การเรียงข้อมูลอย่างมีเงื่อนไข สำหรับ Excel 2007 นั้น เราสามารถจัดเรียงข้อมุลได้โดยการกำหนดเงื่อนไขได้หลายๆเงื่อนไขในคราวเดียวกัน ตัวอย่างเช่นเรามีข้อมูลดังรูปที่ 1 รูปที่ 1 เมื่อต้องการเรียงข้อมูลข้างต้น ก็เพียงแต่เลือกข้อมูลทั้งหมดที่เราต้องการจะเรียง (อย่างลืมเลือกรวมชื่อคอลัมน์ของข้อมูลด้วย ตามตัวอย่างคือ Company, Sales และ Date) แล้วคลิกขวา เลือกเมนู Sort และ Custom Sort... ตามลำดับ (ดูรูปที่ 2) รูปที่ 2 โปรแกรมจะแสดงหน้าต่าง Sort มาให้ผู้ใช้กำหนดเงื่อนไขการ Sort (ดูรูปที่ 3) หากเราต้องการเรียงข้อมูลโดยใช้ค่าจากคอลัมน์เดียว ให้เลือก Sort By เป้นชื่อคอลัมน์ที่ีเราต้องการกำหนดเป็นหลักในเรียง เลือก Sort On เป็น Value เพื่อใช้ค่าในเซลของคอลัมน์ Sort By เป็นค่าในการเรียง และเลือก Order เป็นวิธีในการเรียง รูปที่ 3 จากตัวอย่างเราเลือกเรียงโดยใช้ค่าในคอลัมน์ Sales ในการเรียง โดยให้เรียงจากมากไปหาน้อย (Largest to Smalles) รูปที่ 4 เมื่อคลิก OK ค่าในตารางที่เราเลือกจะถูกเรียงตามยอดขาย (Sales) ตามที่เราต้องการ (ดูรูปที่ 5) รูปที่ 5 ในกรณีที่เราต้องการให้เรียงข้อมูลโดยใช้เงื่อนไขมากกว่า 1 เงื่อนไข เช่นเรียงตามค่าในคอลัมน์ Company และ Sales ก็เพียงแต่ทำตามรูปที่ 1-3 แต่ให้คลิกปุ่ม Add Level เพื่อเพิ่มเงื่อนไขที่สองในการเรียงตามรูปที่ 6 รูปที่ 6 เมื่อคลิก OK ข้อมูลจะถูกเรียงตามรูปที่ 7 จะสังเกตุเห็นว่า ข้อมูลจะจัดกลุ่มตาม Company ก่อน แล้วจึงเรียงตามค่า Sales จากมาไปหาน้อยในแต่ละ Company รูปที่ 7   Create Date : 17 พฤศจิกายน 2552     0 comment Last Update : 18 พฤศจิกายน 2552 14:15:19 น.     Counter : 1217 Pageviews.   Share Tweet

ซ่อน column/row header เพื่อทำ column header ของเราเอง ในบางกรณี เราอาจจะอยากแสดงตารางข้อมูลที่มี Column Header ของเราเอง โดยซ่อน Column Header เดิมที่เป็น A, B, C, D, ... เสีย ซึ่งก็สามารถทำได้ง่ายๆโดยใช้ขั้นตอนต่อไปนี้ (ดูรูปที่ 1 ประกอบ) คลิกที่เมนู View แล้วคลิกที่ปุ่ม Show/Hide บนริบบ้อน โปรแกรมจะแสดงรายการที่เราต้องการจะแสดงบนตารางงานปัจจุบัน รูปที่ 1 คลิ๊กรายการ Headings ออก จะสังเกตุเห็นว่าขอบด้านซ้ายและขอบบนที่เคยแสดงตัวเลขแถว และตัวอักษรแสดงคอลัมน์จะหายไป (ดูรูปที่ 2) รูปที่ 2 ใส่ชื่อที่บรรทัดแรกเป็น Header ที่เราต้องการ แล้วทำการ Freeze Top Row โดยคลิกปุ่ม Freeze Panes แล้วเลือกรายการ Freeze Top Row (ดูรูปที่ 3) รูปที่ 3 หลังจากนี้ ไม่ว่าข้อมูลที่เราใส่ด้านล่างจะยาวเลยจอไปเท่าใด บรรทัดแรกซึ่งทำหน้าที่เป็น Column Heading ให้เรา ก็จะปรากฎอยู่ตลอดเวลา (ดูรูปที่ 4) รูปที่ 4 เราสามารถใช้วิธีเดียวกันนี้ สร้างเลขบรรทัดของเราเองแทน 1,2,3,... ได้เหมือนกัน เพียงแต่ในรายการ Freeze Panes ให้เลือก Freeze First Column หรือเลือก Freeze Panes เพื่อสร้างทั้ง Column Heading และ Row Heading ของเราเองก็ได้ Free TextEditor   Create Date : 16 พฤศจิกายน 2552     0 comment Last Update : 16 พฤศจิกายน 2552 12:55:14 น.     Counter : 1455 Pageviews.   Share Tweet

บวกวันบน Excel ธรรมดาไป ลองบวกเป็นจำนวนเดือนหรือปีซิ เวลาทำงานกับข้อมูลวันที่ หลายคนคงเคยหงุดหงิดใจเมื่อต้องการจะคำนวณวันที่ไปข้างหน้า (หรือถอยหลัง) เป็นจำนวนเดือน หรือเป็นจำนวนปีแทน แต่เจ้าสูตรที่เรารู้ก็สามารถทำได้แค่คำนวนวันที่ไปข้างหน้าได้ในระดับวันเท่านั้นเอง ตัวอย่างเช่น วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2009 เราต้องการรู้ว่าอีก 12 วันข้างหน้าจะเป็นวันที่เท่าไร =TODAY()+12 ซึ่งจากสูตรข้างบน Excel จะคืนค่า วันพุธที่ 30 กันยายน 2009 มาให้ รูปที่ 1 รูปที่ 2 ถ้าเราต้องการทราบว่า อีก 12 วันข้างหน้าเป็นวันอะไรในสัปดาห์ เราก็เพียงแต่ครอบสูตรข้างต้นด้วยฟังก์ชัน WEEKDAY() แทนดังนี้ =WEEKDAY(A4) ซึ่ง Excel ก็จะคืนค่า 4 มาให้ซึ่งก็หมายถึงวันพุธนั่นเอง รูปที่ 3 แล้วถ้าเราต้องการที่จะหาว่า วันที่ 18 ในอีก 2 เดือนข้างหน้าเป็นวันอะไรจะเขียนสูตรอย่างไรดี หลักการเขียนสูตรเรื่องนี้อยู่ที่การใช้ฟังก์ชัน DATE() เพื่อแยกวัน เดือน และปีออกมาคำนวณ เพื่อระบุวันที่ใหม่ตามที่เราต้องการได้ รูปแบบการใช้ฟังก์ชัน DATE() คือ =DATE(year,month,day) จากตัวอย่างข้างต้น ลองเขียนสูตรดังนี้ =DATE(YEAR(TODAY()),MONTH(TODAY())+2,DAY(TODAY())) จะเห็นว่ามีการ +2 ลงไปที่พารามิเตอร์ตัวที่สองของฟังก์ชัน DATE() ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ใช้กำหนดวันบน Excel เมื่อเคาะ Enter ระบบจะคืนค่า 18 พฤศจิกายน 2009 มาให้ รูปที่ 4 เอาฟังก์ชัน WEEKDAY() ครอบอีกที กลายเป็น =WEEKDAY(A5) ซึ่ง Excel ก็จะคืนค่า 4 มาให้ซึ่งก็หมายถึงวันพุธนั่นเอง รูปที่ 5 กรณีบวกเป็นปีก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ใช้สูตรแบบในรูปที่ 4 แต่เปลี่ยนสูตรเป็นบวกหรือลบจำนวนปีที่พารามิเตอร์ตัวแรกแทน ซึ่งจากตัวอย่าง เราจะลองหาดูว่า วันนี้ในอีก 7 ปีข้างหน้าเป็นวันอะไร ก็ใส่สูตรเป็น =DATE(YEAR(TODAY())+7,MONTH(TODAY()),DAY(TODAY())) รูปที่ 6 แล้วใส่ WEEKDAY() ครอบอีกที ก็จะได้เป็นวันอาทิตย์ตามรูป รูปที่ 7 Free TextEditor   Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552     0 comment Last Update : 12 พฤศจิกายน 2552 15:41:39 น.     Counter : 6112 Pageviews.   Share Tweet