Life is a series of choices, between bad and worse...
 
 

จากการ์ตูน ถึง วันวานของผู้ใหญ่

ขอยกบทความของคุณ cookiecompany มาลงเป็นบทนำสักเล็กน้อยนะครับ
เนื้อหาอาจจะไม่ตรงกับหัวข้อเสียทีเดียว แต่ก็อ่านแล้วได้ใจความบางอย่าง ที่สื่อความหมายเช่นเดียวกันครับ

==============

บางคนมักเข้าใจว่าคนชื่อ CookieCompany เกิดมาในบ้านที่รวย มีทุกอย่างพร้อม ชอบของหรู ๆ ฟังเพลง Jazz ทานอาหารข้างทางไม่ได้

ความจริง ผมเกิดมาในบ้านที่ฐานะไม่ได้ดี จำได้ว่าตอนเด็ก ทุกอาทิตย์ ผม พี่น้องและพ่อแม่จะพร้อมหน้ากันที่ Chester's Grill

นั่งกินไก่ย่าง พ่อผมชอบทาน Hot Dog มาก เป็นอาหารฝรั่งในความเข้าใจของคนที่ไม่ได้ร่ำรวย เรียนจบแค่ป 4

แต่เป็นมื้อที่อร่อย มีความสุข ตอนนั้น แค่ได้ทาน Chester's Grill ก็ดีมากแล้ว

บ้านผมไม่มีรถยนต์ พ่อทำงานคนเดียว ขี่มอเตอร์ไซค์ส่งของ

แดดออกก็ร้อนจนตัวเกรียม ฝนตกก็เปียก ต้องขี่หาที่หลบฝนใต้สะพานลอย บางครั้ง ผมก็ซ้อนท้ายอยู่ด้วยกัน

เป็นคำตอบของคำถามที่บางคนแปลกใจเวลาเห็นผมยกมือไหว้ขอบคุณ Messenger ที่มาส่งของ

เห็นผมเบรครถยนต์ให้คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ได้ไปก่อนเสมอ ๆ

Chester's Grill ในวันนั้นอร่อยมาก ผมยังจำโต๊ะที่เรา 5 คนนั่งริมประตูทางออกด้านหลังในห้างแถวท่าพระได้





















เวลาผ่านไป ไม่ช้า ไม่เร็ว สี่ปีก่อน พ่อผมเสียด้วยอาการเส้นเลือดในสมอง

ปีที่แล้วน้องสาวได้ทุนจากจุฬาฯ ไปเรียนที่ญี่ปุ่น

พี่สาวผมเป็นคนเก่ง งานยุ่ง กลับบ้านแค่อาทิตย์ละ 2 - 3 วัน

เรามีบ้านหลังที่ 2 ใหญ่ขึ้น จากฝั่งธนฯ มาอยู่สุขุมวิท แต่คนในบ้านน้อยลง

บางวันผมไปออกงานข้างนอกหรือไปอัดรายการ ก็จะมีคุณแม่อยู่บ้านคนเดียว







ตอนนี้ Chester's Grill ไม่อร่อยอีกแล้ว

มันไม่ได้เป็นมื้อพิเศษอีกต่อไปแล้ว

Chester's Grill คืออาหารขยะ ที่มีแต่เนื้อไก่เร่งโตกับขนมปังแห้ง ๆ ไว้ทานเวลารีบก่อนไปประชุม

ผมคิดว่า Chester's Grill ปัจจุบันนี่เป็นอาหารที่แย่มาก ไม่มีคุณค่าอาหารใด ๆ และไม่อร่อย ไม่เหมือนอาหารญี่ปุ่น

จนวันหนึ่ง พี่สาวผมบอกว่า Chester's Grill ยังอร่อยเท่าเดิม แต่เรา "ตัวใหญ่" ขึ้นเท่านั้นเอง

ทำไมตอนเด็ก ๆ การได้ไปทาน Swensen ต้องตื่นเต้นดีใจ จำได้ไหมตอนที่เข้า Mc Donald ครั้งแรก ตอนที่พ่อแม่พาไป Daidomon

แต่ตอนนี้ Swensen ทานไม่ได้ แสบคอ หวาน อย่างน้อย ๆ ต้องเข้า Haagen Dazs

เพราะว่าเรา "ตัวใหญ่" ขึ้น

ผมนั่งฟัง...






คิดแล้วก็เศร้าใจ

ตอนนั้น ทุกวันอาทิตย์ Chester's Grill คือมื้อพิเศษจริง ๆ

จนถึงตอนนี้ ผมยังคิดถึงรสชาติหนึ่ง ที่หาไม่ได้จากร้านอาหารหรู ๆ หรือห้องอาหารตามโรงแรม มันคือรสชาติของความพิเศษ

คือรสชาติของความสุข ที่เราย้อนกลับมาไม่ได้

เมื่อเรา "ตัวใหญ่" ขึ้น สิ่งเล็ก ๆ ที่เราเคยมีความสุขกับมันได้ ก็กลับกลายเป็นไร้ค่า










มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่ได้บอกใคร

นาน ๆ ครั้ง ผมยังแวะกลับไปที่ห้างเก่าตรงบ้านหลังเดิม เดินไปหยุดดูที่มุมร้าน Chester's Grill ใกล้กับประตูด้านหลัง

มีครอบครัว พ่อแม่พร้อมหน้าลูก ๆ มานั่งทานไก่กัน

อาจเป็นครอบครัวของคนตัวเล็ก ที่พ่อขี่มอเตอร์ไซค์ส่งของกลางแดด ทำอาชีพที่คนดูถูก

แต่ถึงอย่างนั้น Hot Dog ก็อร่อย และ Chester's Grill ก็เป็นมื้อที่พิเศษ

บางครั้ง การเห็นภาพความสุขบนสิ่งเล็กและเรียบง่าย

ก็ทำให้เศร้าอย่างไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน

สิ่งนั้นอาจเป็นความอิจฉาลึก ๆ

ที่เห็นใครคนอื่นอยู่กันพร้อมหน้า กับเรื่องพื้น ๆ

กับคำถามว่าทำไม... สำหรับเราที่ตัวใหญ่ขึ้น ถึงมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีค่ามากไม่ได้เหมือนอย่างเวลาที่ผ่านมา

ทุกวันนี้ ผมยังทาน Chester's Grill อยู่ คิดว่าสักวัน ผมอาจเข้าใจและเจอรสชาตินั้น

เหมือนในวันที่พ่อผมขี่มอเตอร์ไซค์เก่า ๆ มารับผมไปทาน Chester's Grill ด้วยกัน...

==============

อ่านแล้วรู้สึกอะไรไม๊ครับ?

ผมอ่านเรื่องนี้แล้ว ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เหตุการณ์นี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่เกิดการ "โบ้ย" หลาย ๆ อย่าง
ให้กับสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดว่า "เด็ก" ทั้ง ๆ ที่ตนเองเคยชอบ หรือ เคยโดนต่อว่า
ในการ "นิยม" สิ่งเหล่านั้นในวัยเด็ก

แล้วคุณที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ละเลย สิ่งที่คุณเคยชอบในวัยเยาว์ไปบ้างหรือเปล่า?




 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2552 6:19:12 น.   
Counter : 351 Pageviews.  


ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น (ฉบับการ์ตูน)

วันนี้กลับมา "อ่านไป บ่นไป" (เอ๊ะ เหมือนใครหว่า)
แต่วันนี้อ่านแล้วไม่ได้บ่น แต่มา "เปรย" ให้ฟังครับ

หลายคนคงเห็นกันแล้วกับตัวอย่างของ "ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น"
ภาพยนตร์ของทาง GTH ร่วมกับทาง Catroon Thai Studio ส่งออกมา
ให้ชมกันในปีนี้ แม้กระแสเรื่องหนังจะดังน้อยกว่า ชื่อ "น้องอ้อย" ก็ตาม
แต่การโปรโมทรูปแบบหนึ่งซึ่งช่วงหลังนิยมพอสมควรเลยก็คือ
การเขียนการ์ตูนโปรโมท


หน้าปกจ้า

โดยในเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราว "ก่อน" เนื้อหาในภาพยนตร์ครับ
เพื่อเป็นการปูเนื้อหาให้ทราบที่มาโดยละเอียดของภาพยนตร์
เนื้อเรื่องแบ่งเป็นตอน ๆ ของแต่ละคู่??? (มันมีแบบไม่คู่ด้วยนี่หน่า)
ว่ามีความเป็นมาอย่างไร เจอกันได้ยังไง

แต่ละตอน อ่านง่าย เนื้อหาไม่ซับซ้อน กุ๊กกิ๊ก น่ารักดี แต่ก็แสดงมุมมอง
ของตัวละครได้ครบถ้วนดี อ่านแล้วเพลิดเพลินเจริญใจ

สรุปส่งท้ายว่า เรื่องนี้จัดว่าใช้ได้ทีเดียว
ส่วนหนัง "ถ้าว่าง" ค่อยไปดูก็แล้วกัน ช่วงนี้งานเยอะจริง ๆ....



ขอบคุณภาพจากสยามอินเตอร์คอมมิกส์ และ เว็บไซต์ Thaicinema.org ครับ




 

Create Date : 17 มีนาคม 2551   
Last Update : 17 มีนาคม 2551 5:51:13 น.   
Counter : 890 Pageviews.  


มุมมองของสังคมต่อการ์ตูน

จากข่าวคราวในหน้าหนังสือพิมพ์และวิทยุ หลาย ๆ ทางในทุกวันนี้

การ์ตูน ยังคงตกเป็นจำเลยสังคม ไม่ว่าจะในแง่จริยธรรม หรือ การเมือง ดังจะเห็นได้จากข่าว
ของชายคนหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับ "ธิ" ๆ อะไรซักอย่าง ที่บรรจุอยู่ในกล่อง UHT ชาวเกาะ

หลาย ๆ ท่านก็ยังคงบ่นถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ
หากจะคิดกันเล่น ๆ ว่าทำไม? จากกรณีที่สื่อมักจะโยนความผิดให้กับเกมส์และการ์ตูน?
รวมไปถึงผู้กระทำความผิดหลาย "ตัว" (ขออณุญาติใช้คำนี้ เพราะความเลยมันยิ่งกว่าคน
บางตัวเดรัจฉานก็ไม่ปาน ไม่อาจจะนับเป็นคนได้) มักจะอ้างว่าอ่านการ์ตูนบ้าง หนังสือบ้าง

เป็นที่โจษจันกันหลายกระทู้ในพันทิปว่า การ์ตูนและเกมส์มักตกเป็นโจทก์ของสังคมว่า

"เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายทำลายสังคม", "บ่มเพาะความรุนแรงแก่เยาวชน"

คำถามเหล่านี้เราเคยถามตัวเองไม๊ว่า อะไรทำให้คนเหล่านี้คิดเช่นนั้น?

"คนมันโง่", "สมองฝ่อ", "ไร้ความคิด", "นั่งเทียน", "เลือกปฏิบัติ"

คำเหล่านี้มักเป็นคำที่ถูกหยิบยกมากล่าวอ้างถึงสื่อและผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง ที่ออกมายืนขวางทาง
ท้าทาย กลุ่มผู้เสพเกมส์และการ์ตูน โดยหลายท่านอาจคิดว่า "คนพวกนี้" และ "สื่อ" เลือกปฏิบัติ
"ทีหนังสือโป๊วางเกลื่อนแผงดันไม่เก็บ มาเก็บการ์ตูน"

อันนี้ผมไม่เถียงนะครับ แต่ภาพโดยสังคมของเรานั้นมักมองการ์ตูนว่าเป็นของสำหรับเด็ก ซึ่งจุดนี้
ต่างจากที่ญี่ปุ่น ซึ่งการ์ตูนดูจะเป็นที่ยอมรับในสังคมมากกว่า แต่ใช่ว่าปัญหาแบบบ้านเราจะไม่เกิด
ขึ้นในบ้านเมืองของเค้า เพียงแต่มุมมองที่สังคมมองของเขากับเรานั้นต่างกัน โดยการ์ตูนในบ้าน
เรานั้นถูกจัดเป็นสื่อสำหรับผู้มีวุฒิภาวะน้อย และมักอ้างถึงกลุ่มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

โดยต่อไปนี้ผมขอแสดงความเห็นส่วนตัว
-----------------------------------------------------------------------------
ถ้ามองกันจริง ๆ แล้ว ที่สื่อเค้าทำแบบนี้เพราะอะไร?
เพราะการ์ตูนมันไม่ใช่อาชีพของเค้า ถ้าคุณลองคิดดูว่า
ถ้าคุณเป็นนักข่าวบันเทิง ถ่ายรูปดาราชะเวิบชะว๊าบ ปิดนิดเปิดมากหน่อย
คุณจะยอมลงแต่ "ตัวหนังสือ" ไม๊? แน่นอนว่า "ไม่" เพราะคุณ
ต้องการขายข่าวพวกนี้อยู่แล้ว มันเป็นเงิน เป็นอาชีพ ที่พวกเขาต้องทำ
แล้วอย่างนี้เขาจะมานั่งเซ็นเซอร์ประนามตัวเองหรือ?
ถามผม ผมคิดว่าไม่แน่นอน เพราะคนเหล่านี้ถ้าเค้ามีปัญญา
เขาคงไปทำข่าวอย่างอื่นแล้วไม่มานั่งทำอะไร ที่คล้ายกับเขียน
นิยามประโลมโลก ไปวัน ๆ หากินกับเรื่องส่วนตัวของชาวบ้าน
หรอกครับ เรียกได้ว่า "ทำเพื่อความอยู่รอด แม้ไร้จรรยาบรรณ"
อีกแง่หนึ่งแต่เดิมสังคมไทยก็ไม่ได้มีความเท่าเทียมกันอยู่แล้ว
เพราะแต่เดิมสังคมไทยเป็น สังคมศักดินา นับอาวุโส และกดขี่ทางเพศ
เช่นเดียวกับในประเทศอื่น ๆ เพียงแต่พัฒนาการทางสังคมของเราไม่ได้
ก้าวไปในแนวทางเดียวกับประเทศอื่น
โดยมากนานาประเทศมักตั้งแนวทางและกฎหมายให้เกิด ความเท่าเทียม
และการยอมรับทางความคิด มากกว่าระบบแบบเดิมที่มีมาแต่เก่าก่อน
หากมองเผิน ๆ ดูเหมือนประเทศอื่น ๆ จะทำได้ดีกว่าประเทศเรา
แต่จริง ๆ แล้วเป็นเช่นไร ในเรื่องนี้ผมไม่ทราบวานผู้เคยอยู่ในประเทศ
เหล่านั้น ช่วยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้ได้ทราบทั่วกัน
โดยในประเทศไทยระบบศักดินาผมไม่ขอกล่าว (อาจโดนอุ้มได้)
อาวุโสยังคงมีอยู่อย่างเหนียวแน่น ซึ่งฝังรากลึกลงในทุกหัวระแหง
โดยส่วนตัว ในบางแง่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้าย เพราะโดยพื้นฐาน
มนุษย์เรานั้น ต้องเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากคนรุ่นก่อนอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของวัฒนธรรมตะวันตกซึ่งผมเห็นว่าเป็นข้อดี คือ
"การยอมรับทางความคิด" ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ สิ่งนี้ต่างหากที่
ไม่ได้รับการพัฒนาในสังคมไทย ยังคงยกเอาระบบอาวุโสเข้ามาข่ม
อยู่เสมอ ซึ่งทำให้หลายท่าน "ท้อใจ" ได้แต่คอย "สาปแช่งให้คนแก่ ๆ
มันตายตกตามกันเสียไปให้พ้น ๆ" ยุคใหม่จะได้เกิดขึ้น
ในเรื่องนี้ ถ้าเราเพียงแต่รอคงจะเป็นการยากที่จะมาถึงเนื่องจากระบบ
อาวุโสนี่แหละที่จะดึงเอาคน "กำพืด" เดียวกันขึ้นมาสืบทอดความคิด
เจตนารมณ์ของ "คนแก่" ที่พวกท่านได้แต่ประณามหยามเหยียดใน
ความคิด ที่พวกเรา เห็นว่า "แคบ" ในแง่ของคนแก่ หรือ บางคนอาจ
เรียกว่า "พ่อ แม่ ผู้ปกครอง" ไม่ได้ยินยอมที่จะรับฟังความคิดเห็น
จะมีก็ส่วนน้อย... (น่าเศร้าเนอะ) อาจเป็นเพราะสังคมภายนอกนั้น
มีการแข่งขันสูงเสียจนเราได้ละเลย "ครอบครัว" ไปแล้ว
ส่วนเรื่องกดขี่ทางเพศนี่ เห็นได้ชัด แม้ว่าจะเป็นในการ์ตูนก็ตาม...
อันนี้ผมของเสนอมุมมองแบบ "Faminist" การที่เราเสนอแง่มุม
ของสตรีเพศในรูปแบบที่โป๊เปลือย เพื่อกระตุ้นตลาด เน้นความเซ็กซี่
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึง การกดขี่ทางเพศว่าเป็น "เครื่องบำเรอกาม"
-----------------------------------------------------------------------------
จบความเห็นส่วนตัว

เราควรเริ่มต้นทำอะไรซักอย่างแม้เพียงเล็กน้อยตามกำลัง แม้เพียงเล็กน้อย
เป็นเพื่อน แนะนำ เพื่อน
เป็นพี่ แนะนำ น้อง
เป็นเจ้าของร้าน คัดกรอง เด็ก (ตาม "สมควร" ซึ่งต้องคุยกันต่อ)
เป็นพ่อแม่ เข้าใจ ลูก
หรือ...
เราจะยอมตกเป็นเป้าของสังคม และ "สื่อ" ต่อไป...




 

Create Date : 19 กันยายน 2550   
Last Update : 19 กันยายน 2550 22:19:21 น.   
Counter : 336 Pageviews.  


อีกแง่มุมจากรถไฟฟ้าใต้ดิน

หลังจากอ่านกระทู้เกี่ยวกับนพ. ยงยุทธแล้วก็เกิดนึกถึง
ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทำให้คิดถึงผู้คนในห้องการ์ตูนที่มักจะบ่นถึงคนแก่ ๆ ว่า .... ละไว้ละกัน มันเยอะมาก

อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัว
วันหนึ่งผมกำลังกลับบ้านด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน
ขณะที่ผมยืนอยู่ในรถนั้น มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
พวกเขาพูดคุยกันด้วยท่าทางปกติ (แต่เสียงค่อนข้างดัง)
เนื้อหาโดยสรุป แม้ไม่ตั้งใจฟังก็จับความได้ว่า
คนกลุ่มนี้น่าจะทำงานเกี่ยวกับวงการ Sound Effect
โดยมีชายคนหนึ่งกล่าวบ่นถึงคนผู้หนึ่งซึ่งผมสันณิษฐานว่า
เป็นเพื่อนร่วมงานของเขา โดยบ่นว่าเพื่อนเค้านั้นเป็น
คนบ้าการ์ตูน (ออกแนวสวดยับจวกคนอ่านการ์ตูนเละเทะ)
นิสัยแย่ ทำตัวเด็ก ๆ หนังสือดี ๆ มีไม่ยอมอ่าน
(ไม่รู้กระทบชิ่งใครรึเปล่าเพราะใบหน้าเค้ามองไปทางหญิงสาว เหลือน้อยท่านหนึ่งซึ่งนั่งอ่าน Go _ _ ip _ tar อยู่)

ทีแรกผมฟังแล้ว ก็ได้แต่นึกในใจ "เฮ้อคนเรามองโลกด้านเดียวรึเปล่าน้า ทำไมต้องมาอคติด้วย
คนเราถ้ามันชอบเหมือนกันหมด มันก็ไม่ดีหรอกน้องเอ๊ย"

หลังจากจวกอยู่พักใหญ่ หญิงสาวที่ดูจะเป็น Big Boss
ประจำกลุ่มเค้าก็ถามถึงพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงานคนนั้น
ชายคนนี้ก็เริ่มอธิบายให้ฟัง
ผมเข้าใจทันทีว่า ทำไมชายคนนี้ออกอาการดูถูกคนอ่านการ์ตูนนัก
พฤติกรรมของเพื่อนเค้า "น่าเกลียด" มากทีเดียว
- โบ้ยงาน ปัดความรับผิดชอบให้เพื่อนสนิท (ไอ้คุณคนเล่านี่แหละ)
- ไม่รับผิดชอบ รับงานทำไม่เคยเสร็จ
- ชอบยัดเยียดการ์ตูนที่ชอบให้คนที่ทำงาน
- โหลด + ไรท์การ์ตูน แบบเต็มแบนด์วิธ Network ในเวลางาน
- วันไหนรู้ว่าเรื่องโปรดออกจะแว่บไปซื้อก่อนเวลาพัก/เลิกงาน (อ้าว นี่จะโทษท่าน คนไร้สาระ รึเปล่า?)

ผมจึงบรรลุในสัจธรรมบางประการอีกครั้งว่า
"ปลาตายตัวเดียว เหม็นทั้งค่อง"
คงจะมีผู้ใหญ่เค้าเห็นคนประเภทนี้แหละครับ
อย่างที่รู้กันพวก Manager เค้าจะมีสังึคมนินทาลูกน้อง
ส่วนตัว เวลาย้ายไปย้ายมาก็จะรู้กัน (ในวง) เวลา Mgr
คนใหม่ ๆ มาเลยรับรู้เรื่องราวสร้างทรรศนะคติด้านลบ
ให้กับคนอ่านการ์ตูนแบบเรา ๆ น่าเศร้าเนอะ




 

Create Date : 10 กันยายน 2550   
Last Update : 10 กันยายน 2550 7:50:28 น.   
Counter : 248 Pageviews.  



Kassidy
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Kassidy's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com