เดือนแรก .. ยังเคว้งคว้าง มึนเบลอ และเงียบดุจป่าช้า เรียกว่าไม่มีลูกค้าใหม่สักคนเดียว (หากไม่ใช่อาศัยว่ามีลูกค้าเก่าที่เคยทำอยู่ก่อนหน้านี้คงเก็บร้านเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปนานแล้ว ลูกค้าเจ้านี้สั่งกับเราเยอะ เดือนนึงสั่งสินค้าไม่ต่ำกว่าแสนบาท เพราะความไว้วางใจที่ทำกันมานาน เลยทำให้เค้าค่อนข้างโอเคกับเรา และใช้บริการมานานหลายปี เพราะมีลูกค้าประจำเจ้านี้ด้วย ที่ทำให้เรา"กล้า" ที่จะออกมาทำธุรกิจเอง)
ย่างเข้าเดือนที่สอง .. ก็ยังเงียบกริบเหมือนเดิม คราวนี้มันเริ่มท้อแท้ สามีบอกว่าเธอมาช่วยฉันขายพลาสติกดีกว่าไหม คนรอบตัวก็ดูแล้วว่าสงสัยจะไปไม่รอด (บั่นทอนกันทุกวี่วัน) และแล้วเหมือนสิ่งดีๆที่เคยทำมาก็ดลบันดาลให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นกับเรา จู่ๆวันหนึ่งก็มีคนโทรมาให้เราเสนอ "เครื่องจักร" .. (ขอไม่ระบุแล้วกันว่าเป็นเครื่องจักรประเภทไหน) บังเอิญว่าสามีทำโรงงานและต้องสั่งเครื่องจักร เราก็เคยมีประสบกาณณ์ขายอยู่ เลยพอได้ .. และต้องนำเสนอถึงโรงงานลูกค้าเค้าเองเลย เพราะหากสั่งเครื่องจักรเครื่องละหลายแสนเข้ามาโดยไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่รู้ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ เขาก็คงไม่เอาด้วยหรอก ในเมื่อกล้าชวนมา อิชั้นก็กล้าเสนอละคะ .. ตื่นเต้นและเกร็งอยู่เหมือนกัน ก็ทำใบเสนอราคา เงื่อนไข และพรีเซ้นร้านค้าของเราไปด้วยให้ดูน่าเชื่อถือ ลูกค้าก็ดูโอเคกับเรามากๆ และอยากให้เราหาวัตถุดิบป้อนให้เขาด้วย .. รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทีเดียว แต่วงการนี้ไม่ได้สู้กันด้วยความน่าเชื่อถือเท่านั้น "ราคา" ยังเป็นปัจจัยหลักอยู่วันยังค่ำ เราก็ดีลเรื่องนี้มาเรื่อยๆ แต่ก็สู้อีกเจ้าไม่ไหว เพราะราคาเค้าเสนอถูกกว่า ไม่ได้เสียใจอะไร และไม่ได้ผิดหวังอะไร และเคารพการตัดสินใจลูกค้าเสมอ แถมยังรู้สึกขอบคุณเค้าด้วยที่ให้โอกาสนี้กับเรา ถือซะว่าเป็น ประสบการณ์.. สนุกดีไปอีกแบบ
การ"เริ่มต้นใดๆ" ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เราเชื่อเสมอว่าทุกๆความสำเร็จมันมี"เรื่องราว" ที่ขมขื่นซ่อนอยู่เสมอ และตัวเราเองนี่แหละ ที่เป็น "กำลังใจให้ตัวเอง" .. ต้อง"ยืนหยัด" และ"เชื่อ" ในสิ่งที่ตัวเองอยากทำเท่านั้น
ต่อมาก็มีคนใกล้ตัวให้เสนอสินค้าอื่นๆ แต่การทำธุรกรรมกับคนใกล้ตัวลำบากใจเป็นไหนๆ เราก็เป็นพวกขี้ใจอ่อน ไม่กล้าบวกเยอะ แค่พออยู่ได้ก็โอเค แต่บางทีคนใกล้ตัวก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจและนึกถึงเราเหมือนที่เรานึกถึงจุดยืนของเค้าสักนิด ต่อราคาไม่พอ ยังต่อจำนวนอีก สมมุติต่อจาก 5000 เป็น 500 ชิ้นแบบนี้ ทำเอาเราเหนื่อยใจเหมือนกันนะ เกรงใจโรงงานที่ไปคุยด้วยเลย และสุดท้ายก็ไม่เอาสักชิ้นเดียว มีคนบอกว่า ถูกคนอื่นด่า ยังไม่เจ็บเท่าถูกคนใกล้ตัวด่า .. จริงที่สุด
หลังจากนั้นก็มีลูกค้าอื่นๆมาให้เสนอราคาสินค้าตัวโน้นตัวนี้ และก็มีเจ้านึงที่สั่งสินค้ากับเราเป็นของเล่นเด็ก แม้ว่าคุณลูกค้าจะกดดันและต่อราคาแบบดุเดือดมาก แต่สุดท้ายคุณลูกค้าก็ไม่ได้ให้เราเหนื่อยฟรี รู้สึกดีมากๆ เป็นกำลังใจที่ดีทีเดียว เรียกว่าเป็นลูกค้าเจ้าแรกหลังจากที่ลาออกมา ..
กำไรที่ได้ ไม่ได้เยอะเท่ากับเงินเดือนที่เคยได้ โชคดีที่สามียังพอเลี้ยงไหว เลยให้เลี้ยงๆไปก่อน 555+ (ซะงั้น) เราเองก็เหนื่อยกับการทำเว็บ แต่มันสนุกมากกกก และไม่เคยเลยที่จะมีสักวันที่จะคิด "ไม่ทำ" ..
สรุปสั้นๆคือ การออกมาทำธุรกิจเองนั่นสิ่งที่ต้องคำนึงคือ
1. ควรมีเงินเก็บไว้สำหรับลงทุนก้อนนึง และใช้ชีวิตได้ประมาณ 3-6 เดือน 2. ควรมีฐานรายรับได้ส่วนหนึ่งอยู่แล้ว (เช่น มีฐานลูกค้าจากการขายของอยู่แล้ว เพื่อประทังชีพ) 2. ไม่ได้มีภาระหนี้สินอะไร 3. ใจต้องรัก และยืนหยัดจริงๆ เราต้องต่อสู้กับความผิดหวังในทุกวัน และต้องผ่านมันไปให้ได้
ข้อดีของการมีธุรกิจส่วนตัว 1. มี"โอกาส" แบบไร้ขีดจำกัด อยู่ที่ความพยายาม และขยันของเราเอง 2. มีเวลา จัดสรรเวลาเองได้อย่างสบาย
ข้อเสีย 1. รายได้ไม่คงที่ อดมื้อกินมื้อ 2. ชีวิตอยู่บนความเสี่ยง 3. สิ่งที่ทุ่มเทลงไป อาจไม่ได้ผลกลับมาอย่างที่คาดคิด
หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับคนที่ผ่านไปมาและได้อ่านนะคะ รอความเห็นเพิ่มเติมจากผู้มีประสบการณ์ ท่านอื่นๆด้วยคะ พิมพ์เร็วๆ ไม่ได้ตรวจสอบคำผิด ต้องขออภัยด้วยคะ |