วันฟ้าฉ่ำฝนกับบ้านไร่ในเงา
เช้าวันอาทิตย์เมื่อวานนี้เองค่ะ..เป็นเช้าวันที่ฉันขี้เกียจตื่นเอามาก ๆ ทั้งที่รู้ว่ามีงานรออีกเยอะ..อ้อลืมบอกไปค่ะ..ฉันมาอยู่ที่บ้านไร่ปากช่องค่ะ..ไร่ที่ฉันตั้งชื่อให้ซะกิ๊ฟเก๋ยูเรก้าว่า"บ้านไร่ในเงา" ก็เมื่อคืนน่ะสิคะ..ฝนตกพรำสายเกือบตลอดคืน..รู้สึกเหน็บหนาว..อยู่พอสมควร..แต่นกเจ้ากรรมมาส่งเสียงเจื้อยแจ้ว..อยู่ที่หน้าระเบียง..ตื่นก็ตื่น..โอ้โหนี่ที่ปากช่องหรือเชียงใหม่เนี่ย..สายหมอกคลอเคล้ายอดเขา..รำไร..อยู่กรุงเทพร้อนตับแตก..มาที่ปากช่อง..คนละเรื่องเลยค่ะตื่นขึ้นมากิ้วก้าว..โห..ตื่น ๆ ลูกมาดูของดีที่บ้านปากน้ำเราไม่มีกันเร้ว..แต่ขอโทษค่ะ..ลูกสาวอิฉันงกนอนไม่มีตื่นซะให้ยากเขาบอกว่าฟ้าหลังฝนจะสดใส..ไม่ค่อยรู้เรื่องกับเขาหรอกฉันน่ะ..วัน ๆ หมกอยู่ที่ทำงาน..ออกจากบ้านตั้งกะฟ้าเพิ่งจะสาง..กลับบ้านก็โน่นแหล่ะค่ะ..มืด ๆ ค่ำ ๆ ดาวก็ไม่เคยเห็น..โถอยู่ในเมือง..หลงแต่แสงสีเสียง..มาเจออย่างนี้เขาเลยนึกครึ้มอกครึ้มใจ..ถ่ายรูปมาฝากเพื่อน ๆ ให้ได้ดูกันจ้ะอย่าหาว่าเราเว่อร์เลยอ่ะ..ถึงไร่เราจะเล็กกระจิ้ดริ้ด..แต่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อของเราเชียวนะ..มีแค่นี้ก็ภูมิใจ้..ภูมิใจ..บอกเขาไปทั่ว ๆ ฮ่าๆ มีไร่เป็นของตัวเองด้วยวุ้ย..แหมมันช่างเป็นเช้าที่น่าสดชื่นเสียจริง ๆ ถึงจะอยู่บ้านที่สมุทรปราการเสาร์อาทิตย์เราก็ไม่เค้ย..ไม่เคยจะย่างกรายมาสัมผัสสายลมกับแสงแดด..เพราะที่บ้านเราน่ะร้อนมั่ก ๆ ขอบอก..แต่มาอยู่ที่ปากช่องเนี่ย..ไม่ค่อยได้อยู่บนบ้านหรอกค่ะ..นอนเอกเขนก..อยู่ใต้ถุน..หนังสือเล่ม..แสนสุขโขสโมสร..ลมเย็น ๆ โชยมาระเรี่ยกับยอดอ่อนของต้นข้าวโพด..ได้กลิ่นหอมของบุหงาสาหรี่..หันซ้าย..ก็เจอฟ้าสีสดใส..หันขวา..อ้าวนั่นสามีกำลังทำงานในไร่งั้นหลับตาดีกว่า..จะได้ไม่รู้สึกเหมือนเอาเปรียบใครเฮ้อ..รู้สึกสบายใจแบบบอกไม่ถูกอ้อ..วันนี้มีรุ้งกินน้ำตัวอ้วน ๆ ให้ดูด้วยนะ..ใครอยากมาบ้านเราบ้าง..เจ้าของไร่ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ..ใกล้กรุงเทพแค่เนี้ยก็หาความสุขได้นะจะบอกให้แล้วเดี๋ยวพาไปเที่ยวบ้านไร่ในเงาใหม่นะจ้ะ
"ทาก" ตัวแทนมฤตยูแห่งพงไพรหรือความสมบูรณ์ของป่า?
ไปไหมเธอ..ไปไปเธอ..เสียงชวนจากคนข้างตัว..หลังจากที่ละเว้นการเดินทางมาเนิ่นนาน (นานไหม..เกือบครึ่งปีเชียวนะ) ไปไหนดี..หน้าฝนอย่างนี้ไปเดินเล่นเตาะแตะ ๆ ให้ทากดูดเลือดดีไหม..ดีเหมือนกัน..ตกลงปลงใจได้..ไปภูเขียวดีกว่าเนาะใกล้ ๆ ไม่เปลืองน้ำมัน..เสียงลือเสียงเล่าอ้างกล่าวขานกันว่าถ้าไปภูเขียวต้องไปเผชิญกับฝูงทาก..มฤตยูแห่งพงไพร..จะจริงดังเขากล่าวอ้างหรือเปล่าคงต้องไปพิสูจน์กัน..แล้วเราก็เจอจริง ๆ แต่ท่ามกลางความหวาดกลัวกับมฤตยูดูดเลือดตัวนี้..เราก็ได้สิ่งดี ๆ มาทดแทน..ทากเป็นตัวบ่บอกของความสมบูรณ์ของป่า..ไม่ว่าป่าที่ไหนถ้ามีทากแสดงว่าป่ายังสมบูรณ์แต่ที่ภูเขียวเราเรียกว่าฝูงทาก..รวมกันอยู่เหนียวแน่นตั้งแต่ลูกทาก..พ่อทาก..แม่ทาก..ปู่ย่าตายาย..รวมทั้งทวดด้วย..แถมมีความรักและความสามัคคีกันอย่างเหนียวแน่น..เผลอยืนแป้บเดียวชวนพรรคพวกเพื่อนฝูงตามมารุมดูดเลือดซะงั้น..อิอิ..แต่มีบทพิสูจน์บทหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าทากไม่ได้นำมาซึ่งความเลวร้ายเพียงอย่างเดียวแต่ยังชี้บ่งถึงความอุดมสมบูรณ์ได้ทำให้ระหว่างทางเราได้พบกับรอยเท้าช้างที่เดินลื่นไถลระหว่างการปืนเนิน ๆ หนึ่งพร้อมกับกลิ่นสาบที่ทิ้งไว้ให้เราดูต่างหน้า..(อันที่จริงถ้าเจอตัวจริง ๆ ประเภทช้างป่าไม่ใช่ช้างบ้านคงจะลืมหายใจไปชั่วคราว) เพียงเจอเท่านี้เราก็รู้สึกสุขในแล้ว..และอีกหนึ่งความสำเร็จกับการเดินทางไปเยือนภูเขียวในครั้งนี้คือเราได้เก็บรูปผีเสื้อหางติ่งมาไว้ในคอลเลคชั่น..ถึงจะไม่สวยเหมือนใครเขา..แต่ก็เป็นความภูมิใจอันยิ่งใหญ่ของเรา..อยากบอกเพือน ๆ ที่จะไปเยือนภูเขียว..ภูเขียวไม่ได้มีแค่ทุ่งกระมัง..แต่มีความสมบูรณ์ของผืนป่า..ผืนป่าที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเกือบจะเป็นผืนสุดท้ายของภาคอีสาน..แล้วอย่าลืมติดตามสามสาวกับภูเขียวตอนต่อไปนะคะ
บ้านกับความตั้งใจ
แอ่น..แอน..แอ้น..แล้วเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง..นับวัน..นับคืนคอย..เมื่อไหร่หนอ..จะมีบ้านน้อยหลังกระทัดรัดเป็นของตนเองซะที..มันเป็นความอยากของคนสองคน..อยากมีไร่เล็กไว้ปลูกต้นไม้สวย ๆ ตื่นนอนตอนเช้า..ได้ยินเสียงนกร้องคลอเคล้าหมอกรำไร..กับแสงแห่งรุ่งอรุณ..บ้านน้อยหลังกะทัดรัด..กับลำธารน้ำไหลอ้อยอิ่ง..คงช่างสุขในเสียยิ่งกระไร กัดฟันขอยืมกะตังผู้มีพระคุณได้ไร่ข้าวโพดเป็นของตัวเองนิดหน่อย..อ้าว..พี่ขามีแต่ไร่เปล่า..แล้วเราจะอยู่ที่ไหน..ไม่เป็นไรน้องบ้านพี่พอมีไอเดีย..แต่ตังค์น้องต้องหานะ..หุหุ..ซักเท่าไหร่คะคุณพี่เดี๋ยวน้องจัดให้ไม่มากไม่มายหรอกจ้าฮันนี่แค่สามแสนเอง..โอเชน้องจัดให้เวลาผันผ่านไวเหมือนโกหก..คุณพี่เจ้าขา..กะตังค์ที่ให้หนูเตรียมไว้สามแสนที่ว่าหมดแล้วเจ้าค่ะ...บ้านยังได้ไม่ถึงครึ่งหลัง..จะเก็บข้าวโพดขายก็คงไม่พอ..โธ่น้องพี่ผิดพลาดไปแล้ว..งัย ๆ ทำให้เสร็จเถอะ..บานไปไม่มากมาย..เหลือนิดหน่อยก็เกือบครบแปดแสนค่ะ..ขอบอก..อิฉันทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นสว่านเลยอ่ะ..ประมาณว่าบ้าไปแล้วเฮ้อหลังจากที่เอามือจับเท้ามาก่ายหน้าผาก..เพราะหนี้สินมันรัดตัวจนปลิ้น..ก็ได้บ้านน้อยหลังนี้มาเชยชม..ยังค่ะยังไม่จบแค่นั้น..มีบ้านแล้วต้องมีaccessories ด้วยค่ะ..เฮ้อ..มีบ้านสักหลังมันน่าภูมิใจแบบนี้เองเนอะโปรดติดตามความสุขบนคราบน้ำตาของอิฉันต่อไปนะเจ้าค่ะ