More Than I can Say
Group Blog
 
All Blogs
 
คนที่ไม่ปลื้ม

ทำงานอยู่โรงงานทอผ้าแถวๆเมืองใหม่บางพลีอยู่เกือบสิบห้าปี ถ้ารวมหลายๆที่น่าจะมากกว่ายี่สิบปีละมั้ง ก็ตั้งแต่ค่าแรงขั้นต่ำ 61 บาท จนถึงร้อยกว่าบาท ค่าแรงได้ขึ้นทุกปี แต่พอถึงการปรับค่าแรงใหม่ของทางรัฐบาล ค่าแรงที่ว่าได้ขึ้น ดันถูกค่าแรงใหม่ถมจมดิน จาก 61 บาทของผู้ที่มีผลงาานเกรด A+ จะได้ค่าแรงใหม่เป็น 65 บาท การปรับค่าแรงใหม่ของทางรัฐบาลในปีนั้นขึ้นเป็น 66 บาท นั่นเท่ากับว่าผมได้ค่าแรงขั้นต่ำทุกปี ส่วนที่ว่าขึ้น มันหายไปกับค่าแรงใหม่ทุกครั้งในหลายๆปี
เริ่มเบื่อกับการทำงาน แต่ไม่มีหนทางไป ทนเสียเวลาอยู่ตรงนั้นนานเกินไปจนเริ่มอิ่มตัว คิดจะหางานใหม่บริษัทใหญ่ๆดีๆ เขาก็เลือกรับเฉพาะคนเรียนจบสูงๆ หนำซ้ำยังมีข้อบังคับเกี่ยวกับอายุซะอีก
ตัวผมไม่ผ่านทั้งสองอย่างไม่ว่าจะเป็นอายุหรือการศึกษา
ข่าวในการหางานใหม่ รั่วไปถึงหูผู้จัดการจนได้ในวันหนึ่ง มีการเรียกเข้าพบถามไถ่ปัญหาที่มี จนถึงมีการพิจารณาผลงานอีกครั้ง มีการปรับเงินเดือนจากรายวันเป็นรายเดือนให้อีก จากค่าแรงรายวันในหนึ่งเดือนที่เคยได้รับสูงสุด 2,700 บาท ได้ค่าแรงใหม่เป็น 5,200 บาท
มันเเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยนะนั่น แถมพ่วงตำแหน่งหัวหน้ากะเข้าไปอีก(กะที่ผมพูดถึงคือการทำงาน 8 ชั่วโมง จะเรียกว่าหนึ่งกะ โดยมีการทำงาน 3 กะในหนึ่งวัน คือกะเช้า กะบ่าย และกะดึก)
วันหนึ่งหลังจากได้เป็นหัวหน้ากะไม่นาน หัวหน้าคนเก่ามีความจำเป็นต้องลาออก ผมเลยถูกย้ายออกจากในกะไปเป็นหัวหน้าช่างซ่อมบำรุงแอร์ หรือช่างแอร์แทนคนเก่าที่ลาออก
วันหนึ่งเช่นกันคนงานเก่าที่เคยทำงานด้วยกันไม่มาทำงาน มันหายไปเลยเกือบสามอาทิตย์ หอพักก็ไม่มา เสื้อผ้าก็ไม่กลับมาเปลี่ยน มันหายไปเลยเหมือนตายจากกันว่างั้นเถอะ แต่แล้ววันหนึ่งมันก็กลับมา สาเหตุที่มันหายไปเพราะมันหนีตามผู้หญิงไปเที่ยวบ้านเขา มีด้วยหรือนี่ ผู้ชายหนีตามผู้หญิง
เขากำลังเกี่ยวข้าวกัน ผู้หญิงนั้นไม่สามารถกลับได้แต่เขาได้ลางานไว้แล้ว ถ้าผู้ชายอยากกลับก็ต้องกลับคนเดียวว่างั้นเถอะ ฝ่ายชายมันก็แน่มาก เมื่อผู้หญิงไม่กลับมันก็ไม่กลับ แถมแอบได้เสียกันที่ทุ่งนาเสียอีก คนเคยรักกันนี่นา มันก็ย่อมหยอกล้อถึงเนือ้ถูกตัวกันเป็นธรรมดา จนญาติผู้ใหญ่คนซึ่งไม่รู้ว่าทั้งสองได้ปะทะกันมาแล้วแต่พอสังเขป มองว่าไอ้สองคนนี้มันคงมีอะไรกันแล้วเป็นแน่ จึงเรียกทั้งคู่เข้าไปสอบถาม ฝ่ายชายไม่กล้าตอบเพราะกลัวว่าจะทำให้ฝ่ายหญิงเสียหายหรือเดือดร้อน ตอบดีก็คงรอดตัวแต่ถ้าตอบไม่ถูกใจเรื่องร้ายแรงกว่านั้นอาจเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นการตอบคำถามบนบ้านเขา คำถามหนึ่งที่มันเล่าให้ฟังคือ
“แม่ถามจริงๆเถอะแกได้กับลูกสาวแม่แล้วหรือยัง” เป็นคำถามจากแม่ผู้หญิงเริ่มก่อน ฝ่ายชายตัวสั่นพูดไม่ออก หันไปรอบๆตัว นอกชานเป็นกลุ่มญาติที่อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ในกลุ่มญาติผู้ใหญ่ที่มาคือนักเลงเก่าที่มีรอยสักเป็นรอยดำจนไม่เห็นผิวหนังลามขึ้นมาถึงคอ มือถือตะพดเหมือนคนโบราณมองมาที่มันตาไม่กระพริบ มันตัวคนเดียวเพื่อนหรือญาติที่จะคอยช่วยเมื่อเกิดเหตุการณ์นองเลือดก็ไม่มี
มันเองมีความรู้สึกว่า ถ้ามันสามารถกดปุ่มทำให้ตัวมันระเบิดได้ตอนนั้น มันจะทำหรือทำไปตั้งนานแล้ว
ความเงียบครอบคลุมไปทั้งบ้าน คนที่เคยคุยกันอยู่ท้ายๆหรือหลังสุดก็พลอยเงียบไปด้วย
ฝ่ายชายมองแม่ฝ่ายหญิงที่เท้าที่ขาแล้วค่อยๆมองไปที่หน้าแล้วก้มหน้านิ่ง
มันตัดสินใจแล้วว่าคงไม่รอดหรอก วันนี้คงไม่ตายดีแน่ แล้วก็ไม่มีวิธีใหนเลยที่จะเป็นทางออกฉุกเฉินได้ในขณะนั้น
มันก้มลงกราบแม่ผู้หญิงโดยการคลานไปกราบที่เท้าแล้วก็ก้มอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร เสียงคนขยับตัวเพื่อจะได้ดูให้ถนัด เสียงไอของนักเลงเก่าดังขึ้นสองครั้งติดกัน
ฝ่ายหญิงก็ใจเด็ดลุกขึ้นพูดซะเอง
แม่, น้า แล้วก็พ่อใหญ่อย่าทำอะไรเขานะ หนูรักเขา พร้อมๆกันฝ่ายหญิงก็ก้มเอาตัวเองไปพาดไว้บนหลังของฝ่ายชายที่ก้มกราบยังไม่ได้ลุกขึ้น เหมือนจะบอกว่าใครจะตีเขาให้ตีหนูก่อน
ไม่มีคำตอบที่หลายคนอยากรู้ออกจากปากของคนทั้งสอง แต่การป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับคนที่ตัวเองรักกลับบอกเล่าเรื่องราวได้ดีกว่า
เรื่องราวจบลงด้วยดีและค่อนข้างเป็นที่พอใจของคนที่อยู่ในที่นั้น
ดีกว่าการตอบว่า ครับผมได้กันแล้วที่ทุ่งนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำถามที่น่าเกลียดอย่างอื่นคงตามมาอีก
และก็เป็นการยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นของทางญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงว่า ใหนๆมันก็ได้กันแล้วก็ให้มันอยู่ด้วยกันตั้งแต่คืนนี้ซะ
การเกี่ยวข้าวไช้เวลามากกว่าครึ่งเดือน หลังจากนั้นทั้งคู่ได้มาลาออก และผมต้องหาคนงานใหม่มาแทน
คนที่ผมไม่ปลื้มมันโผล่มาแล้วครับ
ผมได้รับอนุญาตจากผู้จัดการให้หาคนมาแทน โดยผมเองไช้วิธีง่ายๆคือเขียนประกาศไปติดไว้ที่ป้อมยาม โดยกำชับกับยามอีกทีว่า ผมไม่เลือกว่าคนที่มาสมัครงานจะจบอะไรหรืออายุเท่าไหร่ ผมเคยถูกจำกัดเรื่องนี้ผมก็เลยอยากแหกกฎดูบ้าง คิดว่าคงมีคนอีกไม่น้อยที่อยากได้โอกาสนี้ ผมไม่อยากเห็นคนผิดหวังเพียงเพราะว่าเขาเรียนมาน้อยหรืออายุมาก
วันที่สี่ของการรับสมัคร มีเหยื่อมากินเบ็ดแล้วครับ
สวัสดีครับ มีคนมาสมัครงานครับ จบ ปวส สาขาเครื่องมือวัดครับ เป็นเสียงของยามโทรเข้ามา
ผมกำลังเขียนรายงานอยู่ คิดว่าคงจะไช้เวลาสักหนึ่งชั่วโมงถึงจะให้เขาเข้ามา แต่อีกใจนึงกลับค้านว่า เอาน่ะอย่าให้เขารอนานเลยเผื่อเขาไม่อยากทำที่นี่เขาจะได้มีเวลาไปหางานที่อื่นต่อ
ผมตอบกลับไปว่า พาเขาเข้ามาเลยครับ ผมรออยู่แผนกแอร์นะ
สักพักยามก็พาคนที่มาสมัครงานเข้ามาหาผม
ผมเห็นครั้งแรกรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลยกันคนๆนี้ เอกสารที่เตรียมมาไม่ได้อยู่ในซอง บางแผ่นม้วนๆ บางแผ่นไม่สะอาด ดูเหมือนจะมีบางแผ่นที่เปื้อนเครื่องดื่มพวกกาแฟอะไรมาด้วย การตอบคำถามมีการหาวนอนประกอบเป็นระยะๆ
ผมถามเขาว่าเมื่อคืนได้นอนหรือเปล่า
เขาบอกเปล่า นั่งรถมาจากบ้านตั้งแต่เมื่อวานมาถึงหมอชิตตอนตีหนึ่งกว่าๆ ไม่รู้จะไปใหนต่อ ก็นั่งรถขึ้นลงไปเรื่อยๆ
เขาบอกผมว่าเขามีปัญหาบางอย่างที่บ้านเลยต้องออกมาแบบด่วนๆ คิดว่าจะมาหางานทำหรือเป็นการมาตายเอาดาบหน้า
ผมถามว่ากินข้าวมาหรือยัง เขาก็ว่ายัง ผมเริ่มสำรวจการแต่งตัว เสื้อผ้า ผมหน้าตา หลายอย่างประกอบกัน
เขาเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง ความรู้ภาษาอังกฤษไม่ดี รู้จากการให้เขาแปลข้อความที่เครื่องโชว์ขึ้นมา คือเครื่องแอร์ที่ผมทำงานอยู่ เป็นเครื่องยี่ห้อ Carrier ขนาดการทำความเย็น 540 tons
เครื่องนี้ดีอย่างนึงคือ จะแสดงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้เรารู้เป็นตัวเลข จากตัวเลขเราสามารถนำไปเช็คกับคู่มือของเครื่องว่าตอนนี้เครื่องมีปัญหาอะไร การแก้ไขหรือควบคุมเครื่องจะไช้หลักการนี้เป็นตัวแก้ไขเพื่อให้เครื่องไม่สะดุด
เขาไม่รู้เรื่องเลย เราคุยเรื่องอื่นๆรวมถึงวิธีการทำงานของเราที่นี่ เขาบอกเขาทำได้
ผมหลอกเขาว่าตามกฎของที่นี่เราจะต้องทดลองงานเขาก่อน 7 วัน ถ้าผ่านเราถึงจะรับ แต่ถ้าไม่ผ่านเราไม่รับและไม่จ่ายค่าแรง 7 วันนั้น จะตกลงทำงานกับเราหรือเปล่า เรามีหอพักไห้อยู่ฟรี ข้าวมีคนหุงไห้ แต่กับข้าวต้องซื้อเองราคาถ้วยละบาท (ราคาในตอนโน้นนนน)
เขายอมรับข้อตกลงทุกอย่างทันที ไม่เหมือนคนอื่นที่ต้องเสียเวลาคิดเหมือนกับจะบอกเราเป็นนัยๆว่า จะเอาหรือไม่เอาดีหว่า ถ้าผมต้องรอให้เขาคิดในการหาคำตอบ ผมตั้งใจว่าผมจะไม่รับเขาเข้าทำงานเพราะไม่ถูกชะตาเป็นทุน แต่เหตุการณ์กลายเป็นว่าเขาทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
การรับคนเข้าทำงานนั้น ผมมองว่าคงเหมือนกับการที่เรามีขนมอยู่หนึ่งก้อน เพื่อนเราอาจจะเดินผ่านมาแล้วผ่านมาอีกหลายคน และในหลายคนนั้นเราอาจจะคิดว่า อย่าให้เขาเลยเขาคงไม่เอาหรอก หรือให้ไปแล้วเขาอาจจะรับไปอย่างนั้นเอง เขาคงไม่กินขนมของเราหรอก แต่กับคนที่เราต้องการให้ เรากลับไม่แคร์ว่าเขาจะกินหรือไม่กินแต่เรามีความมั่นใจว่า เขาต้องรับแน่นอน คนงานคนนี้ก็เหมือนกัน ผมมีอคติกับเขาด้วยไม่ถูกชะตา แต่ยังฝืนที่จะรับเขาเข้าทำงาน ด้วยเหตุผลในใจที่ว่า ลองให้โอกาสเขาดูบ้าง เขาอาจจะดีกว่าคนอื่นก็ได้
ตกลงผมรับเขาเข้าทำงานในตำแหน่งช่างควบคุมแอร์ โดยพิจารณาจากความรู้ของเขาซึ่งดีกว่าช่างคนอื่น ค่าแรงทีได้ก็พลอยดีกว่าคนอื่นไปด้วย เขาชื่อสมชาย ชื่อเล่นชื่อ ไอ้บั้ม
ผมให้เขาทำงานกะเช้ากับผมไปก่อน เพราะต้องการสอนงานให้เขาซักระยะ แล้วจึงจะส่งเขาเข้าไปทำงานในกะ ซึ่งมีปัญหาอะไร ตอนเช้าผมอยู่ผมคงช่วยเขาได้ แต่การเข้าทำงานในกะ อาจเป็นช่วงบ่ายหรือดึก ตอนนั้นเขาคงต้องแก้ปัญหาเองเพราะไม่มีคนอื่น
การทำงานของเขาเป็นไปได้ด้วยดี เขาทำงานได้เร็วแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างทันเวลา การทำงานเป็นกะจะทำกะละหนึ่งอาทิตย์ ดังนั้นในสามอาทิตย์จะวนมาอยู่กะเช้าพร้อมกับผม
ผมซื้อขนมมากินโดยเอามาวางไว้ที่โต๊ะทำงาน ช่างคนอื่นก็มีบ้างที่หยิบไปกินแต่ผมไม่รู้สึกอะไร แต่พอไอ้บั้มมันกินผมกลับรู้สึกว่ามันทำไม่ถูก การทำงานถ้าแอร์ไม่มีปัญหาหลายครั้งที่ผมไปเจอช่างแอร์คนอื่นแอบไปนอนบนดาดฟ้า ผมยังยิ้มหัวเราะไปกับพวกมันได้ ไอ้บั้มก็เจริญรอยตามเขาไปด้วย ผมไปเจอมัน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมยิ้มไม่ออก ไม่อยากคุยเล่นกับมัน งานกินเลี้ยงของบริษัทก็บังเอิญเหลือเกินที่ไอ้บั้มต้องมานั่งติดกับผม การที่แขนเราไปสัมผัสกับแขนของคนอื่นขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะ บางครั้งกับบางคนเราอาจไม่รู้สึกอะไร แต่กับไอ้บั้ม ผมรู้สึกมีแววอำมหิตแผ่ออกมาจากตัวมัน การทำดีกับผม ผมก็กลับมองว่ามันสอพลอ การที่มันไปใหนมาใหนแล้วมันซื้อของมาฝากผมก็กลับคิดว่ามันหว่านพืชเพื่อหวังผล เป็นซะอย่างนั้น แต่การพิจารณาผลงานผมกลับไม่ได้แกล้งมัน ผมจะรู้สึกเป็นบาปมากถ้าผมทำอย่างนั้น แต่ก็เคยไม่ใช่ไม่เคย
มีอยู่ครั้งนึงผมลงในใบประเมินผลงานของไอ้บั้ม ผมให้เกรดมันต่ำกว่าความเป็นจริง ผมยิ้มในใจตอนเขียน แต่ผมรู้สึกว่าวิญญาณของคนที่ยังไม่ตายนี่แหละตามมาหลอกผมอยู่ตลอด เจ้าหน้าที่แจ้งให้ส่งเรื่องผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าผมจะตามนั้นดีหรือว่าจะแก้ให้มันใหม่ ตกลงผมไม่แก้ครับผมตัดสินใจส่งเรื่องไปตามนั้น
ผมเดินกลับแผนกด้วยความรู้สึกที่สมน้ำหน้ามัน แต่ในใจด้านดีของผมกลับเตือนผมว่าไปทำเขาอย่างนั้นทำใม ความยุติธรรมของเรามีให้เฉพาะคนบางคนเท่านั้นหรือ จนสุดท้ายผมยอมรับว่าผมผิด ขนมที่มันแอบกินก็ใช่ว่าเราจะกินอีก ถ้าไอ้บั้มไม่กินเราก็คงโยนให้หมากิน แล้วถ้าไอ้บั้มมันกินมันไม่ดีตรงใหน ไอ้บั้มมันนอนตอนทำงาน แล้วคนอื่นมันไม่นอนกันหรือไง ถ้าการนอนในเวลางานคนอื่นไม่ผิดแล้วทำใมไอ้บั้มมันผิดอยู่คนเดียว หลายสิ่งประดังเข้ามาทั้งดีทั้งชั่วลบล้างกันไป จนได้ข้อสรุปว่าไอ้บั้มมันไม่ดี แต่ข้อเสียของมันก็ยังน้อยกว่าคนอื่น
จากออฟฟิตผมเดินช้าๆกลับแผนกแอร์ แต่จากแผนกแอร์ผมวิ่ง 4x100 กลับไปที่ออฟฟิตเพื่อที่จะไปแก้เกรดให้มัน ผมแก้ให้มันแล้วนะครับ
ความหักเหของความรู้สึกเกิดขึ้นเมื่อผมอยากพาทุกคนไปเที่ยวทัศนาจร ผมรับอาสาติดต่อรถนำเที่ยวโดยค่ารถต้องหารกัน มีคนต้องการไปเยอะรวมทั้งไอ้บั้ม..ม่างเอ๊ย..!!!
เราสนุกกันมาก กินเหล้ากันเหมือนเขาแจกให้ฟรี ผมลงเล่นน้ำพร้อมเพื่อนๆอีกหลายคน ไอ้บั้มนั่งกินเหล้าอยู่ที่ชายหาด ตอนขึ้นจากน้ำผมมีความรู้สึกว่าผมอยากลอยตัวอยู่บนผิวน้ำปล่อยให้คลื่นมันกระแทกช้าๆเข้าหาฝั่ง ผมนอนคว่ำหน้าปล่อยให้ตัวเองลอยไปตามคลื่นทะเลโดยเงยหน้าหายใจเหนือน้ำเป็นระยะ
เสียงเพื่อนได้ยินแว่วๆว่า เฮ้ยพี่หมูเป็นอะไรวะ ช่วยกันเร๊ววว
ไอ้บั้มซึ่งอยู่ไกลกว่าเพื่อนกลับเป็นคนที่มาถึงก่อน มันจับผมพลิกหงายช้อนมือขึ้นอุ้มด้านหลังเพื่อให้ผมพ้นน้ำ ความเศร้าบังเกิดกับผมทันที
ไอ้บั้ม กูเนี่ยะไม่เคยคิดว่ามึงดีเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่มึงกลับกลายเป็นคนที่ห่วงกูจริงๆ มีอีกหลายคนที่มาช่วยไอ้บั้มหามผมไปนอนบนเก้าอี้ชายหาด และตอนนั้นก็เป็นเวลาที่ต้องกลับพอดี ผมขึ้นรถไปนั่งที่เดิม ความรู้สึกและการกระทำที่เกิดขึ้นผมบอกใครไม่ได้ว่า แท้ที่จริง ตอนนั้นที่จมน้ำและตอนที่นั่งเงียบอยู่บนรถนี่ แท้ที่จริงกูไม่ได้เป็นอะไรเลย กูนั่งสำนึกผิดต่างหากล่ะบั้ม
ไอ้บั้มไปซื้อขนมดอกจอกมาจากใหนก็ไม่รู้มาฝาก ผมเก็บใส่กระเป๋าไว้จนลืม จนวันหนึ่งจะเอากระเป๋าไปซักเพราะมันเปื้อนทรายเปื้อนน้ำทะเล เลยไปเจอขนมไอ้บั้ม
กูบอกมึงตรงๆนะไอ้บั้ม ขนมมึงถุงนั้นน่ะหยาบ เหนียว น้ำมันที่ใช้ทอดเหม็นหืน
แต่ความดีของมึงมันทำให้ขนมถุงนั้นอร่อยมาก และต่อไปนี้กูจะดีกับมึงแล้วนะ



Create Date : 29 มกราคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2553 23:05:48 น. 0 comments
Counter : 266 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muhin
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muhin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.