Nothing is impossible
Group Blog
 
All blogs
 

“อัลมอนด์” - องครักษ์พิทักษ์หัวใจ

ถ้าพูดถึง “อัลมอนด์” คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าเจ้าถั่วเม็ดเล็กๆ เม็ดนี้ นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยหวานมันแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอีกหลากหลายประการ โดยเฉพาะ กับ “หัวใจ” ถึงขนาดได้รับการยกย่องให้เป็นองครักษ์พิทักษ์หัวใจเลยทีเดียว

“อัลมอนด์” เป็นถั่วประเภท Tree Nut ซึ่งให้คุณค่าสารอาหารต่อร่างกายมากกว่าถั่วประเภทคลุมดินอย่างถั่วลิสง ถั่วเขียว ฯลฯ ที่สำคัญยังถูกจัดให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดอาหาร เพราะในเม็ดอัลมอนด์ประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งช่วยเพิ่มระดับ HDL (High-Density Lipoproteins) หรือไขมันดี และช่วยลดระดับ LDL (Low-Density Lipoproteins) หรือไขมันเลวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อรับประทานเป็นประจำจะมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี

เมื่อไม่นานมานี้มีผลการวิจัยจากสถาบันชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกายังพบว่า ถ้ารับประทานอัลมอนด์เพียงวันละ 1 หยิบมือจะช่วยลด LDL ได้ถึง 4.4% และถ้ารับประทาน 2 หยิบมือต่อวันจะช่วยลด LDL ได้ถึง 9.4% รวมไปถึงผลวิจัยจาก Nation Cholesterol Education Program ก็รายงานผลออกมาในรูปแบบเดียวกัน โดยให้กลุ่มตัวอย่างรับประทานอาหารที่มีและไม่มีอัลมอนด์ประกอบอยู่ พบว่าในกลุ่มที่มีการบริโภคอัลมอนด์มากขึ้นระดับ LDL ก็จะลดลง และระดับ HDL ก็เพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ยังมีการศึกษาให้กลุ่มตัวอย่างรับประทานอัลมอนด์เป็นอาหารเสริมเป็นเวลา 1 ปี โดย 6 เดือนแรกให้รับประทานอาหารตามปกติ และ 6 เดือนหลังให้รับประทานอัลมอนด์ในช่วงระหว่างมื้ออาหารประมาณ 52 กรัม/วัน เปรียบเทียบกันพบว่ากรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนเพิ่มขึ้น กรดไขมันอิ่มตัวลดลง คอเลสเตอรอลและน้ำตาลลดลง จึงส่งผลโดยตรงในการช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเบาหวานได้ถึง 30-50 %

เม็ดอัลมอนด์นอกจากจะมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายแล้ว ยังอุดมไปด้วย ไฟเบอร์ โปรตีนจากพืช วิตามินบี วิตามินอี และโอเมก้าทรี ซึ่งจำเป็นสำหรับการเสริมสร้างเซลล์ที่สึกหรอของผิวหนัง เส้นผม ทั้งยังช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยอย่างได้ผล รวมทั้งไฟเบอร์ที่ได้ยังช่วยลดการเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย

ถึงกระนั้นก็ยังมีคนแคลงใจในตัว “อัลมอนด์”ว่ามีสารอาหารประเภทไขมันในปริมาณที่สูง แล้วจะมีผลทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า อัลมอนด์เป็นสารอาหารที่ได้รับการแนะนำให้รับประทาน เพื่อลดคอเลสเตอรอลและรับประทานแทนอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว จึงไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นทุกคนจึงรับประทานอัลมอนด์แทนของหวาน หรือขนมขบเคี้ยวระหว่างวันได้อย่างสบายๆ แถมยังได้คุณค่าจากธรรมชาติไปเต็มๆ

ทั้งอิ่มอร่อยและมีคุณประโยชน์มหาศาลขนาดนี้ถ้ามี “อัลมอนด์” ติดไว้ที่โต๊ะทำงานหรือตู้ที่บ้านก็คงไม่เสียหลายนะเจ้าคะ


(นำมาจาก //www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9510000083117 ของ Metro Life - Manager Online)




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2551    
Last Update : 4 สิงหาคม 2551 11:27:09 น.
Counter : 347 Pageviews.  

เคล็ดลับ...รู้ไว้ไม่เสียหลาย


เคล็ดลับ...รู้ไว้ไม่เสียหลาย credit by ryanvee จาก bevernetwork


เคล็ดลับ...รู้ไว้ไม่เสียหลายชุดคำถามที่ 1: หมวด เคล็ดลับแม่บ้าน

1. ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
โดยใช้ไข่ขาวมาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ
จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ
ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง
เพราะจะทำให้หนังถลอก

2. ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆของหมากฝรั่งไปมา
ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกหมดแล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ

3. ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ
เฉลย : จริง
โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้
แล้วเทซอสมะเขือเทศก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น

4. ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ
เฉลย : จริง
โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง
แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ
และเหนียวทนนาน

5. มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ
เฉลย : ไม่จริง
แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว
มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป

6. พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง
ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้

7. เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้
เฉลย : จริง
ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์
จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น

8. เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ
เฉลย : จริง
การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกรียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย
แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก
นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด
จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น

9. นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
โดยให้หย่อนเหรีย­สลึงลงไปในแจกัน
ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญจะช่วยยับยั้งการเจริญ
เติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา

10. ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้
จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆเพื่อช่วยดูดกลิ่นได้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------
ชุดคำถามที่ 2 : หมวดกินเพื่อสุขภาพ

1. กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ
เฉลย : ไม่จริง
แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง
เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง
ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป
ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้

2. เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น
การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้

3. มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำจริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส
มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง
และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่าโรคนอนหลับ ได้อีกด้วย

4. ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ
เฉลย : ไม่จริง
แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น
เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร

5. การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ
เฉลย : ไม่จริง
แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น
เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด
เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด
ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง

6. การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน
ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น

7. กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ
ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย

8. การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์
จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับ การไอ
ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล

9. การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง
ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความ
เป็นด่างได้ทัน แต่ บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา
จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้
และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย

10. การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น
สารอาหารไปเลี้ยง
สมองได้น้อยลงสมองจึงค่อยๆเสื่อม

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------
ชุดคำถามที่ 3: หมวดรู้ไว้ใช่ว่า

1. การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยดจะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน
ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น
ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป


2. ดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง
ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดาน
ไม่กระเทือนสั่นไหว ขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรนและไม่นอนอ้าปากอีกด้วย

3. การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา
เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

4. แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน
ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรปฟรุ๊ต
หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน

5. ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ
เฉลย: จริง
โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง
ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์

6. วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ
เฉลย: ไม่จริง
เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้
แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น
เป็นเพราะความรำคา­ และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า

7. เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ
เฉลย: จริง
การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก
ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่
ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม

8. การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน
จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล
หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลงทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า

9. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมน เมลาโตนิน
ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ
ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น
และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้

10. การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะการฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา
ช่วยลดความดันโลหิต และ บรรเทาอาการปวดข้อลงได้

------------------------------------------------------------------------------
ชุดคำถามที่ 4: หมวดความสวยความงาม

1. กินหวานมากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป
มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิด ภาวะผิวเครียดขึ้น
และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้านและเหี่ยวย่นในที่สุด

2. การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส
จริงหรือ
เฉลย : จริง
โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ
ยืนขึ้นจะทำให้โลหิตบริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น
ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

3. เอาน้ำแข็งถูหน้าก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ
เฉลย : ไม่จริง
แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า
ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะแห้งไป เองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน
แค่นี่หน้าก็จะหาย

4. การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ
เฉลย : ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ
ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลา­ไขมันออกมา
เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่าเดิม

5. คนผิวแห้งมีโอกาสเกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือสารไขมัน
ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีท่าที่ควร เพราะฉะนั้น
คนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

6. การฝึกกลั้นหายใจสามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด
กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึง หายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที
จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

7.การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ
เฉลย : ไม่จริง
แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วยเผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20%
ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มากถึง 50 แคลอรี



8. กาวตราช้างใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะเมื่อปิดหนังที่แตกด้วยกาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่
ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก
กาวช้างก็จะหลุดออกไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

9. การเต้นรำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ การเต้นรำเพียงวันละ 20 นาทีช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ
และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

10. การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ
เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะเมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น
ทำให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้นจนทำให้ขาใหญ่หากจำเป็นต้องใส่กระโปรงสั้นจริงๆ
ควรใส่ถุงน่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น




 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 14:15:16 น.
Counter : 352 Pageviews.  

อู่ Honda ที่ควรพิจารณา

จดมาจากเวบพันทิป
//www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6724323/V6724323.html

1. ศรีนครินทร์
2. พระราม 7 (หลายความเห็น)
3. พระรามเก้า
4. สาทร
5. บางนา (หลายความเห็น)
6. ปิ่นเกล้า

อู่นอก

1. ซอยวิภาวดี 3




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 17:00:10 น.
Counter : 515 Pageviews.  

10 tips to being a better IT manager 10 ทิป สำหรับการเป็นผู้จัดการฝ่ายสารสนเทศที่ดีกว่า

10 tips to being a better IT manager

It's easy for IT managers to get bogged down in day-to-day activities and lose sight of the bigger picture of leading their staff. Whether you're a seasoned pro, or new to the game, the following tips will help you effectively manage your team.

1. Spend time (and money) developing your people
IT is a constantly changing field, and many IT workers love to learn about new and improving technologies. For many, learning is not just enjoyable, but is necessary to do the best job possible. IT Managers should budget for training and development and encourage staff to participate in events whenever possible.

If your budget is tight, explore free regional presentations and workshops, set up in-house training, and get creative with your development dollars. Don't forget about cross-training exercises as well. Even in a large IT group, there are jobs that only one person does routinely. Make sure others know what to do if that person is suddenly gone for an extended period.

2. Get to know what your staff really does
Although you don't need to master every task your staff handles (see the next item), you should understand your staff's normal work routine. Familiarize yourself with each person's responsibilities, if you aren't already. Ask team members to explain and demonstrate important tasks -- such as data backups.

I once had an existing IT employee transferred to my sub-group. Immediately after the transfer, I began working with the individual to learn his job role. One month after the transfer, during a key production period, the employee suffered simultaneous tragedies -- a parent died and the employee developed pneumonia. With no direct backup, I jump in and accomplished the job with the knowledge I had learned during the first month and a great deal of help from others.

As a result, I gained a great deal of respect from the employee, who had previously suffered negative experiences with management. Understanding what your staff does not only increases their level of respect for you, but it also makes you more credible as a manager when faced with difficult situations or decisions.

3. Don't do it for them
If you move from an "in the trenches" IT worker to a management role, avoid the tendency to take the reins too quickly. Your knowledge and skill level may exceed your employees', but you must help your staff learn and grow. There is a fine line between coaching and doing. A good manager will know the difference.

While there may be an initial training period where you are more involved in doing the day-to-day work, use appropriate delegation and training strategies to move the work into your staff's capable hands.

4. Know the business and make sure they know you
It is almost a clich้, but all IT managers must understand the business they support and use this understanding to build services and infrastructure that support business goals. You should also show your direct reports how their work affects overall business goals and ensure that business administrators understand what IT does for them. Showcase your department's activities through annual reports, regular communications, and frequent project updates.

5. Treat communication as a busy, fast-moving, two-way street
Information is not a limited commodity to hold. It should flow freely and easily between management and workers. If you sense that you are not getting important information, consider ways to increase communication. Likewise, don't hoard information, unless it is confidential. What seems irrelevant to you may be highly relevant for someone else. Reward information sharing between your direct reports.

6. Encourage everyone to work as a team
The whole really is greater than the sum of its parts. Encouraging collaboration and teamwork helps remove silo-like isolation that often occurs in technical organizations. Cross-functional teams are extremely important because small changes in one area can have significant ripple impact across other IT units. Reward efforts that allow for collaboration and develop an environment where workers can feel comfortable asking for and giving assistance to one another. Frustrations often result when one team member knows something that others spend hours working to resolve. Teamwork will fuel your communication vehicle.

7. Provide feedback regularly and let employees know what you want
Some IT jobs make people feel like islands. They work on a project or assignment independently and may not regularly interact with their manager or co-workers. Be sure your staff knows what they are doing well and what needs improvement. These can be casual conversations, formal performance reviews, or public praise events.

If someone isn't living up to expectations, be sure that person knows what those expectations are. Staff members may not realize that the assignment you gave them last week was a priority item for a high profile project. Be clear and direct when making assignments. When employees finish a job, make sure they know how pleased you are with the work they did. Geeks need love too!

8. Hire well
If you have never hired before, ask for assistance and do your homework. Hiring poorly can be more costly than not hiring at all. Technical skills are only a small piece of the puzzle. You should know if a person will integrate well with the team. It may also help to get your team involved in the hiring process, when it's appropriate and allowed. Your staff can help you determine whether the applicant relates well to others and has the appropriate soft skills.

9. Understand best IT practices but don't just make them buzz words
Learn and understand the best practices that apply to your environment and measure yourself and your department against them. Explore ITIL and determine whether you should implement at least portions of it in your department. Ensure your disaster recovery plan is up to date and ready for action. Perform regular security assessments. Proceed with caution, however; throwing around buzzwords won't gain you any clout. You must truly understand the ideas and their application to your environment. Then, plan and implement appropriate related changes.

Be a good project manager
Did your last project suffer scope creep? Most projects, particularly IT ones, don't fail because the project itself was bad. Most failures are a result of weak project management. If you haven't had any formal project management training, find and invest in a good program.

Don't fall into the trap of thinking that simply by having regular meetings, you are managing the project. And since IT usually has more projects than people, be sure to train lead workers with basic project management skills so you can delegate specific aspects of the project or even entire projects to their control.




Source : //www.zdnet.com.au




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 10:21:11 น.
Counter : 369 Pageviews.  

วิธีรับมือกับเพื่อนร่วมงาน 9 ประเภท

วิธีรับมือกับเพื่อนร่วมงาน 9 ประเภท
โดย JobsDB มิถุนายน 2551
//th.jobsdb.com/TH/TH/V6HTML/Jobseeker/article/June08_04.htm

ในองค์กรหนึ่งๆ ย่อมมีพนักงานที่มีพื้นฐานชีวิตหลากหลายแตกต่างกัน การจะทำงานร่วมงานกันให้ได้อย่างราบรื่นจึงต้องอาศัยการปรับตัวเข้าหากัน ต่างคนต่างพยายามปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงาน ก็จะทำให้เข้าใจกันและลดปัญหาความขัดแย้งลงได้ มาดูวิธีปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงาน 9 ประเภทต่อไปนี้

ยืนหยัดเป็นฝ่ายค้าน
คนประเภทนี้กลัวการเปลี่ยนแปลง จึงต้องคัดค้านเอาไว้ก่อน เช่น เมื่อการเสนอความคิดใหม่ๆ ก็จะปฏิเสธและเลือกที่จะใช้รูปแบบเดิมมากว่า เช่น ให้พิมพ์งานด้วยคอมพิวเตอร์ก็มักจะบอกว่าเขียนเอาก็ได้ ให้ส่งอีเมลก็ยืนยันที่จะส่งทางไปรษณีย์ เป็นต้น
วิธีรับมือ ให้เวลาเขาได้เรียนรู้ประโยชน์ของที่สิ่งเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เขาค่อยๆ ยอมรับและเริ่มเปลี่ยนแปลงด้วยตัวของเขาเอง

เช้าชามเย็นชาม
คนประเภทนี้ทำงานแบบย่ำอยู่กับที่ เรื่อยๆ ไปวันๆ อาจเป็นเพราะความเคยชินที่ทำงานแบบเดิมๆ แล้วรู้สึกว่าปลอดภัยดี จึงไม่คิดปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไร
วิธีรับมือ เสนอหัวหน้าให้ส่งเขาไปอบรมสัมมนาหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์ ผลงานจะได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยให้กำลังใจเขาด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ค่อนข้างทำได้ยาก

แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก
คนบางคนอาจมีปัญหาที่บ้าน ทำให้ไม่สบายใจ กลายเป็นคนเก็บตัว หรือกลายเป็นคนขี้หงุดหงิด จนพาลมีเรื่องกับคนอื่นโดยไม่รู้ตัว หรือบางคนมีเรื่องขุ่นเคืองกับคนในที่ทำงาน พาลให้ไม่อยากทำงานไปด้วย
วิธีรับมือ พยายามให้ทั้งสองฝ่ายมาตกลง ทำความเข้าใจกัน เพื่อจะได้ร่วมงานกันต่อไปอย่างราบรื่น

ไม่มั่นใจในตัวเอง
บางคนมีความคิดดีแต่ไม่กล้าแสดงออก กลัวว่าจะไปล้ำเส้นใครเข้า หรือกลัวว่าถ้าทำผิดพลาดแล้วจะถูกตำหนิ เมื่อคิดแบบนี้จึงไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่คอยรับคำสั่งเท่านั้น
วิธีรับมือ คอยให้กำลังใจ ส่งเสริมให้เขาทำในสิ่งที่ดี พยายามให้เขาแสดงความคิดเห็นในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก่อน ชมเชย เพื่อให้เขามีกำลังใจ และกล้าแสดงความคิดเห็นต่อๆ ไป หากเขาทำผิดก็ช่วยแก้ไข ไม่ตำหนิ หรือซ้ำเติม

เหลี่ยมจัด ลอบกัด ปัดความรับผิดชอบ
คนประเภทนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง ชอบนักเรื่องเอาความดีใส่ตัวแล้วโยนความชั่วให้คนอื่น ถ้าต้องร่วมงานด้วยควรระวังให้มาก เพราะอาจถูกแทงข้างหลังเป็นแผลเหวอะหวะ หรืออาจเจอเล่ห์กลทำให้งานของเขากลายเป็นงานของเราได้ง่ายๆ
วิธีรับมือ เข้าใกล้เท่าที่จำเป็นต้องร่วมงานด้วย ทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด และต้องมีหลักฐานว่า เราทำอะไร เขาทำอะไร และร่วมกันอย่างไร

หลงตัวเอง เก่งคนเดียว
คนประเภทนี้มักคิดว่าไม่มีใครฉลาดเท่า และไม่มีใครทำงานแทนได้ จึงไม่ยอมแบ่งงานหรือทำงานร่วมกับใคร รวมทั้งไม่ชอบฟังคำแนะนำจากใครด้วย
วิธีรับมือ พยายามปรับตัวเราให้ทำงานร่วมกับเขาได้ พยายามชื่นชมในความเก่งของเขา โดยไม่แสดงอาการไม่พอใจออกมา

หนักไม่เอา เบาไม่สู้
คนประเภทนี้ชอบผัดวันประกันพรุ่ง กินแรงคนอื่นประจำ ไม่ยอมเสียสละเพื่อใคร หลบได้เป็นหลบ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง
วิธีรับมือ พยายามพูดว่าเขาทำงานดี เพื่อให้เขาได้แสดงฝีมือบ้าง ในทางกลับกันอย่าไปว่าเขาเชียวล่ะ เพราะยิ่งว่าเขาก็จะยิ่งไม่ยอมทำอะไรมากขึ้น

ขี้โมโห
ถ้าเรามีเพื่อนร่วมงานประเภทโกรธง่ายหายเร็ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่พอใจอะไร ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็แสดงอาการออกมาโดยไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น
วิธีรับมือ เวลาที่เขาแสดงอาการฉุนเฉียว อย่าพยายามเถียงหรือให้เหตุผล เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่รับฟังเราหรอก ถ้าอยากจะเตือนเขา ต้องพูดตอนเขาอารมณ์ดีๆ

ขาดมนุษยสัมพันธ์
คนประเภทนี้จะตรงไปตรงมา คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น แบบขวานผ่าซาก ถึงแม้จะมีเจตนาดี แต่ว่าแสดงออกไม่เป็น ทำให้คนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเย่อหยิ่ง ไม่อยากคบ ไม่อยากร่วมงานด้วย
วิธีรับมือ ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น พยายามมองส่วนดีของเขา และมองข้ามเรื่องขุ่นใจเล็กๆ น้อยๆ จากคำพูดของเขา เพื่อสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน

ถ้าเราพยายามเข้าใจคนละแต่ละประเภทและพยายามปรับตัวให้เข้ากันได้ ผลงานก็จะดีมีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์ต่อองค์กร ที่สำคัญการที่ไม่ต้องมีเรื่องขุ่นใจกับใครก็จะทำให้ตัวเราเองมีความสุขในการทำงานด้วย




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2551 13:26:32 น.
Counter : 448 Pageviews.  

1  2  3  4  

Torsu
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ ผมชื่อ ต่อสู้ ครับ
ตอนนี้ พอจะมีเวลาบ้าง เลยจะลองสร้าง blog ดูครับ
Friends' blogs
[Add Torsu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.