"คนที่มีความสุขที่สุดในโลก ไม่ใช่คนที่ฝันอะไรก็ได้อย่างนั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีใครที่จะได้ตามฝันทุกครั้ง และไม่มีใครจะประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง คนเราต้องผิดหวังหรือล้มเหลวบ้างเป็นธรรมดา คนที่มีความสุขจึงเป็นคนที่ไม่ว่าจะยืนอยู่ ณ จุดไหน ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง เขาก็สามารถค้นเจอความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่"... บทความข้างต้น มาจากหนังสือชื่อ "ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่" หนังสือเล่มนี้มีความน่าสนใจมากทีเดียว หนังสือเล่มบางเล็กๆ อ่านง่าย เข้าใจง่าย ถ้าเราทุกคนที่อ่านสามารถทำตามที่ผู้แต่งบอกได้ก็คงจะดีไม่น้อยเพราะคงจะไม่มีคนมีความทุกข์เลย จะว่าไปแล้ว สุุขทุกข์ มันอยู่ที่มุมมอง คนสองคนเจอเรื่องเดียวกันแต่ถ้ามองต่างกัน ผลที่ได้ก็ย่อมต่างกันด้วย มีบทความตอนหนึ่งในหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกชอบมุมมองของผู้เขียน จึงขอนำมาบอกต่อให้ได้อ่านกัน พระอาจารย์พรหมเป็นพระชาวอังกฤษ ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชา ก่อนที่จะไปก่อตั้งวัดที่ประเทศออสเตรเลีย หลังจากซื้อที่ดินแล้ว เงินก็แทบไม่มีเหลือ ดังนั้นท่านจึงต้องก่อสร้างวัดด้วยมือของตัวเอง ตั้งแต่ผสมปูนจนถึง ก่อกำแพงอิฐ ตอนลงมือทำท่านก็รู้สึกว่าได้ทำอย่างประณีตที่สุด จนกระทั่งกำแพงอิฐเสร็จสิ้นลง แต่พอถอย กลับออกมายืนดูห่างๆ กลับพบว่าก่ออิฐพลาดไป 2 ก้อน อิฐบนกำแพงเรียงกันอย่างสวยงามแต่มีเพียง 2 ก้อนเท่านั้น ที่เอียงๆ พระอาจารย์จึงไปขอเจ้าอาวาสทุุบกำแพงทิ้งเพื่อสร้างใหม่ แต่เจ้าอาวาสไม่่ยอม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อมีแขก มาเยี่ยมที่วัด ท่านก็จะพาเดินเลี่ยงไปทางด้านอื่น เพราะอายที่ก่ออิฐผิดไป 2 ก้อน จนกระทั่งวันหนึ่งพระอาจารย์ก็เดิน ชมวัดกับแขกที่มาเยี่ยมคนหนึ่ง บังเอิญชายคนนั้นหันไปเห็นอิฐสองก้อนที่เอียงอยู่ แล้วพูดขึ้นว่า "กำแพงนี่สวยดี" พระอาจารย์ได้ฟังดังนั้นก็ขำ และถามว่า "คุณไม่ได้เอาแว่นมาด้วยเหรอ ถึงชมว่าสวย แล้วมองไม่เห็นว่ากำแพงนี้มีอิฐ 2 ก้อนเอียงอยู่หรืออย่างไร มันทำให้กำแพงนี้ดูไม่ดีเลย" แต่แล้วผู้มาเยี่ยมชมคนนี้ ก็เอ่ยประโยคนึงขึ้นมา ที่ทำให้พระอาจารย์เปลี่ยนความคิดที่มีต่อกำแพงนี้และมุมมองชีวิตไปตลอดกาล เขาพูดว่า....... "ผมมองเห็นอิฐ 2 ก้อนที่เอียงอยู่ และผมก็มองเห็นด้วยว่ามีอิฐอีก 998 ก้อน ที่ถูกก่อวางไว้อย่างสวยงามไม่มีที่ติ" ท่านอาจารย์กล่าวว่า ประโยคนี้ประโยคเดียวเปลี่ยนทัศนคติของท่านจากดำเป็นขาวเลยทีเดียว นับจากนั้นเป็นต้นมา ท่านสามารถมองเห็นอิฐก้อนอื่นๆที่ถูกวางไว้อย่างงดงาม โดยไม่ได้มาหยุดมอง 2ก้อนนั้นอีกเลย ที่ผ่านมาท่านยอมรับว่า ใจท่านมืดบอดต่อสิ่งอื่นๆ ท่านอยากทำลายกำแพงทั้งหมดลงมาเพียงเพราะอิฐแค่ 2 ก้อน เพียง 2 ก้อนที่ผิดพลาดเท่านั้นเกือบทำให้ท่าน พังกำแพงที่ก่อสร้างด้วยอิฐนับพันก้อนลงได้ จนถึงวันนี้ท่านบอกว่า จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่า 2 ก้อนปัญหานั้นอยู่ตรงไหน เพราะเมื่อทัศนะคติเปลี่ยน อิฐ 2 ก้อนนั้นก็เลือนหายไปจากใจ คู่รักหลายคู่ที่ต้องเลิกร้าง ทรยศ หักหลังกัน ก็เพราะทั้งคู่เพ่งมองแต่อิฐที่ไม่ดี 2 ก้อนของกันและกัน คนที่ท้อแท้ คิดฆ่าตัวตาย ก็มองแต่อิฐ 2 ก้อน ที่ไม่ดีในตัวเราเอง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว นอกจากอิฐ 2 ก้อนนั้น ยังมีอิฐก้อนที่ดี และอิฐก้อนที่ดีจนไม่มีที่ติ อีกมายมายจนนับไม่ถ้วนอยู่ในตัวเรา เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้น ท่านเตือนทุกๆคนว่า อย่าให้อิฐที่ไม่ดีเพียง 2 ก้อน มาทำให้เราต้องทำลายกำแพงชีวิตดีของเรา หรือคนรอบข้างเราเลย อย่ามองแค่ว่าความผิดพลาดในตัวคนอื่น จะเป็นสิ่งไม่ดี เพราะบางทีความผิดพลาดก็เป็นเอกลักษณ์ได้เหมือนกัน ...หอเอนเมืองปิซ่า ก็คือความผิดพลาดที่เอียง แต่สุดท้ายกลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจนปัจจุบันนี้... หนังสือไม่ว่าจะเล่มไหน เรื่องอะไร จะใช่แนวที่เราชอบอ่านหรือไม่ก็ตาม แต่พอลองได้อ่านแล้ว เราก็จะได้บางอย่าง จากผู้เขียนที่พยายามบอกกับเรา จะได้มากได้น้อย ก็ขึ้นกับแต่ละบุคคล อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่คาดหวังได้หลังจากที่ได้อ่าน นอกจากเรื่องก้อนอิฐที่รู้สึกประทับใจ และเอามาเล่าให้ฟังแล้ว ยังมีอีกหนึ่งวลีโดนๆ นั่นก็คือ "หากปัญหานั้นแก้ไขได้ จะมัววิตกกังวลไปทำไม แต่ถ้าปัญหานั้นแก้ไขไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไรที่จะวิตกกังวล" ...ซึ่งมันก็จริง จริงอย่างแรงด้วย แต่จะทำให้ได้ตามนี้ มันช่างยากเย็นนัก แต่กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวนี่นา เพราะฉะนั้นแค่เรายังมีหวังอะไรก็เป็นไปได้...
Create Date : 07 ธันวาคม 2556 |
Last Update : 7 ธันวาคม 2556 14:52:37 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1774 Pageviews. |
|
|
อ่านแล้ว ได้ข้อคิดดีๆ เชียว ...
แถมชื่อหนังสือ น่าสนใจ ...
ถ้ามีโอกาส จะลองหามาอ่านค่ะ