Walked @ Pranburi_2011
รู้ตัวว่า ไม่ได้เขียน Blog มานานมาก แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นปีขนาดนี้นะเนี่ยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายจริงๆ รู้สึกว่าเวลาเนี่ย เดินเวเกินไปรือปล่าว ..... เข้าเรื่องดีกว่า เนื่องจากวันแม่ปีที่แล้วก็ไปเที่ยวที่ปราณบุรี ปีนี้ก็อยากไปเที่ยวอีก เป้าหมายหลัก คือ การพักผ่อน แบบว่าพักผ่อนจริงๆ คือ กินและนอนเท่านั้น ... ออกเดินทางจาก กทม.สายๆ ไปถึงปราณบุรีตอนเที่ยงพอดี ครั้งที่แล้วจำได้ว่า ไปกินร้านป้าเอื้อย ป้าอิ้ง เรากับพี่หมาดำก็พยายามจะหาทางไปจำได้ว่าอยู่ถนนเลียบชายหาดขับไปหลงไปอยู่ดีๆก็ผ่านร้านนึง เห็นรถจอดเยอะมากกก เลยบ่นกับพี่หมาดำว่า อย่าบอกนะว่าร้านย้ายมา ฮ่าๆๆๆ ปรากฎว่า ป้าเค้าย้ายร้านมาจริงไรจริง ย้ายมาได้เกือบสามเดือนแล้ว บรรยากาศก็ดีกว่าและกว้างขวางกว่าร้านเดิมเยอะ แต่คุณภาพของอาหารไม่เปลี่ยนแต่อย่างใด ไปกันแค่สองคน ก็เลยสั่งแค่ สามอย่าง กุ้งเผา ปูนึ่ง และข้าวผัดปู ครั้งนี่พักที่บ้านปราณรีสอร์ท บรรยากาศก็โอนะ ตอนที่ไปลมเย็นสบายเลยเดินเล่นสักพัก ฟ้ามืดครึ้มเลย น่ากลัวมั่กๆๆเมฆครึ้มมาแล้ว รีบเดินจ้ำอ้าว หนีฝนกันแทบไม่ทัน แล้วก็เกิดเรื่อง ... เนื่องจากจัดเต็ม ปูและกุ้ง ปรากฎว่ากลางคืนเกิดอาการอารเป็นพิษอย่างรุนแรง แทบจะนอนในห้องน้ำเลยทีเดียว ทำให้โปรแกรมที่เตรียมไว้สำรับวันรุ่งขึ้นเป็นหมันไปทันที แบบว่าไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ตื่นเช้ามาหน้าซีดเซียวมากมาย ตอนแรกตั้งใจว่าจะแวะ มฤคทายวัน กับ ตลาดน้ำสามพันวา สรุปแล้วแวะตลาดน้ำได้ที่เดียว เพราะหมดเรี่ยวแรง แล้วก็สลบเหมือดตั้งแต่ปราณฯ ยัน รังสิต ฮ่าๆ ถ่ายรูปแบบหมดแรงสุดๆอ่ะ เราก็ไม่ค่อยประทับใจตลาดน้ำนะ รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติยังงัยก็ไม่รู้รู้สึกว่า เค้าเพิ่งจะเปิดได้ไม่กี่วันเอง สรุปทริปนี้ เหนื่อยสุดๆ แต่ก็ยังสนุกนะ ... ครั้งหน้าแก้ตัวใหม่
Walked @ Pai_2008_Eps 2
นอนกลางวันกันเต็มที่ แล้วก็หลบร้อนในรีสอร์ท รอแดดร่มนิดนึง เด๋วผิวเสียเล่นกะน้องหมาเจ้าของรีสอร์ท ลาบาดอร์ ฉลาดมาก น่ารักด้วย แล้วก็ถึงเวลาออกหากิน เอ๊ย ออกเดินทาง เราจะไปปายแคนยอนกัน ... โอ้ววว หวาดเสียวน่าดูนะเนี่ย ไม่มีคนเลยอ่ะ ดีจัง ไม่มีคนเลยถ่ายรูปกันสนุกเลย แล้วเราก็เคลื่อนย้ายกันไปที่ร้าน Coffee In Love คนเยอะเหมือนกันนะ มืดๆ เราก็ไปหาอะไรกินกันที่ในตลาด บรรยากาศเริ่มคึกคักแล้วเมนูที่พลาดไม่ได้โรตีกล้วยหน้าธนาคารออมสิน ไม่รู้ตอนนี้ยังขายอยู่มั้ยคืนนี้คืนสุดท้ายแล้ว เดินซื้อของฝากแล้วก็ซึมซับบรรยากาศด้วย เช้านี้ต้องเดินทางกลับแล้ว เราขับมอเตอร์ไซค์ฝ่าความหนาวยะเยือก ไปเก็บตกบรรยากาศก่อนกลับไปทำงาน สะพานไม้ไผ่ ใครๆก็มาถ่ายรูปกันงั้นก็ขอตามกระแสด้วยคนนะริมแม่น้ำปาย ที่ร้านบ้านคนเมือง มีหมอกลอยมาจากผิวน้ำด้วยถ้าบรรยากาศหลังบ้านเรา เป็นแบบนี้ก็ดีสิเนาะ ทำเนียนปถ่ายรูปบรรยากาศในร้านเค้า แหะๆ เนียนจริงๆ นี่เป็นที่ๆเรานั่งกินอาหารเช้าในที่พัก จริงๆเค้ามีโต๊ะให้นั่งดีๆ แต่เรื่องมากเลยยกมานั่งที่นี่กัน .. นั่งรถตู้ไปเชียงใหม่ แต่มาถ่ายรูปกะรถบัส บ๊าย บาย นะ ปาย .... แล้วเรากะพี่หมาดำจะแวะไปหาอีกนะจ๊ะ .... ชอบรูปนี้มากมาย หนาวยะเยือกเลยนะนั่น เราว่าขับมอไซค์เที่ยวในปายนี่ได้อารมณ์ที่สุดแล้ว
Walked @ Pai_2008_Eps 1
คิดถึงปาย ... วันนี้นั่งคุยกับพี่หมาดำ ว่าอยากไปปายอีกรือป่าวคำตอบคือ อยากไป ... เราก็เลยเอารูปครั้งที่ไปเที่ยวปายมาลงไปเที่ยวเมื่อต้นปี 2008 ปีใหม่พอดี บังเอิญปีนั้นบริษัทเราหยุดยาวกว่าคนอื่นเราก็เลยไดเปเที่ยวช่วงหลังปีใหม่ หลังจากที่คนเค้ากลับกันไปหมดแล้ว คนที่โน่นเล่าให้ฟังว่า ของกินใน 7 ยังหมดเลย ด้วยซ้ำ ... ปาย... ป่านนี้เธอจะเป็นยังงัยบ้างหนอ ใครๆเค้าก็บอกว่าเธอเปลี่ยนไปแต่ชั้นยังไม่ปักใจเชื่อ สักวัน ชั้นจะกลับไปหาเธออีกครั้งนะ ถึงตอนนั้น ชั้นคงจะได้คำตอบว่า เธอเปลี่ยนไปจริงหรือปล่าว .... ทริปนี้ ปาย อย่างเดียวจริงๆ อยู่สามวันสองคืน ไม่ได้ไปไหนเลย ไม่มีรถเรานัดกับพี่หมาดำที่เชียงใหม่เลย เรากลับบ้านที่อุดร ส่วนพี่หมาดำกลับบ้านที่ชัยนาท นัดมาเจอกันที่อาเขตเชียงใหม่เลย .. ซื้อตั๋วรถ minibus เดินทางไปปาย เดินทางสามชั่วโมงกินยาแก้เมารถกัน เราเลยค้นพบสัจธรรมว่า ... ยาแก้เมารถแท้จริงคือยานอนหลับนั่นเอง หลับกันหัวฟัดหัวเหวี่ยง ถึงปายตอนเที่ยงๆ ยังมึนกันไม่หาย ฮ่า ๆ เราพักที่ The Country Side Resort ... บรรยากาศ ประมาณนี้ เป็นบ่อน้ำตรงกลาง ล้อมรอบด้วยบ้านพัก ด้านบนของบ้านพักมีหลังคาด้วยเดินขึ้นไปได้ มีเก้อี้ให้นั่งด้วย (แต่เปื้อนมากเลย )รูปนี้ตอนเย็นแล้ว เพราะมาถึงก็ไปกินส้มตำร้านหน้าอำเภอ แล้วกลับมาสลบต้องเป็นเพราะยาแก้เมารถแน่ ๆ ตื่นแล้วก็มาแอ็คกัน แชะ ๆ ๆ พี่หมาดำ สะลึมสะลือออ ตกเย็นก็มาเดินตลาดกัน กินบัวลอย แพ๊งแพง 25 บาทแน่ะ วันแรกยอมรับว่าหมดสภาพ พักผ่อนเก็บแรงไว้วันพรุ่งนี้ ตื่นเช้า มีเรื่องฮาเพราะพวกเราตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าได้มั้ง ออกมาหาหมอกกันมองงัยก็ไม่เจอ มีติ๊ดเดียว ปรากฏว่าหมอกมันมาสายๆ ฮ่าๆ บรรยากาศในรีสอร์ท อากาศเย็นมาก ๆ บรรยากาศสุดยอด ขับมอเตอร์ไซค์ ฝ่าความหนาวเย็นมากๆ มาถ่ายรูปกัน รูปนี้อยู่ริมแม่น้ำ มีคนมากางเต๊นท์กันพอสมควร คงหนาวน่าดู โต๋เต๋ ๆ กันไปตามเรื่องตามราว ทริปนี้ เป็นทริปที่ทำใด้ค้นพบว่า พี่หมาดำนี่แหละ ช่างภาพมือหนึ่งในดวงใจ อิ อิ มาแต่เช้า เงียบดีเหมือนกันนะ อากาศเย็นสุดๆ นางแบบจำเป็น และ ช่างภาพประจำตัวก็กดชัตเตอร์กันใหญ่ คนไม่เยอะ เลยไม่อายใคร ใจกล้า...หน้าทนร้านนี้ ความหมายดีนะ ... หนีแม่มาก็เลยคิดถึงแม่ แหะ ๆ ไปไหน ต้องถ่ายกะป้าย อันไหนคน อันไหนหลักกิโลฯ แยกกันออกนะ ริมน้ำ บรรยากาศสุดยอดเลยง่ะ อาบน้ำ กินข้าว เที่ยงๆก็ไปน้ำตกกัน ขัมอเตอร์ไซค์ไป ทางไปนะอย่างกะไปหมู่บ้านชาวเขาเลย อันนี้อยู่ดีๆก็อยากจะถ่ายรูปกลางถนนซะงั้น น้ำตก ที่แท้คือ น้ำไหล จ๊อก จ๊อก ... หน้าแล้งเนาะจะเอาน้ำมาจากไหนทางเดินที่น้ำตก เดินไปเดินมาไม่ค่อยมีอะไร กลับกันดีกว่าเป้าหมายต่อไป คือ หมู่บ้านจีนยูนาน ... ถ่ายรูปอีกแล้ว จากนั้นไปต่อกันที่วัดน้ำฮู ที่เศียรพระจะมีน้ำซึมออกมาด้วยนะ แดดแรงเหมือนกันนะ ก็เลยตัดสินใจกลับไปนอนกลางวัน ฮ่าๆ แดดร่มลมตกค่อยออกมาตระเวนอีกที ... ติดตาม Eps 2 ด้วยนะ
Walked @ Singburi-Chainat-Ang Thong_2010
พี่หมาดำกลับไปบ้านที่ชัยนาท ก็เลยขออาศัยไปด้วย จริงๆก็เคยไปชัยนาทมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ได้ถ่ายรูป ครั้งนี้เลยขอถ่ายรูปบ้างไรบ้าง เพื่อเป็นหลักฐานการมาเยือน ทริปนี้ไปช่วงปลายๆเดือนสิงหาคม หน้าฝนพอดิบพอดี ฝนตกพรำๆ ฟ้ามืดครึ้ม ไปตลอดทางเลย .... ออกเดินทางจากรังสิตช่วงสายๆ แวะเติมน้ำมันบ้าง ซื้อกาแฟบ้าง ... ขับรถผ่านทางเข้าวัดไชโยวรวิหาร ตัดสินใจแวะไปนมัสการสักหน่อยเพื่อความเป็นศิริมงคล ช่วงนั้นวัดมีการก่อสร้าง ปรับปรุงเยอะแยะไปหมดเลย ฝนตกก็ค่อนข้างเฉอะแฉะนิดๆ หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จแล้ว เราก็ไปอีกวัด คือ วัดพิกุลทอง ("วัดหลวงพ่อแพ" ) ที่วัดพิกุลทอง คนค่อนข้างเยอะเลย เพราะมีมาเป็นกลุ่มคล้ายๆว่า เป็น อบต. มากันเป็นรถบัสเลย ส่วนมากก็เป็น สว กันเยอะเลย อากาศครึ้มมาก ฝนตั้งเค้าไว้รอท่า ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าวัดทำบุญ แต่งกายไม่เหมาะสม กราบขออภัยด้วยนะคะ รอบๆด้านนอกเป็นสระ แล้วก็มีปลาด้วย แวะให้อาหารน้องปลาด้วยจากนั้น เราก็เดินทางเข้าสู่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อตามหากุ้งแม่น้ำที่ร้านกุ้งเผาแม่ทองชุบ ... แค่คิดก็น้ำลายไหลแย้ววว ปกติถ้าวิ่งทางหลักก็จะหาร้านได้ไม่ยากเลย แต่เนื่องจากเราได้แวะไหว้พระกัน ก็เลยต้องเดินทางโดยใช้เส้นในกัน งงครับพี่น้อง มีปัญหากับเส้นทางนิดหน่อย กลับรถกันไปกันมา แวะถามคุณน้าข้างทาง ไม่มีไรมาขวางทางเราได้ ในที่สุดก็เจอ ร้านต้องเข้าตรงทางเข้าวัดตราชู เราสั่งอาหารมาแค่สองอย่างแบบว่าพอเพียง ไม่อิ่มค่อยสั่งเพิ่ม สั่งตอนหิวมันจะขาดสติมากมาย ทำให้อาหารเหลือ แถมเปลืองตังค์อีก เมนูนี้ ทอดมันปลากราย อร่อยดีนะมันแบบว่า หนึบๆ ใส่ใบมะกรูดเยอะด้วยนี่เลย พระเอกของเรา กุ้งแม่น้ำเผา กิโลรัมละ 900 บาท สองตัวก็ 700 ได้มั้ง ตัวเท่าหน้าเราเลย หน้าเรายาวด้วยสิ อิ อิ ยั่วน้ำลายสุดๆเลย ว่างๆ เราต้องไปกินอีกแน่นอน เช้าวันถัดมา เดินทางกลับแวะเก็บภาพที่เขื่อนเจ้าพระยาสักหน่อยน่ากลัวมากๆ มองจากสะพานลงไปแล้วน้ำมันไหลแรงๆ ขาสั่นไปเลยเรา ระหว่างขับรถกลับกัน นึกได้ว่าเคยเจอกระทู้ในเนทเกี่ยวกับวัดขุนอินทประมูล เราก็เลยแวะไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนกลับบ้านสรุป ทริปนี้ทั้งอิ่มบุญ อิ่มใจ ภาคกลางนี่ดีอย่าง ขับรถแป๊บๆก็ข้ามจังหวัดแล้วไม่เหมือนอิสานบ้านเฮาแต่ละจังวัดไกลกันมากเลย ... มีอีกตั้งหลายจังหวัดในภาคกลางที่เรายังไม่ได้ไป ว่างๆต้องไปให้ครบซะแล้ววว ...
Walked @ Sang Khla Buri_2009
Walked @ Sang Khla Buri_2009ไปส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่สังขละบุรี อากาศไม่หนาวเลย แต่ตอนเช้าก็ยังมีหมอกเยอะเลยทริปนี้พักที่เบอมิสอินน์ จริงๆเราเคยมาแล้วครั้งนึง ครั้งนั้นมาคนเดียวช่วงสงกรานต์ตอนนั้นเพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ๆ แบบว่าเปลี่ยนสายงานก็เลยแอบเครียด เหงาๆ ก็เลยออกเดินทางค้นหาตัวเอง นั่งรถไฟค่าโดยสาร 25 บาท คุ้มสุดๆ นั่งตั้งสี่ชั่วโมง เมื่อยมาก ร้อนด้วยเพราะเป็นรถไฟชั้นสาม นั่งไปลงที่กาญฯ แล้วก็ต่อรถตู้ไปสังขละบุรี .......ครั้งนี้นั่งรถทัวร์ไปกะพี่หมาดำ เฮ้ออออ นั่งนานค่อดด ทริปนี้เน้นพักผ่อนมากกว่า ตอนนั้นยังไม่มีรถอ่ะเลยโต๋เต๋ ๆ อยู่แถวๆสะพานกลางวันก็อ่านหนังสืออยู่ที่ห้อง เย็นๆก็หาไรกินแล้วก็เดินเล่น ... บรรยากาศยามเย็น คนเยอะเหมือนกัน ...เราก็เดินข้ามสะพานไปฝั่งหมู่บ้านมอญ ตอนนั้นผมยาวแล้วก็ไม่โทรมเหมือนตอนนี้ด้วย สงสัยกันว่าใต้สะพานมีไร ก็เลยเดินลงมาดูกัน บรรยากาศตอนเช้า หมอกลงหนาและคนก็เยอะแยะตอนสายๆ เราก็นั่งเรือไปเมืองบาดาลกัน น่ากลัวมากเลย เพราะว่าเรือที่จ้างไปไม่มีเสื้อชูชีพให้เลย นั่งไปก็เกร็งไปเพราะว่าเราสองคนว่ายน้ำไม่เป็น พยายามปิดบังความกลัว เราเป็นคนที่กลัวอะไรที่เป็นน้ำๆ กว้างๆ ลึกๆ แบบนี้อ่ะ บรรยากาศมันดูวังเวงชอบกล นั่งเรือไปก็มองตากันไปแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเลย บรรยากาศมันโดดเดี่ยว(สำหรับเรา)ประมาณนี้อ่ะ กลุ่มอื่นๆก็มา แต่เรือเค้าเป็นแบบ Open air แล้วเจอกันอีกนะ สังขละบุรี ...ปล. คืนปีใหม่ตื่นเช้ามาพร้มกับข่าวซานติก้าผับ เศร้ามากเลยขอไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทุกท่านด้วยนะคะ