[MakeUp] Review : ETUDE face color corset #3 และ #4 Face color corset บลัชออนเนื้อฝุ่นนุ่มๆ รุ่นใหม่ล่าสุดจาก ETUDE แพคเกจน่ารักด้วยลายคอร์เซทและหัวใจ สีสันหวานๆ ปัดแล้วดูธรรมชาติกลืนไปกับผิว มีให้เลือก 6 สีค่ะ #1 highlighter Fit ไฮไลท์สีขาวมุก #2 Lavender Fit ชมพูอมม่วงแบบลาเวนเดอร์ #3 call me Pink Fit สีแนวชมพูนมๆ น่ารักแบบตุ๊กตา #4 Pink Lady Fit สีชมพูอมส้มพีช ปัดง่ายเข้ากับทุกสีผิว #5 Orange Mango Fit สีส้มหวานๆ เข้ากับซัมเมอร์ #6 Shading Sexy Fit สีน้ำตาลหม่นๆ (รูปจาก ETUDE Korea) วันนี้มารีวิว 2 สีน่ารักๆจากคอเลคชั่นนี้ให้ชมกันค่ะ มาดูรูปรวมๆกันก่อน มีสี #3, #4 ค่า (6g. ราคา 395 บาท) ของแท้ต้องมีสติกเกอร์กันปลอมนะคะ เริ่มจากสีแรกเลย #3 call me Pink Fit สีแนวชมพูนมๆ น่ารักแบบตุ๊กตา เหมาะกับสาวผิวขาวหรือขาวเหลือง ปัดแล้วสีน่ารักมาก ดูหวานเจี๊ยบ ลองดมๆดูแล้วไม่มีกลิ่นค่ะ ส่วนเบอร์ #4 Pink Lady Fit ออกพีชๆ ชมพูๆ เป็นสีที่ปัดง่ายดีค่ะ เหมาะกับสาวทุกสีผิวนะ สีน่ารัก ไม่โดดเกินไป ดูธรรมชาติดีค่ะ เราชอบสีนี้มากเลย ปิดท้ายด้วยรูปนี้ ใช้เบอร์ #4 จ้า   Create Date : 13 มิถุนายน 2554     Last Update : 13 มิถุนายน 2554 23:43:01 น. Counter : 4334 Pageviews.   9 comment Share Tweet

[MakeUp] Review : ETUDE Look at my lips #04, #11, #12, #13 (Limited) มาแล้วจ้า รีวิวที่สาวๆหลายๆคนรออยู่ (รึเปล่าน้า) ลิปสติกรุ่นใหม่ล่าสุดจาก ETUDE HOUSE รุ่นนี้มีหลายๆอย่างที่แป้งกรี๊ดมาก ชื่อรุ่นก็น่ารักแล้วเนาะ "Look at my lips" รุ่นนี้ออกมาทั้งหมด 13 สีด้วยกันค่ะ มีเบอร์ #1 My secret mix ที่จะไม่มีสีชัดเจน เป็นลิปแบบ sun protect SPF13 แต่เมื่อทาก่อนลงลิปสีอื่นๆจะเปลี่ยนเป็นโทนสีพาสเทลหวานๆล่ะ แปลกดีค่ะ หลายสีน่ารักมากๆ สีเบอร์ #11 #12 #13 เป็น Limited edition นะคะ อยากได้ต้องรีบนิดนึงค่ะ (รูปจาก ETUDE HOUSE Korea) วันนี้แป้งมารีวิว 4 สีที่มีอยู่ในกรุนะคะ #4 I love Pink #11 Marshmallow Pink #12 Peach BonBon #13 Dreaming Lavender ด้านแพคเกจอาจจะไม่ได้ดูหรูหรา แต่ดูน่ารักค่ะ ส่วนตัวเราชอบนะ ฝาลิปมองเห็นสีด้านใน จะได้ไม่ต้องพลิกดูชื่อสีตอนเลือกมาทา แท่งเล็กๆอ้วนๆขนาดกำลังดีค่ะ จุดเด่นของลิปตัวนี้.... สีสันสดใส สามารถกลบปิดสีเดิมของปากได้ค่อนข้างดี ดังนั้นไม่ต้องทาลิปคอนซีลเลอร์เลยค่ะ เนื้อเนียนนุ่ม ไม่แห้ง ทำให้ปัญหาสีลิปตกร่องปากลดน้อยลงมาก และอีกอย่างที่ชอบคือ ติดทนนานนนนนนนน นานมากจริงๆ ตอนล้างเราแนะนำให้ใช้ eye & lips remover นะคะ เพราะการล้างแค่น้ำเปล่าอาจจะทำความสะอาดได้ไม่หมด มาดูที่สีสันของลิปกันบ้าง... ลองทาบนริมฝีปากดูค่ะ สีสันน่ารักดีเนาะ ถ้าถามว่าชอบสีไหนมากที่สุด เลือกยากค่ะ แต่ส่วนตัวติดใจเบอร์ 13 ค่ะ ออกโทนชมพูม่วงนิดๆ สวยเก๋ดีค่ะ แล้วพบกันครั้งหน้าค่ะ มี Face color corset มารีวิวจ้า   Create Date : 11 มิถุนายน 2554     Last Update : 11 มิถุนายน 2554 15:38:57 น. Counter : 4509 Pageviews.   8 comment Share Tweet

[Make Up] Review: Coffret D'Or Cover base UV & Cheek color 01 สวยสุดๆ Coffret D'Or เป็นแบรนด์คสอ.ที่เราชอบสุดใน KANEBO ค่ะ ด้วยสีสันที่สวยงาม และแพคเกจเริ่ด ก็ครองใจเรามายาวนาน จริงๆแล้วชอบมาก่อนเป็น Coffret D'Or แล้วล่ะ ก่อนหน้านี้จะเป็นแบรนด์ T'estimo ซึ่งแพคเกจและสีสันแนวเดียวกันเลย พอเปลี่ยนแบรนด์มาเป็น Coffret ก็ยังชอบต่อเนื่องค่ะ เมื่อหลายวันก่อนเราเพิ่งซื้อเบส และบลัชจาก New Collection ล่าสุดนี้มา ชอบมากๆค่ะ วันนี้เลยรีบจัดรีวิวให้ชมกันก่อนเลย เริ่มที่เบสเลยแล้วกัน... ตัวนี้พี่ฟลุ้ค alwaysfluke แนะนำมาค่ะ บอกว่าเริ่ดมากกก เอ้า...ลองดู ถอยตามคำแนะนำ Cover Base UV SPF50 PA+++ 25 ml 1,150 บาท แพคเกจน่ารัก ปริมาณ 25 ml ถือว่าน้อยมากเหมือนกัน ใช้ไม่นานก็คงหมด แต่ที่เริ่ดสุดๆคือกันแดดได้เยี่ยม เหมาะกับหน้าร้อนนี้สุดๆค่ะ เนื้อเบสจะทั้งบำรุง และปกปิดโดยเฉพาะรูขุมขนค่ะ สัมผัสที่ได้จะเนียน เีรียบลื่น ไม่เหนอะผิว สามารถใช้แทนกันแดดได้เลยล่ะ หลังจากแกะกล่องก็เขย่าธรรมดา แล้วก็ลองบีบออกมา ปรากฏว่าเนื้อมันแยกชั้น แอบตกใจเล็กน้อย เลยปิดฝา เขย่าใหม่ แล้วก็วางกลับหัวทิ้งไว้พักนึง กลับมาบีบใหม่หายแล้วล่ะ เนื้อเหลวพอสมควรค่ะ ปาดปุ้ปแห้งไวมาก ผิวเรียบลื่นเลย รูขุมขนดูจางหายไปเยอะ ต่อกันที่ Blush ที่ดีไซน์มาได้สวยโดนใจเราที่สุดเลย... Beauty Sharp Designer 01 Cheek & Face Color 800 บาท Case แยกขาย เราเลือกสีขาวมาค่ะ 400 บาท ด้านตัวบลัช จะมีทั้ง บลัชและเฉดดิ้ง ไฮไลท์มาให้เลย เราใช้เบอร์ 01 โทนส้มค่ะ สีไม่ส้มจัด แต่ออกพีชหวานๆ ส่วนเฉดดิ้งสีไม่ค่อยออกมากนักนะคะ บลัชเค้าแยกขายกับเคสค่ะ หากใครไม่ได้พกไปไหน ก็ซื้อมาแต่บลัชก็ได้ค่ะ เพราะแพคเกจรีฟิลเค้าทำดีอยู่ค่ะ เป็นพลาสติกใสแข็งๆ ใช้การสไลด์เปิดปิด เคสที่ซื้อแยกมาสามารถใช้กับ Blush และ eyeshadow ของยี่ห้อนี้ได้ค่ะ มีสีดำและขาวให้เลือก เราเลือกสีขาวมา วิ้งๆดี เอามาประกอบกันซักหน่อย ใส่ง่ายๆ ลองสีให้ชมกันค่ะ ใช้แปรงที่แถมมากับบลัชนี่แหละ ปัดง่ายดี แปรงนุ่มมาก สีมันไม่จัด ทำให้ปัดซ้ำๆได้เรื่อยๆ ไม่มีพลาด สำหรับลุคส้มๆ น้ำตาลๆแบบนี้ มีเพื่อนๆหลายคนสอบถามเข้ามามาก เอาไว้จะจัดเป็นฮาวทูแบบ VDO ให้ชมกันในโอกาสหน้านะคะ วันนี้ไปก่อนแระ บาย...   Create Date : 21 พฤษภาคม 2554     Last Update : 21 พฤษภาคม 2554 15:48:05 น. Counter : 3539 Pageviews.   19 comment Share Tweet

[Make Up] Review: shu uemura Base & Foundation Mousse และแปรงไลน์้เนอร์เทพ 4F Shu uemura กับนวัตกรรมเบส และรองพื้นแบบมูส ให้สัมผัสที่นุ่ม บางเบา แปลกใหม่ เมื่อปลายปีก่อน เราเองได้ใช้ Base Mousse สีชมพูมาอย่างต่อเนื่อง เราใช้โทนชมพูมาตลอด ซึ่งเนื้อโทนชมพู เมื่อเกลี่ยที่ใบหน้าแล้ว จะช่วยปรับโทนผิวให้สว่างสดใสขึ้น ครั้งนี้ได้โทนเบจจาก Sakura Collection มา ก็ไม่รอช้า มาลองกันเลย.. ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เนื้อมูสเป็นตัวเดียวกับคอเลคชั่นอันเดิมค่ะ แต่มาปรับโฉมในแพคเกจซากุระเมื่อช่วง Spring ที่ผ่านมานี่เอง Shu uemura UV under base mousse SPF 30 PA+++ 65g. 1,650 บาท เปรียบเทียบทั้งสองสี สีชมพู เนื้อมูสเป็นฟองนุ่มๆ บางๆ เมื่อแตะนวดที่หน้าจะละลาย เกลี่ยได้ง่าย ปกปิดรูขุมขนได้ดี ผิวหลังใช้จะสว่างขึ้นเล็กน้อย สีเบจ เนื้อแบบเดียวกับสีชมพู ความรู้สึกเหมือนกันค่ะ แต่สีเบจเมื่อทาบนผิวแล้ว จะเรียบเนียนไปกับสีผิว ไม่ได้ปรับให้ผิวสว่างขึ้น ครั้งนี้ลองสี Beige ให้ดูค่ะ ส่วนสีชมพู สามารถดูได้ที่นี่เลย "เปลี่ยนผิวเสียให้ดูสวยด้วยเทคนิคการลง Base makeup" สำหรับตัวเบสมูส ขอบอกว่าดีมากๆ เนื้อนุ่ม เกลี่ยง่าย และปกปิดรูขุมขนได้ดี นอกจากนี้ยังบำรุงให้หน้าเราชุ่มชื้น แต่ไร้ความมันส่วนเกิน พวกรองพื้นก็ติดทน และไม่เป็นคราบอีกด้วย Must have! มาดูกันต่อที่รองพื้นเนื้อมูสตัวล่าสุดกัน Shu uemura sheer mousse foundation SPF 30 PA++ 65g. 1,650 บาท (มี 5 สีค่ะ เราได้ 7YR Medium Light มาลอง สีจะเข้มกว่าสีผิว 1 เฉดค่ะ) สัมผัสมูสนุ่มๆ จะใช้นิ้วเกลี่ย หรือใช้ฟองน้ำเกลี่ยก็ได้ค่ะ ส่วนตัว เรายังไม่ถนัดกับการใช้รองพื้นมูส จึงรู้สึกว่าเกลี่ยให้เรียบเนียนเสมอกันยากกว่าแบบ Liquid ที่เราใช้อยู่พอสมควร เนื้อรองพื้นจะเรียบเนียนไปกับผิว และแห้งไวพอสมควรค่ะ หากเป็นคนที่ผิวดีอยู่แล้ว คงจะได้ลุคที่ดูธรรมชาติ สวยใส แต่สำหรับผิวที่มีรอยแดงดำ เนื้อมูสไม่ค่อยมีพลังการปกปิดค่ะ รอยยังอยู่ครบ ต้องใช้คอนซีลเลอร์ช่วยเท่านั้น สำหรับหน้าเรา รอยเยอะมาก เราใช้ Liquid foundation ค่อยๆกดซ้ำๆตรงรอยอีกชั้น และปิดท้ายให้เนียนกริบด้วย concealer ค่ะ แค่นี้ก็ดูผิวดีขึ้นมาหน่อยแล้ว ปิดท้ายกันที่แปรงเขียน eye liner ที่ซื้อมาเมื่อวาน ด้วยความเคลิ้มมม ตอนนั่งทานไปเม้าท์ไปกับเพื่อนๆพี่ๆบล๊อกเกอร์ พี่มดกับพี่ฟลุ้คก็คุยถึงแปรงตัวนี้ ว่าเท่าที่ใช้มา มันดีมาก กรีดตาหรือทำไลน์เนอร์ได้สวยจริงๆ ได้ยินแบบนี้ต่อมความอยากได้พุ่งกระฉูด เลยนัดแนะกันไปที่ shop ถอยมาลองว่าดีสมคำร่ำลือหรือเปล่า แปรงไลน์เนอร์ของ shu มีหลายรุ่น หลายขนาดค่ะ เรากับพี่มดเลือกเบอร์เดียวกันคือ 4F ขนแปรงขนซาเบิ้ล แบบหัวตัด ใช้เขียน แรเงา เส้นขอบตาค่ะ ราคา 790 บาท หลังจากที่ได้ลอง...ปลื้มมากกกก เราใช้ Gel liner เป็นประจำค่ะ (ปกติใช้ ETUDE code B) ก็ใช้แปรงที่มันแถมมานี่แหละ วาดดีใช้ได้ แต่จะมีปัญหาตอนตวัดหางตาให้คม หัวมันใหญ่จะเขียนไม่ได้ ต้องใช้แบบเมจิกช่วย แต่ครั้งนี้ลองใช้ 4F ดู สรุปว่า แค่เจลกับแปรงตัวนี้เอาอยู่ค่ะ วาดหางตาได้สวยคมทีเดียวล่ะ ขนแปรงไม่แข็ง แต่ไม่อ่อนนิ่มจนเกินไป เวลาวาดเส้นจึงเรียวและ ไม่ทำให้ระคายเคืองเปลือกตา สรุปแล้ว ด้วยราคานี้ เราว่าคุ้มมากที่จะซื้อมาใช้ และได้เข้ามาอยู่ใน Must have item ของเราเรียบร้อยแล้วจ้ะ   Create Date : 29 เมษายน 2554     Last Update : 29 เมษายน 2554 23:34:49 น. Counter : 10664 Pageviews.   21 comment Share Tweet

[Make Up] Review: ETUDE henna fix proof 10 mascara #1 ช่วงนี้เป็นช่วงค้นหามาสคาร่าเน้นความหนาตัวใหม่ของเราค่ะ เพราะ L'Oreal ULTRA Volume collagen ตัวโปรดของเราจะไม่มีวางขายซะแล้ว T^T วันนี้เลยแวะมารีวิวมาสคาร่าเน้นความดำและหนาของ ETUDE ใช้ชมกันค่ะ ETUDE henna fix proof 10 mascara #1 10g. 825 บาท มาสคาร่าตัวนี้ซานดารา 2NE1 เป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย น่าฮักสุดๆ Package น่ารักค่ะ สีชมพูช้อคกิ้งพิงค์ หัวแปรงเป็นแบบ spiral เกลียว ความรู้สึกหลังใช้ ยอมรับว่าดำแบบเฮนน่าจริงๆ เนื้อมาสคาร่าเคลือบขนตาให้ดำและดูธรรมชาติขึ้นมาก แต่เนื้อมาสคาร่าชอบเกาะเป็นก้อนเวลาปัด ต้องอาศัยเทคนิคการปัดระดับนึงเหมือนกัน มาสคาร่าแห้งไวปานกลาง ไม่ทำให้ขนตาตก ไม่ค่อยเลอะระหว่างวัน เว้นแต่ปัดทับหลายรอบ (เราปัดปกติประมาณ 4 รอบ) จะมีสะเก็ดผงๆร่วงเล็กน้อย แนะนำว่าให้ปัดไม่เกิน 2-3 รอบค่ะ จะไม่เลอะ การล้างออกใช้ Eye remover ล้างได้ปกติ ล้างออกง่ายปานกลาง มาดูรูปหลังใช้กันค่ะ รูปด้านซ้าย ปัดแล้ว ส่วนด้านขวายังไม่ได้ปัดค่ะ เมื่อปัดครบแล้ว ปัดซ้ำต่อ อีก 2 รอบ มาสรุปคะแนนกันค่ะ (ผลการใช้อาจจะแตกต่างกันไปแต่ละคนนะคะ)   Create Date : 17 เมษายน 2554     Last Update : 17 เมษายน 2554 10:55:20 น. Counter : 2374 Pageviews.   12 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com