Yolo
Group Blog
 
All Blogs
 
Intro to India


ทริปนี้ทั้งหมด 9 วัน ต้องยอมรับว่าอินเดียเป็นประเทศที่ยากที่สุด ตั้งแต่เคยไป Backpack มา การไปอินเดียในครั้งนี้เนื่องจาก Air Asia มี promotion เปิด route ใหม่ใน อินเดีย เลยจองไว้ (จองนานจนเกือบลืม) ในภาพเป็น route การเดินทางทั้งหมด ตั้งแต่ New Delhi - Srinagar ทริปนี้เน้นขึ้นเหนือ คาดว่าจะค่อยๆทะยอยลงรุปและเรื่อง เพราะเรื่องราวทริปนี้เยอะมาก เขียนเป็นหนังสือได้สักเล่มเลยทีเดียว ได้ตีแขกทุกวัน และโดนแขกตีทุกวันเช่นกัน -*- ฮ่วย



จากการที่ Air Asia เปิด Route ใหม่ไป อินเดีย ทำให้คนไทยไปอินเดียได้ถูกลง เป็น Route บินตรงที่ไกลที่สุดของ Thai Air Asia มีไป New Delhi กับ Kolkata ถ้า destination ที่ไกลกว่านี้ ต้องไป Transit เครื่อง Kuala lumpur Hub ใหญ่ของ Air Asia ราคาตั๋วไปอินเดีย ช่วงไม่โปรก็ประมาณ 8,000 - XX,XXX บาท แต่ถ้าช่วงโปรก็จะถูกกว่านี้ ส่วนถ้าเป็นสายการบินอื่นก็มีมากมาย ราคาประมาณ 12,000 บาทขึ้นไปสำหรับบินลง New Delhi



จากการศึกษาดูพบว่ามี 5 เส้นทางหลักๆในอินเดียที่คนไทยไปเที่ยวกัน แต่จริงๆถ้ามีเวลาอย่างฝรั่งที่เขาไปกันเป็นเดือนก็อาจจะไปให้หมดในรวดเดียวเลยก็ได้ (แต่อาจปางตายได้เพราะเจอแขกมากเกินไป)

1. The Northern Route : เส้นทางนี้หลักๆนักท่องเที่ยวมีจุดหมายปลายทางไป Kashmir มีหลายเมืองที่น่าสนใจอย่าง Amritsar, Dharamshala, Srinagar, Leh ถ้าไปทางรถส่วนใหญ่จะมี 2 Route หลัก คือ 1. ไปทาง Amritsar – Pathankot – Jammu 2. ไปทางเส้น Shimla – Manali ซึ่งเส้นทางรถจะปิดในช่วงฤดูหนาวจะข้ามไป Leh ไม่ได้ ต้องบินต่อไปอีกที ถ้าเป็นทัวร์จะบินตรงไปลง Srinagar หรือ Leh เลย แล้วบินกลับ

2. Buddha Route : เส้นทางนี้ตามรอยพระพุทธเจ้าไปพวกเมือง Varanasi, Kusinara, Lumpini (ปัจจุบันอยู่ใน Nepal) เส้นนี้ก็จะได้ไปเห็นแม่น้ำคงคา ที่เขาอาบน้ำกันตรงที่เผาศพนั่นแล และ สังเวชนียสถานทั้ง 4 ของพระพุทธเจ้า ส่วนใหญ่จะบินลง New Delhi แล้วบินกลับที่ Kolkata

3. Sikkim : เส้นทางนี้ส่วนใหญ่เขาจะไป Trekking Himalaya Range กันที่ Darjeeling ใกล้ๆเนปาล โดยบินลงที่ Kolkata

4. Rajasthan : เส้นราชถานนี้เป็นเส้นชมเมืองเก่าสมัยอินเดียมีกษัตริย์ปกครอง เมืองที่น่าสนใจมี Jaipur, Jodphur, Udaipur, Jaisalmer (เมืองนี้อยู่ในทะเลทราย ส่วนใหญ่เขาจะไปขี่อูฐกันเมืองนี้)

5. The Southern Route : เส้นทางนี้ไปชมพวกเมือง Technology เมืองที่เจริญอย่าง Mumbai, Bangalore, มีเมืองที่มีชายหาดสวยๆอย่าง Goa, มีวัดสไตล์ฮินดูทางใต้ที่ Chennei, Puducherry แล้วก็มี Ajanta Cave ที่เขาฮิตไปกัน

*Route ที่บินลง New Delhi ส่วนใหญ่ทัวร์จะ Add ไป Agra ด้วย เพื่อ แวะดู Taj Mahal เพราะ Agra ไม่ไกลจาก New Delhi



เมื่อได้จุดหมายปลายทางแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อไปคือ ดูช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว หรือ ดูสภาพภูมิอากาศช่วงที่เราไป (ในกรณีที่ไม่ได้จองโปร AA นะ เพราะส่วนใหญ่จองโปรมักจะไม่ค่อยมีสิทธิ์ในการเลือกช่วงเวลามากนัก แต่ยังไงก็ควรดูสภาพอากาศช่วงที่เราไปด้วยเสมอ) หาได้ง่ายๆ โดยการไปหาอาจารย์กู(เกิล) search ที่ google ด้วย ชื่อเมือง และ ตามด้วยคำว่า rainfall หรือ temp. จากนั้นเข้าไปดูที่รูปภาพ จะเห็นมีกราฟเต็มไปหมด ก็เลือกหากราฟที่เชื่อถือได้หน่อย นี่ก็จะเป็นการ check สภาพอากาศเบื้องต้นได้ ส่วนช่วงเทศกาล วันหยุด ต่างๆก็ควรศึกษาไว้เช่นกัน เผื่อไปตรงกับหยุดยาว หรือ เทศกาลที่น่าสนใจ



วีซ่าอินเดียสำหรับท่องเที่ยว (T) แบบ Single ระยะเวลา 3 เดือนนับจากวันที่ทำวีซ่า เข้า-ออก 1 ครั้ง ราคา 1,700 + 482 = 2,182 ~ 2,200 บาท/คน ซึ่งปัจจุบันทางอินเดียให้ผู้ยื่นขอวีซ่าต้องเข้าไปกรอกข้อมูลในเวบ//www.ivac-th.com/ ก่อนเท่านั้น จากนั้น print เอกสารออกมาเพื่อไปยื่น
1. Passport ตัวจริง + สำเนา 2 ใบ
2. แบบฟอร์มในการขอวีซ่า + รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป
3. เอกสารมอบอำนาจ (กรณียื่นให้คนอื่น)
4. ค่าธรรมเนียมวีซ่า



ลืมไป อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ คือ passport ไม่ควรเหลือน้อยกว่า 6 เดือน (ไม่ว่าจะไปเที่ยวปท.ไหน) ราคาค่าทำประมาณ 1,000 บาทนิดๆ รายละเอียดก็ตามเวบนี้เลย//www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=63



สำหรับการเดินทางในประเทศอินเดีย มีสายการบินในประเทศหลายสายที่ไม่แพง เข้าไป check คร่าวๆได้ที่www.yatra.com เวบนี้ search ง่ายดี ส่วนรถไฟก็เป็นทางเลือกสุดฮิตสำหรับ Backpacker เพราะเส้นทางรถยนต์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยดีนัก ตั๋วรถไฟสามารถจองได้เลยจากทาง Internet www.irctc.co.in ก็สะดวกดี ควรจองแต่เนิ่นๆเพราะจะเต็มเร็ว ระบบที่นี่แปลกอย่าง มันมี Waiting list ด้วย มีการ Cancel/Refund ได้ ก็มึนๆลุ้นๆดีสำหรับคนจอง Waiting List ไป ซึ่งไม่แนะนำ ให้จองเป็นตั๋วขึ้น Confirm ไปเลยดีกว่า, รถไฟในอินเดียบางสายจะวิ่งกันมาหลายวันมาก (วิ่งกัน 3 วัน 3 คืนเลยทีเดียว!สำหรับบางสาย) สำหรับชั้นของรถไฟ ก็มี
- 1A (First Class) : ตู้นอนชั้นหนึ่ง แอร์
- 2A (AC 2-tier Sleeper) : ตู้นอน 2 ชั้น แอร์
- 3A (AC 3-tier Sleeper) : ตู้นอน 3 ชั้น แอร์
- CC (Chair Car) : แบบนั่งมีแอร์
- SL (Sleeper) : ตู้นอนไม่มีแอร์ อันนี้แบบ..เห็นแล้วเครียดอ่ะ ไม่ควรจองแบบนี้ แต่ก็จองได้เพื่อความถึงแก่นอินเดีย



เมื่อวางแผนเสร็จก็จัดกระเป๋าสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการไปอินเดีย คือ ยา และ ที่ล๊อกกระเป๋า ก็เลยไปซื้อที่ล๊อกกุญแจอันเล็กๆมา 2 อัน แล้วมันก็มีวันนึงที่ต้องขึ้นรถไฟ ก็กะจะซื้อโซ่มาล่ามกระเป๋าไว้ แต่ไปดูที่บิ๊กซีแล้วพบว่าโซ่อันใหญ่มาก มันจะอลังการเกิน เลยแบกโซ่คล้องจักรยานไปแล้วกัน! ส่วนยาที่ขาดไม่ได้เลย คือ ยาแก้ท้องเสีย,ผงน้ำตาลเกลือแร่ ฯลฯ ได้ใช้แน่ๆ และก็ยาพื้นฐานต่างๆ พวก ยาแก้ไอ,ยาแก้เจ๊บคอ,ยาแก้ไข้, ยาลดน้ำมูก, ยาอม, ยาละลายเสมหะ ฯลฯ สำหรับถ้าไปเมื่อที่มีอากาศหนาว ให้แนะนำซื้อ long john จะได้ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหนามากเกินสำหรับคนขี้หนาว หาซื้อได้ที่ แพลตินัม ฯลฯ




Create Date : 25 มีนาคม 2555
Last Update : 8 มิถุนายน 2556 5:16:43 น. 1 comments
Counter : 2634 Pageviews.

 
ชีวิต คือ การเดินทาง


โดย: sammuan วันที่: 22 มิถุนายน 2555 เวลา:10:09:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Journey Addict
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




Friends' blogs
[Add Journey Addict's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.