Group Blog |
สเปน ::: Madrid มั้ย
ถึง สเปน แล้ว.... >>> แผ่นดินแรกที่เราจะได้เหยียบก็คืออธิปไตยของแคว้นมาดริด อันเป็นเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งปัจจุบันของสเปนค่ะ มาดริด มาดริด ..คุณว่า จะได้ยินคำนี้บ่อยที่สุดที่ไหน ? Real Madrid (เรอัล มาดริด) ใช่มั้ยล่ะ ? เชื่อมั่นว่า คนไทยเกินล้านคนต้องรู้จักชื่อนี้ จากสโมสรฟุตบอลชื่อดังที่มีดีกรีเป็นแชมป์ยุโรปถึง 9 สมัย !!! และมีนักเตะที่เป็นอภิมหาดาราลูกหนังค้าแข้งอยู่มากมาย (หึๆ) แต่เสียใจ ไม่ได้ปลื้มเท่าไหร่ดอกนะ !!!  เพราะ ใจทั้งดวง ได้ฝากฝังไว้ที่นี่แล้ว..... เชอะ  เ ด็ ก ผี พันธุ์แท้ 555 แต่ .....ใช่ว่า เด็กผีจะพูดถึงเมืองของคู่แข่งทีมอื่นไม่ได้จริงมะ เอาล่ะ... มารู้จัก มาดริด กัน มาดริด เป็นเมืองหลวงที่ถือว่าไม่ใหญ่มากนัก สมบุกสมบันด้วยประวัติศาสตร์มากมาย มีความเป็นสังคมเมืองอยู่ค่อนข้างมากกว่าเมืองอื่นในสเปน ตึกรามบ้านช่องสร้างเป็นโทนสีอิฐ มีตึกสูงมากกว่า 8 ชั้น อยู่ไม่กี่แห่ง เรียกได้ว่า เป็นสไตล์นี้ทั้งประเทศเลยก็ว่าได้  ส่วนใหญ่คนสเปนจะอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ คือ ลูกๆยังอยู่กับพ่อแม่ จนอายุเกือบ 30 โน่นแหละ ซึ่งน่าจะต่างจากสังคมอเมริกันที่ออกมาโลดโผนตั้งแต่อายุ 18 (คิดว่านะ) ไปถึง มาดริด... ไม่ต้องกลัวลำบากค่ะ เพราะ...มีความสะดวกสบายค่อนข้างครบครัน เรียกว่าระบบสาธารณูปโภค ค่อนข้างจะมีมาตรฐานตามแบบของชน ชาติตะวันตก ไม่ว่าจะด้านการเดินทาง ท่องเที่ยว ที่พัก หรืออาหารการกิน ในตัวเมืองมาดริด และชานเมืองเราสามารถเลือกเดินทางได้อย่างน้อย 3 แบบหลักๆคือ 1. รถเมล์ (Autobus)  *รถที่วิ่งภายในตัวเมืองมาดริดก็เป็นสีแดงแบบนี้ บางทีก็มีฟ้าขาว ส่วนที่วิ่งออกนอกเมืองก็จะเป็นสีเขียวๆ 2. รถไฟใต้ดิน (Metro)  ลองลงไปดูข้างล่างซักหน่อย >>>  อืม ว่าไป บ้านเราก็แอบหรูหราไฮโซกว่า เพราะว่าติดแอร์ด้วย 55 พร้อมแผนที่.....  มันดูจะเยอะแยะ ยั้วเยี้ย วุ่นวาย จริงๆ สู้บ้านเราก็ไม่ได้เพราะมีแค่ 1 สาย 555 3. รถไฟชานเมือง (Cercanias) แต่ถ้าอยากชื่นชมเมืองจริงๆนะ แนะนำว่า เ ดิ น กันดีกว่าค่ะ อิๆ ************************** มาดริด ก็เหมือนเมืองอื่นๆใน สเปน ไม่รู้จะ ปาร์ตี้ โกป๊าส อะไรกันนักหนา เรียกว่า มีงานรื่นเริงต่างๆ และเฉลิมฉลองเยอะมากกกกกกกกก อ้อ ที่น่าสนใจคือ.... คนสเปนทำงานเช้าถึงบ่าย 2 แล้วเข้างานอีกทีตอนเย็น ช่วงพักนี่เขานอนกลางวันกัน(siesta) นะเออ ชีวิตแลดูสบายๆไร้กังวลไงไม่รู้ ทำงานเสร็จก็ถึงเวลาอาหารเย็นช่วง 4-5 ทุ่ม เสร็จแล้วก็ออกเที่ยวกันต่อถึงเช้า เยี่ยม !! มาถึง มาดริด ทั้งที มาดูสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดกันดีกว่าค่ะ 1. Plaza mayor ที่ๆ คนเหงาๆอย่างเรา(มั้ง) มักจะไปทอดอารมณ์เศร้า เหงา สุข อยู่เสมอ  กับรถตำรวจเท่ห์ๆ  plaza mayor เป็นจตุรัสเก่าแก่ของกรุงมาดริด เมื่อก่อนเคยใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมเก่าๆ งานเฉลิมฉลอง หรือ แม้กระทั่งการสู้วัวกระทิง ส่วนตอนนี้พื้นถูกปูด้วยหินอ่อน กลายเป็นที่พักผ่อน และที่จัดงานแสดงต่างๆบริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยร้านรวง ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือ ร้านขายของที่ระลึก นอกจากนี้สีสันของที่นี่ คือนักดนตรี หรือ จิตรกรอิสระ ที่ออกมาแสดงฝีมือ หารายได้อยู่ทั่วไป สำหรับเรา สเน่ห์ของ plaza mayor ไม่ใช่เพียงความสวยงามของสถานที่ แต่เป็นผู้คน.. ที่ผ่านไปมาให้เราพบ..อาจจะแปลก ที่บางครั้งเราก็ชอบมองผู้คน แม้..อาจจะแค่พบ เพื่อเพียงผ่าน แต่ หลายชีวิต ก็ผ่านเข้ามา เพื่อให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง 2. Puerta del sol ตามชื่อแล้ว มันแปลว่า ประตูของพระอาทิตย์ เพราะโซลคือใจกลางที่สุดของเมืองมาดริดเหมือนที่พระอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล(มั้ง)เพราะเป็นที่ตั้งของหลักกิโลเมตรที่ 0 และ หมี ที่เป็นสัญลักษณ์ของมาดริด(ใครไปแล้วไม่ไปถ่ายรูปกับหมีก็ถือว่าเสียเที่ยว นะเออ)  โซล ตั้งอยู่ข้างๆ ปลาซ่า มายอร์ นั่นแหละค่่ะ เดิน 3 นาที ก็ถึงแล้ว เรียกได้ว่า มีความเก่าพอกัน นอกจากนี้ ที่โซล ยังเป็นสถานที่แห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่ ด้วย การกินองุ่น 12 ลูก เมื่อนาฬิกาเคาะ 12 วินาที ก่อนเข้าปีใหม่ นั่นเอง ที่นี่ผู้คนมักจะพลุกพล่านอยู่เสมอ เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ที่กิน ซื้อขาย และเดินทาง ผู้คนจึงหลั่งไหลกันมา "เดินสวนกัน" ณ ที่แห่งนี้กันเป็นประจำ 3. Palacio real อีกที่ที่หลายคนไม่น่าพลาดก็คือ พระราชวัง หรือ Palacio real ค่ะ สวยมากแต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของราชวงศ์แล้ว และเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว สามารถเสียตังค์เข้าไปชมความหรูหราสวยงามภายในได้ ก็คงคล้ายๆกับพระบรมมหาราชวังของเรานั่นมังคะ แต่ก็อาจใช้จัดพิธีสำคัญต่างๆ  ถ้าได้ไปเดินจริงๆก็จะรู้ว่า Palacio Real , Sol และ Plaza Mayor เดินถึงกันได้ไม่กี่นาทีเองค่ะ นอกจากนั้นความที่พระราชวังอยู่ในมุมสูง สามารถมองลงไปให้วิวเมืองมาดริดอีกด้านนึงได้อีกด้วย 4. Plaza de españa เดินจากพระราชวังลงมานิดเดียว ก็เข้าสู่ย่านเมือง หรือย่านธุรกิจ นั่นก็คือ plaza de españa ค่ะ ที่นี่แทบจะเป็นศูนย์รวมของหลายๆอย่าง และเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Miguel de cervantes นักประพันธ์ชื่อดังที่สุด เจ้าของผลงาน Don Quijote de la mancha นั่นเอง   5. Gran via Gran via เป็นชื่อถนนค่ะ แปลว่า เส้นทางใหญ่ (^^) ตั้งอยู่ใจกลางของมาดริด ทอดยาวจาก plaza de españa สู่ย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงมาดริด  ข้างทางมีทั้งร้านรวงมากมาย ทั้งร้านเสื้อผ้าชื่อดัง โรงหนัง ร้านเหล้า บาร์ หรือแม้กระทั่งเซ็กซ์ชอป (อิๆๆ) ถ้านั่งรถไฟใต้ดินคือ ก็ให้นั่งสาย 3 สีเหลือง มาโผล่สถานี callao หรือ สาย 1 ขึัน Gran Via เราก็จะพบว่าได้โผล่เข้ามาในย่าน ที่เรียกว่า กลางเมืองจริงๆ ซึ่งถนน Gran via จะวิ่งขนานกับถนน Acalá ไปบรรจบกันที่ Plaza de Cibeles สถานที่สำคัญอีกที่หนึ่ง 6. Plaza de Cibeles นับเป็นสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของกรุงมาดริดค่ะ เพราะเป็นสถานที่แห่งการเฉลิมฉลอง เช่น ฉลองแชมป์ la liga งานเทศกาลและงานพิธีที่ต้องมีการเดินขบวน รวมทั้งคอนเสิร์ตใหญ่ๆ บางครั้งก็มาจัดกันที่นี่  ที่สวยเด่นอยู่ตรงกลางของของปลาซ่า คือ น้ำพุ Cibeles มีรูปปั้นเทพีกรีกนามว่า Cibeles งามสง่าอยู่บนรถลากด้วยสิงโต ว่ากันว่า เทพี Cibeles คือเทพแห่งพระธรณี เป็นภรรยาของเทพโครนัส เทพแห่งกาลเวลาและผู้นำเหล่ายักษ์ไททัน มักจะปรากฏตัวพร้อมสิงโตอยู่เสมอ สถานที่นี้เดิมให้ชื่อว่า plaza de Madrid แต่ก็ภายหลังถูกเปลี่ยนเป็น plaza de Castelar และ plaza de cibeles ในท้ายที่สุด  รอบๆน้ำพุ cibeles มีอาคารสำคัญและสวยงามมากมายที่เห็นในรูปคือ Palacio de comunicaciones ค่ะ ซึ่งเมื่อก่อน ก็คือ ที่ว่าการของเมืองมาดริดนั่นเอง ไม่ว่าจะเดินทางมาจากถนน Gran via หรือ ถนน Acalá เราจะมาถึง plaza de cibeles ได้ค่ะ จาก plaza de cibeles เดินตามถนน Paseo de Prado ไปเรื่อยๆค่ะ ด้านซ้ายมือ เราก็ถึง Museo del Prado หรือ พิพิธภัณฑ์ปราโด ว่ากันว่า เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของโลก เลยค่ะ  น่าจะเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่และสวยงามที่สุดนะคะ ภายในมีทั้งที่เดินเล่น สวนดอกไม้ สระให้พายเรือพักผ่อน มีพิพิธภัณฑ์ palacio de cristal ให้เข้าชมฟรี มีต้นไม้ใหญ่ ยังกะป่า.. สามารถเดินจาก plaza de cibeles ในระยะพอเหนื่อย   หรือ นั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดงจาก Sol มาก็ง่ายดี ด้านหน้าของสวนมีประตูชัยสวยงามคล้ายๆของที่ปารีส เรียกว่า puerta de Acalá  9. Las ventas (plaza de toro de Madrid) คงเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่คนไปสเปนเห็นอดไม่ได้ที่จะต้องไปลองลิ้มชิมรส ไม่ใช่อาหารค่ะ  แต่เป็น............. การสู้วัวต่างหาก  อ๊ะๆๆๆ ไม่ได้ หมายถึงไปสู้วัวนะคะ แต่ไปลองชม การสู้วัว แบบสดๆ แดงฉาน กันต่างหากเนาะซึ่ง Las ventas ก็คือ สนามสู้วัวของมาดริด นั่นเอง  ใครคิดจะเดิน ก็แนะนำว่า อย่าดีกว่า เพราะอยู่ไกลกันคนละฝั่งฟากเลยค่ะ แนะนำว่า นั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดงจาก sol ไปโผล่ที่ las ventas จะสบายกว่ามาก มากก แฮ่มๆ เอาเป็นว่า จบทริป Madrid ฉบับย่อไว้แค่นี้ก่อนค่ะ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงอีกมากมาย ต้องปล่อยให้ "นักเดินทางทั้งหลาย" ค้นหาเอาเองบ้าง 
* หลายรูปเป็นการถือวิสาสะแคปมาจากเวปไซต์อื่น ต้องขออภัยที่ไม่ได้อ้างอิงถึง เจ้าของรูป * จนกว่าจะอัพโหลดรูปของตัวเองนะคะ สเปน ::: กระทิงดุ?
Hola ! ¿Qué tal? Muy bien. Gracias .Adiós. เข้าเมืองตาหลิ่ว....ก็ต้องหัดหลิ่วตาตาม แต่เข้าเมืองกระทิง!! คงไม่ต้องไปหัดสู้วัวกระทิงหรอกนะ  55 เอาแค่ท่องๆๆๆ คำพูดสะระตะข้างบนนั้นให้ได้ก่อนดีกว่า หรือจะเอาแบบสบายๆ สไตล์ไทยแลนด์ ก็ได้นะ . . . ก็แค่ “Sí (yes) no(no) vale(OK)” ก็น่าจะพอไปเที่ยวได้ เพราะภาษาสากลที่แท้จริง คือ... ภาษามือและท่าทาง
สเปน สเป๊นน สเปน ...อืม.... เรารู้จักอะไรเกี่ยวกับสเปนบ้างละนี่ ?? ธงชาติสเปน
ก่อนจะไปทำความรู้จักกับ "ราชอาณาจักรสเปน" ก่อนอื่นใดเราคงต้องรู้จักกับธงชาติสเปนก่อน.. อืม..ก็จากรูปด้านล่างนี้แหละ ลักษณะจะเป็นพื้นเหลืองแดง แต่ทำไมบางทีมีรูปตรงกลาง บางทีไม่มีล่ะ ? อืม  "ธงนี้ถ้าใช้เป็นธงราชการและธงราชนาวี จะต้องมีภาพ ตราแผ่นดินของสเปน อยู่เสมอ ส่วนธงพลเรือนนั้นอาจมีหรือไม่มีรูปดังกล่าวก็ได้" <ขอบคุณข้อมูลจาก Wikipedia ด้วยค่ะ> สเปน มีการปกครองแบบรัฐสภาโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขค่ะ เหมือนประเทศไทยเลย ซึ่งกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ก็คือ Rey Juan carlos III  (รู้สึกว่า กษัตริย์กับประชาชนจะใกล้ชิดกันมาก) Wikipedia ยังบอกอีกว่า... ถ้าไม่นับรัสเซียแล้ว... ประเทศสเปนถือว่าใหญ่เป็นอันดับสองในทวีปยุโรปรองจากฝรั่งเศส ดูเหมือนใหญ่ใช่มั้ยคะ แต่จริงๆแล้วประเทศสเปนเล็กกว่ากว่าประเทศไทยอีกนะ **ประชากรก็ประมาณ 47 ล้านคน นับถือคาธอลิกมากว่า 90 เปอร์เซนต์
ที่ตั้ง สเปนตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปยุโรป ทางเหนือของแอฟริกา จนบางครั้งก็เหมือนว่า สเปน อยู่ในแอฟริกามากกว่า 55 *-* แบบว่าถูกแยกจากยุโรปโดยเทือกเขาพีรีเนโอส อะไรประมาณนั้น ปัจจุบัน ถูกแบ่งเป็น 17 แคว้น 50 จังหวัด
 แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้สเปนเป็นที่จดจำหรือรู้จักกันไปทั่วโลก คงไม่พ้น 3 สิ่งนี้ 1. การสู้วัวกระทิง 2. อาหาร เช่น ข้าวผัดสเปน กะ ไข่เจียวสเปน  3. ระบำฟลาเมงโก  เมื่อก่อนคนไทยไม่ค่อยรู้จักประเทศสเปนมากนัก เช่นเดียวกันคนสเปนก็ไม่เคยรู้ว่าประเทศไทยอยู่ส่วนไหนของโลก  แต่เดี๋ยวนี้โลกเราเริ่มแคบและก็อยู่ยากขึ้นเรื่อยๆจริงมะ ไอ้ที่ว่ายากๆหรือเป็นไปไม่ได้ ก็กลายเป็นเรื่องง่ายเหลือเชื่อ โดยเฉพาะคนสเปนเริ่มมาเที่ยวเมืองไทยเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ และคนไทยก็รู้จักสเปนกันแทบจะทุกหย่อมหญ้า(มั้ง ฮ่าๆ) สิ่งที่ทำให้อยู่ๆ สเปน เป็นที่รู้จักหรือเรียกได้ว่าฟีเวอร์ขึ้นมา อาจเป็นผลงานของวงการกีฬาสเปนนี่ล่ะ ทำให้สเปนเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมทั้งคนไทยหันมาเรียนภาษาสเปนและไปเที่ยวที่สเปนมากขึ้นด้วย อืมม... แล้ว ตกลง กระทิงดุมั้ยอ่ะ ??? ฮ่าๆๆๆ คงตอบไม่ได้... จนกว่าจะ.... 555 แต่หนุ่มนักสู้วัวนี่ก็หน้าตาน่ารักทั้งนั้นนะ อย่างเช่น คนนี้ >>>  -Sebastian Castella-  !!สเปน ....Spain... España...Ισπανία
เดินทางไกลครั้งแรก..... มันเกิดขึ้นเมื่อ... เอิ่ม ... ก็นานมาแล้วนะ นานจนแทบจะจำไม่ได้ ^^ จำได้อย่างเดียวว่า มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนึงของชีวิต
และอาจเป็นการเดินทางที่อาจเรียกได้ว่า"บินเดี่ยว" ทั้งที่ปีกคู่นี้ยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่ด้วย ….. สเปน Spain España Iσπανια (เอาซะ ๔ เวอร์ชั่นเลยนะ
ประเทศเล็กๆ.... ที่ตั้งอยู่เกือบจะโดดเดี่ยว ทางฝั่งตะวันตกของทะเลเมดิเตอเรเนียน (ถ้าไม่มีโปรตุเกสและโมนาโกอยู่ด้วยนะ) เพราะถูกแยกจากประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป โดยเทือกเขาพีรีเนโอส (Los Perineos) (เขาไม่รักหรือไรหนอ??)
เรียกได้ว่า... แทบจะย้าย ทวีป แอฟริกา อยู่แล้ว (ไปดีมั้ยหนอ)
ที่บอกว่า เล็กๆ เพราะสเปนมีพื้นที่น้อยกว่าประเทศไทยเรา และก็มีประชากรประมาณ ๔๗ ล้านคนเองนะ
แต่คงเป็น “เล็กพริกขี้หนู” เพราะ เผ็ดจี๊ด ในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะในแวดวงกีฬา.... เพราะนักกีฬาสเปนนั้น แทบจะแข่งกันเองแล้วนะว่า ใครจะกวาดแชมป์ระดับโลกได้มากกว่ากัน .. 
เอิ่ม...นึกถึงประเทศไทยแล้ว....  อืมม หนุ่มนักกีฬาก็... แต่นอกจากเรื่องราวในแวดวงกีฬาแล้ว สเปนยังมีความหลากหลายที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้าน ศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ... ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทุ่งโล่ง อากาศแห้ง หน้าร้อนร้อนจัด (แบบสี่สิบองศา)โดนแดดแล้วแสบเลยอ่ะ พอหน้าหนาวก็หนาวเว่อร์ ติดลบก็มีค่ะ หิมะจะตกในพื้นที่สูงๆค่ะ เช่น เทือกเขา หรือ ทางเหนือ ส่วนมาดริดนี่นานๆทีค่ะ ชาวเมืองหลวงเองเห็นหิมะตกยังเห่อแข่งกันกะเราเลยนะ อืม...อันนั้นคือ´สภาพ´เมื่อหลายปีมาแล้วโน้นนะคะ ส่วนปัจจุบัน อากาศเริ่มแปรปรวนเอาแน่ไม่ได้ ดังนั้นอะไรๆจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ก็สุดรู้นะคะ..
เมื่อเริ่มต้นเดินทาง เราก็มักเริ่ม “ความคาดหวัง”เสมอ  เปิด"ปูมเดินทาง"
โดยความหมาย ก็คือบันทึกการเดินทาง บอกเล่าเรื่องราว สิ่งที่พบเห็นและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับเพื่อนไพร ปูมเดินทาง เปรียบไม่ผิดกับแผนที่ชีวิต ........ อาจเริ่มต้นจาก... การเดินทางลัดฟ้า ออกจากเขตอธิปไตยของประเทศไทยเป็นครั้งแรก สู่ ...ประเทศสเปน... ชิมทริปเล็กๆอย่างโปรตุเกสและเยอรมัน ก่อนจะกางปีกบินกลับบ้าน คือ ประเทศไทย การเดินทางในสถานที่ ที่แตกต่างกันสองแห่ง (ยุโรปกับประเทศไทย) ให้ความรู้สึกที่ผิดแผกกันสิ้นเชิง ความคิด ก็ เติบโตขึ้น อย่างไม่น่าเชื่อ และ...จากใจจริง.. เมืองฝรั่งเป็นดั่งเมืองในฝันที่ใครๆก็อยากอยู่ มีทั้งความเจริญ ความสะดวกสบาย แต่กลับเป็นกลุ่มประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากร และประสบกับภัยทางธรรมชาติบ่อยครั้ง ในขณะที่ประเทศไทย คือประเทศที่น่าอิจฉา เพราะมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ หลากหลาย การได้เดินทางไปพบเห็นส่วนเสี้ยวต่างๆของประเทศไทยที่รัก เป็นทั้งความดีใจ สุขใจ ทว่าปนมาด้วยความใจหาย ..เพราะ.. คนไทยบางคนบางกลุ่ม อาจกำลังจะทำให้ภาพเหล่านั้นหายไป .......... ...... .... หรือแม้กระทั่ง เราเองอาจจะเป็นคนหนึ่งในนั้นด้วยหรือเปล่า  นัก(หัด)เดินทาง
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า เจ้าของบล็อกนี้ เป็นธรรมชาตินิยมจริงจังอีกคนหนึ่ง ริเริ่มเขียนบล็อก เพราะอยากเขียน อยากระบายบ้าง ในนามของธรรมชาติ ในนามของสัตว์ป่า ในนามของคนมีฝัน ในนามของคนเพ้อเจ้อ เพราะมีเรื่องราวมากมาย อยากถ่ายทอด มีความเศร้ามากมายที่ถาโถม ให้คุ้มคลั่ง มีความรักความคิดถึงมากมาย .....ถึงคนที่ตายไปแล้ว มีการก้าวย่าง มากมาย ที่อยากบอกเล่า ....ให้ใครซักคนฟัง... ....ใคร ...ก็ไม่รู้.. ไม่ใช่นักเดินทางที่ยิ่งยง ไม่ใช่นักเล่า ที่เยี่ยมยอด เป็นแค่คนๆหนึ่ง ที่เชื่อว่า "ชีวิต"คือการเดินทาง อาจเพราะความเชื่อเช่นนั้น ชีวิตมันจึงไม่ค่อยหยุดนิ่ง... มันยัง สรรหา รุกเร้า ให้ชีพจรต้องวิ่งไปเต้นริกๆ อยู่ที่ปลายเท้าตลอดเวลา บางครั้งเมื่อเดินทางไปเยอะๆ ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า.. จริงๆชีวิตมันควรจะมีอะไร เดินไปทางไหนจึงจะดีที่สุด..
แต่บางครั้งคำตอบ มันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า เราได้เดินทาง แล้วค้นพบอะไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่า ในทุกการเดินทาง..เราจะได้เรียนรู้บางอย่างเสมอ.. |
เสือหาว
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]  .......
|
ใช่มั้ยอ่ะ
