด และแบบกินต่อไป ส่วนเรื่องฝากครรภ์ หมอยังไม่ให้ฝาก ให้รอสักประมาณ 10 สัปดาห์ค่อยฝาก แล้วหมอก็สั่ง folic เพิ่มให้ แต่จริงๆ folic เราเริ่มกินเองตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้วล่ะ

สังเกตว่าคนไข้ที่แผนกมีบุตรยาก เริ่มเยอะขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะวันจันทร์ เต็มแบบเกือบไม่มีที่นั่ง

ค่าใช้จ่ายวันนี้


ค่าซาวด์ 500 บาท
ค่ายาฉีดกันแท้ง 2 ขวด 186 บาท
ค่ายากินกันแท้ง 1 กล่อง 420 บาท
โฟลิค     15 บาท
ค่าหมอ 50 บาท

รวมค่าใช้จ่าย  1171 บาท




 

Create Date : 04 กันยายน 2556   
Last Update : 4 กันยายน 2556 12:19:30 น.   
Counter : 2055 Pageviews.  

เมื่อสามีเชื้อน้อย จะบำรุงด้วยอะไรดี

ถ้าใครตามอ่านตั้งแต่เราเริ่มรักษาการมีบุตรยากที่ศิริราช จะทราบว่า ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของเราคือ สามี มีน้ำเชื้อน้อยมาก หมอบอกว่าคนปกติ 1cc ควรจะมีเชื้อประมาณ 20ล้านตัวขึ้นไป แต่สามีเรามีแค่ 5 ล้านตัว ตอนที่รู้ว่าสามีเชื้อน้อยเราแปลกใจมาก เนื่องจากเราคิดมาตลอดว่าอาจจะเป็นที่มดลูกเราหรือร่างกายเราหรือเปล่า ถึงทำให้มีลูกยาก เพราะสามีเราไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน อายุ 32 เท่ากัน ออกกำลังกายด้วยการวิ่งด้วยกันตอนเช้ามาประมาณ 1 ปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเชื้อน้อย แต่สามีเรานั่งทำงานหน้าคอมทั้งวัน พักผ่อนไม่เป็นเวลา อาจจะมีเครียดบ้าง ถ้าจะเข้าข่ายก็มีแค่ข้อนี้

ถามหมอว่ามีวิตามินอะไรช่วยบำรุงได้บ้างมั๊ย หมอก็บอกว่าวิตามินไม่ค่อยช่วยอะไรหรอก หมอแนะนำให้ทำ ivfไปเลย แต่เนื่องด้วยค่าใช้จ่าย ivf มันสูงมาก เราเลยขอหมอทำแค่ iui ก่อน

พอออกจากศิริราช เราก็แวะร้านยาแถวศิริราชเพื่อหาวิตามินมาบำรุงให้สามี ถึงหมอจะบอกว่าไม่ช่วยอะไร แต่ก็ขอหน่อยเหอะ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ได้ blackmore exec's b 60เม็ดมา 1 กระปุก เพราะข้างขวดเขียนว่า ช่วยบำรุงประสาท บรรเทาอาการเครียด ใน 1 เม็ดมีวิตามินบีหลายชนิด และที่สำคัญมีสังกะสี ด้วย เพราะตอนแรกคิดว่าจะซื้อสังกะสีให้กินเพียวๆไปเลย แต่พอมาเห็นตัวนี้มีวิตามินตัวอื่นหลายชนิดพร้อมสังกะสีด้วยก็เลยเลือกตัวนี้  สามีก็เริ่มกินตั้งแต่ซื้อให้เลย กินทุกวัน วันละ 1 เม็ดไม่เคยขาด




มีวันนึงไปอ่านเจอที่เวบไหนสักเวบหนึ่งแระ ว่าน้ำมะเขือเทศก็ช่วยให้เชื้อแข็งแรง ก็เลยพากันไปซื้อยกแพคที่โลตัส ลองทุกยี่ห้อ ทั้ง ดอยคำ ufc tipco malee สามีเค้าลองกินดูแล้ว เค้าชอบ ufc ที่สุด ส่วนเราก็ลองชิมทุกยี่ห้อ ชอบที่สุดคือดอยคำ  น้ำมะเขือเทศนี่กินยากที่สุด ตอนเรากินครั้งแรก เราดูดไปได้แค่ 2 อึก แทบอ้วก แต่สามีเรากินได้สบายมาก เค้าจะกินตอนตื่นนอน 1 กล่อง แล้วก็ก่อนนอนอีก 1 กล่อง ทุกวัน ส่วนเรากินเฉพาะวันที่นึกครึ้มอยากกิน เนื่องจากยังไม่ค่อยชินรสชาติ



และที่สำคัญคือ เราสองคนยังคงไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้ากันเกือบทุกวัน เดือนแรกที่ฉีดเชื้อ ฉีดได้ 2 วันก็ไปวิ่งตามปกติ แต่รอบนั้นก็ทำไม่สำเร็จ  พอเดือนทีสองเราก็เริ่มระวังตัวเอง คิดว่าหยุดวิ่งสัก 1 อาทิตย์ดีกว่า และรอบนี้ก็ทำสำเร็จ สาเหตุที่ไม่ติดหรือไม่ติดอาจจะไม่ใช่เพราะวิ่งก็ได้นะคะ แต่ก็แนะนำว่าควรหยุดทำกิจกรรมหนักๆสัก 1 อาทิตย์หลังจากฉีดเชืีอดีกว่า

ข้อสำคัญที่สุดคือ อันนี้บอกอย่างไม่อาย เพราะถ้าอายก็คงจะมีลูกไม่ได้ พยายามมี พสพ กันทุกๆ 3-5 วัน เพื่อให้ร่างกายผู้ชายผลิตเชื้อตลอด เชื้อที่ผลิดใหม่ทุกๆ 3-5 วันจะเป็นเชื้อที่แข็งแรง แต่ก็มีบ้างที่ทำงานเหนื่อยกันทั้งคู่ พอหัวถึงหมอนก็อยากหลับ ไม่มีอารมณ์มาทำอะไรกัน เราก็จะคอยบอกสามีว่าให้หาเวลาว่างดูหนังโป๊ แล้วหลั่งออกมาบ้างนะ ไม่อยากได้เชื้อแก่ๆ ก็ไม่รู้ว่าเค้าทำมั๊ย แต่เราก็จะพยายามจะบิ๊วท์เค้าทุกๆ 3 วัน (ใช้ app my day จดไว้ตลอดว่าต้องทำวันไหน)

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำมาตลอด 2 เดือนกว่า ตั้งแต่เริ่มทำ iui อาจจะไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่ก็ถือว่าเล่าสู่กันฟัง เพราะเราก็เป็นคนนึงที่นั่งหาข้อมูลตลอด ใครทำอะไรแล้วบอกว่าดี ถ้าไม่เดือดร้อนหรือมีอะไรเสียหาย ก็ลองตลอด ใครอยากเอาไปลองบ้างก็ไม่ว่ากันค่ะ ถ้าสำเร็จอย่าลืมกระซิบบอกกันบ้างนะคะ

แวะมาอัพเดท ลืมไปอีกอย่าง สามีกินไข่ลวกทุกเช้า วันละ 1 ฟอง เราลวกไม่เป็นหรอก อาศัยไข่ลวก CP ที่เซเว่น ซื้อมาติดตู้เย็นไว้ตลอด ไข่ลวกนี่เพิ่งมากินตอนฉีดเชื้อครั้งที่ 2




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2556   
Last Update : 30 สิงหาคม 2556 13:06:57 น.   
Counter : 9638 Pageviews.  

เมื่อฉันเป็นฝี ตอนท้องอ่อนๆ

21 สค. 56

ตอนบ่ายๆ เข้าห้องน้ำ เอาทิชชู่ซับ แล้วจู่ๆก็เกิดอาการเจ็บนิดๆ ตรงใกล้ๆน้องสาว ลองเอามือคลำดู เจอก้อนนูนๆ กดดูแล้วแข็งๆ มีอาการเจ็บร่วมด้วย กลับมานั่งคิด แล้วนึกขึ้นได้ว่าปีที่แล้วก็เคยมีก้อนตรงนี้ ตำแหน่งนี้ แต่ตอนนั้นมีแต่ก้อนขึ้นมาเล็กๆ ไม่เจ็บ คลำเจอตอนช่วงมี ปจด พอดี กะว่าถ้า ปจด หาย จะลองไปหาหมอ แต่พอ ปจด หมด ก้อนนั้นก็หายไปด้วย เลยไม่ได้ใส่ใจ

ลอง seach google ดู เจอ 2 กระทู้นี้  (เรท) แชร์ประสบการณ์ สาวๆควรอ่าน ต่อม bartholin's gland อักเสบ จนต้องผ่าตัด และ มีเรื่องน่าอายจะเล่าให้อ่านค่ะ

พออ่านจบความสยองเข้าครอบงำทันที คิดดูแล้วอาการเราใช่เลย แต่เราไม่ได้เป็นจุดนั้นตรงๆ ก้อนเราอยู่ใกล้ๆกับจุดนั้น เริ่มกระวนกระวาย เพราะตอนนี้ท้องอยู่ ไม่รู้ว่าจะกินยาได้มั๊ย แล้วถ้าต้องผ่าจะผ่าได้หรือเปล่า ตอนนั้นได้แต่หวังว่าก้อนมันจะยุบไปเองก่อนเหมือนเมื่อปีที่แล้ว

22 สค. 56

ตอนเช้าตื่นมา รู้สึกเจ็บๆ เอามือคลำดู ก้อนใหญ่ขึ้น และเจ็บมากกว่าเมื่อวาน เริ่มอาการไม่ดีแล้วแน่ๆ ตัดสินใจเข้าไปที่ศิริราชตอนเช้า แต่เราไปถึงค่อนข้างสาย ไม่มีคิวตรวจแล้ว พยาบาลบอกว่าต้องนัดมาวันอื่น แต่เราคิดว่าเรารอไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าปล่อยให้แตกไม่ดีแน่ กังวลเรื่องท้องด้วย เรายืนนิ่งสักพัก กำลังคิดว่าจะไปเอกชนดีกว่า พยาบาลเลยเดินมาบอกว่า ถ้าไม่งั้นก็รอคลินิคพิเศษตอนเย็นก็ได้ เค้ารับอยู่แล้ว

โทรไปถามสามีว่าเอาไงดี จะไปเอกชนหรือรอคลินิคพิเศษตอนเย็น สามีบอกว่า ถ้ายังพอทนได้ให้รอคลินิคพิเศษดีกว่า เพราะแฟ้มประวัติเราอยู่นี่ แล้วเค้าก็ห่วงเรื่องท้องเหมือนกัน เลยตัดสินใจกลับบ้าน แล้วออกมาอีกทีตอนเย็น

ถ้าไม่ได้นัดไว้ก่อน ที่ตึกผู้ป่วยนอกชั้น 2 (ชั้นที่เป็นเนินให้รถเข้ามาจอด รับ-ส่งผู้ป่วย) ทางซ้ายมือจะมีออฟฟิสสำหรับติดต่อสอบถามข้อมูลการพบหมอ คลินิคพิเศษ เนื่องจากมาครั้งแรก เรายังไม่รู้ว่าจะต้องขึ้นไปที่ชั้นไหน เลยเข้ามาสอบถามที่นี่ก่อน ตอนเล่าอาการให้เจ้าหน้าที่ฟัง เจ้าหน้าที่เค้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องส่งเราไปแผนกศัล หรือ นรีเวช เพราะเราไม่ได้เป็นจุดนั้นตรงๆ แต่มันก็อยู่ใกล้จุดนั้น เราเลยบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอไปแผนกนรีเวชก่อนแล้วกัน ถ้าหมอดูแล้วว่าไม่ใช่ค่อยว่ากันอีกที

สรุปว่าเราก็ขึ้นไปที่แผนก สูติ-นรีเวช ชั้น 3 ตอนขึ้นมายังไม่มีเจ้าหน้าที่ เพราะคลินิคจะเปิดตอน 4 โมง แต่ใครที่มีใบนัดสามารถเดินเข้าไปเสียบใบนัดก่อนได้เลย

ระหว่างที่นั่งรอหมอ เราต้องคอยลุกเดินเรื่อยๆ เพราะนั่งนานๆแล้วรู้สึกเจ็บตรงก้อนนั้นตลอด กว่าจะได้คิวเจอหมอก็ 6 โมงเย็น สรุปแล้วก็เป็นฝีจริงๆ หมอแนะนำให้ลองกินยาดูก่อน แล้วดูว่าจะยังเจ็บตรงก้อนมั๊ย หมอบอกว่าก้อนไม่ยุบไม่เป็นไร แต่ต้องหายเจ็บ ถ้าไม่หายเจ็บค่อยคิดเรื่องเจาะหนอง ส่วนเรื่องผ่าตัดหมอคิดว่ายังไม่น่าจะได้ เพราะถ้าผ่าจะเสียเลือดมากเกินไป ให้รอหลังคลอดดีกว่า ตอนนี้ต้องประคองอาการให้พ้นหลังคลอด

ตอนหมอจ่ายยาก็กังวลเรื่องยาจะมีผลกับลูกในท้องเหมือนกัน แต่หมอยืนยันว่าปลอดภัย ไม่ต้องเป็นห่วง (ถึงหมอจะยืนยันหนักแน่น กลับมาบ้านก็ยังไม่วาย search หาชื่อยา Dicloxacillin เท่าที่อ่านดูเค้าก็ว่าค่อนข้างปลอดภัย)

24 สค. 56
หลังจากเริ่มกินยาตั้งแต่เย็นวันที่ 22 มาเช้าวันนี้รู้สึกว่าก้อนยุบหายไปแล้ว แต่ถ้าเอามือไปกดยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง แต่ไม่มาก ตอนนี้ต้องกินยาที่เหลือต่อไปให้หมด

28 สค. 56
ยาหมดแล้ว อาการเจ็บหายไป ก้อนฝียุบไปเยอะ แต่ยุบไม่หมด เอามือคลำดูยังเจอก้อนเล็กๆ นูนๆ ก็ไม่เป็นไร หวังแค่ว่าอาการจะไม่กำเริบจนกว่าจะคลอด ถ้าอยู่กันแบบไม่เจ็บ ไม่ปวด ก็อยู่ด้วยกันได้ คลอดเมื่อไหร่ค่อยไปคว้านออก




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2556   
Last Update : 29 สิงหาคม 2556 15:06:22 น.   
Counter : 9346 Pageviews.  

สำเร็จแล้ว ท้องแล้วจ้า แต่เจออุปสรรคนิดหน่อย

ในที่สุดก็ทำสำเร็จ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็เล่นเอานอนไม่หลับไปหลายวัน ขอลำดับเหตุการณ์ช่วง 3อาทิตย์ที่ผ่านมาให้ฟังค่ะ

หลังจากฉีดเชื้อวันที่ 29 กค. เสร็จ ก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติ ทำการบ้านซ้ำตามที่หมอแนะนำ (และพยายามจะซ้ำทุกๆ 3-4วัน) เพราะวันที่ฉีดเชื้อไข่ยังไม่ตก ไม่รู้ว่าไข่จะตกวันไหน วันที่ 4 สค. ก็ยังคงไปวิ่งมินิมาราธอนตามปกติ (ปกติจะซ้อมวิ่งทุกๆวัน มาช่วงที่ทำ iui นี้เลิกซ้อมวิ่ง แต่่ทุกวันอาทิตย์ก็ยังไปวิ่งตามงานวิ่งบ้าง) หลายๆคนก็บอกว่าให้หยุดวิ่งเถอะ จนตัวเราเองก็เริ่มเขว ว่าเป็นที่เราออกไปวิ่งหรือเปล่า ถึงฉีดเชื้อไม่ติด แต่ก็ได้แค่คิด สุดท้ายก็ออกไปวิ่งตามปกติ แต่ตอนวิ่งก็วิ่งให้ช้าลง ไม่เร่งรีบ เหนื่อยก็เดิน ไม่ฝืนร่างกาย ไปวิ่งเพื่อความสนุกมากกว่า (ไปวิ่งด้วยกันกับสามีนะคะ ไม่ได้ไปคนเดียว เหมือนหากิจกรรมทำด้วยกัน และก็เป็นการออกกำลังกายด้วย)


วันที่ 7 -8 สค.
คืนวันที่ 7 มีอาการเหมือนจะเป็นไข้ ตัวร้อนรุมๆ แต่ไม่ปวดหัว ตอนแรกนึกว่าจะเป็นไข้ แต่พอตื่นเช้ามาก็หาย

คืนวันที่ 8 มีอาการเหมือนจะเป็นไข้อีกแล้ว แต่ปวดหัวด้วย ตอนนั้นคิดว่าสงสัยประจำเดือนจะมา (ปกติจะปวดหัวก่อนประจำเดือนมาประมาณ 3 วัน) แต่ก็ยังแอบมีความหวังเล็กน้อยว่าอาการเหมือนคนจะท้อง ตื่นเช้ามาเลยลองเทสตั้งครรภ์ ผลปรากฏว่าขึ้นขีดเดียว

แว้บแรกที่รู้ว่าไม่ท้อง ก็เสียใจ+เศร้าเล็กน้อย แต่ชีวิตก็ต้องสู้ต่อไป หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตแบบเข้าใจว่าไม่ท้อง ทำให้ช่วงนี้เลิกคิด เลิกเครียด นั่งรอ ปจด มาอย่างเดียว

วันที่ 12 สค.
แน่ใจแล้วว่าไม่ท้อง เลยไปวิ่งมินิมาราธอน เนื่องในวันแม่ ที่ศูนย์สิริกิตติ์ วิ่งเสร็จกลับบ้านอาบน้ำ กินข้าว นอนพัก ช่วงบ่ายๆตื่นมาเข้าห้องน้ำ ตอนเอากระดาษทิชชู่ซับ เห็นเลือดสีแดงสดติดมา แต่ยังไม่เลอะ เลยใส่ผ้าอนามัยรอ

ผ่านไปจนถึงอาบน้ำเย็น สังเกตเห็นว่า ปจด มีอยู่ประมาณ 5 หยด แปลกใจอยู่ แต่ก็นึกได้ว่าเคยเป็นแบบนี้ เดี๋ยวรออีกวัน ปจด ก็จะมาปกติ

วันที่ 13 สค.
ปจด ยังคงมีอยู่ประมาณ 2-3 หยด ตอนนี้เริ่มเครียดแล้ว เริ่ม search หาข้อมูลว่า ปจด มาน้อยเพราะยากระตุ้นไข่ หรือเปล่า ระหว่างที่ search ไปเรื่อยๆ ก็นึกถึงคำว่า เลือดล้างหน้าเด็ก แต่เท่าที่อ่านดูเลือดล้างหน้าเด็กจะเป็นสีน้ำตาล แต่ของเราเป็นสีแดงสด และเราก็ไม่มีอาการบ่งบอกว่าท้องเลย อย่างเดือนที่แล้วยังมีอาการเจ็บหน้าอกอยู่เป็นอาทิตย์ แต่เดือนนี้เจ็บหลังฉีดเชื้ออยู่แค่ 2 วัน

วันที่ 14 สค.
ตื่นเช้า ปจด เหลือแค่ประมาณ 1 หยด ด้วยความสงสัย เลยลองเทสตั้งครรภ์อีกครั้ง ยืนเพ่งที่ตรวจสักพัก ยังคงขึ้นขีดเดียว ถึงตอนนี้กลุ้มล่ะ ทำไม ปจด เป็นแบบนี้ หยิบที่เทสกลับมาวางที่หัวเตียง แล้วคุยไลน์กับเพื่อนสักพัก หันไปมองอีกที อ่าว! มีขีดจางๆ คิดว่าตัวเองตาฝาด ปลุกสามีให้ลุกมาดู เค้าก็บอกว่าขีดจางๆ



โทรไปที่ รพ. เพื่อขอคำปรึกษา พยาบาลบอกว่า ท้องแล้ว แต่ต้องเข้ามารับยากันแท้ง ตอนนั้นเป็นอารมณ์ดีใจปนความกังวล  เลยรีบนัดเข้าไปเอายาวันนั้นเลย

ไปถึง รพ. หมอให้ไปตรวจเลือดเพื่อดูฮอร์โมน hcg ที่ตึกผู้ป่วยนอก ชั้น 4 เจาะเลือดเสร็จ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้รอรับผลเลือดประมาณ 2 ชม ระหว่างนั้นก็ไปกินข้าวรอ พอได้เวลาสัก 1 ชม ก็ขึ้นไปลองถามเจ้าหน้าที่ดูว่าผลเลือดมายัง ปรากฏว่าผลเลือดมาแล้ว (ดีนะไม่นั่งรอจนครบ 2 ชม)

กลับไปแผนกมีบุตรยากอีกครั้ง หมอแจ้งให้ทราบว่าผลเลือด มีฮอร์โมน hcg ขึ้นแล้ว ก็สรุปว่าท้อง แต่หมอยังบอกไม่ได้ว่าเป็นการตั้งครรภ์ปกติหรือเปล่า แล้วเราก็ถามหมอเรื่องเลือดที่ยังหยด ต้องกินยาอะไรหรือเปล่า หมอเลยให้ลงไปซื้อยากันแท้งแบบฉีด แล้วเอาขึ้นมาให้พยาบาลฉีด ตั้งแต่ฉีดยามา ยากันแท้งนี่สุดยอดของความเจ็บปวดเลย ทั้งเจ็บ ทั้งแสบ ฉีดเสร็จลุกไม่ขึ้นเลย (ฉีดตรงสะโพก) นอนน้ำตาไหลคลอเบ้า

หมอนัดให้มาซาวด์ดูอีกทีว่าตัวอ่อนฝังตัวอยู่ในมดลูกหรือเปล่า ระหว่างนี้ก็ค่อนข้างเครียดและกังวลอยู่เหมือนกัน กลัวการท้องนอกมดลูกมาก

ค่าใช้จ่ายวันนี้
ค่าเจาะเลือด หา hcg  270 บาท
ค่ายาฉีดกันแท้ง 93 บาท
ค่าหมอ 50 บาท

รวม 413 บาท

19 สค.
มา ultrasound เพื่อดูตำแหน่งตัวอ่อน  จริงๆหมอจะนัดวันที่ 21 แต่ติดธุระยาวถึงสิ้นเดือน จึงขอเลื่อนขึ้นมา ตอนขึ้นขาหยั่ง หมอเปิดอ่านแฟ้ม แล้วบอกว่า มาเร็วไป ไม่รู้จะเห็นอะไรหรือเปล่า เราก็ใจแป้วแระ เพราะกังวลมาตลอด 4 วัน ซาวด์เสร็จก็นั่งรอเจอหมอที่หน้าห้องตรวจ

สรุปว่าวันนี้ซาวด์เห็นแค่ถุงไข่ใบจิ๋ว และตัวอ่อนฝังตัวในมดลูกปกติ โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แล้วหมอก็สั่งยากันแท้งทั้งแบบฉีด และแบบกินให้ ตอนรู้ว่าต้องฉีดยากันแท้งต่อ หน้าถอดสีเลยเรา ยังไม่ลืมความเจ็บปวดครั้งที่แล้ว แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ต้องอดทนต่อไป นัดซาวด์ครั้งต่อไปวันที่ 2 กย. และทุกวันพุธต้องเอายาไปให้พยาบาลที่คลีนิคฉีด



ค่าใช้จ่ายวันนี้
ค่าซาวด์ 500 บาท
ค่ายาฉีดกันแท้ง 2 ขวด 186 บาท
ค่ายากินกันแท้ง 3 กล่อง 1260 บาท
ค่าหมอ 50 บาท

รวม 1946 บาท

มาถึงจุดนี้แอบรู้สึกว่าไม่ท้องยังเครียดน้อยกว่าท้องอีก เพราะตอนที่รู้ว่าไม่ท้องเราเศร้า เครียด แค่แป๊บเดียว แล้วก็หาย แต่หลังจากที่รู้ว่าตัวเองท้อง มันทำให้คิดกังวลโน่นนี่นั่นไปไกลมาก แล้วยิ่งมาเจออุปสรรคแบบนี้ยิ่งทำให้ความกังวลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ได้แต่หวังว่าเราจะผ่านมันไปได้ ช่วงนี้จะลุก จะเดิน จะนั่ง ระวังตัวเองตลอด เพราะยังถือว่าอยู่ในภาวะเสี่ยง ถ้ามีข้อมูลอะไรอัพเดทจะมาเล่าสู่กันฟังเรื่อยๆค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ช่วยกันตามเชียร์และลุ้น




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2556   
Last Update : 19 สิงหาคม 2556 21:41:08 น.   
Counter : 56374 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

คุณป้าเบอร์ห้าบ้าเห่อ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]





[Add คุณป้าเบอร์ห้าบ้าเห่อ's blog to your web]