ผ่าตัดเล็กที่ไม่เล็กสำหรับใจแม่
ขึ้นชื่อว่าผ่าตัดแล้ว ไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ มันก็คงลำบากใจสำหรับหัวอกพ่อแม่ที่ได้รู้ว่าลูกต้องเจอ แม้ว่าจะมีเวลาเตรียมใจมานานแล้ว เพราะปรึกษาคุณหมอตั้งแต่น้องเทียนขวบกว่า จนถึง 3 ขวบ คุณหมอประจำก็เลยนัดให้คุยกับคุณหมอศัลยกรรมเด็ก ก็มีวินิจฉัยให้ผ่า (โอ้ว..ไม่แปลกใจหรอก แต่มันกังวลใจ) ผ่าอะไรเหรอ...ผ่าตัดถุงน้ำในอัณฑะ ชาวบ้านเรียกไข่น้ำ มันจะห้อยมาข้างหนึ่ง เกิดจากการที่ผนังหน้าท้องปิดไม่สนิท ซึ่งในบางรายเด็กจะหายได้เองจนถึง 2 ขวบ คุณหมอถึงให้รอ เมื่อรู้ว่าได้เวลาแล้ว แม่ก็เลือกวันแรงงานนี่หล่ะ เพราะแม่จะได้ลาหยุดยาวมาอยู่ดูแลหนูไง ส่วนป๊าก็ต้องลา 2 วัน เพราะวันที่ 1 ป๊าไม่หยุด พอถึงวันผ่าตัดก็บอกน้องเทียนแต่เช้าว่าวันนี้ต้องผ่าจุ๊กกู่นะลูกจะได้หล่อ ๆ นะ ลูกก็ตอบรับแบบหน้าเหย ๆ ไปถึงโรงพยาบาลก็อยู่กับลูกตลอดตั้งแต่เจาะน้ำเกลือจนกระทั่งลูกสลบไป ในห้องผ่าตัดนั้น เข้าไปพร้อมลูก เพราะเดี๋ยวจะไม่ยอม คุณหมอเลยอนุญาตให้คุณแม่เข้าไปด้วย ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไปใจมันเริ่มแป้ว เพราะสงสารลูก ห่วงลูก กังวลใจสารพัด แต่ต้องเก็บอาการไว้เป็นคำปลอบใจให้กับลูกแทน ตอนที่คุณหมอดมยามาฉีดยาเข้าสายน้ำเกลือ แค่ชั่วครู่ที่หมอถอนเข็มออก น้องเทียนก็เริ่มเบลอ ตาลอย แล้วก็นอนลง ตอนนั้นน้องเทียนยังไม่หลับดี แต่ตาลอยมากขึ้น คุณหมอเลยให้คุณแม่มารอข้างนอก วินาทีที่เห็นลูกเคลิ้มไปน้ำตาแทบจะไหล แต่ต้องเก็บอาการ อายหมอ เพราะหมอบอกแล้วว่าเป็นแค่ผ่าตัดเล็ก แผลแค่ 3 ซม. เจ็บวันเดียว แต่ใจแม่มันคิดสารพัดแทนลูกไปก่อนเลยว่าจะต้องเจ็บอยู่แล้ว ตัวเล็กตัวน้อยก็ต้องมาผ่าตัด (เฮ่อ...พิมพ์ไปก็น้ำตาคลอไป ) จนกระทั่งผ่าตัดเสร็จ ผู้ช่วยก็มาตามคุณแม่ เพราะลูกเริ่มร้องไห้แล้ว ใจนึงก็ตกใจนิดหน่อย อีกใจก็ดีใจที่ลูกฟื้นแล้ว พอใส่ชุดปลอดเชื้อเสร็จรีบเข้าไปอุ้มลูก เห็นแล้วก็ยิ่งสงสารหนัก หนูบ่นปวดท้อง แม่ก็ถามปวดฉี่เหรอครับ ลูกก็พยักหน้า คุณป้าผู้ช่วยก็รีบจะไปหากระโถนมาให้ แล้วหนูก็บอกไม่ปวดฉี่ ปวดท้อง แล้วก็ร้องไห้จนปากสั่น พูดอะไรก็ไม่รู้แม่ฟังไม่รู้เรื่อง สงสัยยังเบลอยาอยู่ แล้วหนูก็หลับไปอีก สลับกับร้องไห้ปวดแผล อยู่ในห้องสังเกตอาการอีก 1 ชั่วโมง มีป๊ากับแม่ห้อยรออยู่นอกห้องผ่าตัด พอออกมาป๊ากับแม่ห้อยก็รีบเดินมาหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเราก็ไปห้องพักฟื้นด้วยกัน น้องเทียนคงจะหิวมาก เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย จนปาเข้าไป 10 โมงกว่า แม่ห้อยมีขนมปังไส้กรอก น้องเทียนก็กิน (แคะแต่ไส้กรอกมากิน) จนหมด แล้ว 11 โมงกว่า ๆ ยายติ๋วกับน้า ๆ ก็มาเยี่ยมพร้อมเจ้มิลค์ พอตกบ่ายน้องเทียนก็หลับไปอีก จนบ่ายแก่ ๆ ตื่นมาอาม่ากับโกวนก และโกวญี้ก็มาเยี่ยม ก็บ่นเจ็บแผลเล็กน้อย (สงสัยอ้อนอาม่า) ก็เลยต้องขอยาแก้ปวดมาให้กิน เพราะมันหลายชั่วโมงแล้ว พอตกเย็นน้า ๆ มาเยี่ยมกันอีกรอบ หนูก็ไปเล่นที่แผนกเด็กได้แล้ว แต่ยังไม่กล้าเดิน ใช้ขาลารถไป จนน้าเห็นว่านานแล้วก็อุ้มกลับมาที่ห้อง พอเช้าวันรุ่งขึ้นอาการดีขึ้นเยอะแล้ว สังเกตจากที่หัวเราะแล้วไม่บ่นเจ็บแผล วันผ่าออกมาหัวเราะแล้วก็เอามือมากุมท้อง บอกว่าเจ็บแผล พอวันที่ 2 คงดีขึ้นก็เลยหัวเราะเต็มที่ สาย ๆ ก็อึ๊ออกมา คุณแม่ก็หมดความกังวลทั้งหลายทั้งปวง เพราะกลัวไปสารพัด (กลัวไปเองทั้งนั้น) ว่าลูกจะอั้นฉี่ อั้นอึ๊เพราะกลัวเจ็บแผล แต่ลูกไม่มีเอ๊ฟเฟ็คอะไรเลยก็โล่งออก พอสาย ๆ แกล้งบอกว่าจะพาไปเล่นของเล่น เท่านั้นแหล่ะ เดินลงเตียงเองเลย (เย้ ๆ ๆ ลูกยอมเดินแล้ว) ป๊าก็เลยอาสาพาไปเล่นแทน พอคุณหมอมาดูอาการก็ให้กลับบ้านได้ จริง ๆ คุณหมอก็ไม่ได้ให้นอนหรอก แต่แม่เอาชัวร์ไว้ก่อน ก็เลยให้นอนดูอาการ 1 คืน และแล้วการผ่าตัดครั้งนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรเลย แต่แม่อดคิดไปก่อนไม่ได้นี่นา น้องเทียนของแม่เก่งที่สุดเลย พอใครถามว่าไปผ่าตัดมาเจ็บมั้ย เธอก็ถอดกางเกงโชว์แผลกลางซอยเลย
Free TextEditor
ยายเข้ามาโอ๋
เจ้มิลค์ก็ตามมาด้วย
ปะป๊าฟังเพลงรอ
แม่ห้อยมาเยี่ยมเช้า - กลางวัน - เย็น
หน้าตาคนป่วย
ถอดสายน้ำเกลือแล้ว มีขนมด้วย
น้ามันว่าแม่มันว่าบ้า...ยังอุตส่าห์ถ่าย แล้วดูแต่ละนาง
หายแล้วครับ
Create Date : 16 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 27 สิงหาคม 2551 15:38:31 น. |
|
14 comments
|
Counter : 1775 Pageviews. |
|
|
ต่อไปนี้ก็หมดเคราะหมดโศกแล้วนะค่ะ
ญาติๆ มาเล่นข้างเตียงตรึมค่ะ กำลังใจเพียบเลย