คุณกำลัง กำ อะไร
ครอบครัวที่น่ารักอยู่ครอบครัวหนึ่ง ในครอบครัวนี้มี พ่อ แม่ และบุตรชายวัย 5
ขวบ กำลังน่ารักเลยทีเดียว
เจ้าหนูเป็นเด็กที่ซนอย่างร้ายกาจและขี้สงสัยอย่างมาก
อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูก้อนึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูก
ไปคว้าเอาแจกันหยกแกะสลักต้นราชวงศ์หมิง

ซึ่งนั่นก้อหมายความว่ามันราคาแพงมากกก นำมาเล่นพลิกคว่ำพลิกหงาย สัก
พักก้อล้วงมือเข้าไปในแจกัน

ทันใดนั้นเจ้าหนูก้อทำตาโตเท่าไข่ห่านดูเหมือนจะดีใจที่ล้วงเข้าไปเจอ
อะไรสักอย่าง

แต่ปัญหาหาอยู่ที่ว่ากูเอ๊ย!


เจ้าหนูจะดึงมือออกมาได้อย่างไร้เจ้าหนูเริ่มกระสับกระส่ายพยายามดึงมือออกมาแต่
ก้อไม่สำ
มะเหร็จ จนต้องใช้ไม้ตายคือ
"ทำไม่ได้ร้องไห้ไว้ก่อน"

เสียงเอ็ดอึงเป็นผลให้พ่อและแม่ต้องวิ่งมาดู

เมื่อมาพบเข้าต่างก้อพยายามช่วยกันดึงมือของเจ้าหนูออกจากแจกันด้วยวิธีต่างๆ
น้ำมันก้อแล้ว น้ำสบู่ก้อแล้วทำอีท่าไหนก้อไม่ออก
จนสุดท้ายผู้เป็นพ่อต้องตัดใจทุบแจกันหยกราชวงศ์หมิงทิ้ง
เพื่อรักษามือของลูกชายเอาไว้ เมื่อมือของเจ้าหนูหลุดจากแจกันแล้วพ่อและแม่

ก้อพบว่ามือเจ้าหนูกำอะไรบางอย่างจนแน่น
ผู้เป็นแม่จึงถามลูกชายว่า "หนูกำอะไรอยู่จ้ะลูก ?"

เจ้าหนูตอบพร้อมทำสีหน้าขึงขัง "
ผมปล่อยมันไม่ได้หรอกครับ

"แล้วมันคืออะไรจ้ะลูก?" ผู้เป็นพ่อเริ่มสงสัย
"
มันเป็นสตางค์ครับ" เจ้าหนูตอบพร้อมกับค่อยๆแบมือออกอย่างทนุถนอม จึงปรากฏว่า

ในมือของเจ้าหนูมีเพียงเหรียญสลึงอยู่สองเหรียญ เจ้าหนูหารู้ไม


่ว่าการที่เขาพยายามกำเหรียญเอาไว้ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียของมีค่ากว่าเ
ป็นพันๆเท่า แล้วเพื่อนๆ ล่ะ ขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่นี้

คุณกำลัง

"กำ"อะไรไว้ในชีวิตบ้าง

เงิน? บ้าน? งาน?
รถ? ทิฐิ? ...



แล้วสิ่งที่คุณกำอยู่ทำให้คุณสูญเสียอะไรที่มีค่ามหาศาลไปบ้าง

เวลา.... ครอบครัว.... พ่อแม่.....
คนที่รักเรา.....
สวรรค์

คุณ "กำ"อะไรอยู่?

ขอบคุณสาระแนดอดคอมค่ะ



Create Date : 08 มกราคม 2552
Last Update : 8 มกราคม 2552 9:24:28 น.
Counter : 474 Pageviews.

3 comment
ปริศนาที่ถูกเก็บ “ก yluo ว^or”
-ขอบคุณwebsite จับฉ่าย.com ค่ะ่ อาจจะยาวไปนิดหนึ่ง

ผู้หญิงคนหนึ่ง.... ที่ดูๆแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่น
ผู้หญิงคนนี้...ธรรมดา ... แต่ความเป็นคนของเธอ ...
ช่างวิเศษนัก ...
ผู้หญิงคนนี้ ... ผู้ที่สอนให้ผมรู้จักกับคำว่า
“ความรัก”ที่แสนจะอบอุ่น ...
ผมไม่รู้ว่าเธอ... คนนั้นเข้ามาในชีวิตผมได้อย่างไร แต่ตอนนี้
เธอก็หยิบยื่นความรักให้ผมอย่างเพียงพอแล้ว
พวกคุณมาลองทำความรู้จักกับ “เธอ” ดูก็แล้วกัน...
เรื่องราวของเธอ เป็นอย่างไรกัน ... พวกคุณลองมาฟังกันดู

10 กรกฎาคม 2540
วันหนึ่งในมหาลัย ผมได้พบกับผู้หญิงคนนึงโดยไม่ได้ตั้งใจ
ขณะที่ผมเดินอยู่ในโรงอาหารของมหาลัย เพื่อหาอาหารแดก..
ซึ่งคนแย่จังก็เดินขวั่กไขว่เต็มไปหมด
เพราะเป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี..
และด้วยความที่ว่าคนเยอะมาก
ทำให้ผมเดินไปชนไหล่เธอเข้าอย่างจัง...
ผมหันหน้าขวับ... ไป พร้อมกับพูดคำว่า ขอโทษครับผม....
เธอก็หันมามองผมเช่นกัน พร้อมกับบอกผมว่า “ ขอโทษนะคะ
ศรไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
แล้วเธอก็โบกมือ พร้อมกับหันหลังเดินจากไป เธอเป็นคนสวย ผมยาว
ผิวขาวผ่อง หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่ามองเป็นอย่างยิ่ง
ความน่ารักของเธอ
ต้องตาตรึงใจผมยิ่งนัก... ผมรู้สึกประทับใจเธอยิ่งนัก “
เธอชื่อว่าศร “
นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมได้รู้จักเธอ ผมรู้แค่ว่า เธอชื่อว่า “ศร“
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะนิสัยส่วนตัวผม
แทบจะไม่สนใจผู้หญิงอยู่แล้ว.... แต่กับคนนี้ ผม
^_-...ปิ๊ง...-_^
เธอทันที ตั้งแต่แรกเห็น แล้วผมก็คิด “ เอิ๊กส์ๆๆๆ หน้าตางั้น
สงสัยมีแฟนแล้วด้วยแน่ๆเลยว่ะ เฮ้อ เหลวไหลว่ะผม “ ...
แล้วผมก็หัวเราะเบาๆ กับตัวเอง....
แล้วผมก็มองหาของแดกต่อไป......

24 กรกฎาคม 2540
สองสัปดาห์ต่อมาต่อมา ผมถูกอาจารย์
ใช้ให้ไปขนหนังสือกองเบ้อเร่อที่ห้องสมุดมหาลัย
ผมต้องยกกองหนังสือกองใหญ่ขึ้นไปชั้นสองของห้องสมุด...
ผมก็ขนๆๆไป
แต่ด้วยความซุ่มซ่ามของผม ผมเลยทำหนังสือกองใหญ่ที่ผมยกอยู่
ล้มโครมลงมา ระเนระนาด เต็มบันไดไปหมด “ นายห่าเอ๊ยยย “
ผมโพล่งออกมาด้วยอารมณ์เซ็งสุดตีน พร้อมกับก้มลงเก็บหนังสือ...
ตอนผมกำลังก้มงกๆ เพื่อไล่เก็บหนังสืออยู่นั้น
ผมก็ได้ยินเสียงประตูห้องสมุดชั้นสองเปิดออก
พร้อมกับเสียงคนกำลังเดินลงบันไดมา...
ผมเลยเร่งเก็บหนังสือให้เร็วขึ้น
เพราะถ้าผมไม่รีบ กองหนังสือมันจะขวางบันได
ทำให้คนเดินลงบันไดไม่ได้.
ขณะที่ผมกำลังเก็บอยู่นั้น ผมก็เหลือบไป
แล้วสิ่งที่ผมได้เห็นก็คือ.......
ผู้หญิงคนนึง กำลังก้มเก็บหนังสือด้วยท่าทางอิริยาบถ
คล้ายๆกับที่ผมกำลังทำอยู่....
เมื่อผมเหลือบขึ้นไปมองหน้าผู้หญิงคนนั้น
ผมก็ตกใจ.... เธอคือ....
ศร....ผู้หญิงที่ผมเดินชนเธอในโรงอาหารวันนั้นนี่หว่า......
ผมนั่งมองเธอด้วยอาการงงงวย....
ประจวบเหมาะ พอดีเธอหันมาเห็นผมนั่งมองเธอ เธอก็พูดขึ้นมาว่า
“รู้แล้วค่า ว่าคุ้นๆหน้าน่ะ แต่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะคะ
มาช่วยกันเก็บหนังสือก่อนนะคะ เดี๋ยวคนเค้าเดินขึ้นลง
เค้าจะเดินไม่ได้กัน... รีบๆหน่อยสิคะ เดี๋ยวจะมีคนเดินมานะ ”
เสียงหวานๆ น่ารักของเธอสะกดผมซะนิ่งไปเลย เธอเห็นท่าทางผมเอ๋อๆ
เธอเลยพูดขึ้นมาอีกว่า “” แน่ะ... เหม่ออะไรคะ
เมื่อคืนนอนดึกเหรอ
บอกให้ดื่มกาแฟก็ไม่เชื่อ ฮิ ฮิ “” เธอพูด
พร้อมกับหัวเราะเสียงเล็กๆ
น่ารักเป็นกันเอง มือเธอก็หยิบๆหนังสือไป พอดีผมรู้ตัวว่า
ผมกำลังเก็บหนังสืออยู่นี่หว่า ผมก็เก็บต่อ แล้วระหว่างที่เก็บ
ผมก็เลยถามเธอว่า ชื่อ ศร เหรอ เธอตอบว่า “”ใช่ค่ะ อ่ะ
รู้ได้ไงอ่ะ””
ผมก็เลยบอกเธอไปว่า ตอนเดินชนกันในโรงอาหาร เธอพูดบอกผมว่า
ศรขอโทษ ไง
ผมก็เลยรู้ชื่อเธอได้ แบบไม่ตั้งใจ ผมกับเธอ
ก็เลยคุยทำความรู้จักกันพอเป็นพิธี
เธอเป็นคนอัธยาศัยดี เป็นกันเอง ทำให้ผมกับเธอ
รู้สึกสนิทสนมกันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก..
เมื่อพอจะได้รู้จักกันบ้างแล้วผมก็เลยถามเธอว่า ศรจะไปไหนล่ะ...
เธอเลยตอบผมว่า จะไปคาฟ (โรงอาหาร) ไปทานข้าว ผมเลยถามเธอว่า
อ่าว...
ไม่ไปทานกับเพื่อนล่ะ
เธอก็บอกผมว่า เธอเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยได้ยุ่งกับใคร
เธอไม่ค่อยชอบ... โอ่ว... เธอนิสัยคล้ายๆผมเลย
ผมก็ไม่ชอบยุ่งกับใคร
เธอก็บอกผมอีกว่าเธอเห็นผมท่าทางเก็กๆแปลกๆ แต่ดูตลกดี
คือเหมือนแกล้งเก็ก ว่างั้นเหอะ
เธอก็เลยรู้สึกว่าผมน่าสนใจน่าทำความรู้จักด้วย
เมื่อเธอพูดจบแล้ว
เธอก็เลยบอกผมต่อว่า “” งั้นเก็บหนังสือเสร็จแล้ว
ไปทานข้าวเป็นเพื่อนกันหน่อยนะคะ “” ผมก็ตบปากรับคำไป
เมื่อเก็บหนังสือเสร็จ ผมก็เลยไปนั่งทานข้าวกับเธอ
เราก็ได้คุยกันสนุกสนานพอสมควร
ทำให้ความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างผมและเธอ..... เพิ่มมากขึ้นไปอีก
และอีกอย่างที่ได้รับรู้ ระหว่างที่คุยกับเธอที่โรงอาหาร ก็คือ
เธอ....ยังไม่มีแฟน...... ผมอยากจะดีใจกระโดดตัวลอย
แต่ผมก็ทำไม่ได้
...ศรจะรู้บ้างมั๊ย...
ว่าเธอกำลังรินน้ำรดให้ต้นไม้ต้นเขียวสดใสในใจของผม
ค่อยๆงอกขึ้นมาช้าๆอย่างสวยงาม......
หลังจากนั้นมา ผม กับ ศร ก็เริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยความที่ว่า
ผมเป็นคนอัธยาศัยดี ส่วนเธอก็เป็นกันเองมากๆ
ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ
จนนักศึกษาคนอื่นๆ เริ่มมอง และล้อเลียนว่า ผม กับศร
เป็นแฟนกัน...
แต่ทั้งผมและศร ก็ไม่ได้สนใจอะไร.... แต่จริงๆ
ผมก็แอบดีใจนะ....
.......ต้นรักในใจของผม กำลังจะกลายเป็นต้นกล้าเขียวชอุ่ม
แตกกิ่งก้านสาขาแข็งแรงออกมาเรื่อยๆ .........

1 ปี ผ่านไป........
........................................
10 สิงหาคม 2541
หนึ่งปีผ่านไป ผม กับ ศร ตอนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันมาก
แต่ความรู้สึกผมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรอกนะ.....
ผมยังรักผู้หญิงคนนี้อยู่ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น.... ใช่
ผมรักศร
แล้ว 1 ปีกว่าๆมาแล้ว ที่ผมได้รู้จักเธอ.... มันถึงเวลาแล้วล่ะ
ที่ผมจะบอกรักเธอ..... แต่ผมก็ไม่รู้ ว่าผมจะบอกยังไงดี
ผมก็เลยวางแผนจะชวน ศร มางานวันเกิดผม
ที่ผมจัดให้ตัวผมเองคนเดียวมาตลอด
วันนี้ วันที่ 10 สค. วันเกิดผม 25 สค. ....อีก 15 วัน ใช่.....
ผมจะชวนเธอมา แล้วผมก็จะ.....บอก...... “”ฮะๆๆๆ””...
ผมคิดเองหัวเราะเองเหมือนคนบ้า แต่ผมก็ฉุกคิดอีกว่า เอ่อ ....
ถ้าเธอไม่รักผมล่ะ ผมก็คง............
”” เฮ้ยยย ช่างแย่จังเหอะ”” ผมตะโกนเสียงดังเพื่อตัดบทตัวเอง
พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตา ทำการบ้านต่อไป....
ส่วน ศร หนึ่งปีหลังผ่านมานี่ เธอป่วยบ่อยมาก
เข้าโรงพยาบาลตกเดือนละ 1
ครั้ง...ร่างกายทรุดโทรมจนดูไม่สวยเหมือนเมื่อก่อน...
เธอไม่สบายเป็นว่าเล่น... พอผมถามเธอว่า เธอเป็นไร
เธอก็จะตอบผมเหมือนกันทุกครั้งว่า
“”เป็นแค่โรคประจำตัวธรรมดาน่ะ
ช่วงนี้วูบบ่อยเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก เป็นมาตั้งนานแล้ว
แต่ผมก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้ เพราะเธอดูโทรมลงไปมาก.....
แต่ผมก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะเธอย้ำผมบ่อยมากๆ
ว่าเธอเป็นแบบนี้ประจำ
เป็นอาการปกติของเธอ....

20 สิงหาคม 2541
วันที่ 20 แล้ว.... อีก 5 วัน เท่านั้น ก็จะถึงวันเกิดผม....
ผมเลยตัดสินใจบอกชวน ศร ไปว่า “” อีก 5 วัน วันเกิดเรานะ
ศรจำได้ป่ะ....
เธอตอบผมมาว่า...........
””เอ้อ ใช่

ปีที่แล้วเราไม่ได้จัดงานวันเกิดให้นี่นาเพราะติดงานวุ่นวายกันทั้งคู่..
งั้น... ปีนี้ เราไปจัดงานวันเกิดกันสองคนเนอะ ฮิฮิ
เราเพื่อนกันแค่สองคน.. วันที่ 25 นี้ เธอขอพรจาก ศร ได้ 1
ข้อนะ...
ในฐานะที่เป็นเพื่อนที่ดีกับศร มาตลอดศรจะให้พรเธอ 1 ข้อออออ
ศรสัญญา
ว่าศรจะมางานวันเกิดเธอให้ได้นะ.... “”
....พูดจบเธอก็หัวเราะคิกคักเหมือนเดิม.... ผมได้แต่มอง
แล้วก็แอบชื่นชมเธอในใจว่า 1 ปี ผ่านมาแล้ว
ที่ไปไหนมาไหนด้วยกันทุกวัน... เธอยังสดใสเหมือนเดิม
แม้ภายนอกเธอจะดูซูบโทรมไปบ้าง เธอก็ยังสวยน่ารักเหมือนเดิม
สำหรับผม.... เฮ้อ ... แต่นายคำว่าเพื่อน นี่สิ ผมได้ยินทีไร
ใจหายทุกที...... แต่ผมก็ไม่สนใจ
ผลจะเป็นยังไงก็ช่าง วันที่ 25 นี้ ผมจะบอกรักเธอให้ได้
แล้วผมจะรอดู
ว่านางฟ้าของผมคนนี้ จะให้พรได้ตามที่ผมหวังไว้รึเปล่า....
“””ศรรักเ ธ อ น ะ“” คำนี้แหละ ข้อนี้แหละ
คือพรที่ผมอยากได้จากนางฟ้าของผม........แต่ก็ไม่รู้
ว่าผมจะสมหวังมั๊ย...

21 สิงหาคม 2541
ช่วงสอบ.....

ศรป่วย กลับ กทม. เข้าโรงพยาบาลแต่เช้า
ผมก็คิดว่าเธอจะกลับมาช่วงบ่ายๆเย็นๆ เหมือนอย่างที่เคย.....
แต่มันไม่ใช่..... วันนี้ เธอหายไป..... เธอเป็นอะไรรึเปล่า...
ผมก็ได้แต่คิด... และหวังว่า เธอคงไม่เป็นอะไร ผมก็ได้แต่ รอ รอ
รอ
และ.... รอ

22 สิงหาคม 2541
เงียบ..... ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย
ผมเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ...... ศรหายไปไหน
โทรไปที่บ้าน
ก็ไม่มีคนรับ.....

23 สิงหาคม 2541
..............
24 สิงหาคม 2541
................!!!!!!?? โทรไปบ้านศร คนใช้รับสาย บอกผมว่า
””คุณหนูศร ป่วยหนัก นอนอยู่โรงพยาบาลค่ะ คุณพ่อคุณแม่ของคุณหนู
ก็อยู่ที่นั่นกันหมด”” ไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้
สอบเสร็จผมจะบึ่งกลับ
กทม.... ทันที

25 สิงหาคม 2541
สอบเสร็จแล้ว.. เหนื่อยมากๆ เมื่อคืนไม่ได้นอน
เพราะนอนไม่หลับ...
วันนี้วันเกิดผมแล้ว ศรยังไม่โผล่มาสอบ....ไม่ดีแล้วล่ะ....
สอบเสร็จตอนบ่ายผมรีบอาบน้ำแต่งตัว พก ซาวด์อเบาวท์คู่ชีพ
พร้อมเทปเพลง
GUN N’ ROSES คู่ชีพ ขึ้นรถตะลุยมา กทม. ตรงไปยังโรงพยาบาลที่
ศร
รักษาตัวอยู่ทันที
...ผมรีบถามพยาบาลทันที ว่าศร พักอยู่ห้องไหน.... เมื่อรู้แล้ว
ก็ก็รีบวิ่งแบบไม่คิดชีวิต ตรงไปที่ห้องที่ศร พักอยู่ทันที.....
ห้อง
418...... ผมรีบเปิดประตูเข้าไปทันที ด้วยความเป็นห่วง....
.....ภาพที่ผมเห็น ทำให้ผมแทบช๊อค....... ศรนอนสวมชุดคนไข้สีขาว
มีท่ออ๊อกซิเจนต่อ เข้ามาที่ปาก สายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด...
ชีพจรเต้นอ่อนรวยระริน...... พ่อแม่ของศรนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ
ผมรีบสวัสดีพ่อแม่ศร แล้วถามถึงอาการของศร...
แม่ของศรน้ำตาไหลพราก ตาแดงก่ำ สะอื้นให้แทบขาดใจ
เล่าเรื่องของศร
ให้ผมฟัง ส่วนพ่อศร นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา
น้ำตาหยดเลอะเสื้อสูทเต็มไปหมด... เหมือนจะทำใจแล้ว อยู่ข้างๆ
พอผมได้ฟังเรื่องจากแม่ของศร ผมจึงได้รู้ว่า.....
.....ศรเป็นมะเร็งหลายที่ ภายในร่างกาย....
เมื่อวานก็เพิ่งผ่าตัดมา
โอกาสรอด..... น้อยเต็มที..... ............ผมแทบจะบ้าตาย
ช๊อคตายตรงนั้น...... นางฟ้า..... ของผม.... นี่มัน....
อะไรกันวะ....!!!!?
พอดีที่ศรลืมตาขึ้นมา ศรจึงยกมือผอมซูบซีด ของเธอ
เคาะตรงขอบเตียงเพื่อเรียกพ่อแม่ของเธอมา
แล้วเธอก็กระซิบพูดอะไรบางอย่าง
ผ่านท่อออกซิเจนมาอย่างอ่อนระโหย
ให้พ่อแม่เธอฟัง........ แล้วพ่อแม่เธอ....
ก็พยักหน้าเรียกผมเข้ามาหา
บอกผมว่า ลูกศรเค้าอยากจะพูดกับเธอ.... ........ผมไม่รอช้า
รีบเดินไปที่เตียงทันที ....
ผมหน้าเสีย ใจเสียเต็มทน เหมือนใจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ...
แต่ศรจับมือผมไว้
แล้วศรก็ยิ้ม... ผมก็จับมือศรไว้แน่นเช่นกัน....
เธอกระซิบผ่านหลอดออกซิเจนที่ครอบปากเธออยู่
ได้ยินเป็นเสียงเบาๆ
ได้ใจความว่า...
”””” วันนี้ วันเกิดเธอนะ เธอจะทำหน้าตาแบบนี้ ไม่ได้นะ วันเกิด
เป็นวันที่เจ้าของวันเกิด ต้องมีรอยยิ้มให้มากๆสิ
ศรไม่เป็นไรหรอก...
ไม่ต้องห่วง.... แฮปปี้เบิร์ธ...เดย์นะ ส่วนพรที่เธอจะขอ
เธอก็ขอมาได้เลย.... จับมือศรไว้แน่นๆ แล้วหลับตาอฐิษฐาน
....ด้วยกัน
พร้อมกับศรนะ.... เอาล่ะ หลับตาอฐิษฐานสิคะ
พรจะได้สมหวังไง..””””
ผมยืนนิ่งมองไปที่ศร จับมือศรไว้แน่น ศรก็ยิ้มมองหน้าผม
แล้วพยักหน้าบอกให้ผมหลับตา อฐิษฐานพร้อมกันกับศร
ผมก็หลับตาลง.......
น้ำตา... เริ่มรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของผม......
แล้วผมก็รู้สึกว่า ศรเอามืออีกข้าง จับกระดาษชิ้นเล็กๆ
มาใส่ไว้ในมือผม
แล้ว.....บอกผมว่า เก็บไว้ให้ดีนะ นี่เป็นของชิ้นแรก
และชิ้นสุดท้าย
ที่ศรจะให้เธอได้....
พอเธอพูดจบ เธอก็ยิ้ม.... พร้อมกับที่ดวงตาทั้งสองของเธอ
ค่อยๆปิดลง...... มือทั้งของศร ที่กุมมือของผมไว้ ค่อยคลายออก
.......พร้อมกับเสียงดัง ปี๊บบบบบ ยาว จากเครื่องวัดชีพจร
ผมหันไปมองเครื่องวัดชีพจร...... จากที่วัดคลื่นได้เป็นหยักๆ
ตอนนี้มันกลายเป็นเส้นตรงไปแล้ว.... พ่อแม่ของศร ตกใจมาก
ร้องเรียกหมอเสียงดัง ผมทำอะไรไม่ถูก ยืนช๊อคอยู่ตรงนั้น...
น้ำตาผมไหล....ไหลออกมา....ไหลไม่หยุด....
ไหลจนแทบจะไหลเป็นสายเลือด...... ท้องฟ้าข้างนอก หม่นหมอง
สายฝนเริ่มโปรยปราย ราวกับท้องฟ้าได้ร้องไห้ กับการจากไปของเธอ
ซักพักหมอก็เข้ามา.... แล้วบอกให้ผม กับพ่อแม่ศร ออกไปรอข้างนอก
หมอต้องรีบปั๊มหัวใจโดยด่วน ผมก็ได้แต่ รอ รอ ด้วยความหวังว่า
หมอจะช่วยชีวิตศรได้ สำเร็จ .... ..... ......... ........
.......
.......
ซักครู่ใหญ่ๆ หมอก็ออกมาจากห้องพัก พร้อมกับก้มหัวส่ายหน้า....
แม่ศรร้องไห้ออกมาลั่นทันที แม้แต่พ่อของศร ที่นิ่งเงียบมานาน
ก็ร้องไห้
โฮ ลั่นเช่นกัน.......
หมดแล้ว..... ผู้หญิงที่ชื่อศร.... นางฟ้าของผม.....
เพื่อนซี้คนเดียวของผม...... คนที่ผมรัก..... หมดแล้ว....
หมด.......
หมด...... หมด.... ... .. .ผมรู้สึกเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง
น้ำตาผมไหลท่วมหน้า พร้อมกับนึกถึงศร และอฐิษฐานบอกเธอว่า
”””ไม่เป็นไรนะ ศร ถ้าเธอเหนื่อยมานาน เธอก็จงหลับให้สบาย
เธอไม่ต้องเหนื่อย เธอไม่ต้องทนลำบากอีกแล้ว... ลาก่อน....”””
ผมอฐิษฐานอย่างยากเย็น เพราะทำใจไม่ได้
............. มันลำบากใจยิ่งกว่าอะไรๆ
ในชีวิตผมทั้งหมดที่ผมเคยเจอมา
....
คืนนั้นผมกลับบ้านตอนตี4 มาพักที่บ้านผม ใน กทม.
ผมนอนนิ่งด้วยอาการช๊อค...แน่นิ่ง แต่พอดีผมนึกได้...
ผมเลยกางกระดาษที่ศรให้ไว้ออกมาดู
สิ่งที่ผมได้เห็นทำให้ผมงุนงงยิ่งนัก.......
มันเป็นกระดาษลายการ์ตูนน่ารัก แบบมีเส้นบรรทัด ในกระดาษ
เขียนไว้ว่า
“ก ylno ว^or” ศรขออวยพรให้เธอสมหวังกับทุกๆเรื่องในชีวิต.... จาก
ศร...

”ก ylno ว^or” มันคืออะไร.... นี่เหรอ พรที่ศรให้ผมมา
ก่อนเธอจะจากผมไป แบบไม่มีวันกลับ
เธอทิ้งปริศนาอะไรไว้ให้ผม....?

26 สค - 2 กย. 2541
งานศพของศร ถูกจัดอย่างเงียบๆ
ไม่มีคนไปร่วมงานมากมายนัก.........
จบเรื่อง.... ของผู้หญิงคนนึง ของนางฟ้าของผมคนนึง ที่ชื่อศร
ไว้เพียงเท่านี้...

เหลือแค่เพียง.... กระดาษปริศนา กับข้อความ “ก ylno ว^or”
........................

25 สค. 2543
อีก 1 ปี ผ่านไป.....กับวันที่ปริศนาตัวหนังสือ “ก yluo ว^or”
ไขกระจ่าง......
..........1 ปี แล้ว ผ่านไปอีกแล้ว 1 ปี กับการจากไปของศร....
พรที่ผมไม่ได้พูดขอ.... คำตอบที่ศรไม่ทันได้อยู่พูดบอก.....
คืนนึงผมนั่งมองกระดาษที่ศรให้ผมมา เมื่อ 1 ปีที่แล้ว
ผมเอากระดาษแผ่นนั้น ไปใส่เคลือบแล้วใส่กรอบใสไว้
ผมยังตีความไม่ออก
ว่ามันคืออะไร...... ผมได้แต่นั่งเศร้า
นั่งรำลึกถึงเหตุการณ์ที่บาดหัวใจผมไม่รู้ลืม เมื่อ 1 ปีก่อน...
ผมยังไขปริศนาตัวหนังสือมานานครบปีแล้ว.....
ตัวหนังสือพวกนี้คืออะไร....
ผมนั่งน้ำตาไหล...อยู่คนเดียวในห้อง
นึกถึงศร ถึงคำอฐิษฐาน... ผมหลับตานั่งนึกถึงศร
แล้วผมก็อฐิษฐานว่า.....
ศร.... คำตอบที่ศรให้เรามา มันคืออะไรเหรอ บอกเราหน่อยนะ.....
แล้วไม่รู้บังเอิญ หรืออย่างไร ลมก็พัดเข้ามาในห้องผม วูบใหญ่ๆ
ทำเอากรอบใส่กระดาษที่ศรให้ผมมา ตกพื้น...
กระดาษที่อยู่ข้างในกรอบ.....พลิกกลับหัวขึ้นมาอีกด้านนึง......
“ก yluo ว^or” ....... น้ำตาผม....ไหลออกมาทันที...
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าดีใจ
หรือรู้สึกอย่างไรดี.... แต่.. นี่เหรอ สิ่งที่ศรต้องการจะบอกผม
ก่อนเธอจะจากผมไป....
แต่เมื่อตัวอักษรปริศนานี้ไขกระจ่างออกมาได้

ผมจึงรับรู้ได้ ว่าพรที่ผมขอเธอ ที่ผมได้อฐิษฐานร่วมกับเธอ...
ก่อนเธอจะจากไป มันสัมฤทธิ์ผล..มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
แต่ผมไม่เคยรู้เลย....
ข้อความนั้นก็คือ........
” LOVE ONLY U " ::



Create Date : 24 ธันวาคม 2551
Last Update : 24 ธันวาคม 2551 11:26:32 น.
Counter : 430 Pageviews.

29 comment
Love story
จาก วีรกร ตรีเศศ มติชนรายสัปดาห์ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 28 ฉบับที่ 1466

มันเป็นตอนเช้าเวลาประมาณ 08.30 น. ที่วุ่นวายเอาการเมื่อสุภาพบุรุษสูงอายุท่านหนึ่งในวัย 80 กว่า
มารับบริการแพทย์ตัดไหมจากแผลที่หัวแม่มือ และบอกว่าขอให้รีบหน่อยเพราะมีนัดตอน 09.00 น.
เมื่อผมตรวจร่างกายตามปกติเสร็จผมก็ขอให้นั่งรอโดยผมรู้ว่าอย่างไรเสียก็ไม่หนีหนึ่งชั่วโมงกว่าที่จะถึงคิว
ผมเห็นสุภาพบุรุษท่านนี้ดูนาฬิกาหลายครั้งอย่างกระสับกระส่าย ผมว่างอยู่พอดีจึงเข้าไปดูแผลให้
เมื่อตรวจดูก็เห็นเป็นปกติ ผมจึงเดินไปหารือกับหมอคนหนึ่งที่ให้บริการอยู่ เอายาและวัสดุมาทำแผลให้
ขณะที่ตัดไหมอยู่ผมก็ถามว่า มีนัดกับหมออีกคนหรือจึงดูรีบร้อน
สุภาพบุรุษท่านนี้ตอบว่าไม่หรอก แต่จำเป็นต้องรีบไปเนิร์ซซิ่งโฮมเพื่อกินอาหารเช้ากับภรรยา
ผมก็ถามถึงสุขภาพของภรรยา ก็ตอบว่าภรรยาอยู่ที่นั่นมานานพอควรแล้ว และเธอเป็นโรค Alzheimer's
ขณะที่คุยกันผมก็ลองถามดูว่าเธอจะรู้สึกกังวลเป็นทุกข์ไหมถ้าไปสายสักหน่อย
สุภาพบุรุษท่านนี้ก็ตอบว่า เธอไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร เธอจำผมไม่ได้มา 5 ปีแล้ว
ผมรู้สึกแปลกใจจึงถามว่า 'แล้วคุณก็ยังไปทุกเช้าถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใครก็ตาม'
สุภาพบุรุษสูงอายุยิ้มและตบเบาๆ บนมือผมและพูดว่า 'ถึงเธอไม่รู้จักผม แต่ผมยังรู้ว่าเธอเป็นใคร'
ผมต้องกลั้นน้ำตา ขณะที่เดินจากไป ขนบนแขนผมลุกชันและคิดว่า 'นั่นคือความรักอย่างที่ผมต้องการในชีวิต'
ความรักที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องของกายภาพหรือโรแมนติก
ความรักที่แท้จริงคือการยอมรับทุกสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ได้เป็นมาตลอด รวมทั้งที่จะเป็น และที่จะไม่เป็นด้วย
คนที่มีความสุขที่สุดไม่จำเป็นว่าจะต้องมีสิ่งดีที่สุดของทุกสิ่ง เขาเพียงทำสิ่งที่เขามีอยู่ให้ดีที่สุด
ผมขอบอกว่า 'ชีวิตไม่ใช่เรื่องของการทำอย่างไรให้รอดจากพายุฝน แต่เป็นเรื่องของการจะเล่นน้ำฝนอย่างไร'
(Life is not about how to survive the storm, but how to dance in the rain)



Create Date : 22 ธันวาคม 2551
Last Update : 22 ธันวาคม 2551 9:34:22 น.
Counter : 433 Pageviews.

6 comment
ความรู้สึกดีๆ...ที่เรียกว่า.......คิดถึง
ความรู้สึกดีๆ..ที่เรียกว่า.."คิดถึง"...แค่คิดถึง..ก็สุขใจ

วันนี้..สายลมบางเบา..พัดเอื่อยเฉื่อย..โชยแผ่วพริ้ว โบกปลิว..เข้ามากระทบผิวกาย

ซึมซาบเข้าไปในความรู้สึก..ทำให้หัวใจ..ส่งความรู้สึก..นึกถึง.." ใครคนหนึ่ง "..

เกิดเป็นความรู้สึกที่เรียกว่า.."คิดถึง"..ขึ้นมา..

..ความรู้สึก..คิดถึง..เป็นความรู้สึกของอารมณ์ที่น่าประหลาด..บางครั้ง..รู้สึกได้ว่า..

ปลายทางแห่งความคิดถึง..ส่งผลให้เกิดอารมณ์ และความรู้สึกที่แตกต่างอย่างมากมาย..

ปลายทางแห่งความคิดถึง..บางขณะ..อาจทำให้รู้สึกเหงา..

ปลายทางแห่งความคิดถึง..บางขณะ..อาจทำให้รู้สึกเศร้า..

แต่..ในบางขณะ..ปลายทางแห่งความคิดถึงนั้น..กลับทำให้เกิดความรู้สึก..เป็นสุขใจ..

...และอิ่มเอมในหัวใจได้อย่างน่าประหลาด…

น่าแปลก..ที่การส่งความรู้สึกคิดถึงใครคนหนึ่ง..แล้วทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ เช่นนี้ขึ้นมาได้..
น่าแปลก..ที่เพียงแค่..ได้คิดถึง..ก็เป็นสุขใจ..

บางครั้ง..ชีวิตคนเรา อาจไม่ได้ต้องการอะไร..มากมาย..

แค่เพียงได้รู้สึกดีๆ..มีความสุข..อิ่มเอมกับอารมณ์และความรู้สึก..ที่มีอยู่แต่เพียงในใจ..ก็คงพอ..

ความคิดถึง..ทำให้แต่ละวันของเรา..สดชื่นได้มากกว่าที่เป็นอยู่

ไม่ว่าวันนั้นๆจะเป็นวันเหงา วันเศร้า หรือวันทุกข์ ..

แต่ในเมื่อเรา..มีลมหายใจแห่งความคิดถึง..สิ่งนั้นจะนำมาซึ่ง..ความสุขของทุกๆวัน

แค่นึกว่าได้เจอกัน หรือว่าพบกันในฝัน ก็สุขใจเหลือเกิน

ฝากสายลม...ช่วยพัดพาความรู้สึกแห่งความคิดถึงนี้..ส่งไปให้ใครคนหนึ่ง..ซึ่งไกลห่าง

ช่วยพัดพารอยยิ้ม..และความห่วงใย..ที่เต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจ..

วอนฝากลมไปให้..ฝากจากหัวใจ..ให้เธอได้..รู้สึกดีๆ..



Create Date : 21 ธันวาคม 2551
Last Update : 21 ธันวาคม 2551 10:02:05 น.
Counter : 458 Pageviews.

11 comment
ตอบแทนด้วยอะไร ????
อ่านข้อความนี้ครั้งแรกซึ้งมากมายค่ะ รักแม่มากกว่าเดิม
ท่านทำเพื่อเรามากมาย แล้วคุณล่ะ ตอบแทนท่านด้วยวิธีใหน ???


When you came into the world, she held you in her arms.
You thanked her by wailing like a banshee.

When you were 1 year old, she fed you and bathed you.
You thanked her by crying all night long.

When you were 2 years old, she taught you to walk.
You thanked her by running away when she called.

When you were 3 years old, she made all your meals with love.
You thanked her by tossing your plate o­n the floor.

When you were 4 years old, she gave you some crayons.
You thanked her by coloring the dining room table.

When you were 5 years old, she dressed you for the holidays.
You thanked her by plopping into the nearest pile of mud

When you were 6 years old, she walked you to school.
You thanked her by screaming, "I'M NOT GOING!"

When you were 7 years old, she bought you a ball.
You thanked her by throwing it through the next-door-neighbor's window.

When you were 8 years old, she handed you an ice cream.
You thanked her by dripping it all over your lap.

When you were 9 years old, she paid for piano lessons.
You thanked her by never even bothering to practice.

When you were 10 years old, she drove you all day, from soccer
to gymnastics to o­ne birthday party after another.
You thanked her by jumping out of the car and never looking back.

When you were 11 years old, she took you and your friends to the
movies. You thanked her by asking to sit in a different row.

When you were 12 years old, she warned you not to watch certain TV
shows. You thanked her by waiting until she left the house.

When you were 13, she suggested a haircut that was becoming.
You thanked her by telling her she had no taste.

When you were 14, she paid for a month away at summer camp.
You thanked her by forgetting to write a single letter.

When you were 15, she came home from work, looking for a hug.
You thanked her by having your bedroom door locked.

When you were 16, she taught you how to drive her car.
You thanked her by taking it every chance you could.

When you were 17, she was expecting an important call.
You thanked her by being o­n the phone all night.

When you were 18, she cried at your high school graduation.
You thanked her by staying out partying until dawn.

When you were 19, she paid for your college tuition, drove you
to campus carried your bags.
You thanked her by saying good-bye outside the dorm so you
wouldn't be embarrassed in front of your friends.

When you were 20, she asked whether you were seeing anyone.
You thanked her by saying, "It's none of your business."

When you were 21, she suggested certain careers for your future.
You thanked her by saying, "I don't want to be like you."

When you were 22, she hugged you at your college graduation.
You thanked her by asking whether she could pay for a trip to Europe.

When you were 23, she gave you furniture for your first apartment.
You thanked her by telling your friends it was ugly.

When you were 24, she met your fiance and asked about your plans forthe future. You thanked her by glaring and growling, "Muuhh-ther, please!"

When you were 25, she helped to pay for your wedding, and she cried
and told you how deeply she loved you.
You thanked her by moving halfway across the country.

When you were 30, she called with some advice o­n the baby.
You thanked her by telling her, "Things are different now."

When you were 40, she called to remind you of an relative's birthday.
You thanked her by saying you were "really busy right now."

When you were 50, she fell ill and needed you to take care of her.
You thanked her by reading about the burden parents become to their
children.

And then, o­ne day, she quietly died. And everything you never did
came crashing down like thunder.
"Rock me baby, rock me all night long."

Please paid little bit attention to the o­ne you called "mom" .

Nothing can replace her although sometimes she is not the o­ne who
mostly understand in you.

Or she may not agree with your thought but she still your "mom" and you can believe that she can do everything for you.

Listen to your problems, every anxious . Do you have more time to
listen to her worry from work?

Do you used to concern about her tired? Please love her so much
although she and you have the conflict because when she pass away.

It's remain the memory and sad. Do not ignore the o­ne who closely to your heart? Love her more than you love yourself




Create Date : 11 ธันวาคม 2551
Last Update : 11 ธันวาคม 2551 11:46:03 น.
Counter : 366 Pageviews.

8 comment
1  2  

Gijona
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Group Blog