อีกหนึ่งปัญหาหลังเรียนจบ
สวัสดีค่ะ ตอนนี้ก็มาถึงฝั่งแล้ว 555 ฉันเรียนจบปริญญาตรี และสอบใบประกอบวิชาชีพผ่านรอบแรก ง่ายๆ เลยก็คือ เรียกตัวเองว่า เป็นพยาบาลวิชาชีพ ได้อย่างเต็มตัวและไม่ผิดกฎหมายแล้วค่ะ
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ยังลังเลก็คือสถานที่ทำงาน... อยู่ๆ ตัวเลือกก็มาแบบไม่คาดคิด นั่นก็คือ รพ.ยะลา ก็เปิดรับ (เป็น รพ.ใกล้บ้านและฝันมาตั้งแต่เข้าเรียน) และ รพ.หาดใหญ่ ที่ฉนเคยขึ้นฝึก ปัญหาติดอยู่ที่ รพ.ยะลา รับแบบเหมาบริการ กล่าวคือ ฉันรับเงินก้อนเดียวก้อนนี้ต่อเดือนโดยไม่ได้รับค่าเวรอีก ไม่มีวันหยุด ซึ่งถ้าหยุดก็หักเงินเดือนรายวัน (ดูไม่น่าทำเลยใช่มั้ยคะ ฮ่า) ส่วน รพ.หาดใหญ่รับแบบลูกจ้างชั่วคราว นั่นหมายถึงทุกอย่างที่ควรได้ก็จะได้ (ค่าเวร ค่าใบประกอบ สวัสดิการ และอื่นๆ) แต่ประเด็นหลักๆ เลยคือ "อยากอยู่บ้าน มีที่พักพิงใจ" ในขณะที่ไปหาดใหญ่ "ต้องช่วยเหลือตัวเอง" หากงานที่ฉันทำ ทำเป็นเวลาเหมือนชาวบ้านเขาคือไปเช้ากลับเย็นงี้ก็คงไม่มีปัญหา แต่ฉันยังต้องขึ้นเช้า บ่าย ดึก เรื่องการเดินทาง การดูแลตัวเองก็ยังเป็นห่วง ตอนนี้สับสนไปหมดเลยล่ะค่ะ... Elective สูติกรรม 320 รพ.หาดใหญ่
จากวันที่ฉันเลือกที่จะมาระบายความรู้สึกในบล็อกตั้งแต่ขึ้นฝึกปฏิบัติบนวอร์ดครั้งแรกในปีสองนั้น
ตอนนี้ฉันอยู่ปี 4 แล้ว กำลังขึ้นวอร์ด elective สูติกรรม 320 รพ.หาดใหญ่ ซึ่งขึ้นโดยไม่มีอาจารย์ ถือเป็นวอร์ดสุดท้ายสำหรับการเป็นนักศึกษาพยาบาล ใช่แล้ว...เดือนหน้าฉันจะจบหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต ม.อ. ฉันจะเป็นพยาบาลอย่างเต็มตัวแล้ว... แต่ความรู้สึกที่ไม่อยากขึ้นวอร์ดตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม 555 ฉันทำหัตถการหลายๆ อย่างได้ด้วยตัวเองและคล่องแคล่วขึ้นมาก ถึงแม้พี่ๆ ที่วอร์ดนี้จะใจดีมากกก (ก.ไก่ล้านตัว) และคอยสอนฉันเจาะเลือดเด็กทารก ฉีดวัคซีนเด็กแรกเกิด ถึงแม้ขณะขึ้นฉันสามารถทำมันได้ แต่ความรู้สึกก่อนขึ้นที่ไม่อยากไปแล้วก็ยังมาก่อกวนในใจทุกที ฮ่าาา สำหรับความตั้งใจของฉันคือฉันจะทำงานเพียง 4-5 ปี (ก็ตกลงกับที่บ้านไว้งี้) ตอนนี้ฉันกำลังวางแผนเริ่มต้นทำอะไรบางอย่าง (จริงๆ แล้วก็เริ่มมาได้สักพัก งานฟรีแลนซ์นี้ทำให้ฉันมีเงินเก็บหลักแสนเชียวนะ) สำหรับการหารายได้ให้พอๆ กับพยาบาลโดยมีความสุขที่มากกว่า ฉันคิดว่าสักวันฉันจะทำให้แม่เห็นให้ได้ว่างานที่ฉันรัก ฉันก็สามารถมีรายได้ไม่แพ้พยาบาลเช่นกัน สำหรับวันนี้คือการฝันเฟื่อง.....แต่เอาไปว่าหากฉันทำสำเร็จ ฉันจะมาอัพเดตให้ฟัง ^^ ครั้งหนึ่งฉันเคยกินยาต้าน HIV
ขอบันทึกไว้เตือนเป็นความทรงจำ วันนี้ยังฝึกงานที่ med ชาย รพ. หาดใหญ่ จังหวะที่ push nss เสร็จแล้วดึงเข็มออกมา ดันจิ้มเข้าที่ปลายนิ้วเข้าซะได้... แม้ไม่มีเลือดออก ล้างมือไม่แสบก็ตาม แต่ความกังวลก็มีอยู่มากเพราะผู้ป่วยเองไม่เคยมีผลเลือดที่เกี่ยวข้องกับ HIV อาจารย์ศมนนันท์จึงรีบพาไปที่หน่วย IC พร้อมทั้งเจาะเลือดผู้ป่วยและข้าเอง อันตัวข้าถูกไปสามรอบเพราะหาเส้นไม่เจอ T^T ทางพี่พยาบาลที่หน่วย IC ก็สอบถามว่าจะกินยาต้าน HIV ไปก่อนไหม เพราะต้องได้รับภายใน 2 ชม. ซึ่งเป็นผลดีหากผลเลือดผู้ป่วยเป็น Positive แต่อ่านผลข้างเคียงแล้วไม่อยากกินเลยอ่ะ =__= แต่หากผลเป็น negative ก็ไม่ต้องกินยาต่อ stse dose เดียวจบ...อ๋อ มีนัดมาเจาะเลือดอีก 1 เดือนด้วยนะ สุดท้ายโทรกลับไปหาแม่ (แบตหมด) ป้า (ไม่รับสาย) พี่ รายนั่นบอกให้กินยา ก็เอาวะ! ณ ตอนนี้ผ่านมา 11 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีอาการแพ้อะไรนะ แค่เบื่ออาหารนิดหน่อย... ส่วนผลเลอดผู้ป่วยเป็น Negative จ้ะ โล่งงงงงงงงงง ปล. ขอบคุณอาจารย์มากๆ ค่ะ อาจารย์ support จิตใจหนูดีมาก เพราะถึงแม้ความเสี่ยงจะต่ำต้อยเรี่ยดิน แต่หากมีความกังวลก็ไปตรวจให้สบายใจดีกว่า อาจารย์ใจดีเว่อร์วัง อยากขึ้นกับอาจารย์จนจบ 9 วีคเลยอ่าาา ระบายนิดหน่อยก่อนขึ้นเออี 2
ขึ้นวอร์ดเด็กไม่ได้มาอัพบล็อกเลย ^^ แต่พรุ่งนี้กำลังจะขึ้น AE2 อีกแล้ว รู้สึกนอยๆ เฟลๆ ร้องไห้แบบนี้ทุกครั้งเลย เห้ออ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์มันยังมาไม่ถึงว่าจะเจออะไร แต่ก็ชอบคิดมากไปก่อนซะแล้ว ยิ่งขึ้นวอร์ดยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ชอบ อยากเรียนภาษา ชอบงานเขียน ชอบอยู่กับตัวเองมากกว่าพบเจอผู้คน บางทีเหนื่อยๆ ท้อๆ ก็คิดนะว่าทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ ทำไมต้องแบกความรับผิดชอบไว้มากมาย รับผิดชอบชีวิตคนอื่นตั้งแต่อายุ 19 ทำไมเราไม่มีชีวิตวัยรุ่นแบบคนอื่นเค้าบ้าง ตื่นเช้าก็ต้องไปวอร์ด กลับมาก็ทำแมพ ทำแคร์แพลน วันหยุดก็เหมือนไม่ได้หยุด จะขึ้นวอร์ดทีไรก็รู้สึกเฟลไปหมด อารมณ์เหมือนเป็นโรคซึมเศร้า... ลงกองจิตเวช ปิดจ๊อบเทอม 1/2560
มาอัพบล็อกด้วยความสบายใจ เพราะผ่านพ้นจิตเวช 6 วีคไปได้ด้วยดี ฮ่าๆ เป็นอารมณ์แบบดีงามกว่าขึ้นวอร์ดกายเป็นไหนๆ (แต่ก็แล้วแต่ความชอบด้วยนะเออ! เพราะเพื่อนบางคนถึงขั้นจะซิ่วเพราะจิตเวชเลยทีเดียว) วอร์ดนี้ค่อนข้างเฮฮาประดุจไปพักร้อน ฟิลแบบคุยกับผู้ป่วยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เอาจริงๆ แยกแทบไม่ออกอ่ะว่าเค้าคือผู้ป่วย อาจด้วยเพราะเคสที่พี่ยาบาลเลือกให้เป็นเคสค่อนข้างดีขึ้นแล้วแหละ ยอมรับว่าแวบแรกที่เปิดประตูเข้าไปน้านนนน ชะงักแปป!!! เฮ้ยยย มันไม่เหมือนในละครอ่ะ ที่มีเดินชมนกชมไม้งี้ แต่อันนี้แบบน่ากลัว 555 นึกภาพดูนะ เป็นประตูแบบซี่ๆ อ่ะ (ยอมรับว่านาทีแรกที่เห็นนึกถึงเรือนจำ) แล้วเค้าก็มายืนออกัน ยื่นมือมาแล้วก็โวยวายอะเนอะ T-T แต่หลังจากนั้นก็โอเคนะ เหมือนจะปรับตัวได้ คุยบ้าง ยิ้มบ้าง เฉยบ้าง แฮปปี้กันไป ในตึกจะแบ่งเป็นชั้นบนและล่าง ชั้นล่างเป็นผู้ป่วยที่อาการยังไม่ดีหรือเพิ่งมาแอดมิดแหละ ด้านบนคือเค้าโอเคขึ้นละ แต่ละชั้นมีพี่ดูแลแค่ 2-3 คนต่อผู้ป่วย 30-40 คน แล้วแต่ว่าขณะนั้นมีมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ถือว่าไม่ได้หนักนะ เพราะผู้ป่วยตรงนี้โฟกัสทางอารมณ์ ไม่ต้องฟิคอาการทางกาย (มาก) เหมือนวอร์ดกายจ้า วอร์ดนี้พี่ใจดีมากกก ใจดีเว่ออ ผู้ป่วยก็ค่อนข้างน่ารักอยู่นะ แต่ก็มีบ้างแหละที่คุยไปคุยมา เอ้า! คนละเรื่อง 5555 เจอทั้งผู้ป่วยเป็น Schizophrenia Bipolar Multiple Drug ก็ค่อนข้างได้หลายเคสอยู่ อาจารย์มีความปล่อยให้เข้าไปกันเอง หืมมม แรกๆ ต้องติดสอยห้อยตามกันไป แต่หลังๆ เข้าไปแบบชิลมากก เอาเป็นว่าขึ้นฟิลจิตเวชไม่ต้องเครียดเนอะ ถือว่ามาพักร้อนจริงจัง พยาบาลจิตเวชเป็นอีกทางเลือกนึงที่สนใจ ปล. สิ่งที่ดีที่สุดคือไม่โดนพี่กินหัว 55555 |
ธรรมชาติบำบัด
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() นักศึกษาพยาบาลตัวเล็กๆ ที่ชอบทำอาหาร แต่งนิยาย ^____^
Group Blog All Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |