ห๊อม หอม...หอมทุกที่ไม่ว่าที่ไหน


จำได้ว่าเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องคาร์ซีทของมามิบ่อยมาก คงเพราะมามินั่งคาร์ซีทเป็นประจำ ก็เลยมีเรื่องเล่ามากหน่อย แล้วเรื่องที่คลาสสิคที่สุดคงไม่พ้นเรื่อง "อ้วก" ฟังแล้วอย่าเพิ่งอี๋ คนเป็นแม่หนีไม่พ้นกับเรื่องนี้แน่นอน

เมื่อตอนมามิสองขวบกว่า ตอนนั้นจำได้ว่ามามิชอบเล่นไอโฟนของแม่มาก เพราะแม่แหม่มชอบโหลดแอพสำหรับเด็ก สอนภาษา เกมสำหรับเด็ก มามิก็เลยชอบขอแม่เล่น เวลานั่งรถไปไกลๆ ก็เอาละ "แม่ขอไอโฟนหน่อยค่ะ" แรกๆ ก็บอกไม่ได้ แล้วก็คอยหาเรื่องชวนคุยไปเรื่อยๆ เด๊่ยวถึงที่มามิก็ลืม พอหลังๆ ชักเริ่มหมดมุก ก็เลยหยวนๆ ให้เล่นได้ แต่กำชับว่าให้เล่นเฉพาะแอพสอนภาษา


จนวันหนึ่ง ก็เป็นเรื่องจนได้อาจจะเพราะมามิกินอ่ิมเกินไป หรือเพ่งกับไอโฟนจอเล็กๆ มากเกินไป หรือจะเพราะอะไรก็สุดจะเดา อยู่ๆ ก็มีเสียง อ๊อก แม่แหม่มหันไปดู ก็เห็นว่ามีของเหลวกำลังเคลื่อนออกจากปากมามิอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วมามิก็บอกว่า แม่…อ้วก จบกันชุดสวยและคาร์ซีท

เลยเป็นข้อห้ามอย่างหนึ่งสำหรับมามิ คือห้ามเล่นไอโฟน ไอแพด เวลานั่งรถเด็ดขาด

หลังจากกำจัดอ้วกจนหมด ทำความสะอาดคาร์ซีทจนสะอาด อย่าคิดว่ามันจะหมดไปนะ กลิ่นอันไม่พึงประสงค์จะยังคงอยู่ อบอวลอยู่ในคาร์ซีทไปอีกหลายวัน ถึงเดือนก็มี 

บางคนก็บอกให้จอดรถตากแดด แล้วเปิดกระจกไว้ ก็ดีเฉพาะสิบนาทีแรก พอหลังจากนั้นกลิ่นเอียนๆ ก็กลับมาเป็นระยะๆ สุดท้ายก็มีคนแนะนำให้ใช้ สเปรย์ขจัดกลิ่น แอมบิเพอร์ ฉีดที่คาร์ซีท และที่เบาะนั่งในรถ รอจนแห้ง แล้วเข้ามานั่งในรถกัน ว้าว... มันสดชื่นมาก  สดชื่นจนแปลกใจว่ามันทำได้ยังไงเนี่ย


ก็เลยไปลองกับผ้าม่านในห้องของโมโม่ดูบ้าง คุณแม่ที่ลูกยังเล็ก คงเข้าใจเรื่องกลิ่นอับในห้องเจ้าตัวเล็กนะคะ เพราะมันจะมีกลิ่น ทั้งฉี่ทั้งอี ทั้งๆ ที่เราก็ทำความสะอาด เช็ดถู เรียบร้อย กำจัดขยะทุกวัน แต่กลิ่นบางทีมันจะแฝงอยู่ในห้องตลอด ถามกูเกิ้ลดูก็มีคำตอบประมาณว่า เครื่องใช้ที่เป็นผ้า บางครั้งจะมีแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นแฝงอยู่ แล้วก็จะคอยซับกลิ่นต่างๆที่อยู่ในห้อง ถ้าห้องที่มีการเปิดระบายอากาศ ตลอดเวลา และมีแสงแดดส่องถึง ก็จะไม่เป็นปัญหา แต่ห้องของโมโม่ เป็นห้องที่อยู่ด้านหลัง แสงแดดส่องไม่ถึง เปิดระบายอากาศได้ แต่ไม่ได้ตลอดเวลาเพราะอยู่ใกล้กับห้องครัว ดังนั้นกลิ่นในห้องนี้ก็เลยนัวๆ คือมันก็ไม่ฉุนนะ แต่ก็เหมือนไม่สดชื่น

เอาเป็นว่าลองสเปรย์แอมบิเพอร์เลยแล้วกัน ฉีดบนผ้าม่าน แล้วก็บนเฟอร์นิเจอร์ที่ทำด้วยผ้า ไหนๆ ฉีดแล้ว แถมตุ๊กตาด้วยละกัน เสร็จแล้วรอแห้งประมาณ 10 นาที แล้ววันนั้นแม่แหม่มก็ได้ว้าว...อีกครั้ง กลิ่นทั้งหลายหายหมด โล่งสบายจมูก แต่สำหรับโมโม่ ก็ไม่รู้เรื่องอะไร วิ่งรื้อค้นห้อง ลากตุ๊กตาไปมา เฮ้อ.. เด็กผู้ชาย

สำหรับเบื้องหลังประสิทธิภาพในการขจัดกลิ่นของ สเปรย์ แอมบิเพอร์ จากที่ได้อ่านข้อมูลในเว็บ https://www.facebook.com/AmbipurThailand  เลยรู้ว่า อยู่ที่เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะที่มีคุณสมบัติในการลดแรงตึงผิว ทำให้เมื่อฉีดผลิตภัณฑ์แอมบิเพอร์ สูตรเฉพาะที่ประกอบด้วยสารแอนตี้แบคทีเรีย และ “ลูพาซอล” ซึ่งเป็นสารสกัดจากข้าวโพดที่อยู่ในแอมบิเพอร์ สามารถแทรกซึมลงสู่เนื้อผ้าได้เป็นอย่างดี เพื่อช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับชื้นบนผ้าและสารลูพาซอลจะตรงเข้าจับโมเลกุลของกลิ่นเหม็นต่างๆ เช่น กลิ่นบุหรี่ กลิ่นอาหาร กลิ่นกาย กลิ่นเท้า เป็นต้น ในขณะเดียวกันก็จะกระจายความหอมลงสู่เนื้อผ้า แถมแอมบิเพอร์ยังใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เลยเหมาะสำหรับผ้าทุกชนิด แจ๋วเลยค่ะ


แถมอีกนิดสำหรับคนที่คิดว่าใช้แล้วไม่ได้ผล ทางแอมบิเพอร์ยังยินดีคืนเงินให้ด้วยนะ ลองอ่านรายละเอียดที่ //www.ambipurmoneyback.com/ แบบนี้ขอบอกได้เลยว่าได้ใจไปเต็มๆ 

วันนี้เขียนแต่เรื่องกลิ่นๆ อย่างนี้อย่าเพิ่งฉุน ฟุดฟิดๆ นะคะ เพราะเรื่องอย่างนี้ ใครไม่เคยเจอก็จะไม่่เข้าใจหรอก แต่สำหรับคนที่เคยผ่านจุดนี้มาแล้ว ก็จะรู้สึกเหมือนกับว่า กลิ่นพวกนี้มันยังคงติดอยู่ปลายจมูกเลยเชียวค่ะ




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2556    
Last Update : 3 ธันวาคม 2556 13:14:35 น.
Counter : 1209 Pageviews.  

เข้าใจ...

    มีเรื่องอยากจะบ่นลอยๆ  ใครๆ ก็ชอบคิดนะว่า คนเป็นแม่ต้องรู้ใจลูก ไม่ว่าลูกจะทำอะไร ต้องการอะไร คนเป็นแม่รู้ไปซะหมด อาจจะเป็นเพราะแม่ต้องคอยประคบประหงมลูกน้อย ตั้งแต่เล็กจนโต คนก็เลยฝังใจไปกับความคิดนี้ แต่สมัยนี้นะ คนเป็นแม่ต้องรับบทบาทหลายอย่างเหลือเกิน ต้องทำงานด้วย ต้องดูแลลูก ดูแลบ้าน มันก็ต้องมีหลงๆ ลืมๆ กันบ้างละนะ แล้วยิ่งคนเป็นลูกสมัยนี้ มีเรื่องให้ทำเยอะซะจนแม่หลายโหมดต้องคอยเก็บข้อมูลจนถึงกับเม็มโมรี่เต็ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เรื่องแต่งตัว เรื่องเรียน เรื่องเล่น เรื่องจิปาถะต่างๆ แล้วอย่างนี้จะให้รู้ใจไปทุกเรื่อง ก็คงต้องเพิ่มการ์ดเพิ่มเม็มกันอีกเท่าตัว

คิดแล้วก็ท้อ แต่ถอยไม่ได้ ก็เลยคิดซะว่าเอาความเข้าใจในตัวลูกเป็นที่ตั้งก็แล้วกัน เพราะทุกอย่างต้องมีเหตุผลของมันอยู่แล้ว อาจจะไม่รู้ใจซะทุกอย่างแต่เข้าใจว่าลูกต้องการอะไรเพราะอะไร แล้วอย่างนี้ก็คงไม่ยากแล้ว




อย่างมามิ เธอเป็นเด็กสาวใกล้ห้าขวบ ก็เริ่มมีความรู้สึกถึงสิ่งสวยงามตามธรรมชาติของเด็กผู้หญิงแล้ว เธอก็จะเลือกเสื้อผ้า ที่มีสีสันอย่างเด็กผู้หญิง เธอจะอยากทาเล็บสวยงาม ทาโลชั่นที่มีกลิ่นหอมๆ แอบเล่นเป็นเจ้าหญิงบ้างอะไรบ้าง ก็คงเป็นเพราะวัยของเธอเวลานี้กำลังพัฒนาให้เธออยากก้าวไปตามแม่ เพราะมีแม่เป็นไอดอลของเธอ ใครไม่รู้ก็อาจจะคิดว่าเธอจะแก่แดดไหมนะ ก็ต้องอธิบายไปว่าวัยของเธอกำลังเติบโต ต้องหาบุคคลที่จะมาเป็นแบบอย่าง ยังไม่น่าเป็นห่วงหรอก


ส่วนโมโม่ ก็คงจะต้องเข้าใจธรรมชาติของความเป็นเด็กผู้ชาย ว่าจะไม่นิ่ง ชอบวิ่งซน จะจับมานั่่งสอนพูด สอนทำสิ่งต่างๆ ก็คงยาก ก็ต้องให้เรียนผ่านการเล่นของเขา ไม่ว่าจะเป็นของเล่นต่างๆ ก็ต้องคอยซ้ำคำพูดไปเรื่อยๆ ว่าต้องทำอะไร เก็บของ หยิบของ เอาไปให้ใคร ไปรับมาจากใคร เรื่องพวกนี้ต้องทำซ้ำไปมาจน โมโม่จำได้เอง



มีอีกกิจกรรมหนึ่งที่ทั้งโมโม่ และมามิจะชอบเป็นพิเศษก็คือช่วงเวลาอาบน้ำ ทั้งสองคนจะชอบเล่นฟองสบู่มากถึงมากที่สุด เรื่องนี้เด็กหลายๆ คนก็คงเป็น ซึ่งถ้าเราเข้าใจในธรรมชาติของเด็ก ก็จะรู้ว่าเด็กจะรู้สึกมหัศจรรย์มากกับการที่มีฟองสบู่ที่สามารถเป่าให้ออกมาได้ แล้วแถมยังลอยไปมาได้อีก พอเราจับมันก็หายวับไปกับตา ทุกสิ่งอย่างล้วนมาจากจินตนาการของเด็กจริงๆ

บางทีนะเด็กก็อยากจะแช่น้ำนานๆ เล่นฟองสบู่ เล่นของเล่นต่างๆ ก็ต้องอธิบายให้พ่อเขาฟังว่า ช่วงนี้จินตนาการของมามิ กับโมโม่กำลังบรรเจิด อย่าเพิ่งไปขัดอะไร ก็ปล่อยให้เล่นกันจนมือซีด เดี๋ยวพออาบน้ำเสร็จก็รีบเช็ดตัวให้แห้ง แล้วจับทาโลชั่นกันผิวแห้งซะหน่อย ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว


ก็คิดนะว่าบางทีคำว่ารู้ใจ กับเข้าใจ มันก็ใกล้กันะ แต่รู้ใจมันออกจะรอบรู้ แล้วก็เก่งเกิน สำหรับแม่ๆ อย่างเรา เข้าใจธรรมชาติของลูกในแต่ละช่วงอายุก็เลิศแล้วค่ะ เหมือนอย่างใน โฆษณาของ เบบี้มายด์ ที่ดูแล้ว Concept ตรงใจมากที่สุด เพียงแค่เราเข้าใจ อะไรก็ไม่ยาก


                      ตามไปชมคลิปน่ารักๆ กันค่ะ : //youtu.be/2NLJA3P0T1w

Babi Mild Thailand มีกิจกรรมใหม่ที่ให้แม่ๆ มาบอกเล่าเรื่องราวลูกแต่ละบ้านที่แม้จะเป็นเด็กเหมือนกัน แต่ก็มีธรรมชาติความต้องการที่ทำให้แม่เข้าใจและดูแลในแบบที่ต่างกัน... ความไม่เหมือนใครของลูกเรานี่ล่ะค่ะที่มีแต่แม่เท่านั้นจะเข้าใจธรรมชาติของเขาได้ดีที่สุด

อยากชวนคุณแม่ไปร่วมกิจกรรม " My Baby My Theory ไม่มีใครเข้าใจธรรมชาติของลูก...ดีเท่าแม่" และลุ้นเป็นสุดยอดคุณแม่ 1 ใน 100 กับทฤษฎีการเลี้ยงลูกของตนเอง ที่จะจัดขึ้นในรูปแบบของ Photo Gallery ได้แล้ววันนี้ที่ : //www.babimild.com/ultramild




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2556 21:42:45 น.
Counter : 1378 Pageviews.  

Pantene เวลาพิเศษ ของครอบครัว


เป็นคนนึงที่ชื่นชม และติดตามผลงานของคุณเจี๊ยบ วรรธนา มานานแล้ว อีกทั้งเมื่อได้ทราบว่าเธอต้องมีหน้าที่ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในการเลี้ยงดูลูกทั้งสองคน บทบาทหน้าที่แม่ในการเลี้ยงลูกสองคนโดยลำพังคงไม่ง่ายเลย ได้ดูจากคลิป Pantene เวลาพิเศษ ของครอบครัว เจี๊ยบ วรรธนา ที่คุณเจี๊ยบพูดว่าเวลาดูแลตัวเองแทบจะไม่มีเลย มองกลับมาที่ตัวเราเอง และเชื่อว่าแม่แทบทุกคนที่เลี้ยงลูกเองเข้าใจอารมณ์นี้เหมือนกัน คือลูกต้องมาก่อน ส่วนตัวเองมาทีหลัง


ตื่นเช้าขึ้นมารีบจัดการธุระตัวเองให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว คือได้แค่อาบน้ำอย่างเดียว เรื่องสระผมน่ะเหรอ ตอนยังไม่มีลูก ไม่ว่าจะไว้ผมยาวแค่ไหน ตื่นเช้าขึ้นมาสระผมทุกวัน สระเสร็จไดร์ผมให้แห้ง  แต่งตัวออกจากบ้านไปทำงาน ปล่อยผมปลิวสยาย แทบไม่เคยรวมผมเก็บผม แต่พอมีลูกคนแรกยังช่วยกันกับสามีดูแล จากสระผมทุกวันก็เป็นสระวันเว้นวัน ปล่อยบ้างรวบบ้าง แต่พอมีลูกคนที่สอง ต้องแบ่งกันเลี้ยงคนละคน ทุกวันแค่ได้อาบน้ำก็หรูแล้ว เรื่องสระผมไม่ต้องพูดถึง สระได้แค่อาทิตย์ละ 1- 2 ครั้ง เรื่องปล่อยผมสยายน่ะเหรอ ได้แค่วันเดียวแหละคือวันที่ตื่นมาสระผม


ตอนเช้าอาบน้ำสระผมเสร็จได้แค่เช็ดให้แห้งพอหมาดๆ แล้วรีบแต่งตัว ไม่มีเวลาเลือกชุดหรอก ชุดไหนที่อยู่ใกล้มือ หยิบชุดไหนได้ก็ใส่ชุดนั้นแหละ เสร็จแล้วก็ต้องมาปลุกลูกลุกขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัว เตรียมตัวไปโรงเรียนเรื่องไดร์ผมไม่ต้องพูดถึง ไม่มีเวลาค่ะ ปล่อยให้แห้งเอง พาลูกเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินจากบ้านไปส่งลูกถึงโรงเรียนก็แห้งพอดี พอแห้งเสร็จไม่เป็นทรงเพราะไม่ได้ไดร์ก็ต้องรวบไว้ตลอด ส่วนวันต่อๆ มาที่ต้องรวบไว้ไม่กล้าปล่อยสบายเพราะไม่ได้สระกลัวจะส่งกลิ่นเหม็นรบกวนคนรอบข้าง นี่แหละชีวิตแม่!!

อาจจะมีคำถามว่า อ้าว...แล้วทำไมไม่สระตอนเย็นล่ะ กลับถึงบ้านก็ 1 ทุ่ม นั่งกินข้าว ดูทีวี เล่นกับลูกซักพักก็ต้องรีบขึ้นห้องอาบน้ำ ขึ้นห้องมาได้ไม่ถึง 5 นาที ลูกก็ขึ้นตามมายืนตะโกนหน้าห้องน้ำ "แม่ขา หนูขึ้นมาแล้วนะ แม่ทำอะไรอยู่ แม่เสร็จหรือยัง" ก็ต้องรีบอาบอย่างรวดเร็ว พาลูกแปรงฟัน อ่านนิทานก่อนนอน ส่งเข้านอน ดึกก็ไม่ได้ไม่งั้นพรุ่งนี้ตื่นไปเรียนไม่ไหว วงจรชีวิตเป็นแบบนี้ทุกวันๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลตัวเอง

ถ้าวันไหนเข็นตัวเองให้ตื่นเช้าหน่อย คือต้องเช้ามากๆ เลยนะ ได้ใช้เวลาอาบน้ำ สระผม ไดร์ผมให้แห้ง มีเวลาเลือกชุด แต่งตัว แต่งหน้าสวยๆ มามิตื่นขึ้นมาเห็นแม่ก็จะชมไม่ขาดปากเลย "วันนี้แม่สวยจัง ชุดแม่สวยจัง แม่แต่งหน้าสวยมากเลย ผมแม่สวยจัง หนูขอจับหน่อยได้ไม๊" ดีใจนะเวลาลูกชม ซึ่งนาน น๊านทีถึงจะลุกขึ้นมาทำแบบนี้ได้ ก็รู้นะว่ามีลูกสาว เค้าย่อมรักสวยรักงามเป็นธรรมดา ชอบดูแม่แต่งหน้า ทำผม ชอบเอาเครื่องสำอางแม่มาเล่น มายืนจ้องๆ มองๆ ตอนแม่แต่งหน้า ขอแค่ได้ช่วยหยิบโน่น จับนี่ยื่นให้แม่ก็พอใจ



พอมีเวลาอยู่กันตัวเอง ก็มานั่งคิดได้ว่าถ้าเราปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลตัวเองแบบทุกวันนี้ แล้วเรามีลูกสาว กลัวเค้าจะเอาเป็นตัวอย่างเหมือนกันนะ เจ้ามามิหน้าตาก็สะสวยกลัวว่าจะกลายเป็นเด็กซ่กมกไปจะไม่ได้การ คงต้องปฏิวัติตัวเอง ให้เวลากับตัวเองบ้างแล้ว คงต้องเริ่มจากการเข้านอนให้เร็วขึ้นจะได้นอนพักผ่อนให้พอ จะได้ตื่นแต่เช้า มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น แล้วช่วงต้นเดือนหน้าน้องมามิมีงานเดินแบบที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง แม่อยากจะแต่งตัวสวย ทำผมสวย ไปยืนหน้าเวทีเพื่อชื่นชมนางแบบตัวน้อยของแม่ กับเวลาอีกแค่ประมาณ 14 วัน แม่จะสวยให้ดูนะเจ้าตัวเล็ก

คิดได้ดังนั้นก็มาเริ่มต้นปฏิบัติการกันเลยดีกว่า เอาแบบง่ายๆ ไม่ต้องเข้าร้าน ให้ผลิตภัณฑ์ Pantene นี่แหละช่วยดูแลเส้นผมของเรา ปกติเป็นคนที่สุขภาพผมค่อนข้างดีอยู่แล้ว ผมยาว หนา และดำขลับ แต่ขาดแค่เรื่องการบำรุง และดูแลให้สะอาดและจัดรูปทรงให้สวยงาม ช่วงนี้เลยรู้สึกว่าผมแห้งและจัดทรงยาก หรือถ้าใครมีผมเสียมากๆ ไม่ว่าจะเป็นผมพันกัน ผมแห้งแตกปลาย ชี้ฟู ไม่เงางาม หรือจัดทรงยากแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผมเสียโดยเฉพาะไปเลยค่ะ

ขั้นตอนแรกคือการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากผมและหนังศีรษะคือการสระผมด้วยแชมพูนั่นเองค่ะ ควรหวีผมก่อนสระจะช่วยให้ผมไม่พันกัน เพื่อง่ายต่อการขจัดสิ่งสกปรกสะสม เวลาสระให้สระด้วยน้ำสะอาด แชมพูจะมีประสิทธิภาพเต็มที่เมื่อเกิดฟองที่สมบูรณ์ ชโลมแชมพูให้ทั่วผม นวดหนังศีรษะด้วยปลายนิ้วมือ และล้างออกให้สะอาด ขั้นตอนที่สองที่ขาดไม่ได้ คือการปรับสภาพเส้นผมด้วยครีมบำรุงผม การใช้ครีมนวดผม ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และล้างอย่างพอเหมาะ และควรใช้ครีมนวดผมอย่างน้อย 2 ครั้งถ้ามีแนวโน้มว่าปลายผมเริ่มเสียโดยเน้นช่วงปลายผมเป็นพิเศษ และขั้นตอนที่สาม การฟื้นบำรุงเส้นผมด้วย intensive hair mask 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นประจำค่ะ

เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ทุกเช้าต้องบำรุงด้วยลีฟออนฟื้นบำรุงเส้นผม ชโลมให้ทั่วเน้นเฉพาะช่วงกลางถึงปลายผม ให้ดูเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ ในตอนกลางคืนก่อนนอนก็ชโลมด้วยไนท์ มิราเคิล เอสเซ้นซ์ เพื่อการฟื้นบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง


ตอนนี้ก็เริ่มตื่นเช้ามาดูแลตัวเองทุกวันแล้วค่ะ วันสำคัญของมามิ แม่จะได้พร้อม และแต่งตัวสวย ปล่อยผมสวยไปเป็นกำลังใจให้หนูเดินบน Catwalk นะคะ

ตอนนี้ Pantene มีกิจกรรมที่ชื่อว่า “Moment to shine Moment to share” เป็นกิจกรรมให้สาวๆมาร่วมแชร์และบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจในช่วงเวลาพิเศษในแบบของตัวเอง...ใครที่สนใจ ลองกดเข้าไปชมเรื่องราวความประทับใจได้ที่นี้นะคะ https://apps.facebook.com/pantenemoment




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2556    
Last Update : 16 ตุลาคม 2556 20:44:59 น.
Counter : 1181 Pageviews.  

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับนม U.H.T. สำหรับเด็ก


แม่แหม่มได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม “เปิดบ้านเอนฟา ตอน รู้ลึกเรื่องนมยูเอชที” และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ คุณพ่อ คุณแม่ blogger ผู้รู้ และคุณหมอ หนึ่งวันเต็มๆ ที่ได้ไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับความรู้และสาระดีๆ มามากมายเลยอยากจะนำมาฝาก คุณพ่อ คุณแม่ทั้งหลายที่มีลูกในวัยที่ดื่มนมกันนะคะ

โดยช่วงเช้าได้ฟังสัมภาษณ์พิเศษ “รู้ลึกคุณค่าสารอาหาร ส่วนผสมของนม UHT” พร้อมชมวิธีการสาธิตส่วนประกอบในนม UHT โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนา จาก บริษัท มี๊ด จอห์นสัน นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคน เวลาเลือกนมให้ลูก ต้องอ่านที่ข้างกล่องกันทุกคนว่า มีส่วนประกอบ และมีสารอาหารอะไรบ้าง ที่สำคัญคือต้องวันหมดอายุด้วย เรามาดูกันให้ชัดๆ อีกทีว่าในนม U.H.T. 1 กล่องที่ลูกเราดื่มเข้าไปนั้นมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ตัวอย่างเป็นนม ยูเอชที เอนฟาโกร ซึ่งจะมีส่วนประกอบหลักๆ 3 อย่าง อย่างแรกคือ Whole milk powder นมผเต็มไขมัน เป็นนมผงที่มี โปรตีน 26-28% ไขมัน 26-28% และ คาร์โบไฮเดรต ประมาณ 9-10% อย่างที่สองคือ Encapsulated ARA/DHA กรดไขมันตระกูลโอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 ที่เป็นโครงสร้างสำคัญของเซลล์สมอง และอย่างสุดท้ายคือ Vitamin & Mineral วิตามิน C,K,E, B1, B3, B5, B6, B12 และโฟเลต แร่ธาตุ แมกนีเซี่ยม โพแทสซี่ยม เหล็ก ซิงค์ แมงกานีส คอปเปอร์


หลายคนคงสงสัยว่านม U.H.T. ที่ลูกเราดื่มกันทุกวัน ที่บอกว่ามี ARA/DHA นั้น มันมีประโยชน์จริงหรือไม่ อย่างไร หรือเป็นแค่กลยุทธ์ทางการตลาด จากคำบอกเล่าของนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม คณะแพทย์ศาสตร์ วชิรพยาบาล กล่าวว่า DHA นั้น ปกติจะมีในนมแม่ เป็นสารที่ช่วยให้สารอาหารดูดซึมเข้าไปในผนังเซลล์ของเราได้ดี ดังนั้น DHA มีในนมแม่ ซึ่งดีและมีประโยชน์มากๆ เพราะฉะนั้นเด็กควรได้รับนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน ในขณะเดียวกันแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยง ลูกด้วยนมแม่เอง ควรเลือกนมผสมที่มีส่วนประกอบของสาร DHA เพื่อเพิ่มสารตัวนี้ให้พอเพียงต่อความเจริญเติบโตของสมอง ซึ่งสารประกอบของ DHA ในนมผสม เพราะในนมวัวนั้น ไม่มี DHA จึงต้องเติมเข้าไป

แต่ทีนี้หลายคนสงสัยว่า DHA ช่วยดูดซึมได้มากขึ้นจริงหรือ คำตอบคือถ้ามี DHA แล้วร่างกายจะดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มากนัก ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่ทดแทนนมแม่ได้ ดังนั้นควรจะให้เด็กทานนมแม่จะดีที่สุด แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องดื่มนมวัว หรือจะดื่มนมเสริม การที่มี DHA ก็จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น ถึงแม้จะไม่ดีเท่านมแม่แต่ก็ดีกว่าไม่มีซะเลยค่ะ

กระบวนการผลิตนมยูเอชทีนั้นจะผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อโรคที่อุณหภูมิ 135-150 องศาเซลเซียส ในระยะเวลา 2-4 วินาที ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานถึง 9 เดือนที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ต้องแช่เย็น และไม่ทำให้คุณค่าของสารอาหารและรสชาดเปลี่ยนไปค่ะ ซึ่งในนมยูเอชทีเอนฟาโกร 1 กล่อง ประกอบด้วยสารอาหารถึง 35 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้นคงผ่านตามของคุณพ่อ คุณแม่ทุกท่านกันมาแล้วนะคะ เด็กๆ ควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 3 กล่อง เพื่อให้ลูกๆ ได้รับสารอาหารโดยเฉพาะ DHA และ ARA ไปเสริมสร้างสมองได้อย่างครบถ้วนค่ะ


หลังจากได้รับความรู้เรื่องคุณค่าอาหารและส่วนผสมของนมยูเอชทีเสร็จ ก็ถ่ายรูปร่วมกันแล้วออกเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตนมยูเอชทีเอนฟาโกร ที่จังหวัดสมุทรปราการ พอไปถึงก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ก่อนเข้าชมโรงงาน ทางทีมงาน ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับไลน์การผลิต และข้อแนะนำ ข้อควรระวังต่างๆ ก่อนเข้าชมโรงงาน เนื่องจากโรงงานเป็นระบบปิดเพื่อให้ปลอดเชื้อ เหล่าสมาชิกคุณพ่อ แม่ทุกคนจึงต้องทำการเปลี่ยนชุดเพื่อความสะอาด และความปลอดภัยก่อนเข้าชมกระบวนการผลิต โดยเราจถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม/กลุ่มละ 7 คน เพื่อความใกล้ชิดในการเรียนรู้ค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าไปดูการผลิตของจริงแบบเห็นกับตาทุกขั้นตอนเลยค่ะ ทำให้รู้ว่ากว่าจะได้นมยูเอชทีขึ้นมา 1 กล่องต้องผ่านกระบวนการ และขั้นตอนอะไรบ้าง ถึง 6 ขั้นตอนด้วยกันค่ะ


โดยขั้นแรกจะเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบ ขั้นที่สองจะเป็นกระบวนการนำเข้าสู่การกำจัดสิ่งปนเปื้อนโดยผ่านเครื่องปรับ ปริมาณไขมันและเครื่องโฮโมจิไนเซอร์เพื่อทำให้โปรตีนนมและไขมันนมแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กกระจายเป็นเนื้อเดียวกันในนม ต่อด้วยขั้นที่สามการผ่านเข้าสู่การฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 133-150 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2-4 วินาที และจัดพักไว้ในถังปลอดเชื้อ ขั้นตอนที่สี่ เติมเกลือแร่ วิตามิน และทำการวิเคราะห์สารอาหารเพื่อให้ได้คุณค่าสารอาหารตรงตามมาตรฐาน หลังจากนั้นขั้นตอนที่ห้าคือการบรรจุนมใส่กล่องด้วยเครื่องบรรจุปลอดเชื้อ ขั้นตอนนี้พวกเราเข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ได้ ทำได้แค่ชะโงกดูผ่านห้องกระจก แต่ก็เห็นชัดเจนเลยค่ะ และขั้นตอนสุดท้ายคือการตรวจสอบมาตรฐานก่อนน้ำออกไปวางจำหน่ายค่ะ


จากการได้ไปเยี่ยมชม และได้ดูทุกขั้นตอนการผลิตอย่างใกล้ชิด ทำให้มั่นใจได้เลยว่าทุกขั้นตอนการผลิตสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และมั่นใจได้จริงๆ ค่ะ หลังจากเยี่ยมชมโรงงานเสร็จก็รับประทานอาหารร่วมกัน ระหว่างรับประทานอาการ และนั่งรถทั้งไป และทั้งกลับด้วยกันได้พูดคุย และเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องพัฒนาการ การเลี้ยงดู การเรียน โรงเรียน และการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้กับลูก กับคุณพ่อ คุณแม่ blogger และทีมงาน  ทริปนี้สนุกสนานเฮฮา และเป็นกันเองมากเลยค่ะ

สุดท้ายเป็นการพูดคุยกับคุณหมอ ซึ่งนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม มาตอบคำถามและข้อสงสัยต่างๆ ของบรรดาคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายซึ่งตัวแม่แหม่มเองก็ได้ถามถึงเรื่องการเลิกดูดขวดนมของโมม่ คุณหมอแนะนำ 2 วิธีคือ วิธีแรกการหักดิบ คือเอาขวดไปซ่อน เอาไปเก็บไว้ให้ใดชิด แล้วบอกลูกว่าแม่เอาขวดนมไปทิ้งหมดแล้ว ไม่มีขวดนมแล้วนะหนูต้องกินนมจากหลอดหรือแก้วแทน ลูกอาจจะโยเยและไม่ยอมกินสักอาทิตย์ถึงสองอาทิตย์ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องอดทน ห้ามใจอ่อน ส่วนวิธีที่สองคือ ค่อยๆ ลดปริมาณส่วนผสมของนมให้น้อยลง คือชงให้เจือจางมากขึ้นเรื่อยๆ พอมันไม่หวานมันอร่อย เค้าก็จะเลิกกินไปเอง แล้วให้ทานนมจากหลอดหรือดื่มจากแก้วแทน แต่คุณหมอบอกว่าแนะนำวิธีแรก ได้ผลเร็วกว่า


คุณหมอแนะนำว่า ถ้าเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปแล้วนั้น ให้เน้นอาหาร 3 มื้อ 5 หมู่เป็นหลัก เด็กต้องทานให้ครบ แล้วให้ดื่มนมเป็นอาหารเสริมแทน ดื่มนมที่มีส่วนผสมของ DHA ด้วยก็จะดีมาก จะเป็นนมผงแบบยูเอชที หรือแบบผงชงก็ได้ แบบชงจะดีตรงที่เราเลือกให้สารอาหารเข้มข้นอยากชงยังไงก็ได้ตามที่เราต้องการ แต่ถ้าเป็นแบบยูเอชที ก็จะสะดวกเวลาต้องออกไปธุระข้างนอก ไม่ต้องเตรียมอะไรไปมากมาย ได้สารอาหารที่มีประโยชน์เหมือนกัน

การได้เข้าร่วมกิจกรรมเปิดบ้านเอนฟาในครั้งนี้ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมเลยค่ะ ขอขอบคุณ บริษัท มี๊ด จอห์นสัน นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญแม่แหม่มเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองมากมายเลยค่ะ




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2556    
Last Update : 14 ตุลาคม 2556 16:12:04 น.
Counter : 1627 Pageviews.  

บีแพนเธน ปกป้อง บำรุง และดูแลผิวสวยของหนู



เข้าช่วงหน้าฝนแล้ว เชื่อว่าพ่อแม่หลายบ้านคงต้องกำลังปวดหัวกับปัญหาโรคภัยรุมเร้าเจ้าตัวเล็กที่บ้านอยู่เป็นแน่ โรคที่เป็นขาประจำช่วงหน้าฝนก็จำพวก ไข้หวัด ทั้งเล็กและใหญ่ และโรคมือเท้าปาก เวลามามิ หรือโมโม่ เป็นทีไรก็ต้องกินยาละลายเสมหะ ยาลดไข้ ยาฆ่าเชื้อ โดยเฉพาะอย่างหลังนี่ ถ้าได้กินเข้าไป ทั้งโมโม่ และมามิ จะมีอาการถ่ายเหลว และบ่อยขึ้น ตัวมามิคงไม่เท่าไหร่ เพราะปวดก็เข้าห้องน้ำถ่ายได้ปกติสุข แต่สำหรับโมโม่ เด็กน้อยนุ่งผ้าอ้อมสำเร็จรูป เป็นต้องมีอาการผื่นแดง คันคะเยอ เพราะความที่ถ่ายหนักใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป จนอับชื้น และหมักหมม จนคัน ถ้าเป็นมากก็ถึงกับร้องงอแงกันทีเดียว

เมื่อก่อนเคยเชื่อว่า ถ้าล้างให้สะอาด ก็น่าจะไม่มีปัญหา แต่ความจริง ถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะถ้าเราล้างให้สะอาดมากเท่าไหร่ นั่นก็คือการที่เราต้องขัดถูเนื้ออ่อนๆ ของทารกให้เกิดอาการอักเสบ และเป็นสาเหตุให้ยิ่งระคายเคืองมากขึ้น

ที่ถูกแล้วคือทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าให้พอเหมาะคือล้าง แต่อย่าถูอย่างรุนแรง หลังจากนั้นต้องเช็ดแบบซับนะคะ ไม่ถู เช็ดให้แห้งจริงๆ และใช้ตัวช่วยอีกตัวหนึ่งคือ บีแพนเธน  ซึ่งเป็น ออยเมนท์ ปกป้องผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองได้ดีจริงๆ



เชื่อว่าหลายๆ บ้านคงรู้จัก บีแพนเธน กันดีอยู่แล้ว เลยบอกคร่าวละกันค่ะว่า ตัวนี้มันจะดีกว่า แป้งฝุ่น หรือโลชั่น ลดการระคายเคือง เพราะเคลือบผิวดีกว่า และยังระบายอากาศได้ดีกว่าด้วย เลยไม่ซ้ำเติมปัญหาเรื่องความอับชื้นค่ะ อีกอย่างที่ดีกว่าตัวอื่นๆ คือมีโปรวิตามินบี 5 ซึ่งช่วยในการสร้างเซลผิวได้ดี ที่สำคัญสามารถใช้ได้เรื่อย ๆ ทาเผื่อไว้เลยค่ะ ไม่มีปัญหาเพราะไม่มีสารเคมีรุนแรง ยาฆ่าเชื้อ สี น้ำหอม แบบไม่ต้องกังวลว่าทาแล้วจะแพ้เลยค่ะ

แต่บางบ้านอาจเคยลองใช้ครีมทาผื่นผ้าอ้อมที่มียาฆ่าเชื้อ แม่แหม่มว่าให้เลี่ยงจะดีกว่า เพราะผิวที่ระคายเคืองไม่ได้อักเสบเพราะเชื้อโรค แต่เป็นเพราะผิวหนังอ่อนไหวต่อสิ่งสกปรก แค่ทำความสะอาดให้ดี แล้วทาออยเมนท์บำรุงผิวก็เพียงพอแล้ว

สำหรับมามิเอง บางครั้งก็ยังใช้ บีแพนเธน เหมือนกันนะคะ เป็นเพราะบางครั้งที่เข้าห้องน้ำในที่สาธารณะ แล้วไม่ทำความสะอาดที่รองนั่งให้ดี มามิก็จะมีอาการคัน ก็ต้องกลับมาบ้านมาล้างทำความสะอาดให้ดี แล้วใช้ บีแพนเธน ทาเพื่อป้องกันอีกชั้นหนึ่ง  แม่แหม่มเลยคิดว่า ถ้าจะต้องออกไปนอกบ้าน แล้วละก็ ทาไว้ก่อนเพื่อป้องกัน ก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะคะ



ก็หวังว่าปัญหาคันๆ ของเด็กๆ คงจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปนะคะ ส่วนภาพประกอบ อาจจะต้องมีเซนเซอร์บ้างนะคะ โมโม่เป็นหนุ่มแล้ว หนูก็อายเป็นนะ ก้นแดงๆ เดี๋ยวจะอายชาวบ้านเขา




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2556    
Last Update : 1 ตุลาคม 2556 11:58:05 น.
Counter : 2936 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  
 
 

Jitnita Mami
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




[Add Jitnita Mami's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com