~~ประจวบถึงเมืองเพชร มันส์สะเด็ดยาด~~
หลังจากไปตากแดด ตาก-ลมที่สมุย กลับมาถึงบ้านความมันส์ยังไม่หาย อยากจะออกไปตะลอนทัวร์อีก สงสัยอดเที่ยวมานาน เลยชวนเพื่อนสาวโคตรโสดไปเที่ยวหัวหินหลังจากที่เคยคุยกันแล้วก็ต้องเก้อเมื่อปีที่แล้วระหว่างนั้น เราก็หาข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง ที่พัก และลองโทรนัดรุ่นน้องให้มาเที่ยวด้วยกัน จนได้บทสรุปว่าเพื่อประหยัดงบในการเช่ารถวันละ 1,500 ไม่รวมน้ำมัน ก็ควรไปลงที่บ้านรุ่นน้องที่บางสะพาน แล้วนั่งรถที่บ้านเค้าเที่ยวซะเลยมาถึงสถานีตอน 1 ทุ่มเจ้าหน้าที่รถไฟบอกว่ารถเลท 20 นาทีแน่ะ 3 สาวจึงชวนกันไปหาอาหารรองท้อง ร้านอาหารข้างสถานีรถไฟที่เคยกินเมื่อ 4 ปีก่อนไม่มีแล้ว เลยข้ามมาฝั่งหน้า 7-11 มีร้านอาหารมุสลิม มื้อนี้ขอรองท้องด้วยข้าวต้มละกันหอนาฬิกาเมืองพุนพิน แต่ทำไมที่บ้านดอนใจกลางเมืองสุราษฎร์ไม่มีหอนาฬิกาน๊อ อยู่ตรงไหนใครบอกทีเจ้าหน้าที่แจ้งว่ารถไฟเลท 80 นาที (จาก 20) ระหว่างนั่งรอรถไฟอดไม่ได้ที่จะเก็บภาพบรรยากาศเรโทรแบบนี้เอาไว้ ไม่ได้นั่งรถไฟมา 4-5 ปีแล้ว บรรยากาศได้ใจจริงๆเสียดายหญิงอ้นไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปมา ภาพที่ถ่ายเลยไม่แจ่มอ่ะ เพราะใช้ samsung candy chat กลางคืนเบลอๆเย้..รถไฟมาแล้ว ซื้อตั๋วรถไฟชั้นสองพัดลม อืม....พอไหวๆ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ขึ้นรถได้ก็ตัวใครตัวมัน ฟังเพลงบ้าง โทร.หาบ่าวๆบ้าง ก่อนจะหลับเป็นตาย เพราะเลิกงานปุ๊บ เก็บของดิ่งมาสถานีกันเลยพระจันทร์เต็มดวง กับฟ้าที่มืดมิดวาเล็ตซ์รุ่นน้องในโครงการบอกว่าจากชุมพร มาบางสะพานห่างกัน 2 สถานี ทำเอานอนไม่หลับเมื่อมาถึงชุมพร ต้องคอยเงี่ยหูฟังตลอด แต่ผ่านไป 4 สถานีแล้วยังไม่มีวี่แววเลยง่ะจนมาสถานีนึงข้างทางมีป้ายโฆษณารถทัวร์บางสะพานใหญ่-กรุงเทพ คิดว่าต้องใช่แน่ๆ รถจอดที่สถานีแต่ไม่ได้ยินเสียงประกาศเลยลุกขึ้นไปชะโงกหน้าดู โฮ้ย ใช่จริงๆด้วย กว่าจะได้ลงรถกัน รถไฟก็เริ่มออกตัวแล้วระหว่างรอเล็ตซ์มารับ เคาน์เตอร์สถานีบางสะพานใหญ่ น่ารักดีมาถึงบางสะพานใหญ่ตี 2 เล็ตซ์มารับไปเข้าที่พักซึ่งเป็นบังกะโลของญาติ มืดมากดูไม่รู้ว่าห้องพักหันหน้าเข้าหาทะเล เพราะทะเลเงียบมาก ตื่นเช้ามาถึงได้รู้ว่าบรรยากาศที่นี่ สุดยอดดดดดดดดดสภาพบังกะโลที่เราพักห้องที่พักเน่ามากเพราะ 3 สาว เลยแอบมาถ่ายห้องว่างข้างๆ ได้รับคำอธิบายว่าแต่ละห้องจะแตกต่างกันเปิดประตูไปก็เห็นทะเลเลย แดดยามเช้าสีทองทำให้ทะเลสวยมากลืมล้างหน้าล้างตากันเลยทีเดียว เพื่อมาสูดอากาศยามสาย แหะๆบริเวณของบังกะโลทั้งหมดแต่งสวยมารอโชเฟอร์เพื่อตะลอนทัวร์ประจวบที่หน้าบังกะโล ดีนะที่ไม่มีคนอื่น เพราะอาจหลอนในความสวยมาอุดหนุนกันได้นะคะ ห้องพักราคา 300 บาทเองง่ะ ห่างจากสถานีรถไฟแค่ 5 กม. เจ้าของเป็นมุสลิมมั่นใจได้ในความสะอาดจ้าหลังจากเคลียร์เรื่องรถได้ ที่แรกของเราคือหาข้าวกิน เพราะเที่ยงแล้วยังไม่ได้ทานอะไรเลย ร้านอาหารใกล้ๆกัน ติดทะเล เริ่ดเชียวเดินทางจากบ้านทุ่งนุ่นล่างเลียบไปตามทางเรื่อยๆ มีข้อตกลงกันว่า อยากแวะ ต้องแวะ และเดินทางไปตามทางเรื่อยๆ ไม่รีบไม่ร้อน เก็บละเอียดทุกเม็ด นี่แหละราชรถของเรา เก่าแต่เจ๋งที่แรกคือ อ่าวแม่รำพึง สวยดีนะ บรรยายไม่ถูก ต้องถ่ายภาพเก็บไว้ นานไปจะได้ไม่ลืม ฝนตั้งเค้าและตกเปาะแปะ ขับรถไปเรื่อยถึงวัดทางสายแต่ไม่ได้ลง เพราะเปียก เลยขับไปต่อที่วัดวังทองหลาง แดดเปรี้ยงเชียวอาจะเพราะเป็นวันเสาร์คนมาเที่ยวแบบครอบครัวเยอะมาก บรรยากาศที่นี่สวยแปลกตาดี ชายหาดสั้นไปนิดหินน้อยใหญ่ มองแล้วบรรยากาศใกล้เคียงหาดปากเม็งที่ตรัง เอ....หรือที่ไปมาส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีแบบนี้น๊อ เลยสวยแปลกตาไปซะทั้งนั้นมุ่งหน้าสู่อ่าวมะนาว ระหว่างทางผ่านคลองวาฬ จำไม่ได้ว่าดังเรื่องอะไรก่อนหน้านี้เข้ามาหาข้อมูลจากพันทิป ตลาดคลองวาฬ ดังเรื่องขนมเค้ก อืม อารมณ์ประมาณเมืองตรัง (อีกแล้ว) ขอบายมุ่งหน้าสู่อ่าวมะนาว(ซะที) อิจฉาชาวกองบิน 5 ที่มีทะเลอยู่ในค่าย ห่างกันแค่ถนนกั้น คนเยอะมาก........... ขับเลยไปที่เขาล้อมหมวกเพื่อดูค่างแว่นเจ้าตัวขนสีเหลืองซนมากๆ น่ากลัวว่าจะตกลงมา เห็นแล้วนึกถึงซุนหงอคงอ่ะฝั่งอ่าวเมือง ไม่ได้เข้าไปถ่ายรูป เพราะทหารกำลังกวาดขยะมองเห็นเขาช่องกระจกไกลๆ แต่ด้วยแดดที่ร้อนมาก กว่าจะขึ้นไปถึงยอด คงเป็นลมแดด ขอบาย อีกรายการเขาล้อมหมวกใหญ่โตน่าเกรงขามมาก บนเกาะมีรังนก และมีทหารนั่งเฝ้ายามห้ามผ่านเขาล้อมหมวกฝั่งอ่าวมะนาวอ่าวมะนาวน้ำแห้งมาก มองเห็นคนเดินอยู่ไกลๆ น้ำสูงแค่เข่าเองมีเกาะรังนกอยู่กลางทะเล คาดว่าน่าจะเป็นสมบัติของกองบินระหว่างทางเจอป้ายวัดตาลเจ็ดยอด เลยขอแวะสักหน่อยเพื่อสักการะหลวงปู่โตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่เกรงใจเพื่อนมุสลิมที่มาด้วยกันเล๊ย...มองเห็นเขาสามร้อยยอดตั้งตระหง่าน บางเวลาก็มีขบวนรถไฟผ่าน วัด-ทุ่งนา-ขบวนรถไฟ-ภูเขาสูง ช่างเป็นความลงตัวของธรรมชาติจริงๆ ท้องร้องจ๊อกๆ เลยบ่าย 3 แล้วยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยง เล็ตซ์แนะนำว่าไปหาของกินที่ปราณบุรี เพราะห่างกันไม่มากนักจากที่วัด จากโลตัสปราณเลี้ยวขวาเข้ามา มุ่งหน้าไปยังร้านแอบแซ่บสั่งส้มตำเผ็ดๆ แม่ครัวเลยทำทุกอย่างเผ็ดจัดจนหูอื้อ แสบท้องเลยทีเดียว คนเยอะพอสมควรร้านนี้ หน้าร้านมีเครื่องใช้โบราณวางไว้ มันคืออะไรหนอชิลกันเกินเหตุ เริ่มเย็นแล้ว รีบมุ่งหน้าสู่หัวหิน จุดหมายคือเพลินวานหลังจากอ่านเจอตามแมกกาซีนต่างๆมาสักพักแล้ว ระหว่างทางสอดส่ายสายตาหาที่พัก ราคาแพงๆทั้งนั้นเลยดิ่งไปเพลินวาน วันนี้วันเสาร์คนเยอะมากมองไปแล้วไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างหาได้ที่สุราษฎร์บ้านเรา แต่ชอบตรงมุมสวยๆ สำหรับคนบ้ากล้อง คนกรุงอาจจะตื่นตาบ้างเพราะที่กรุงเทพไม่มีแบบนี้นินึกถึงการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องบ้านผีสิงบ้ากล้องกันเสร็จสรรพ ขับรถทัวร์เมืองหัวหินอันแสนศิวิไลซ์ ร้านรวงเยอะมาก เล็ตซ์ติดต่อเพื่อนเพื่อหาห้องพักราคาถูกจนได้ที่นี่ LD อะไรสักอย่าง ข้างวิลล่า มาร์เก็ต ห้องมีหลายราคาให้เลือก เราเลือกห้องราคา 800 บาท เตียงคู่สำหรับ 4 คน ใช้ได้เลยล่ะเปลี่ยนเสื้อผ้า(ยกเว้นเรา) เพื่อไปเดินตลาดโต้รุ่ง เหมารถกะป๊อจากหน้าเกสต์เฮ้าส์ 100 บาท ถือว่าไม่แพงสำหรับ 4 คน เพราะห่างออกไปไม่ถึง 3 กม.ผิดคาด เพราะคิดว่าจะมีของกินเยอะแยะมากมายเหมือนโต้รุ่งสุราษฎร์(ออกรายการตลาดสดสนามเป้า ด้วยนา) ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าแนว หัวหิน Icon ที่ราคาเหมือนกันเกือบทั้งหมด เดินกันอยู่นานไม่ได้อะไรติดมือมากนัก ชวนเพื่อนๆไปร้านโกทิ เพราะคนในห้องบลูแนะนำมา ปรากฏว่าราคาแพงเว่อร์ ร้านไอติมชาววังร้านนี้แนวมาก สวมชุดผ้าไหมไทยขายกันเลย สีสันสำหรับค่ำคืนขากลับชวนกันเดินชิลๆ กลับที่พัก เจอป้ายนี้กลางถนน เสี่ยงตายตัดหน้ารถกระโดดขึ้นไปแชะกะเขาหน่อยอนุสาวรีย์โผน กิ่งเพชร นักมวยคนแรกที่ไปชกต่างประเทศ (แหะๆ จำประวัติบ่ได้) อยู่ไม่ไกลกัน ก่อนจะเดินกว่า 3 กม. เพื่อกลับที่พัก เก็บแรงไว้สำหรับรุ่งเช้า เสียดายไม่ได้ตะลุยราตรี เพราะเหนื่อยกันสุดๆอาหารเช้าเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าดัง ร้านอยู่เลยเพลินวานมาไม่ไกล คนเยอะมากขอบอก ไม่ถึงเที่ยงก็ขายหมดละ มีเต้าหู้นมสดแก้เผ็ดด้วย ขอบอกว่าน้ำพริกเผาเผ็ดค่อดๆจากนั้นกลับหัวรถไปบ้ากล้องกันต่อที่สถานีรถไฟแห่งแรกของเมืองไทย ลั่ลล้า ได้อีกพลับพลาพระมงกุฏเกล้า กับสาวเกือบจะสวยมีกรุ๊ปถ่ายรูปประมาณ 4 กรุ๊ปรวมพวกเรา แดดยามเช้าอ่อนๆแบบนี้ถ่ายรูปสวยนักแลมุมยอดฮิตแดดเริ่มแรง เลยขอจรลี เดิมทีวางแผนว่าจะไปชะอำต่อ แต่ประเมินดูแล้ว ไปทะเลแต่หล่อนทั้งหลายมิได้จะย่างกรายลงน้ำ ไกด์เล็ตซ์แนะนำให้ไปช้อปปิ้งที่ Premium Outlet เข้าทางสาวๆกว่า 3 ชม. รวมหมดนี่แค่ครึ่งหมื่นเอ๊ง....ยังไม่ทันถึงเมืองเพชรดีเท่าไหร่ก็เลี้ยวหัวรถกลับ เพราะฝนตั้งเค้าอีกแย้ววว ระหว่างทางขอแวะสักการะหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วัดห้วยมงคล เพราะนั่งรถผ่านบ่อยๆ แต่ไม่เคยได้เข้าไปไหว้เลยลอดท้องช้างสะเดาะเคราะห์มั๊ยเพ่ทำบุญแล้วทำทานต่อ ด้วยการให้อาหารปลา มีเขื่อนเล็กๆ ในวัด ปลาตัวใหญ่มาก มันไม่กินอาหารอ่ะ สงสัยอิ่มเพราะคนให้เยอะ แต่กลับมาเจออีกมุมใกล้บันไดทางลงมาท่าน้ำ ปลาตัวเล็กๆ เยอะมากมีน้ำตกเล็กๆ ด้วยฝนตกห่าใหญ่คราวนี้ ไกด์คนเก่งของเราวางแผนสำหรับมื้อเย็น รีเควสทะเลสดไป ขากลับแวะมาที่ร้านอาหารมุสลิมเจ้าเดิมเพื่อรับปลาหมึกสด และกุ้งเอาไปทำทะเลเผา ชายหาดที่นี่นะ เงียบมาก เพราะไม่มีบังกะโลภูเขาด้านหลัง คือ เกาะทะลุ เสียดายไม่ได้ไป เพราะมีคดีพิพาทบนศาลอยู่เรื่องนายทุนกับชาวบางสะพานน้อยระหว่างที่เพื่อนเตรียมอั้งโล่ และถ่านสำหรับทะเลเผา สาวๆ เลยฆ่าเวลาด้วยวิธีนี้ หาดหน้าบังกะโล Lolaภูเขาด้านหลัง บนยอดคือวัดทางสายที่ตั้งของพระพุทธกิติสิริชัย โดยองค์สิริกิตต์เจ้าตัวนี้ไม่รู้มากจากไหน เพราะมุสลิมเกลียดหมาค่ะ คาดว่าเพราะมีแขกชาวต่างชาติห้องข้างๆ มันเลยมาด้อมๆมองๆ เผื่อได้ของกินฟรีมั๊งเห็นแล้ว แอบเหงากิจกรรมยามค่ำก่อนลาประจวบ ทะเลเผา เม้าท์กระจายแล้วก็ต้องกลับจริงๆ มาถึงสถานีรถไฟตอนเที่ยงคืนกว่าๆ เพื่อนั่งรถกันตังกลับสุราษฎร์ ทริปนี้สนุกมาก เพราะเพื่อนร่วมทางสนุก ไกด์เยี่ยม คงจดจำไปอีกนาน ลาแล้วนะบางสะพาน
~~สมุยลั่ลล้า~~
ไปสมุยรับหน้าร้อน แดดเปรี้ยงเมื่อปลายเดือนพฤษภาที่ผ่านมา โอ....แดดร้อนมาก แต่ๆ ก็คุ้มนะกับการได้เห็นบรรยากาสวยๆ ท่ามกลางแสงแดดไปรอบนี้ทรหดกว่าทุกครั้ง เพราะมีมอ'ไซต์กับคนขับไปด้วย แดดร้อนก็ไม่หวั่น ขอมันส์ไว้ก่อน ได้เรือเที่ยวเที่ยงพอดีชอบบรยากาศบริเวณท่าเรือเฟอร์รี่มากมาย เพราะบริเวณนั้นเป็นหินเล็กหินน้อยเยอะแยะไปหมด เรือลำนี้ไม่ดีเท่าไหร่ ห้องพักชั้น 2 มีการซ่อมแซมปิดบริการ นักท่องเที่ยวเลยต้องมานั่งโต้ลมกันข้างนอก แดดที่ร้อนทำเอาเซ็งไปเลยขอสักหน่อย อิอิหลังจากเดินทางเข้าที่พัก(ฟรี) พักกันจนหายเหนื่อยก็ได้เวลาเตร็ดเตร่หามุมถ่ายรูปสวยๆ....เอ่อ หมายถึงวิวนะ จุดชมวิวเฉวง ใกล้สุด ปีที่แล้วยังไม่มีแบบนี้เลยเสียดายไปติดค่ำ ภาพที่ถ่ายเลยเบลอๆ หลายรูป มุมนี้มองไปเห็นหาดเฉวงฝั่งแดนราตรี แต่คืนที่ไปเป็นวันวิสาขะ ไม่มีร้านไหนเปิดชอบมุมนี้นะ แต่ต้องเปลี่ยนนายแบบจบ 1 วันที่หรรษา และเหนื่อยล้ากับการเดินทาง.....................วันที่ 2 ของการเดินทาง ตื่นสายโด่ง และชวนคนขับรถไปเที่ยวกันท้าแดด โดยการขี่รถวนรอบเกาะ งานนี้สารถีบ่นอุบ...เพราะร้อนและขี้เกียจ แต่ในที่สุดก็ต้องยอม ขับจากเฉวงไปเรื่อยๆ จนถึงละไมหาดสาธารณะละไมแดดแรงมาก หาดนี้ติดกับรีอร์ท เลยมีแต่ชาวต่างชาติมาอายแดด มีคนไทยหลงมา 2 คนเองแม้จะมาหลายรอบแล้ว ยังไงก็ต้องแวะสักหน่อย กับหินตาหินยาย ช่วงที่ไปเป็น long weekend ทัวร์ลงเยอะมาก ขนาดขับแมงกะไซต์เข้าไปยังยากลำบาก แต่ก็คุ้ม...ถ่ายกับหินตาหินยายเยอะแล้ว เลยต้องเปลี่ยนมุมบ้างหินตาหินยาย มีหินน้อยใหญ่ใกล้ๆ และคลื่นแรงมาก แต่น้ำที่นี่ใส-สวย บาดใจจริงๆอ๊ะนั่น ท่าทางจะเป็นจุดชมวิว มันมีราวเหล็กอยู่บนยอดสุดอ่ะลองขึ้นจุดชมวิวบริเวณนี้ดูบ้าง ได้บรรยากาศสุดๆมองมุมสูง ได้ภาพ-แนวคิดในอีกแบบนึง คุ้มค่ากับการปีนขึ้นมาจริงๆเริ่มหิวแล้ว ขับรถวนรอบเกาะไปเรื่อยๆ แดดเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนอารมณ์บูด มาถึงหาดหน้าทอนเพราะแดดร้อนหรือเปล่า น้ำลดลงไปไกลเลย แต่ที่เคยมาเมื่อปีต้น 51 ก็ประมาณนี้แหละ แต่ตอนนี้หาดไม่สวยเหมือนเก่าขับรถหิ้วท้องไปหาของกินกันไกลถึงบางปอ หาดแถวนี้ไม่เคยแวะจริงๆจังๆ นอกจากนั่งรถผ่าน บรยากาศดีมากๆ ถ่ายที่หน้าหาดหลังร้าน แต่บรรยากาศแจ่มพอๆกับโรงแรมละแวกนี้ หายากนะเนี่ย หาร้านอร่อย ราคาถูกข้างถนนยากมากๆ แต่ร้านนี้ผ่านเลย บรรยากาศที่ได้นี่คุ้มค่าราคา 30 บาทเจงๆเมื่อท้องอิ่ม ก็พร้อมลุย จุดหมายต่อไปคือวัดพระใหญ่ แดดยิ่งร้อน คนยิ่งฮึด ไปไหว้พระกันมองมุมสูง(อีกครั้ง)เดินตีระฆังรอบๆฐานพระ มองเห็นทางเดินไปสู่ที่จุดประทัด และเป็นทางลงไปยังหาดข้างล่าง ว่าแล้วก็ต้องลงไปสำรวจดูหน่อยลงมาแล้วคุ้มจริงๆ แม้ออกจะน่ากลัวเพราะไม่มีใครบริเวณนี้เลย แต่สิ่งที่ได้...สุดๆไม่รู้ว่าหาดด้านหลังวัดพระใหญ่ชื่อว่าอะไร ใช่แหลมสำโรงหรือเปล่าเสียดายที่ช่วงเย็นฝนตกหนักมาก วันที่ 2 เลยไม่ได้เที่ยวไหนต่อ เมฆฝนทะมึนมาแต่ไกลวันสุดท้ายขึ้นเรือกลับบ้าน น้ำเขียวใสได้ใจจริงๆลาก่อนนะสมุยทริปนี้เป็นทริปที่ไม่สนุกเพราะคนไปด้วย แต่ปรากฏว่าได้ดั่งใจตรงอยากแวะที่ไหนก็ได้ เลยมีรูปสวยๆมาเพียบ ตอนนี้เข้าหน้าฝนแล้ว คงต้องรอปีหน้านะ สมุย....