Group Blog
 
All Blogs
 

what is converse



“Converse” คืออะไร? ทำไม Converse ถึงเป็นรองเท้าที่คนทั่วโลกรู้จักและยอมรับกันขนาดนี้? พบกับที่มาของรองเท้าแบรนด์นี้ และอิทธิพลที่มีต่อคนแต่ละยุคสมัยตาม Pop Culture ต่างๆ

จากตัวเลขที่ออกมาล่าสุดในปี 2012 กล่าวว่า โดยเฉลี่ยแล้ว 60% ของคนในประเทศอเมริกา จะต้องมีรองเท้าผ้าใบยี่ห้อ Converse เป็นของตัวเองอย่างน้อยหนึ่งคู่! ซึ่งถ้าตัวเลขที่ว่าเป็นประเทศเล็กๆนี่เราคงไม่ตกใจเท่าไร แต่นี่มันคือสหรัฐอเมริกาเลยนะ! ถามว่า… จริงๆแล้วรองเท้า Converse ก็เป็นรองเท้าที่คนทั่วโลกจะเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ต้องรู้จักกันดีแน่นอน แต่จะมีใครรู้ถึงที่มาของรองเท้าผ้าใบสุดอมตะแบรนด์นี้กันบ้างไหม วันนี้เราเลยถือโอกาสพูดถึงคำถามง่ายๆ ที่คงจะต้องตอบยาวกันหลายหน้ากระดาษว่า “รองเท้า Converse คืออะไร?”

null

ย้อนไปตั้งแต่ต้นกำเนิด บริษัททำรองเท้า “Converse” เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1908 ที่รัฐ Massachusetts ในประเทศอเมริกา เดิมทีพวกเขาเป็นแบรนด์ที่ทำรองเท้ายาง (Rubber Shoes) สำหรับใส่กันหนาว เรียกว่าไม่มีคราบ Converse ยุคปัจจุบันที่เราเห็นๆกันเลยสักนิด สิบปีต่อมาในปี 1917เป็นช่วงเวลาที่รองเท้าเล่นกีฬากำลังเริ่มเป็นที่ต้องการในตลาด Converseเองก็ตัดสินใจทำรองเท้าเล่นฟุตบอลและเน็ตบอลออกมากับเขาเหมือนกันในชื่อ “Converse All-Star” จนมาดังพลุแตกในวันที่นาย Charles Hollis “Chuck” Taylor นักกีฬาบาสเกตบอลเข้ามามีส่วนร่วมในบริษัท ผู้คิดค้นการติดสัญลักษณ์รูปดาวตรงข้อเท้า ถือกำเนิดรองเท้า Converse Chuck Taylor All-Star ทรงหุ้มข้อที่เราคุ้นตากันดีถึงทุกวันนี้ …สิ่งสำคัญที่ Chuck เข้ามาออกแบบให้ในแง่ความเป็นรองเท้ากีฬาก็คือ การเปลี่ยนพื้นรองเท้าที่ช่วยทำให้สามารถเคลื่อนไหวกระโดดหรือวิ่งได้คล่องตัวยิ่งขึ้น และจุดเล็กๆน้อยๆที่ถือเป็นความฉลาดของรองเท้า Chuck Taylor มากๆ คือการดัดแปลงนำเอารูร้อยเชือกรองเท้ามาเพิ่มไว้ตรงส่วนด้านข้างสองรู เพื่อช่วยในการระบายอากาศไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเวลาที่นักกีฬาต้องใส่เล่นบาสนานๆ (ตอนแรกก็สงสัยว่ามันมีเอาไว้ให้เชือกที่ไหนร้อยนะ) กลายเอกลักษณ์ที่มองเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็น Converse หลังจากการเกิดขึ้นของรุ่น “Chuck Taylor All-Star” ด้วยความเป็นรองเท้าที่เข้าใจหัวอกนักบาสอย่างดีนี่เอง ทำให้ชื่อ Converse เขยิบขึ้นเป็นรองเท้าบาสขายดีแซงหน้าแบรนด์อื่นๆในเวลานั้นขาดลอย… อย่างใน Olympicปี 1936 เป็นปีที่เพิ่งมีการแข่งขัน Basketball เป็นครั้งแรก เชื่อไหมว่านักบาสอเมริกันทุกคนใส่ All-Star หุ้มข้อกันหมด! ใส่ยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันทั้งสนาม…สุดแสนจะผูกขาดและสามัคคีอย่างแท้จริง! นอกจากจะเป็นตัวแทนในด้านการกีฬาแล้ว Converse ยังเป็นกำลังหลักในการทำรองเท้าให้รั้วของชาติช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย…นี่มันคือเป็นรองเท้าของประเทศชาติชัดๆ! …นอกจาก Converseในยุคแรกๆจะมี Chuck Taylor All-Starเป็นรุ่นยอดฮิตของพวกเขาแล้ว พวกเขายังมีอีกหนึ่งไม้ตายเด็ด เป็นรุ่นที่ตีคู่กันมาติดๆเลยก็คือ “Jack Purcell” ออกแบบโดยนาย John Edward “Jack” Purcell แชมป์โลกแบดมินตันในเวลานั้น …เดิมที Jack Purcellเป็นรองเท้าผ้าใบของบริษัท B.F.Goodrich แล้วภายหลัง Converse ค่อยไปซื้อลิขสิทธิ์มาเป็นของตัวเอง …ก้าวสำคัญครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมากถึงมากที่สุด เพราะด้วยดีไซน์ความเรียบง่ายกับเอกลักษณ์พื้นรองเท้าสีฟ้าอ่อนและขีดดำหัวรองเท้าที่มีแต่คนหลงใหล ทำให้ Jack Purcell คืออีกหนึ่ง Converse ที่คนชอบใส่ไม่แพ้ Chuck Taylor All-Star เลยทีเดียว

null

ตั้งแต่นั้นมาอิทธิพลของรองเท้า Converse ที่มีต่อคนหนุ่มและเด็กวัยรุ่นในแต่ละยุสมัย ก็เริ่มมีปรากฎให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเมื่อเหล่า Pop Icon ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นดารา นักแสดงหรือ Rock Starต่างก็นิยมใส่รองเท้าConverse กันเป็นกระแสออกมากัน เริ่มไปตั้งแต่ช่วงที่อเมริกาอยู่ในยุคหลังสงครามหรือที่เรียกว่ายุค “Baby Boomer” (ปี 50’s) …ซึ่งถ้าย้อนไปตอนนั้น เวลาพูดถึงรองเท้าผ้าใบ ความหมายมันคือรองเท้าลำลองที่เอาไว้สำหรับเล่นกีฬาหรือใส่เล่นๆแบบไม่คิดอะไร ถ้าจะออกไปงานที่ไหนจริงจังส่วนใหญ่ต้องเป็นรองเท้าหนังแน่นอน …ตรงกันข้ามการเลือกใส่รองเท้าผ้าใบแม้จะดูไม่เป็นทางการก็จริง แต่มันทำให้เกิดลุคที่ใส่ออกมาแล้วดู หล่อ เท่ในแบบสบายๆ ไม่เนี๊ยบจนเกินไป ยิ่งพอมี Icon ที่เป็น Badboy แห่งยุคอย่าง “James Dean” และสัญลักษณ์ความเท่อย่าง “Steve McQueen” หยิบ Jack Purcell มาใส่เท่านั้นล่ะ… เลยเกิดเป็นกระแสการใส่รองเท้าผ้าใบกันครั้งใหญ่ เหมือนเป็นการเปิดตัวให้โลกได้รู้จักรองเท้า Converseในแง่ไอเทมหลักของสไตล์และแฟชั่นแบบจริงจัง มากไปกว่าการเป็นเพียงรองเท้าที่เอาไว้สำหรับเล่นบาสเล่นกีฬาเหมือนแต่ก่อนเท่านั้น

null

พอถัดมาช่วงปี 60’s ถึง 70’s เป็นยุคที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามเวียดนามของคนหนุ่มสาวในอเมริกาและเป็นช่วงเวลาที่หลายๆคนต่างก็ลงความเห็นว่าดนตรี Rock and Roll ได้เดินทางมาถึงจุดพีคสูงสุด …กับแฟชั่นกางเกงยีนส์ขาม้าขากระดิ่งทั้งชายและหญิงที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าไม่เลือกเดินเท้าเปล่า… รองเท้าผ้าใบที่เหล่าบุปผาชนเลือกใช้กันต้องเป็น Converse แน่นอน เอาง่ายๆดูอย่างศิลปินรุ่นใหญ่ในยุคนั้น ”George Harrison” มือกีตาร์แห่งวงสี่เต่าทอง “The Beatles” ที่เป็นเหมือนต้นแบบจุดประกายให้กับนักดนตรีหลายๆคน ตอนเล่น Rooftop Concert ปี 1969 (คอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของ The Beatles ที่จัดบนหลังคาตึก Appleอันโด่งดัง) เขาใส่รองเท้าผ้าใบ Converse Chuck Taylor สีดำตัดกับกางเกงขาม้าสีเขียวสุดจ๊าบออกมาเป็นชุดที่ดูเท่และโคตรจะ Iconของยุคสุดๆ มาในช่วงกลาง 70’s หน่อยๆเราก็ได้พบกับอีกหนึ่ง Rock Star ที่ชื่อว่า “Bruce Springsteen” นักดนตรีและนักแต่งเพลงมากฝีมือที่ไปถามคนอเมริกันคนไหนต้องรู้จักเขาอย่างแน่นอน เขามากับลุคง่ายๆใส่เสื้อกล้าม กางเกงยีนส์ ไว้หนวดเคราและรองเท้ Converse สีดำดูติดดิน พร้อมกับบทเพลงเนื้อหาโดนๆที่เป็นขวัญใจของคนอเมริกันชนชั้นทำงานในเวลานั้นสุดๆ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่ดนตรี Hard Rockกำลังครองตลาดมีวงแนวหน้าอย่าง “Led Zeppelin” มีนาย “Robert Plant” ผู้เป็นเหมือน Sex Symbol ในเวลานั้นรับหน้าที่นักร้องนำ เป็นภาพลักษณ์หนุ่มผมยาว หน้าตาหล่อ ใส่เสื้อผ้าผู้หญิงตัวคับติ้ว นุ่งยีนส์ขาม้า เข็มขัดหัวโตและ Converse สีแดงสด รวมๆแล้วเป็นการแต่งตัวที่ถือเป็นการทิ้งทวนก่อนจะจบยุคฮิปปี้อย่างแท้จริง

null

กระโดดมาต่อกันในช่วงเข้าสู่ยุค 80’s ในเวลานั้นฝั่งเกาะอังกฤษกำลังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนแหกคอกที่เราเรียกสั้นๆกัยว่า “Punk” อยู่ …เป็นที่ทราบกันดีว่าลุคชาวพังค์เขาต้องมาพร้อมกับบู๊ทหนังหรือพวกรองเท้า Combat ขอบหนาๆใช่ไหม? แต่รู้ไว้ด้วยว่าตัวพ่ออย่าง Sid Vicious แห่งวง The Sex Pistol เขาก็เลือกใส่รองเท้าผ้าใบ Converse เท่ๆเหมือนกัน! จากพังค์นำมาสู่การขบถแห่งยุคสมัยใหม่… ปี 90’s กับการกำเนิดของดนตรีทางเลือก แน่นอนว่า Idol ของเด็กยุคเก้าศูนย์คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนาย “Kurt Cobain” นักร้องนำแห่งวง Nirvana หนุ่มผมบลอนด์รูปหล่อ ผู้นำแฟชั่นกางเกงยีนส์ขาดๆใส่คู่กับ Converse Chucks Taylor สีดำหุ้มข้อสุดจะ Grunge สุดจะเขรอะของเขาออกมาให้ชาวโลกได้เห็น แสดงความเป็นเจ้าพ่อแห่งยุค Alternative ได้อย่างคลาสสิคจริงๆ …จากที่ไล่ๆมานี้ ก็คงเห็นได้ถึงอิทธิพลของรองเท้า Converse ที่มีต่อ Pop Culture แต่ละยุคแต่ละสมัยรุ่นแล้วรุ่นเล่าไปแล้ว รู้ตัวอีกทีวันนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่คนใส่ Chucks และ Jack เดินบนท้องถนนเต็มไปหมด กลายเป็นแบรนด์รองเท้าผ้าใบสามัญประจำบ้านที่ใส่กันตั้งแต่พ่อยันลูกไปแล้ว

null

กลับมาพูดถึงรองเท้า Converse ในยุคปัจจุบัน พวกเขาก็ยังคงไม่หยุดอยู่กับที่ขยันพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ ด้วยช่องทางการ Collaboration กับเหล่าดีไซน์เนอร์ชื่อดัง เกิดเป็น Converseลายใหม่ๆมากมาย ยุคหลังๆมานี้เลยถือว่าโชคดีที่เรามี Converse ลายเพ้นต์ ลายปริ้นบนรองเท้า ทำออกมาให้คนใส่อย่างเราๆได้ Mix and Match กันสนุกมือ สำหรับคนที่ทำให้ Converseกระแส Collaboration นี้มาแรงและโดดเด่นขึ้นมาทันทีก็คือ “John Varvatos” ดีไซน์เนอร์ลูกครึ่งชาวกรีก-อเมริกัน เขาเป็นนักออกแบบชื่อแรกๆที่ Converseได้มอบหมายให้มาร่วมออกแบบให้ และมันก็ทำให้ทั้งเขาและแบรนด์ประสบความสำเร็จคู่กันเลยจริงๆ ซึ่งแต่ละรุ่นของ John Varvatosจะผลิตออกมาเป็น Limited Edition และใช้วัสดุอย่างดีแบบ High-End ช่วยยกระดับให้ Converse เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เหล่า Fashionista ทั้งหลายจะมองข้ามไปไม่ได้ และท่ามกลางยุคสมัยที่ทุกคนคงทราบกันดีว่า Converse ทุกวันนี้ไม่ได้ผลิต Made in USA ที่เดียวเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ด้วยความที่โลกเป็นยุคโลกาภิวัฒน์ ทั้งโลกถูกบีบให้แคบลง เพื่อลดต้นทุน… ฐานการผลิตถูกกระจายไปทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็มี “Converse Made in Thailand” ของบ้านเราอยู่ด้วย แต่ประเทศที่เห็นจะพิเศษกว่าใครเพื่อนคือไลน์การผลิต Made in Japan คนที่เล่นรองเท้าผ้าใบจะรู้กันดีว่า Converse Made in Japan ต่างกับประเทศอื่นตรงที่ พวกเขาตั้งตนเป็นแบรนด์ต่างหากของตัวเอง เพียงแต่ยังใช้ชื่อและลิขสิทธิ์ของแบรนด์เท่านั้น รองเท้า Converseที่ผลิตจากญี่ปุ่น จะใช้วัสดุดี ผลิตจำนวนน้อย มีลายเฉพาะรุ่นที่ไม่มีใครเหมือน แถมยังทำให้ดูหายากเข้าไปอีกด้วยการวางขายเฉพาะที่แดนอาทิตอุทัยประเทศญี่ปุ่นเพียงที่เดียว ถือเป็นอีกหนึ่งสายที่เหล่านักสะสมชื่นชอบและตามหาเก็บกันไม่แพ้พวก Made in USA และพวก Deadstock รุ่นวินเทจกันเลยทีเดียว

ถึงตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นด้วยตัวเลขสถิติหรือด้วยความรู้สึกของคนก็ตาม คงไม่มีใครกล้าเถียงว่าConverse คือแบรนด์รองเท้าที่ประสบความสำเร็จที่สุดแบรนด์หนึ่งในโลก… ความนิยมทั่วบ้านทั่วเมืองของ Converseมันคือผลลัพธ์ที่หล่อหลอมจากการเอาอย่าง Idol และคนดังของวัยรุ่นที่เห็นได้ในหน้าประวัติศาสตร์สืบต่อๆกันมารุ่นต่อรุ่น จนทำให้ชื่อ Converse ทุกวันนี้เป็นมากกว่าชื่อรองเท้าไปแล้ว มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมความเป็นอเมริกันที่ทั่วโลกเข้าถึงอย่างแท้จริง เป็นขวัญใจชาวประชาที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักแค่ไหนก็ยากจะมีใครมาล้มตำแหน่งนี้ไปได้… พูดๆมาตั้งนานนี่เชื่อว่าทุกคนต้องมี Converse คู่ใจของตัวเองอยู่แน่ๆ ลองหยิบรองเท้าคู่เก่งมาดู แล้วจะได้เห็นคราบรอยเปื้อนที่จารึกอยู่บนผ้าใบที่เราทำมากับมือ ไม่ว่าจะเป็นจะรุ่นถูกแพงหรือจะหายากไหมไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จุดสำคัญของรองเท้า Converse คือขอให้ใส่แล้วเป็นตัวคุณก็พอ… เอ้า! Converse จงเจริญ! เฮ!

Why Converse to shoes that people around the world know and accept this?! Find the source of brand shoes. And its influence to each period according to Pop Culture.

From the figures released last year 2012 said that on average 60% in America. Must have the brand name sneakers Converse own at least one pair!! If the numbers are a small country that we don't scare it. But it is the United States! Ask... Actually shoes Converse's shoes that people all over the world จะเด็ก small or adults to well known, of course. But who will know the origin of the sneakers most immortal this brand? Today, we take the opportunity to talk about a simple question. That would have to answer several pages long. "Converse shoes?"

Null.

Back from the origin, the company make a pair of shoes. "Converse" was founded in 1908 Massachusetts state in the country America. Originally, they are brand made rubber shoes. (Rubber Shoes) for wearing winter called no stain Converse nowadays we see each other at all. Ten later in the year 1917 time gym shoe is wanted in the market. Converse also decided to make shoes to play football and ned the ball out to him too in the name. "Converse All-Star." come as exploding on you. Charles Hollis "Chuck." Taylor basketball athlete's participation in company. The invented caught symbol stars straight ankle was born Converse Chuck Taylor All-Star has cushioned shoes article together today. ... the important Chuck in design in terms of sports shoes is Changing the soles to help movement can jump or run agile. And the little considered intelligent of shoes Chuck Taylor is very modification, take the string holes shoes to add the two side holes. To aid in ventilation didn't feel uncomfortable when the athletes to wear to play basketball for a long time. (I doubt that it has to keep the rope where hundreds). Become visible identity and knew a Converse after the emergence of the "Chuck Taylor All-Star." with an understanding about basketball shoes.




 

Create Date : 04 กันยายน 2560    
Last Update : 5 กันยายน 2560 22:42:48 น.
Counter : 950 Pageviews.  

History



ประวัติของ Converse  

ในเดือน กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1908 Marquise Mills Converse ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 46ปี ย่าง 47 ปี ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตรองเท้าชื่อว่า Converse Rubber Shoe Company ขึ้นที่ Malden, Massachusetts สหรัฐอเมริกา และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานรองเท้าที่ชื่อของเขาได้ถูกจารึกไว้มาตลอดจนถึงปัจจุบันที่ทุกคนรู้จักและคุ้นตากันเป็นอย่างดีในสัญลักษณ์รูปดาว 5 แฉก

Converse-Brand-Logo-Designed-1970s-by-Jim-Labadini

Marquise Mills Converse เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1861 ที่ Lyme, New Hampshire สหรัฐอเมริกา เมื่อก่อตั้งบริษัท Converse Rubber Shoe แล้วก็ได้ผลิตรองเท้ายางออกมา โดยปี ค.ศ. 1910 ได้ผลิตรองเท้าวันละกว่า 4000 คู่ จนในปี ค.ศ. 1915 บริษัทได้เริ่มผลิตรองเท้ากีฬาขึ้นมาเป็นครั้งแรกคือรองเท้าเทนนิสแต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยม จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Converse เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1917 เมื่อ Converse ได้ออกรองเท้ากีฬาตัวใหม่ซึ่งเป็นรองเท้าบาสเก็ตบอลที่มีชื่อว่า  Converse All-Star จนในปีค.ศ. 1921 นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง Charles H. “Chuck” Taylor ที่หลงใหลในรองเท้า Converse All-Star ได้เข้ามาร่วมงานกับรองเท้า Converse โดยเป็น brand ambassador ให้กับ  Converse เมื่อ Chuck ไปแข่งบาสที่ไหนเขาจะนำรองเท้าไปโปรโมทด้วย ทำให้รองเท้า Converse All-Star ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและเป็นที่รู้จักและนิยมในหมู่นักกีฬาบาสเก็ตบอลและวัยรุ่นในยุคนั้น ในปี ค.ศ. 1932 Converse ได้มอบรางวัลชิ้นพิเศษเพื่อเป็นเกียรติให้กับ  Chuck โดยเพิ่มรุ่นที่มีลายเซ็นของ Chuck ใน Converse All-Star classic high-topped และยังเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้ Charles H. “Chuck” Taylor ทำงานให้กับ Converse มาโดยตลอดจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1969 

อย่างไรก็ตาม รองเท้า Converse All-Star นั้นมีแต่สีดำและสีขาวเป็นเวลานานหลายทศวรรษ แต่เมื่อทีมบาสเก็ตบอลต่างๆ ต้องการที่จะให้รองเท้ามีสีอื่นๆด้วย ทำให้เมื่อปี 1966 Converse จึงต้องผลิตรองเท้าสีอื่นๆ นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุอื่นๆในการทำรองเท้าด้วย เช่น หนัง หนังกลับ ฯ แทนที่จะเป็นผ้าใบเพียงอย่างเดียว จนในปี ค.ศ. 1970 Converse ได้ซื้อลิขสิทธิ์รองเท้าจากบริษัท  B.F. Goodrich ของแคนาดา และได้เริ่มผลิตรองเท้าอีกรุ่นหนึ่งที่โด่งดังไม่แพ้กับ Converse All-Star นั้นก็คือรองเท้า Converse Jack Purcell

ในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1980-1990 เริ่มมีการหลั่งไหลเข้ามาของแบรนด์คู่แข่งไม่ว่าจะเป็น Puma, AdidasNike หรือแม้กระทั่ง Reebok ซึ่งแบรนด์ต่างๆเหล่านี้มาพร้อมกับรองเท้าที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยยิ่งกว่า ทำให้รองเท้า Converse ถูกช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดไปอย่างมาก แม้กระทั่งวงการบาสเก็ตบอลที่ Converse เป็นเจ้าตลาดมาโดยตลอดก็ถูกช่วงชิงไปด้วยเช่นกัน Converse ได้ทำการผลิตรองเท้ารุ่นใหม่ออกมาโดยออกแบบโลโก้ใหม่ขึ้นซึ่งก็คือโลโก้ที่มีลักษณะเป็นบั้งติดดาว แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับรุ่น classic Chuck Taylors 

Converse-Chevron-Logo-Design

ด้วยการที่เสียส่วนแบ่งทางการตลาดและช่วงชิงกลับมาไม่ได้บวกกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในทางการบริหารอยู่บ่อยครั้งส่งผลให้ในที่สุดบริษัท Converse ต้องล้มละลายลงในวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 2001 และบริษัทต้องเปลี่ยนมือไปในปีเดียวกันนี้ โดยในเดือนเมษายนในปีเดียวกันบริษัทถูกซื้อโดย Mardsen Cason และ Bill Simon ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการรองเท้าแห่งหนึ่ง  และในปีเดียวกันอีกนั่นแหละที่บริษัท  Converse ต้องยุติสายการผลิตทั้งหมดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศในแถบเอเชียแทนเพื่อลดต้นทุนเกี่ยวกับค่าแรงของคนในการผลิต ในวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 Nike ได้เข้ามาซื้อกิจการทั้งหมดของ Converse ด้วยเงินจำนวนถึง 309 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปัจจุบันมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศแถบเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือแม้กระทั่งประเทศไทยเอง 

ถึงแม้ว่ารองเท้า Converse ที่ผลิตขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาจะไม่มีการผลิตออกมาอีกแล้วแต่ก็ยังมีรุ่นที่ตกค้างอยู่ในสายการผลิตและถูกนำออกมาจำหน่ายมากมายหลายล้านคู่ทั่วโลก และด้วยเอกลักษณ์พิเศษของรองเท้า Converse made in USA ที่เชื่อกันว่ามีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นกว่าและมีความคงทนกว่ารองเท้าที่ผลิตขึ้นจากที่อื่นๆ จึงส่งผลให้ผู้คนที่ชื่นชอบหลงใหลในรองเท้า Converse ล้วนแต่ต้องการเป็นเจ้าของและเสาะหารองเท้า Converse made in USA กันอย่างต่อเนื่องทำให้รองเท้า Converse made in USA มีราคาสูงขึ้นตามอีกด้วย

HISTORY

Converse is an American shoe company with a production output that primarily consists of apparel, skating shoes and lifestyle brand footwear. Converse is known as one of America's most iconic footwear companies.

The company was founded in 1908. Converse has been a subsidiary of Nike, Inc. since 2003. The company lost a huge monopoly after other companies presented their own styles, but Converse rebounded and changed the targeted audience. During World War II, the company shifted its manufacturing from the public, and instead made them for the military. It was one of the few producers of athletic shoes and for over a half century the company dominated the American court shoe market. Converse shoes are distinguished by a number of features, including; the company's star insignia, the All Star's rubber sole, smooth rounded toe, and wrap-around strip that have become extremely distinguishable internationally.

Converse manufactures its products under the Cons, Chuck Taylor All-Star, John Varvatos, and Jack Purcell trade names. In addition to apparel and footwear, the company sells other items globally through retailers in over 160 countries and through approximately 75 company-owned retail stores across the United States, and employed 2,658 in the U.S. in 2015





 

Create Date : 04 กันยายน 2560    
Last Update : 5 กันยายน 2560 22:42:26 น.
Counter : 823 Pageviews.  

type of sneaker and Interview



SNEAKER

CHUCK TAYLOR ALL STAR MODERN EAST VS WEST

Description

Chuck Modern East Vs. West is the second installment to the Chuck Modern Collection. Inspired by the All Star Game, The pair is mean to represent each All-Star team. Paying tribute to on-court athleticism and off-court street style, the Chuck Modern East vs. West Pack has optimized details including reflective elements for standout style, and an upper made out of a reflective backed mesh for athletic style and eye-catching pop.


CHUCK TAYLOR ALL STAR II OX

Description

The Converse Chuck Taylor All Star II sneaker retains the iconic Chuck Taylor All Star silhouette you know and love, but now it’s built for more. A Lunarlon sockliner adds cushioning and arch support. Micro-suede lining, premium canvas construction and a padded, non-slip tongue deliver superior comfort and durability. Molded eyelets add a premium touch. The embossed, screen-printed license plate and embroidered, star-centered ankle patch add striking depth and dimension to recognizable, classic details.

Are you ready for more?

CHUCK TAYLOR ALL STAR OX CLASSIC COLORS

Description

The Chuck Taylor All Star is the most iconic sneaker in the world, recognized for its unmistakable silhouette and cultural authenticity. And like the best paradigms, it only gets better with time. For generations, these classic colors, breathable canvas and quality, vulcanized rubber sole have defined an icon. Created for the court but adopted by rebels, rockers, rappers, artists, dreamers, thinkers and originals, the Chuck Taylor All Star sneaker continues to celebrate personal style and individual self-expression.


STAR PLAYER 2V OX KIDS

Description

Star PLAYER 2V OX KIDS

SIZE : 5-7


Interview My Friend about The converse shoes





 

Create Date : 29 สิงหาคม 2560    
Last Update : 5 กันยายน 2560 22:42:16 น.
Counter : 573 Pageviews.  


สมาชิกหมายเลข 4065529
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 4065529's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.