เมื่อฉันผันตัวมาเป็นคนไข้
นานมาแล้วที่ฉันไม่ได้เข้ามาเขียนบล็อกเลยวันนี้เข้ามาครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หาทางเข้าอยู่นาน ไม่รู้ว่าต้องเริ่มตั้งบล็อกตรงไหนกว่าจะหาเจอก็เหนื่อยใช่เล่น ที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้หายไปไหนนะแค่ไม่มีอารมณ์จะเขียน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะ... ฉันผันตัวเองจากบุคลากรทางการแพทย์มาเป็นผู้ป่วยจิตเวชน่ะสิ บทความสุดท้ายที่ฉันเขียนคือช่วงวันแม่และมีบทความที่เขียนค้างไว้อยู่อีกเรื่อง แต่ฉันก็ไม่คิดจะเปิดมันออกมาเขียนต่อเลยแต่ละวันของฉันผ่านไปอย่างเชื่องช้าและน่าเบื่อ ไม่อยากทำอะไรเลิกงานแล้วก็เอาแต่นอนๆๆ จากที่เคยไปออกกำลังกายบ้างทำกับข้าวบ้างฉันก็เริ่มไม่ทำอะไร สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองน่าจะต้องเป็นอะไรซักอย่างคือฉันนอนไม่หลับ กว่าจะหลับได้ในแต่ละคืนปาเข้าไปเที่ยงคือตี 1 พอหลับแล้วก็หลับไม่สนิท หลับๆตื่นๆ ตื่นเช้ามาก็เพลียเสมือนว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน ผิดกับฉันคนเดิมที่เคยเปรยๆกับคนอื่นไว้ว่า คนนอนไม่หลับนี่เขาจะรู้สึกยังไงบ้างนะเรานี่ไม่เคยรู้สึกเลย ออกจะหลับเยอะไปด้วยซ้ำ อีกอาการที่ชัดมากก็คือน้ำหนักลดฉันไม่ทันได้สังเกตตัวเองเท่าไหร่ว่าน้ำหนักลดไปมากน้อยแค่ไหนและเริ่มลดมานานเท่าไหร่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เริ่มรู้สึกกังวลก็คือมันลดลงเหลือ 39กิโล ใช่ละ พิมพ์ไม่ผิด 39 กิโลจริงๆ นี่มันน้ำหนักสมัยเรียนประถมแล้วรึป่าววะฉันคิดในใจและเริ่มกังวล ฉันลองสังเกตตัวเองอีกหลายๆอย่างเออ ใช่จริงๆ ข้าวของที่ซื้อมาไว้ทำกับข้าว ซื้อมาเป็นเดือนละของยังไม่พร่องไปเลยฉันไม่ได้ทำกับข้าวมานานแค่ไหนแล้วนะ อีกอย่างที่ดูแปลกไปชีวิตฉันดูอมทุกข์ ดูโลกใบนี้เป็นสีเทาๆ ฉันรู้สึกไม่มีความสุข ไม่รู้จะทำอะไรดีตื่นเช้ามามาอยากไปทำงาน และที่สำคัญ...ฉันร้องไห้บ่อยมากโดนที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองร้องไห้ทำไม ฉันตัดสินใจไปพบ...จิตแพทย์ วันนั้นฉันขับรถไปโรงพยาบาลในเมืองเป็นระยะทางกว่า 60 กิโล ฉันไปคนเดียว ทุกคนเป็นห่วงที่ฉันไปคนเดียว ไม่ใช่เพราะฉันอารมณ์ไม่ปกตินะแต่เพราะฉันเพิ่งหัดขับรถได้ไม่กี่เดือนต่างหาก 555 โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยจิตเวชโดยเฉพาะเป็นโรงพยาบาลด้านนี้แห่งเดียวในจังหวัด ฉันปิดประตูรถแล้วมองไปยังตึก OPD หืมมมมม นี่โรงพยาบาลเหรอฉันรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นอนามัยขนาดใหญ่มากกว่า ฉันเดินเข้าไปทำบัตรเสร็จแล้วไปซักประวัติ คุณพยาบาลที่น่ารักถามฉันมาขอใบรับรองแพทย์เหรอคะ ไม่ใช่ค่ะมาขอพบหมอตุ้ยค่ะ ฉันตอบ คุณพยาบาลทำหน้างงเล็กน้อยเพราะอายุอานานประมาณฉันไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่ต้องมาพบจิตแพทย์เลย หลังจากซักประวัติและอาการต่างๆคร่าวๆแล้วพยาบาลก็แจ้งว่า วันนี้หมอตุ้ยไม่อยู่นะคะ งั้นเดี๋ยวจะให้คุยกับนักจิตวิทยาก่อนแล้วค่อยนัดมาเจอหมอตุ้ยอีกทีนะคะ ซักพักนักจิตวิทยาเดินมาหาฉันและพาฉันเข้าไปคุยด้วยที่ชั้นบน เขาให้ทำแบบสอบถามหลายอย่างเท่าที่จำได้ก็คือประเมินภาวะซึมเศร้า ประเมินความเครียด จากนั้นก็พูดคุยกับในเรื่องต่างๆซึ่งฉันขอไม่ลงในรายละเอียดเรื่องที่เป็นสาเหตุของอาการซึมเศร้าละกัน ทีแรกฉันไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนดี แต่พอได้เริ่มเท่านั้น ทุกเรื่องก็พรั่งพรูออกมาจากความในใจที่บางเรื่องไม่เคยเล่าให้ใครฟังฉันเริ่มน้ำตาคลอเบ้า และร้องไห้ออกมา แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกสบายใจไปพร้อมๆกัน แล้วทำไมถึงตัดสินใจมาพบหมอคะนักจิตวิทยาถามฉัน หนูอยากหายค่ะอยากกลับไปมีชีวิตที่มีความสุขเหมือนเดิม ฉันตอบ ทีแรกพี่นักจิตวิทยาจะนัดให้ฉันมาพบหมอตุ้ยอีกครั้งแต่พอได้ลองพูดคุยกันแล้วเขาคงประเมินอาการและหลายๆอย่างจึงตัดสินใจให้ฉันพบหมออีกคนไปก่อน คุณหมอให้เริ่มกินยา Fluoxetine ซึ่งเป็นยาต้านอาการซึมเศร้าแล้วอาทิตย์หน้าให้มาพบหมอตุ้ยอีกครั้ง และฉันก็เริ่มต้นการเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า
credit ภาพ: จาก internet ติดตามต่อตอนที่2 นะคะ
Create Date : 01 มกราคม 2559 | | |
Last Update : 30 มกราคม 2559 14:56:04 น. |
Counter : 426 Pageviews. |
| |
|
|
|