Bus in Gothenburg รถเมล์ที่นี่ขึ้นยากมั้ย ?




  วันนี้เราจะมาพูดถึงการขึ้นรถเมล์ของที่นี่กัน   ตอนไปครั้งแรกๆ ก็งง อยู่เหมือนกัน เพราะตอนอยู่นอร์เวย์ เราไม่เคยได้ใช้รถเมล์เลย รถเมล์เข้าไม่ถึง 555  และ อีกอย่างรถเมล์ที่สวีเดน ก็สุดแสนจะแต่งต่างกับในกรุงเทพ เป็นอย่างมากกกกก  

      ความดีงามของที่นี่ คือ รถมาเป็นเวลา  และ ค่อนข้างจะตรงเวลา  สามารถดูจากแอพได้ หรือ ไม่ก็หน้าจอตรงป้ายรถเมล์  ถ้าบางป้ายที่ไม่มีจอ ก็จะมีกระดาษติดเพื่อบอกเวลาอยู่  


หน้าจอจะเป็นแบบนี้ 
บอกเวลาว่าอีกกี่นาทีรถมา  แต่วันดี คืนดี พี่แกก็เลท เหมือนกัน จ้า 
ทั้งรถเมล์ รถ Tram  ดูได้จากจอเดียวกันเลย สังเกตแค่สายรถ


ตารางเวลา 



ถ้าเช็คจากเว็ป ก็เข้าไปที่ www.vasttrafik.se 



บางป้ายที่เป็นเป็นป้ายใหญ่ๆ จะมีหลาย platform  มาก เพิ่มความงง เข้าไปอีก 

นี่คือตัวอย่าง

A B C E  อะไรเยอะแยะไปอีก 







ส่วนอันนี้ตัวอย่างป้ายที่อยู่ตรง Platform
  จะบอกชื่อ ป้าย  สายรถเมล์ 



ส่วนบัตรสำหรับใช้ขึ้นรถจะมีทั้ง แบบเติมเงิน  แบบรายเดือน หรือ ซื้อเป็นรอบๆผ่านทางแอพ 
ซึ่งบัตรที่เราใช้เป็นแบบเติมเงิน  คุณค่าที่เราคู่ควร  เติมได้ขึ้นต่ำ 100 Kr 
 ถ้าเงินหมดก็ติดลบได้ครั้งนึง


บัตรสีฟ้า  ที่โฮสให้มาครั้งแรก  ใช้อยู่ไม่กี่ครั้ง  อยู่ดีๆ บัตรก็ใช้ไม่ได้ซะงั้น 
( บัตรใช้ได้ทั้งกับรถ กับเรือ และ รถราง )



เราจึงต้องไปที่ shop  เพื่อให้เค้า เช็คให้ว่าเป็นอะไร   สรุปก็คือ เค้าบอกว่าบัตรมันเก่า แล้ว  
เลยเปลี่ยนใบใหม่ให้เราแทน



เวลาเงินในบัตร หมด เราสามารถเติมได้ที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์  vasttrafik 
  เช่น 7-11 / pressbyrån   เป็นต้น 


ใช้บัตรยังไง ?? 


       ในการขึ้นรถ จะขึ้นด้านหน้า  ตรงกลาง หรือ ข้างหลัง ก็ได้  เพราะบางทีคนเยอะ 
 บางทีวิ่งไปไม่ทันก็กระโดดขึ้นทางด้านหลัง   แต่ทุกประตูจะมีที่สำหรับ แตะบัตร 
 ถ้าตรงใกล้ๆคนขับหน้าตาจะเป็น แบบนี้




ตรงด้านหลังคนขับ






   วิธีใช้ก็ง่ายๆ  แค่แตะบัตรไปก็จะบอกว่า ใช้ไปเท่าไหร่ (แตะครั้งนึง จะอยุ่ได้ 90 นาที )
  หรือ ถ้าแตะไปครั้งแรกแล้ว พอขึ้นรถคันต่อไปถ้าเราแตะอีก  มันก็จะขึันว่าเราจะใช้ ได้ถึงกี่โมง
 ส่วนวิธีเช็คยอดเงินคงเหลือ ก็กด ตรงเครื่องหมายคำถาม จะเขียนว่า Saldo





ขึ้นรถแล้วไม่แตะบัตรได้มั้ย  ?? 


       ในกรณีที่ เราแตะบัตรไปแล้ว  แต่ยังอยู่ภายใน 90 นาที  บางครั้งเราก็ไม่ได้แตะ 
แต่บางทีก็แตะ แล้วแต่อารมณ์ล้วน ๆ 55    ยังไงก็แล้วแต่  ควรจะแตะ ควรจะจ่ายค่าโดยสารอย่างถูกต้อง  เพราถ้าไม่จ่าย วันดีเค้าขึ้นมาตรวจแล้ว พบว่าเราไม่จ่ายเราจะโดนปรับได้นะจ๊ะ

ที่เห็นนี่คือคนที่จะขึ้นมาตรวจ  ส่วนมาก จะเจอในเมือง
นานๆทีเราจะเจอแถวบ้านสักครั้ง



มีวันนึงไปซุปเปอร์แถวบ้าน  เพียงหนึ่งป้ายเท่านั้น  โดนขึ้นมาตรวจเลยจ่ะ 
เค้าก็มีเครื่องถือมา แล้ว ให้เราเอาบัตรไปแตะ เพื่อเช็ค
ใครไม่ได้แตะ ก็ โดนปรับกันไปจ้า







ทั้งรถไฟ และ รถ tram( Spårvagn )
สามารถใช้บัตรแบบเดียวกันได้  สะดวก สบายมาก ขึ้นรถ ต่อ เรือ 

บรรยากาศในรถเมล์ 





ข้อดีอีกอย่าง  คือเวลาจะลง เค้าจะประกาศบอกชื่อป้าย  และ มีชื่อขึ้นที่จอ 
ถ้าเป็นที่ประเทศไทย ก็ต้องขอความเมตตาจากกระเป๋ารถ ช่วบบอกให้หน่อย
ซึ่งบางทีกระเป๋าเค้าก็ลืม 










ส่วนอันนี้จะเป็น รูป รถ  tram










ในรถ Tram  จะมีตู้สำหรับซื้อตั๋วด้วย 






ส่วนอันนี้จะเป็นรถออกแนวโบราณๆ หน่อย จะไปที่สวนสนุก Liseberg 



ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่ๆ หน่อย ประตูก็เปิดให้เองอัตโนมัติ 






แต่ถ้าเป็นรถเก่า ก็ต้องใช้พลังในการเปิดหน่อย 



บางคันก็ต้องดึงเอง บางคันเปิดให้ งงกันไป 








Create Date : 08 มีนาคม 2560
Last Update : 8 มีนาคม 2560 15:44:21 น.
Counter : 3553 Pageviews.

1 comment
วันหยุดครั้งแรก ณ Gothenburg







วันหยุดครั้งแรกของเราคือวันที่6 มกราคม 2559 มีทั้งความดีใจ ตื่นเต้น กลัว กังวล เพราะเป็นการออกจากบ้านคนเดียวครั้งแรก  บ้านโฮสเรานั้น อยู่ในซอย ตถ้าจะมาป้ายรถเมล์ต้องเดินมาประมาณ2 กิโลเมตร  วันนั้นโฮสเลยออกมาส่งเราที่ป้ายรถเมล์  เค้าบอกถ้าจะให้รับตอนขากลับก็โทรบอกเค้าได้  


โฮสให้บัตรรถเมล์มาใบนึงและ เงินอีก 500 พร้อมสอนวิธีใช้บัตร แต่ขึ้นไปครั้งแรกก็งงอยู่ดี เลยถามคนขับรถดู รถเมล์ที่นี่ใช้บัตร มีทั้งแบบเติมเงิน และบัตรรายเดือน เอาไว้ค่อยพูดถึงรายละเอียดทีหลัง  



 วันนี้เราจะเข้าไปในเมือง ซึ่งจากบ้านไปก็จะใช้เวลาประมาณ 25 นาที  บนรถเมล์นั้นจะมีบอกว่าเราถึงไหน แล้ว แต่เราก็เกือบจะลงผิดป้ายอยู่ดี  

 ป้ายที่เราจะลงนั้นชื่อว่า Nordstan ซึ่งอยู่ตรงข้าม central station  ไปถึงก็หาอะไรกินก่อนเลย อีกอย่างจะใช้ wifi ด้วย เพราะบ้านโฮสยังไม่มี เลยแวะ  Berger king  

เมนูก็ตามที่เห็น อยู่สิบเดือนก็กินแต่แมนูนี้แหละ  สำหรับร้านนี้ 



 ครั้งแรกที่มาที่ห้างนี้รู้สึกตกใจนิดนึง เพราะมีแต่คนต่างชาติ   เลยคิดว่าตกลงที่นี่ที่ไหนวะเนี่ย  หลังจากนั้น เราก็เดินออกไปทางด้านหลัง ที่ใกล้ๆกับห้องน้ำ  


เดินขึ้นบันไดเลื่อนไป ก้จะเจอประตูแบบนี้ 


อันนี้คือป้ายบอกทาง ลูกศรบอกว่า ให้ตรงไปนู่นเลย 


เอาจริงๆ วันแรก เราเที่ยวแบบ มั่วๆ งง ลองๆ เดินไป 

 พอไปถึงกลางสะพานจะมีบันไดเดินลงไป  แต่เรายังไม่ต้องลงนะ 




เดินต่อไปจ่ะ  นี่คือวิวจากบนสะพาน 


ใกล้จะถึงทางลงแล้ว 



จะเจอป้ายบอกทาง  

ส่วนทางด้านขวาจะเป็นบันไดเลื่อน ซึ่งวันดีคืนดีก็ไม่เลื่อน --"



ลงบันไดไปก็จะเจอที่จอดรถจักรยาน 



เราเดินต่อด้านข้าง ซึ่งจะเป็นท่าเรือ และ ตึกลิปสติก  ที่เค้าเรียกๆกัน

 แต่จริงๆ มันชื่อว่า Lilla Bommen  ผิดถูกอย่างไรต้องขออภัยด้วยจ้า




บริเวณท่าเรือ 




จริงๆ แล้วคิดไว้ว่าอยากไป Feskekôrka  

 แต่ด้วยการเข้าเมืองครั้งแรก นั้น มัน งง หลงทิศ ค่ะ

ก็เดินข้ามกลับไปฝั่ง nordstan   ละเดินทะลุไปมั่วๆ ซั่ว ๆ นี่ เปิดดูรูปแล้วก็ขำ

ถ้าเดินตรงป่านนี้คงถึงแล้ว  แต่นี่เข้าซอยนั้น ทะลุซอยนี้



เดินไปเดินมา   ก็มาโผล่ตรง Gustaf Adolfs torg 


ก็เดินเลาะๆ ข้างทางไปเรื่อย   คือจำได้คร่าวๆ เพราะโฮสพามาเดินครั้งนึง  แต่ก็ยังหลงจ้าาา 


เดินข้ามสะพานค่ะ ไปไหนไม่รู้ ข้ามไปก่อน 555


ก็ไปเจอร้านค้า  แวะซื้อถุงมือ ถูก 1  คู้ เพราะปวดมือมาก มันหนาววว


ร้านขายยา


เดินย้อนขึ้นไป จะมีโรงหนัง  มีตลาดใหญ่ไฮโซนิดๆ ของมันแพงจ่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก 

ร้านขายโปสการ์ด  มีขายทั้งพวกซิมการ์ด  ของที่ะลึก  เครื่องดื่ม

 แต่ร้านพวกนี้ราคาจะแพงกว่าตามซุปเปอร์มาร์เกต


ร้าน Picard  จะขายพวกอาหาร ขนมแช่แข็ง 


ลืมรูปร้านขายพวก ขนม และ ลูกอม 


เดินไปเรื่อย ๆ เลียบริมคลองไป  แต่เราเห็นว่ามันใกล้จะมืดแล้ว  เลยเดินกลับไปทีNordstan   รถคันสีขาวนี่คือ Taxi  ราคาไม่ต้องพูดถึงจ่ะ 


เดินกลับไปห้าง เพื่อไปแวะ ซื้อไฟฉาย และ Reflex ที่ Clas ohlson 


เราก็เดินห้างเพลินๆ กะว่าจะกลับก่อนมืด  แต่นี่คือสิ่งที่เจอ หลังออกมาจากห้าง

สี่โมงครึ่ง แต่ทำไมมืดแบบนี้  กว่าจะถึงบ้าน  มืดตึ๊ดตื๋อออ  

ไหนจะต้องเดินริมทะเลอีก 


สรุป  วันนั้นเที่ยวทั้งวัน กลับเข้าบ้าน ทั้งมืด ทั้งหนาวโชคดี ที่ซื้อไฟฉายกลับไปด้วย เพราะทางเข้าบ้านมืดมาก 




แผนที่การเดินหลง 555 






Create Date : 07 มีนาคม 2560
Last Update : 8 มีนาคม 2560 10:43:40 น.
Counter : 814 Pageviews.

0 comment
ความยุ่งเหยิงของชีวิตออแพร์




งานสำหรับออแพร์นั้น  ที่รู้ๆกันอยู่คือยังไงก็ต้องเกี่ยวข้องกับเด็กๆ แน่นอน แต่ยังไม่หมดมันยังมีงานบ้านอย่างอื่นด้วยค่ะ สำหรับเมกานั้น ขอไม่พูดถึงเพราะไม่เคยไป  แต่ขอพูดถึงทางแทบยุโรปเท่านั้น   บางคนมาถามเราว่าจำเป็นต้องทำงานบ้านมั้ย  ทำไมบ้านนั้นเค้าไม่เห็นต้องทำล่ะ ? คืออันนี้แล้วแต่คุณตกลงกับโฮสค่ะ  บางบ้านอาจมีแม่บ้านมาทำอาทิตย์ละครั้ง   บางบ้านเด็กอยู่บ้านทุกวันออแพร์ก็จะเน้นการดูเด็กค่ะ อาจจะไม่ต้องทำงานบ้าน เพราะไม่มีเวลาทำ ไม่สามารถแยกร่างได้




บ้านที่เราไปก็ตกลงเรื่องงานบ้านไว้ เช่น ทำความสะอาด ดูด ฝุ่น ล้างห้องน้ำ ทำอาหาร  ซักผ้า รีดผ้า  ครบวงจร ใช้คุ้มเลย   แถม ดูเด็กด้วย แต่ด้วยความที่โฮสบ้านเรานั้นทำงานโรงพยาบาลทั้งคู่  ตารางงานก็ยุ่งเหยิงไปอีกค่ะ  แรกๆ เราไปถึงยังไม่ต้องไปรับเด็ก เพราะว่าถนนลื่น และ อากาศหนาว  แต่วันดีคืนดีในขณะที่ทำอาหารอยู่อย่างสบายใจนั้นโฮสโทรมาบอกว่า ไปรับเด็กให้หน่อย มีเคสผ่าตัดด่วน  โอ้ !! จำได้เลยครั้งแรก อบลาซานญ่าไว้ต้องรีบปิดเตาอบแล้วเดินไปรับเด็ก   แล้วค่อยกลับมาอบต่อ

ถามว่าเราโดนโฮสเอาเปรียบมั้ย  โดนค่ะ จะเหลือเร๊อะๆ   55 

ตารางวันหยุดของเราขึ้นกับโฮสและเราได้หยุดแค่อาทิตย์ละครั้ง  วันหยุดก็สลับไปสลับมา  จะนัดกับเพื่อนทีก็ลำบาก  วันไหนถ้าโฮส on call  ทั้งคู่ นี่ไม่ต้องแพลนไปไหนกันเลย     เรื่องราวความยุ่งเหยิง ในวันหยุดของเราคือมีครั้งนึง ที่เราได้หยุดวันพฤหัส ตื่นแต่เช้า เตรียมตัวว่า วันนี้แหละออกเที่ยวเว้ย   แต่อย่ากระนั้นเลย  โฮสมาเคาะประตู  ทำหน้าโศกเศร้าโศกา อย่างหนัก  บอกว่าขอโทษนะเธอเลื่อนไปหยุดวันอื่นได้มั้ย ลูกชั้นไม่สบาย ที่โรงเรียนไม่ให้ไป แต่ชั้นจะเอาคนนึงไปส่ง แล้วให้อยู่กับเธอแค่หนึ่งคน  เพราะพวกชั้นต้องไปทำงาน เราหยุดไม่ได้ ….  คำตอบก็คือ เราก็ต้องอยู่บ้านดูแลเด็กไปค่ะ   บางครั้งโฮสก็ลืมวันหยุดเราไปดื้อๆ



        ความยุ่งเหยิงต่อไปคือการที่โฮสแดดต้องไปทำงานที่ออสโลสองอาทิตย์  ซึ่งนั่นก็อาจจะหมายความว่า เราต้องทำงานยาวไปค่ะ สองอาทิตย์    ทำจนผ่านไปอาทิตย์นึงเริ่มเออเร่อแล้วตื่นเช้า  รับ ส่ง เด็ก กลลับมาทำงานบ้านทำอาหาร  เอาเด็กเข้านอน ทำวนไป  จนสภาพนี่สะพรึงมาก    ถามโฮสว่าจะได้หยุดมั้ย เค้าบอกขอเช็คก่อน  จนครบสองอาทิตย์  ไม่ได้หยุด จึงเกินการเจรจาขึ้น ว่างานชั้นก็ทำเกิน ชม วันหยุดก็ไม่ได้หยุด ถามกี่ทีเธอก็ว่าเช็ค ชั้นเหนื่อยมากนะ สองอาทิตย์ติดกัน   

         โฮสก็เสนอว่าเอางี้แล้วกันให้เราหยุดสองวันต่ออาทิตย์ ไม่ได้จริงๆ  แต่เราจะให้ vacationเธอ  ในตอนที่เราไม่อยู่แล้วกันแต่จะจ่ายให้ครบ    เราก็โอเค  แต่เหนือสิ่งอื่นใด พรุ่งนี้ หรือ มะรืนนี้ให้กูหยุดเถอะค่ะ  จะตายแล้วววว เค้าบอกขอโทษจริงๆชั้นเห็นเธอดูเหนื่อยมากเลย      งั้นเธอหยุดวันอังคาร นะ     หลังจากนั้น พอสิ้นเดือนโฮสมาจ่ายเงินเดือน  3500  แล้วบอกนี่สำหรับเธอนะ เธอทำงานหนักมากเลยนะเดือนนี้ ให้โบนัส เพิ่มมาอีก 1000    แต่อย่าดีใจไปค่ะ  เดี๋ยวมันจะมีครั้งต่อไปอีก 555

        นอกเหนือจากเด็กจะไม่สบาย   หรือ โฮส ไม่ว่างดูเด็กแล้วมันก็มีอีกกรณีนึงคือ  โรงเรียนหยุดจ้า  ครูประชุมบ้าง เด็กป่วยทั้งโรงเรียนบ้าง  ทีนี้เด็กน้อยก็ต้องอยู่บ้าน  เอาละซิงานเข้าออแพร์แล้ว  แล้วทำไมจะต้องหยุดวันศุกร์วันที่เราจะต้องคลีนนิ่งด้วย   

         เริ่มจากตอนเช้า พอโฮสไปทำงานกันหมดแล้ว เราจะไม่พยายามทำเสียงดัง  เพราะปกติ ถ้าไปโรงเรียนเราจะต้องปลุกเด็กๆ  ทีนี้เราก็เงียบ เอาผ้าไปซักก่อน  ระหว่างพวกเด็กๆตื่น  แล้วก็ไปเตรียมอาหารเช้า   แต่ยังไม่ทันเสร็จเลย พากันตื่นมาแล้ว  พากันกินอาหารเช้า  เสร็จแล้วพาออกไปเล่น   เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า  โฮสบอกว่า ถ้าเราทำงานบ้านหรือยุ่งจิงๆให้เปิดทีวีให้ดู แต่ไม่ให้เกินชั่วโมง 

         เราก็เริ่มจากดูดฝุ่นก่อนเลย เปิดทีวีให้เด็กดู นั่งกันเงียบ แต่พอเสียงเครื่องดูดฝุ่นดัง  นี่โวยวายเราใหญ่เลย เราต้องรีบทำ ทั้งดูดฝุ่น  ถูบ้าน  ให้เสร็จ พอครบชั่วโมง ก็ปิดทีวีพาเด็กไปนั่งระบายสี ระหว่างที่เค้าระบายสี เราก็ทำอาหารไป ดุเด็กไป   พอบ่ายเอาคนเล็กไปนอนกลางวัน  ทีนี้แหละ ต้องทำทุกอย่างให้เสร็จภายในสองชั่วโมง ทั้งทำอาหาร ซักผ้า ตากผ้า  เพราะวันดีคืนดี คุณเธอก็ตื่นเร็ว    พอทำอาหารเสร็จยังไม่ทันจะได้พัก  คนเล็กตื่นพอดี –“  ถ้าอากาศดีก็พากันไปเล่นนอกบ้าน ถ้าอากาศไม่ดี ก็หาอะไรทำในบ้าน    ช่วงที่เราจะได้พักคือช่วงที่เด็กไปเล่นแทรมโปลีน  



( ภาพประกอบจาก Internet ) 


ความยุ่งเหยิงของเรายังมีอีกเยอะไว้เล่าครั้งๆ ต่อไปบ้าง เพราะดูแล้วมันยาวเกิน   






Create Date : 07 มีนาคม 2560
Last Update : 7 มีนาคม 2560 16:45:01 น.
Counter : 752 Pageviews.

1 comment
ภารกิจตีสนิทกับเด็กน้อย




1 /1/16


หลังจากเสร็จสิ้นการเฉลิมฉลอง ไปแล้ว ก็กลับเข้าสู่โหมดการทำงาน  โฮสบอกช่วงนี้ทุกคนตื่นสายเนื่องจากเป็นวันหยุด อีกประมาณอาทิตย์นึงถึงจะเข้าสภาวะปกติ  วันนี้โฮสก็แนะนำเกี่ยวกับงานที่เราต้องทำ โดยในช่วงแรกนั้น โฮสจะรับส่งลูกเอง เนื่องจากอากาศหนาว และ ถนนลื่น  เดินไปรับส่งเด็กลำบาก  งานหลักๆ ที่เราต้องทำคือ  ทำงานบ้าน ซักผ้า และ ทำอาหาร   พอไปเห็นห้องซักผ้าเท่านั้นแหละ อื้อ หื้อ นี่ต้องซักวันละกี่รอบเนี่ย


ในเรื่องของอาหารโฮสชอบอาหารไทย  และ ชอบอาหารรสจัด   แต่อาทิตย์นี ยังไม่ต้องทำ ไปเริ่มอาทิตย์หน้า


อีกอย่างสำคัญเลยโฮสบอกให้พยายามปรับตัวเข้าหาลูกเค้า  นี่คือไม่ง่ายเลย เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะเด็กไม่เคยมีออแพร์มาก่อน  น้องๆ ไม่เอาเราเลย เราเล่นด้วยก็ไม่เล่น    วันนี้โฮสก็เลยมอบหมายภารกิจตีสนิทกับเด็กน้อย  ให้เราพาน้องคนเล็กไปเดินเล่น แล้วคือวันนั้นโคตรหนาว  เราก็พาน้องใส่รถเข็นไปเดินเล่น โฮสบอก น้องชอบนั่งรถเล่น เดี๋ยวก็จะหลับ ไปเอง







  ตอนแรกๆ นางก็นั่งร้องเพลง    ทำเสียง บรื้นๆ ของนางไป   สักพักเราเห็นนางตาค้าง  เอาแล้วลูกเค้าเป็นไรวะ  หนาวไปป่าววเนี่ย เราก็เลยรีบวกกลับ เข็นกลับบ้าน  พอจอดดูอีกที อ่าวหลับไปแล้ว   ทีนี้รีบเดินเลย  พอไปถึง เปิดประตูเข้าบ้าน โฮสเห็นว่าลูกหลับ เลยบอกว่าปล่อยให้นอนในรถเข็นนั่นแหละ   เราเลยบอกโฮสว่าเราตกใจ เห็นน้องทำตาค้าง ทำตัวนิ่งๆ เรากลัวเค้าหนาว เลยรีบพากลับมา    แล้วคือโฮสขำ  บอกว่า ลูกเค้าชอบทำแบบนั้น --"    คือแบบใครจะรู้วะ 55   โฮสก็บอกให้เราไปพักได้   พอตกเย็นบอก ให้ไปเล่นกับเด็กๆ หน่อย เล่นซ่อนแอบ หรือ วิ่งไล่จับ ก็ได้     อายุ จะ 30   มาวิ่งไล่จับ เด็กขวบครึ่ง 555  มันก็สนุกดี แต่พื้นบ้านโฮสลื่นไปหน่อย เงิบไปหลายรอบ


 เราก็ต้องทำกิจกรรม แบบนั้น วนๆ เวียนๆ ไป คนโตก็จะชอบชวนเล่นเกมส์  ซึ่งไปแรกๆ เราฟังเด็กไม่รู้เรื่อง  วันดีคืนดี  เด็กคนโตก็มาทำให้เราจิตตกเครียดไปอีก  ถ้าเราไม่เล่นด้วย นางก็จะแบบ เนี่ยนี่บ้านชั้นนะ ถ้าไม่เล่นกับฉันเธอก็ออกไปเลย กลับบ้านเธอไปเลย   หนักกว่านั้นคือ เมื่อนางไม่พอใจ นางจะบอกว่าชั้นจะฟ้องแม่ ให้ไล่เธอไป กลับไทยแลนด์ บ้านเธอไปเลย   แรกๆ เราก็ทำตัวไม่ถูกนะ   โฮสต้องเชื่อลูกเค้าอยู่แล้วไง เราคนนอกงี้ บางทีมานั่งร้องไห้  คิดว่าจะทำยังไงดี   จนแบบเด็กพูดบ่อย จนเรารำคาญ เราเลยบอก เอาเลย เต็มที่ อยากบอกอะไรแม่เธอ ก็เชิญเล้ย ไปเล้ย แต่ตอนนี้แม่เธอไม่อยู่บ้าน  อยากจะให้ชั้นโทรหาแม่เธอให้เอามั้ย     นางเลยเงียบ


แต่เราก็ไปปรึกษาโฮส โฮสก็แนะนำ ว่าอย่าไปถือสาอะไรลูกชั้นเลย   ในขณะที่พวกโฮส ไม่อยู่บ้าน  เธอต้องดูแลเด็ก เธอต้องเป็นบอส นะ เธอจัดการอะไรเอาเองเลย  ถ้าเค้าไม่เชื่อฟัง เธอโทรหาสามีชั้นได้ตลอด เพราะเด็กๆ กลัวพ่อ 555


 และภารกิจที่หนักหนาในช่วงอาทิตย์แรก คือ โฮสไปปาร์ตี้นอกบ้านจ้า  ให้เราดูเด็ก ตั้งแต่ สองทุ่มเป็นต้นไป  เค้าบอกว่า ตอนนี้คนเล็กหลับ แล้ว  เหลือ แต่คนโต เดี๋ยวอีกสักพักให้พาเข้านอน   พอพาคนโตเข้านอนปุ๊ป  คนเล็กตื่นจ้า ตื่นมาตอนสี่ทุ่ม  เด็กก็ร้อง  นี่เลยต้องเปิดการ์ตูนให้ดูแปปนึง  และแล้ว ก็หลับ  พอทุกคนหลับ เราก็เข้าห้องบ้างเตรียมตัวนอน  แต่เปิดประตูห้องทิ้งไว้ เผื่อเด็กร้อง  เราหลับๆ ตื่นๆ ประมาณเที่ยงคืน คนโตตื่น เดินออกมาจากห้องเห็นไฟมืดๆ นางเลยร้องไห้ เดินมาหาเรา  ทีนี้ก็ดราม่าเลย  ทำไมพ่อแม่ชั้นยังไม่กลับ ทำไมให้ชั้นอยู่กับเธอ เค้าจะกลับมามั้ย  เค้าไม่รักฉันแล้วใช่มั้ย

เราคิดว่า นี่คือครั้งแรกที่โฮสปล่อยให้เด็กอยู่กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เด็กก็คงกลัวด้วย

เราก็ได้แต่ปลอบใจ     ดราม่าไปจนหลับ  เกือบๆตีหนึ่ง เราเลยอุ้มพาไปส่งที่ห้อง  ประมาณตีหนึงครึ่งโฮสก็กลับมาถึงบ้าน


เราใช้เวลาประมาณ เกือบสองเดือนเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีงาม  เวลาเยียวทุกสิ่งจริงๆ 55  ค่อยๆ ปรับตัว ค่อยๆ เรียนรู้กัน ไป    พอสนิทกันก็เริ่มชวนเราหาของกิน ชวนไปแอบกินขนม  มีย้ำด้วยนะ ห้ามบอกพ่อแม่ นี่คือ secret    เราเลยถามไปว่าทำไมตอนนั้นเธอถึงไม่ชอบชั้นหรอ ทำไมถึงไล่ชั้นกลับบ้าน

เด็กบอกว่า  เพราะตอนนั้นชั้นไม่รู้จักเธอ และ ชั้นก็คิดว่าเธอไม่ nice   แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ชั้นขอโทษโห ปาดน้ำตาแพร๊พพ !!








Create Date : 07 มีนาคม 2560
Last Update : 7 สิงหาคม 2561 16:26:27 น.
Counter : 604 Pageviews.

1 comment
ส่งท้ายปีเก่า + ต้อนรับงานใหม่


31 ธันวาคม 2558


เช้าวันแรกในสวีเดน หลังจากคืนก่อนเหนื่อยจากการเดินทาง  เช้านี้ก็ตื่นมาสิบโมงเลยจ่ะ ตื่นมาไม่เจอใคร เพราะเค้ายังไม่ตื่นเหมือนกัน  เราเลยจะออกไปเดินเล่นแถวบ้าน  ปรากฏว่าโฮสออกมาพอดี   เราเลยบอกจะออกไปเดินเล่น ไปดูหน่อยว่าสวยเหมือนในรูปที่เคยดูไว้ก่อนมามั้ย แถวบ้านจะเป็นทะเล ปกติก็จะมีคนมาเดินเล่น และ ขี่จักรยานกันเยอะ  บรรยากาศหน้าหนาว  เพิ่มความเหงาเข้าไปอีก







พอก็ไปเดินดูมันสวย กว่าในรูปเยอะมาก  ไม่เคยคิดจะได้มาเห็น ทะเลเป็นน้ำแข็ง  ( ถึงแม้จะนิดเดียวก็เถอะ )



เดินไปอีกหน่อยก็จะเป็นสนามกอล์ฟ วันนี้เดินเล่นสำรวจแค่นี้ก่อน 




เดินกลับไปถึงบ้านก็เจอโฮสกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่   เค้าก็ชวนนั่งกินกับเค้า แล้วบอกว่าวันนี้จะมีปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่า  อยากให้ช่วยหน่อยนะ   หลังจากเสร็จจากอาหารเช้าทุกคน ก็เริ่มเตรียมงาน โฮสแดดก็ไปเตรียมของสำหรับทำอาหาร  และพวกเครื่องดื่ม   ส่วนคนแม่ กับเราช่วยกันทำความสะอาดบ้าน จัดโต๊ะ  ถูพื้น คือแบบ วันแรกก็ได้เหนื่อยเลยทีเดียว  ขนเก้าอี้ มาให้เช็ด เก็บของเล่น   พอเสร็จก็เริ่มเซทโต๊ะ   ต้องเตรียมที่สำหรับ ทั้งเด็ก และ ผู้ใหญ่



 หลังจากเสร็จทุกอย่างแล้ว โฮสกับลูกๆ ก็ไปแต่งตัว คือทุกคน แต่งตัวดีงาม ใส่เดรส ใส่สูท ตัดภาพ มาที่ออแพร์ เสื้อยืด เกงยีนส์   เด็กคนโตเดินมาถามเราว่า เธอแต่งตัวแล้วหรอ ?  ไหนเดรส ?  เนี่ยๆ แบบของฉันอ่ะ  แล้วนางก็จับตรงกระโปรงฟูๆ ของนาง 555   เราบอกเราไม่มี นางก็เลยเดินหนีไป


เนื่องจากเราไปวันแรก ๆ เราก็เหงา บ้านโฮสก็ไม่มีเน็ตจ้า จะเล่นทีต้องไปยืมโทรศัพท์โฮส  ปาต้ง ปาตี้ นี่ก็ไม่อยากร่วมแล้ว   โฮสเห็นเราเศร้าๆ ก็เลยมาถามว่าเป็นอะไร  เธอไปร่วมปาร์ตี้กับเราได้นะ  ( เค้าถามตั้งแต่แรกแล้วว่า อยากร่วมมั้ย หรือ ไม่ชอบคนเยอะ  เราก็ตอบตกลงไป แต่พอเห็นคนเยอะ แล้วไม่อยากออก  ) ไม่ต้องห่วง เพราะทุกคนพูดภาษาอังกฤษ    คือทั้งโฮส และ เพื่อน อัธยาศัยดีมาก  หยิบนู่นหยิบนี่ให้เรากินตลอด    ทุกคนก็ล้วนแต่ไปเคยไปปเมืองไทยกันมาหมดแล้ว   เด็กๆ ลูกเพื่อนโฮสก็น่ารัก พยายาม พูดภาษาอังกฤษ มาทำความรู้จัก  น้องคนนึง ชื่อ ฟิลิปปา เธอท่องภาษาอังกฤษไว้ เพราะพ่อสอน   แต่พอเดินมาถึงเรา  เธอสปีค สวีดิช รัวๆ 555   เราร่วมโต๊ะไปสักพัก  เด็กๆ แยกย้ายไปเล่น  โฮสเลยขอให้เราช่วยนั่งดูเด็ก  จนประมาณสี่ทุ่มเด็กๆ ก็เริ่มอ่อนแรง พากันกลับไปนั่งที่โต๊ะ   เราจึงแอบแวปเข้าห้อง ยืมโทรศัพท์โฮสไปต่อเน็ตเพื่อโทรหาที่บ้าน ( ชีวิตมีความลำบากมาก โฮสเพิ่งย้ายบ้านมา ได้ประมาณสองปี   หลักๆก็ใช้เน็ตโทรศัพท์กัน )



ประมาณใกล้ๆ เที่ยงคืน โฮสเดินมาเคาะห้อง บอกว่าจะไปดูพลุที่ริมทะเล ใส่เสื้อกันหนาวออกมาด้วยนะ

เราก็ออกไปรอนอกบ้าน


ระหว่างทางเดินไปริมทะเล ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่บ้านเพื่อนโฮส  ทุกบ้านก็ประดับไฟแบบนี้ แต่ไม่ได้เอากล้องใหญ่ไป ก็ถ่ายมาได้เบลอๆ แบบนี้





พอไปถึงโฮสก็แจก ไฟเย็นให้เด็กๆจุด เล่น    ส่วนผู้ใหญ่ โฮสก็แจกแก้วคนละใบ  พร้อมไวน์ หรือ แชมเปญ  เราจะไม่ดื่ม  แต่โฮสบอก  ต้องฉลอง ....  เครรร งั้นก็ด้ายยย  



นี่ก็ยืนดมไปก่อน ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่  ระหว่างนั้น เพื่อนโฮสเดินมาคุยด้วย  ถามว่ามาจากไหน ของประเทศไทย   เราก็บอกมาจากกกรุงเทพ   เค้าก้ถามว่า เนี่ยตรงนี้เหมือนเจ้าพระยาริเวอร์มั้ย ( เราก็คิดนะ เหมือนยังไง นี่มันทะเล 55  )  เค้าพูดต่อ  เวลาที่เฉลิมฉลองอ่ะ เหมือนแถวๆ แม่น้ำเจ้าพระยา มั้ย  เราก็ไม่รู้ไง ไม่เคยไป    คือเพื่อนโฮสนี่ไปมาหลายที่ในไทยอ่ะ มีการแนะนำให้เราไปเที่ยวด้วย (  แต่ เอ๊ะ ประเทศไทยนั่นบ้านชั้นเลยนะจ๊ะ )



พอใกล้เวลา ทุกคนก็ เตรียม countdown  พลุก็เริ่มจุด ตอนแรก เห็นพลุจุดจากอีกฝั่งนึงของทะเล  คิดว่าน่าจะเป็นแถบห้าง frolunda torg   กล้องเราถ่ายรูปไกลไม่ได้   ก็เลยยืนดูไปเรื่อย ๆ เด็กๆ ก็ตื่นเต้น

เราก็ยืนดูไป จิบไวน์ไป  จนหมด พอโฮสเห็นว่าไวน์หมด รีบเดินมาถามเลยว่าเอาอีก มั้ย



สักพักก็มีพลุจากตรงใกล้ๆ ชายหาด มองเห็นชัด เราก็ตื่นเต้น






  หลังจากดูพลุจบ  ก็เดินกลับบ้าน โฮสและ เพื่อน ก็ปาร์ตี้กัน เด็กๆ ก็เล่นกันไป  ส่วนเราไม่ไหวแล้ว ขอไปนอนก่อน   แต่ก็ไม่ไดนอนสงบค่ะ  ห้องเราล็อคไม่ได้ เด็กก็พากันเปิดเข้ามา  ประมาณตีสองกว่างานเลี้ยงจะเลิกลา   ส่วนเช้าวันต่อมาไม่ต้องถามเลย ว่าตื่นกันกี่โมง   สลบกันทั้งบ้าน









Create Date : 07 มีนาคม 2560
Last Update : 7 มีนาคม 2560 15:27:03 น.
Counter : 456 Pageviews.

0 comment
1  2  

cochonelle
Location :
Île-de-France  France

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]



New Comments