My good time in JAPAN

กรกฎาคม

ที่เลือกเดือนกรกฎาคมขึ้นมาเป็นเดือนแรกเป็นเพราะก้าวแรกที่ผมได้เหยียบแดนปลาดิบคือเดือนนี้ล่ะครับ ยังจำได้ถึงอากาศร้อนตับแลบขนาดที่ว่าเข้าไปโทรศัพท์กลับบ้านในตู้สาธารณะแค่ 5 นาที ออกมาก็เหงื่อโทรมยังกับอาบน้ำ แต่ยังไงก็ยังสู้บ้านเราไม่ได้หรอกครับ อิอิ

Tokyo

มหานครที่น่าตื่นตา ช่วงแรกๆเอะอะอะไรก็ไป Tokyo ไปซื้อของ ไปดูสาว ไปหาเพื่อน ไปต่อรถ การเดินทางใน Tokyo นั้นไม่ยาก สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปโดยเฉพาะท่านที่ถือบัตร Japan Rail Pass ขึ้นรถหลักๆ 2 สายก็เพียงพอ Yamanote line (สีเขียวอ่อน) ที่รู้จักกันดีวิ่งวนเป็นวงกลมรอบเมือง ผ่านย่านหลักๆทั้ง Shibuya, Harajuku, Shinjuku, Ikebukuro, Ueno, Akihabara, Kanda, Tokyo, Shinagawa หรือ Ebisu อีกสายนึงที่แนะนำคือ Sobu line (สีเหลือง) วิ่งตัดกลางเมือง จาก Yoyogi ไป Akihabara นอกจากช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางข้ามฝากของเมืองแล้วยังนำไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งใจกลางเมืองได้อีก อย่าง Yasukuni jinja, พระราชวัง เป็นต้น แต่ถ้าอยากสัมผัส Tokyo ให้ลึกซึ้งกว่านั้นน่าจะซื้อบัตร One day open ticket ของ Toyko metro หรือรถไฟใต้ดิน ราคา 710 เยน เพราะนอกจากจะไปได้ทุกแห่งใน Tokyo เหมือนกับ JR แล้ว ยังพาเราไปยังสถานที่อีกหลายๆแห่งที่รถไฟสาย JR เข้าไม่ถึง หรือถึงแต่เดินไกล เช่น Ginza, Asakusa, พระราชวัง, Akasaka, Aoyama ขอแค่ศึกษาเส้นทางที่พาดผ่านกันวกวนไปมาให้เข้าใจก็แล้วกัน

แผนที่รถไฟภายในกรุง Tokyo และปริมณฑลโหลดได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้

รถไฟใต้ดิน //www.tokyometro.jp/rosen/rosenzu/pdf/rosen_eng.pdf
JR lines //www.jreast.co.jp/e/info/map_a4ol.pdf



Tokyo Tower

เดือนกรกฎาแถบ Kanto อากาศร้อนบางทีก็มีฝนแต่ส่วนมากท้องฟ้าจะแจ่มใส คนที่ไม่ชอบอากาศหนาวไปเที่ยวช่วงเดือนนี้และสิงหาคมจะเหมาะที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ Guidebook หลายๆเล่มบอกว่าไม่มีอะไร ยิ่งคัมภีร์นักท่องโลกยิ่งเขียนไว้เลยว่าเป็น Booby trap สำหรับนักท่องเที่ยวก็คือ Tokyo tower หรือหอคอยโตเกียวอันโด่งดังนั่นเอง จริงๆแล้วสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งก็มีดีในตัวของมัน เพียงแต่ขอให้เรามองอย่างเข้าใจเท่านั้นเอง สำหรับท่านที่อยากไปชมวิวที่ Tokyo tower แนะนำให้ไปช่วงเย็นๆจะได้ชม Tokyo 360 องศาทั้งกลางวันและกลางคืน จุดชมวิวที่เตรียมไว้ให้มีอยู่ 2 แห่งคือ Main observatory ที่ความสูง 150 m และ Special observatory ที่ความสูง 250 m สนนราคาก็ 820 เยนสำหรับ Main platform และถ้าคุณต้องการขึ้น Special platform ก็ต้องจ่ายอีก 600 เยน เพื่อขึ้นลิฟต์จาก Main platform ไป เกร็ดเล็กน้อยสำหรับ Main observatory คือที่จุดชมวิวนี้จะมี 2 ชั้น ลิฟต์จะพาเราขึ้นมายังชั้นบนก่อน ที่ชั้นนี้คนจะเยอะกว่า ถ้าหากใครต้องการดูวิวแบบสงบ หรือไม่อยากเบียดเสียดก็ลงบันไดไปชั้นนึง เท่านี้คนก็น้อยลงแล้วครับ ส่วน Special observatory วิวแจ่มแค่ไหนผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ทุกครั้งขึ้นไปแค่ชั้น Main ก็พอแล้ว ภาพเมือง Tokyo ในความเห็นที่ 1 ก็ถ่ายจาก Main observatory ครับ

เมื่อกลับลงมาด้านล่างลิฟต์จะไม่ได้หยุดที่ชั้น G แต่จะไปส่งเราที่ชั้น 3 (มั้ง) ซึ่งจะมีร้านค้าและ Gallery หลายแห่ง ใครสนใจก็เดินชมกันได้เพลินๆ ใครไม่ชอบก็เปลี่ยนมาขึ้นลิฟต์ตัวข้างๆเพื่อลงไปยังทางออกด้านล่าง เห็นมั้ยครับมีให้ดูกันขนาดนี้ก็หรูแล้วสำหรับเสาส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ต้นหนึ่ง

การเดินทางไปยัง Tokyo tower ขึ้นรถไฟใต้ดินสะดวกที่สุด ลงสถานี Akabanebashi, Kamiyacho หรือ Onarimon ก็ได้ ผมเคยลงแต่ที่ Kamiyacho ครับ เดินไกลพอสมควร ถ้าจะมาจากสถานีของ JR ก็ลงที่ Hamamatsucho แต่เดินกันไกลหน่อย ส่วน Website ของ Tokyo tower สำหรับท่านที่สนใจเข้าไปหาข้อมูลก็ตามลิงค์ด้านล่างครับ

//www.tokyotower.co.jp/english/index.html



Tokyo Disney Resort

ดินแดนในฝันของเด็กๆและผู้ใหญ่หัวใจยังเยาว์อีกหลายคน Tokyo Disney Resort ประกอบไปด้วย Themepark 2 แห่งคือ
Tokyo DisneyLand
Tokyo DisneySea
โรงแรมของ Disney อีก 2 แห่ง
Disney Ambassador Hotel
Tokyo DisneySea Hotel MiraCosta
รวมทั้งโรงแรมพันธมิตรอีก 6 แห่ง

Tokyo DisneyLand แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ 7 โซนด้วยกัน ซึ่งก็มีเครื่องเล่นนานาชนิดจัดวางไว้ให้เข้ากับ Concept ในแต่ละโซน ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้การ์ตูน Disney ต้องมาที่ Themepark แห่งนี้ เพราะเครื่องเล่นต่างๆจะสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งเครื่องเล่นยอดนิยม 2 รายการที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์คือ Haunted mansion และ Pirates of Caribbean ด้วย ที่พลาดไม่ได้คือ Disney’s Dreams on Parade เวลาบ่ายสามโมงและ Electrical Parade “Dreamlights” เวลาสองทุ่มตรง เพื่อนสมาชิกที่อยากชมแบบใกล้ชิดริงไซด์ต้องเตรียมตัวกันหน่อยนะครับเพราะทางสวนสนุกจะเปิดให้ผู้ชมเข้าปูผ้าปูเสื่อจับจองพื้นที่ได้ตั้งแต่เวลาบ่ายสองโมงสำหรับ Dreams on Parade และตั้งแต่ทุ่มตรงหรือทุ่มครึ่งไม่แน่ใจสำหรับ Dreamlights ซึ่งชาวญี่ปุ่นเองมีความอดทนสูงมากพอได้เวลาปูเสื่อได้เป๊ะๆก็จะรีบมานั่งจองที่กันเต็มไปหมดแบบไม่ต้องกลัวเสียเวลาหรือกลัวร้อน ถ้าเรามาไม่ทันก็ต้องไปเบียดๆยืนดูอยู่ข้างหลังครับ

Tokyo DisneySea มีพื้นที่ที่กว้างขวางดูโล่งสบายกว่า จำนวนเครื่องเล่นแม้จะไม่มากเท่าที่ DisneyLand แต่ช่วงหลังทางสวนสนุกเสริมกำลังด้วยเครื่องเล่นอย่าง Raging Spirits กับ Tower of Terror ก็สามารถเรียกลูกค้ามาเสียตังค์ได้พอสมควร เนื่องจากความงดงามของสถานที่เราจึงมักจะเห็นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นมาเดทกันที่ DisneySea กันเยอะ ที่นี่ก็มีพาเหรดให้ดูแต่เป็นพาเหรดกลางน้ำนะครับ The Legend of Mythica ในช่วงกลางวันและ BraviSEAmo ในช่วงกลางคืน

แน่นอนว่าสิ่งที่เหมือนกันสำหรับสวนสนุกทั้ง 2 แห่งคือฝูงชนจำนวนมากมายมหาศาลที่แห่แหนกันเข้าไปหาความสนุกกันในนั้นไม่มีวันเงียบหงอยเหมือน โดยเฉพาะในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ของชาวญี่ปุ่นเค้า ถ้าเลี่ยงได้ให้เลี่ยงเลยครับ ไปวันธรรมดาดีกว่าไม่ต้องต่อคิวเครื่องเล่นนานมากนัก มีอยู่ครั้งนึงพาน้องสาวไปเที่ยวต่อคิวเล่น Big Thunder Mountain ไป 120 นาที Pooh’s honey hunt อีก 180 นาที เท่านี้ก็ไม่ต้องทำมาหากินกันแล้วครับ

สำหรับการเดินทางให้ขึ้นรถไฟ JR Keiyo line ไปลงที่สถานี Maihama ออกมาก็เห็น Disney Resort อยู่ตรงหน้าแล้วครับ สนนราคาบัตรผ่านประตูแบบ 1 Day Passport ปัจจุบันขยับขึ้นเป็น 5,800 เยน เรียบร้อย สนใจข้อมูลเพิ่มเติมหาชมได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

//www.tokyodisneyresort.co.jp



สิงหาคม

ย่างเข้าสู่เดือนที่ร้อนที่สุดของญี่ปุ่น อากาศตอนกลางวันร้อนมหาวายร้าย แต่กลางคืนบางครั้งก็มีลมเย็นๆพัดมาให้ชื่นใจเล่นๆ เดือนนี้เต็มไปด้วยงานเทศกาลมากมายทั้งเล็กทั้งใหญ่ให้ไปเที่ยวกัน งานเทศกาลดอกไม้ไฟมีให้ดูกันทุกสุดสัปดาห์ แต่ที่ผมชอบที่สุดเลยคือเดือนนี้มีตั๋ว seishun 18 kippu ประจำฤดูร้อนที่จะพาเราไปที่ไหนก็ได้โดยรถไฟธรรมดาของ JR ด้วยราคาเฉลี่ยเพียง 2,300 เยน ต่อคนต่อวันเท่านั้น

Ohanabi at Oyama

ฤดูร้อนของญี่ปุ่นก็ต้องคู่กับงานรื่นเริงและดอกไม้ไฟ งานเทศกาลดอกไม้ไฟที่เมือง Oyama จังหวัด Tochigi ถือเป็นงานใหญ่อันดับต้นๆของเขต Kanto ตอนเหนือ และที่สำคัญใกล้บ้านผมด้วยนั่งรถไฟไป 20 นาทีก็ถึงแล้ว จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ฝูงชนมากมายทั้งหญิงชายพร้อมใจกันแต่งชุด Yugata พร้อมใจกันออกไปชมดอกไม้ไฟที่นี่รถไฟจึงแน่นขนัดไปหมด การเดินทางจาก Tokyo สู่ Oyama ทำได้โดยรถไฟ JR Utsunomiya line หรือ Tohoku Shinkansen เมื่อถึง Oyama แล้วให้ออกประตู West entrance เดินตามถนนเส้นใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อยๆจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ งานเทศกาลจะถูกจัดขึ้นบริเวณนั้น ผู้ชมเรือนแสนนั่งชมอยู่รอบๆสองฝั่งแม่น้ำ Omoigawa ดอกไม้ไฟดอกแรกจะจุดขึ้นในเวลา 1 ทุ่มตรงและจุดติดต่อกันไปเรื่อยๆเป็นเวลาร่วมๆ 2 ชั่วโมง เรียกว่าดูกันจนเบื่อไปเลย เบื่อก็ตอนกลับบ้านนี่แหละต้องยัดทะนานกันในรถไฟอีกรอบ ปีหลังๆเริ่มรู้แกวไม่ต้องรีบกลับ เดินหาของกิน ของเล่น อะไรเล่นแถวนั้นไปเรื่อยรอกลับรถไฟเที่ยวท้ายๆที่โล่งว่างนั่งสบายดีกว่า




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2550   
Last Update : 19 สิงหาคม 2550 14:39:38 น.   
Counter : 6576 Pageviews.  

เชียงใหม่ ในปีหนึ่งที่ได้ไปเยือน

ปีนั้นเป็นปีใหม่ 2545 ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่แบบสั้นๆแค่สี่วัน แต่ก็สนุกมากเหมือนทุกครั้ง ตั้งแต่ปีนั้นก็ได้ไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพทุกปี



ไปเที่ยวดอยอินทนนท์มาด้วย



แล้วก็ได้ไปพักที่นี่ ตอนนั้นประทับใจมาก น่าเสียดายที่ปีนี้โทรไปถามแล้ว เค้าปรับราคาไปจนพักไม่ลง



เดินถ่ายรูปดอกไม้จนเพลินเลย



จะกลับไปเที่ยวให้ได้ทุกๆปีครับ (ตอนนี้ก็ไปทุกปีอยู่แล้ว)




 

Create Date : 27 มกราคม 2548   
Last Update : 27 มกราคม 2548 18:02:18 น.   
Counter : 578 Pageviews.  


Gelgoog
Location :
Utsunomiya Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Gelgoog's blog to your web]