ณ น้ำตก
ฟิคสั้นมาแล้วจ้า ออกนอกสถานที่กันบ้าง(เบื่อบ้าน คอนโด วิภาราม กันรึยัง หุหุ)
ชื่อก็บ่งบอกสถานที่เลยค่ะ ขำชื่อตอนจัง มันคิดไม่ออกอ่ะค่ะ 5555555 ---------------------------------------------- กาญจนบุรี ถ้าจะให้พูดถึงก็คงจะหนีไม่พ้นสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติทั้งหลายแหล่ แต่ทว่าจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่ใดบ้างที่จะเหมาะกับการมาพักผ่อนหย่อนใจในยามฤดูร้อนแบบนี้ นอกจากทะเลที่คนบางคนแสนจะคุ้นเคยแล้ว ก็ยังมีที่ท่องเที่ยวประเภทนี้แล่ะที่จะช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้คนเมืองกรุงอย่างพีรวิชญ์และก้องบินทร์ได้มีโอกาสสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามมากขึ้นอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ก้องบดินทร์จึงมุ่งเป้าทริปสำหรับวันหยุดยาวนี้เอาไว้ว่าต้องเป็น น้ำตก คุณไปนั่งพักเถอะก้อง เดี๋ยวผมทำเอง คนหน้าคมเอ่ยปากอย่างเอาใจเมื่อเห็นก้องบดินทร์พยายามที่จะช่วยเขาตั้งเต้นท์อย่างขมักขเม่น ทว่าดูแล้วจะช่วยมายุ่งซะมากกว่า เพราะว่าทำเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ซักที คนตัวเล็กถอนหายใจแรงๆอีกรอบก่อนจะยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่ขึ้นผุดพรายออกจากดวงหน้าหวาน ก้อง...ก้องครับ ไปนั่งเถอะ ผมทำเองดีกว่า คนถูกไล่เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะแยกเขี้ยวอย่างโมโห ก็เค้าไม่ใช่เด็กๆนะ เค้าก็อยากจะมีส่วนช่วยบ้างสิ มัวแต่มาไล่กันอยู่ได้ ก็ผมอยากทำอ่ะ คุณอยากนั่งก็ไปนั่งเองสิ มาไล่กันอยู่ได้ คนถูกบ่นได้ยินอย่างนั้นก็ส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะเบาๆออกมา มองดูมือเล็กที่กำลังพลิกท่อนเหล็กสองสามท่อนนั้นดูอย่างพินิจพิเคราะห์ถึงตำแหน่งในการใช้งานของมันก็นึกเอ็นดู ก็คุณทำไม่เป็นอ่ะ เอามานี่ ผมทำเอง ไปนั่งไป คราวนี้พีรวิชญ์ยื่นมือไปคว้าท่อนเหล็กนั้นออกมา คนถูกแย่งของมองหน้านิ่ว คุณบอกผมก็ได้ ถ้าคุณบอกผมก็ทำได้ เอามานี่นะ สงครามแย่งอุปกรณ์ตั้งเต็นท์เกิดขึ้น เมื่อคนหน้าหวานเอื้อมมือจะคว้าเหล็ก คนตัวโตก็ย้ายมันไปแอบไว้ข้างหลัง พลันเมื่อก้องบดินทร์วิ่งไปหมายจะคว้าของที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง คนที่ได้ครอบครองท่อนเหล็กอยู่ก็ย้ายมือขึ้นไปชูสุดแขนจนก้องบดินทร์ต้องเขย่งตัวชูแขนตาม เอามานี่นะพี ไม่ให้ เห็นแบบนี้พีรวิชญ์ยิ่งนึกสนุก มือใหญ่ถือเหล็กเอาไว้แน่นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยง่ายๆ ขายาวเริ่มก้าวถอยหลังช้าๆหลอกล่อให้คนหน้าหวานเดินตาม ก่อนที่ร่างสูงจะเร่งความเร็วแล้วหันหลังวิ่งหนี พี จะไปไหน เอามานี่ เมื่ออีกคนวิ่งตาม คนวิ่งหนีก็ยิ่งได้ใจ ขายาวสับเท้าหลอกกลับไปกลับมา แกล้งจะวิ่งไปทางนั้นที แกล้งจะหันไปทางนี้ทีจนคนตัวเล็กชักหงุดหงิด พีรวิชญ์หัวเราะร่วนอย่างสนุกสนานก่อนจะออกแรงวิ่งหนีไป ขายาวหยุดค้างเมื่อวิ่งมาจนสุดทาง ภาพตรงหน้าคือธารน้ำตกที่ดูแสนจะอุดมสมบูรณ์ นี่แล่ะที่จุดหมายของเค้ากับก้องล่ะ ไม่มีใคร มีแต่เค้ากับก้องแค่สองคนเท่านั้น ถึงจะต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่เดินผ่านป่าเข้ามาลึกซะหน่อย แต่ก็คุ้ม.. ไปไหนไม่ได้แล้วล่ะสิ คราวนี้คุณตายแน่ เอาเหล็กมาให้ผมนะ เสียงหวานๆที่ตะโกนมาจากด้านหลังทำให้คนตัวโตหันไปมอง สายตารีเรียวหันกลับไปพิจารณาที่ธารน้ำไหลนั่นอีกครั้ง พลันก็นึกอะไรขึ้นได้ เอามานี่เลย ให้ผมวิ่งตามตั้งนาน ผมเหนื่อยแล้วนะ ก้องบดินทร์บ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับย่างเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พลันเมื่อเข้ามาจนประชิดตัวการที่ต้องทำให้วิ่งตามจนเหนื่อยแล้ว มือเล็กก็ยื่นออกไปรอรับท่อนเหล็กนั้น คนตัวโตยื่นมือส่งของออกไปให้อย่างว่าง่าย แต่ทว่า..เค้ากลับปล่อยมันลงพื้น หน้าหวานเบิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างเมื่ออยู่ๆก็ถูกอีกคนช้อนร่างตัวเองขึ้นสูง เฮ้ย! อุ้มผมทำไม ปล่อยนะ .....เฮ้ย!!!! พี..!! ตู้ม!!!!!!! เสียงน้ำกระเซ็นตู้มใหญ่เมื่อคนร่างเล็กถูกโยนลงไป พีรวิชญ์หัวเราะร่วนก่อนจะก้มลงพับขากางเกงเพื่อจะได้ตามคนหน้าหวานลงไปเล่นน้ำด้วยกัน มาน้ำตกทั้งทีไม่เล่นน้ำได้ไง ใช่มั้ย ใบหน้าคมคายเงยขึ้นเมื่อจัดการกับขากางเกงเรียบร้อยแล้ว คนหน้าคมกวาดสายตามองหาคนที่ตัวเองเพิ่งจับโยนลงไปเมื่อครู่ ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่า.. ก้อง.. ปากบางครางเบาๆออกมา เหมือนหัวใจหยุดทำงานไปชั่วขณะ คนตัวโตหันรีหันขวางมองหาร่างของคนที่คุ้นเคย ก้อง! เสียงทุ้มตะโกนเรียกออกไปด้วยหวังว่าคนที่ตัวเองกำลังเป็นห่วงจะได้ยินแล้วโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ทว่าเมื่อไม่มีเสียงตอบรับ.. ไม่นะ... ร่างสูงรีบทะยานตัวเองตามลงไป ความลึกแค่ระดับหัวไหล่ที่เค้ารู้อยู่แล้วเพราะได้สำรวจมาก่อน ทำให้เค้าวางใจที่จะโยนก้องลงไป แต่ทว่าตอนนี้คนที่เค้ากำลังตะโกนร้องเรียกกลับเงียบหาย พีรวิชญ์รีบแหวกว่ายตามหาคนหน้าหวาน แขนยาวกวาดไปทั่วเพื่อควานหาคนที่กำลังทำให้เค้ากระวนกระวายจนแทบคลั่ง ไม่นะ..อย่าให้เป็นแบบที่เค้ากำลังกลัวอยู่นะ ไม่จริง... แต่แล้วเหมือนหัวใจถูกอัดฉีดให้รู้สึกดีขึ้นมาได้เมื่อมือแข็งแรงกวาดไปสะดุดเข้ากับร่างที่คุ้นเคย คนตัวโตออกแรงคว้าก้องบดินทร์ให้โผล่พ้นน้ำ ก่อนจะพาร่างเล็กนั้นเข้าฝั่ง มือใหญ่รีบเปิดผมออกจากดวงหน้าหวานที่นอนนิ่งไม่ได้สติ ก้อง..ก้องครับ เสียงทุ้มที่ควบคุมความสั่นไหวเอาไว้ไม่อยู่เรียกชื่อคนสลบไสลออกมาหวังจะให้เจ้าตัวลืมตา ตบที่แก้มใสอย่างเบามือเพื่อช่วยปลุก แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนจมน้ำเมื่อครู่ฟื้นขึ้น ไม่นะ..ก้อง อย่าทำแบบนี้ ฟื้นซักทีสิคนดี .. คุณจะทรมานผมไปถึงไหน..คุณทิ้งผมไปแบบนี้ไม่ได้นะ.. มือสั่นๆประสานกันกดลงที่บริเวณหน้าอกสองสามครั้งเหมือนอย่างที่เคยเห็นมา แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ใบหน้าขาวที่ซีดลงยิ่งกว่าเดิมทำให้พีรวิชญ์อยากจะฆ่าตัวเอง ทำไมเค้าถึงได้สะเพร่าแบบนี้..โยนก้องลงไปได้ยังไง.. การตัดสินใจเฮือกสุดท้าย สายตารีเรียวจ้องมองที่ปากอวบอิ่มที่อยู่ตรงหน้า การผายปอดแบบปากต่อปากแบบนั้นเค้าเองก็เคยรู้จักมาบ้าง ต้องลอง...ใบหน้าคมโน้มลงเข้าใกล้ดวงหน้าจิ้มลิ้มนั่น อย่านะ! พีรวิชญ์ชะงักไปเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่หน้าอกของตัวเอง มือเล็กยกขึ้นมาดันเค้าเอาไว้ ก้อง!!! แขนแข็งแรงรีบรวบคนตัวเล็กเข้าไปกอดจนแน่น น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาจากตาคมเข้มอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก้อง..คุณ..คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย คราวนี้พีรวิชญ์จับตัวคนตรงหน้าพลิกไปมาเพื่อร่องรอยบาดเจ็บ นั่นทำให้คนถูกเป็นห่วงหัวเราะออกมาได้ ผมไม่ได้เป็นไรซักหน่อย หมั่นไส้ ชอบแกล้งดีนักอ่ะ คนหน้าหวานยักคิ้วอย่างสะใจ แถมยังหัวเราะคิกตามมาอีก นี่คุณ..นี่คุณแกล้งผมอย่างนั้นเหรอ ผมเปล่านะ ผมดำน้ำเล่นของผมอยู่ดีๆ อยู่ๆคุณก็มาลากผมขึ้นจากน้ำเองง่ะ แถมยังร้องเรียกก้อง ก้อง ก้อง ใหญ่เลย ก้องบดินทร์ทำปากมุบมิบๆเป็นการล้อเลียน หน้าหวานหัวเราะคิกคัก แกล้งผมนักใช่มั้ย ต้องโดนดี.. ฉับพลันคนตัวเล็กก็รีบลุกแล้วออกตัววิ่งหนีทันที พีรวิชญ์มีหรือจะไม่สู้ ขาวยาวก้าวเร็วๆรวดเดียวก็คว้าเอวของอีกคนมากอดเอาไว้ได้แล้ว ปล่อยผมนะ ก้องบดินทร์ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอด ลำแขนแข็งแรงกระชับให้แน่นขึ้นพลันใบหน้าคมคายก็ยื่นเข้ามากระซิบอยู่ที่ใบหูเล็ก ดื้อแบบนี้เนี่ย จะลงโทษยังไงดี... ลงโทษอะไร คุณเป็นคนแกล้งผมก่อนนะ คนหน้าหวานเอี้ยวตัวหลบจมูกโด่งที่เข้ามาคลอเคลียอยู่ที่ใบหู ปากก็โวยวายไปด้วยความขัดใจ พีรวิชญ์จับพลิกตัวก้องให้หันหน้ามาหาและกระชับลำแขนแน่นจนลำตัวแนบชิด ดวงหน้าหวานต้องเอนไปข้างหลังเพื่อรักษาระยะห่าง รู้รึเปล่าวว่าเป็นห่วงแค่ไหนน่ะ ถ้าคุณเป็นอะไรไปจริงๆนะผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณนะก้อง แววตาจริงจังที่ถ่ายทอดออกมาทำให้ก้องบดินทร์นิ่งไปด้วยเผลอหลงใหลกับอากับกริยาอันน่าอบอุ่นตรงหน้า ใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ ตารีเรียวทอดมองไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสด ระยะห่างระหว่างคนสองคนกำลังจะหมดไป.. ทว่าความตั้งใจทุกอย่างก็ถูกหยุดไว้ด้วยนิ้วเล็กที่ขึ้นมาแตะอยู่ที่ริมฝีปากบาง รู้นะคิดอะไร คนถูกรู้ทันกรอกลูกตาขึ้นเมื่อถูกขัดจังหวะ ปากบางพ่นลมหายใจออกมาบางๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งสายตาวิบวับมาให้คนในอ้อมกอด รู้แล้วยังไงอ่ะ รู้แล้วผมก็จะบอกไงว่าผมไม่ยอมหรอก จูบแรกของผม มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ว่าแล้วคนตัวเล็กก็บิดตัวเองออกจากลำแขนแข็งแรง หันหลังเดินไปอีกทาง ก้องบดินทร์แอบยิ้มกว้างออกมา โห่..ก้องอ่ะ คนตัวโตได้แต่ยืนหน้างุ้มเป็นเด็กๆเมื่อถูกขัดใจ คบกันมาก็เกือบปีแล้ว จูบแรกยังไม่เคยจะได้เลย... ไม่เป็นไร... ฉับพลันเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก ขายาวก้าวเร็วๆวิ่งไปคว้าคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง ออกแรงรั้งให้คนหน้าหวานเดินไปทางน้ำตก ทำไร ไม่เอา ปล่อยผมนะพี! สองมือของผู้กำลังถูกลากพยายามทุบเข้าไปที่แขนแข็งแรง ออกแรงดิ้นอยู่ในอ้อมกอดอย่างขัดขืนสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็สู้แรงอีกคนไม่ไหว สองร่างพากันตกน้ำลงไปด้วยกัน ตู้ม!!!! ก้องบดินทร์สะบัดผมแรงๆเมื่อโผล่พ้นน้ำมาได้ มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าเพื่อไล่น้ำที่เข้าตา คนหน้าหวานทำหน้ายู่ยี่อย่างขัดใจก่อนจะใช้มือผลักเข้าไปที่อกกว้าง คุณน่ะ เล่นอะไรก็ไม่รู้ คนถูกผลักกลับหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข ก้องบดินทร์หันหลังจะเดินขึ้นฝั่ง อีกคนก็รีบรุดเข้าคว้าเอวรั้งเอาไว้ เล่นน้ำด้วยกันก่อนสิก้อง นะ..นะ อาการออดอ้อนเหมือนเด็กๆน่ารักๆเนี่ยมันน่าหมั่นไส้เสียจริงนะคุณพีรวิชญ์ เด็กทำน่ะมันก็น่ารักอยู่นะ แต่คนแก่ทำเนี่ย...ก้องบดินทร์เผลอหัวเราะออกมากับท่าทางอ้อนๆแบบนั้น อยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวสิครับ ไม่เอาแล้ว ผมจะขึ้น หนาวแล้ว ได้ยินว่าหนาวเท่านั้นแล่ะ คนเจ้าเล่ห์ก็รีบกระชับอ้อมกอดเหมือนกับจะให้ความอบอุ่น แต่คนถูกกอดกลับขัดขืน อย่ามาเนียน ปล๊อยยย! ฉับพลันพอดิ้นหลุดจากอกอุ่นนั้นได้ ก้องบดินทร์ก็หันหลังจะกลับขึ้นฝั่ง แต่อีกคนก็ยังไม่ยอมแพ้ วักน้ำเค้าใส่คนหน้าหวานอย่างแรง โอ๊ะ! นี่คุณแกล้งผมเหรอ ได้เลย ว่าแล้วก็เป็นไปตามที่คิดไว้ คนหน้าคมหัวเราะร่วนเมื่อถูกคนตัวเล็กวักน้ำใส่คืน สงครามน้ำตกเกิดขึ้นเมื่อต่างไม่มีใครยอมใคร พีรวิชญ์รวบรวมกำลังอย่างกับการรวบรวมลมปราณเสียอย่างนั้น สองมือประสานกันดันน้ำให้สาดกระเด็นไปที่ก้องบดินทร์อย่างจัง คนถูกแกล้งไอแค่กๆออกมาเมื่อเผลอดูดกลืนน้ำนั่นเข้าไปเต็มๆ เป็นอะไรรึเปล่าก้อง เอ้า..ใจเย็นๆ พีรวิชญ์รุดเข้าไปดูอาการใกล้ๆด้วยเป็นห่วง ก้องบดินทร์พลันหยุดไอได้ก็ส่ายหน้ายิ้มๆแทนคำตอบ พีรวิชญ์อึ้งไปกับภาพตรงหน้า.. สำหรับเค้าแล้วใบหน้าหวานนี้ช่างดูงดงามเหลือเกิน พีรวิชญ์จ้องมองดวงหน้าสวยไม่วางตา นิ่งค้างจดจ้องคนตัวเล็กอยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังสำรวจใบหน้าของคนที่เค้าหลงรักจนสุดหัวใจ ดวงตาหวานปกคลุมไปด้วยแพขนตาหนาและยาว จมูกโด่งเรียวเล็กได้รูปสวย ริมฝีปากเล็กสีแดงระเรื่อ ผิวหน้านวลเนียนที่มีหยดน้ำขึ้นมาเกาะยิ่งชวนให้ภาพดูน่ามองขึ้นไปอีก พีรวิชญ์ใช้ปลายนิ้วเขี่ยผมที่เปียกลู่ลงแนบแก้มออกให้ ใบหน้าคมคายค่อยๆโน้มเข้าหาริมฝีปากเล็กที่เผยอออกคล้ายจะเชิญชวนนั้นด้วยห้ามใจไม่ได้ ก้องบดินทร์ยกมือดันที่แผงอกกว้างเพื่อเป็นการห้าม มือใหญ่รวบมันลงวางไว้ข้างลำตัวไม่ให้มีสิ่งใดมาทำลายความรู้สึกหวามไหวครั้งนี้ได้อีก ในที่สุดริมฝีปากบางก็ประทับลงที่กลีบปากเล็กจนแนบสนิท แทะเล็มกลีบปากนุ่มนิ่มอยู่นานก่อนจะถือวิสาสะเข้าไปสำรวจความหวานที่อยู่ภายใน ทิ้งทุกๆสัมผัสไว้ด้วยความอ่อนโยนและทนุถนอมเพื่อไม่ให้อีกคนต้องตกใจ ท่ามกลางเสียงสายน้ำที่ตกกระทบหินดังก้องไปทั่วบริเวณ เสียงนกร้องที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งธรรมชาติ ทว่าคนสองคนกลับได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของกันและกันได้อย่างชัดเจน ริมฝีปากบางพยายามเก็บเกี่ยวรสชาติอันโอชะเอาไว้ให้ได้มากที่สุด นึกอยากจะหยุดเวลาเอาไว้เสียตรงนี้ แต่มันก็ได้เพียงแค่ใจนึกเท่านั้น และก่อนที่อะไรๆจะเกินเลยมากไปกว่านี้ ใบหน้าคมคายก็ตัดใจถอนริมฝีปากออกมาจากกลีบปากอันหวานละมุนนั้น ก้องบดินทร์ก้มหน้างุดด้วยหลบความรู้สึกเขินอาย ปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่น สีหน้าแดงระเรื่อนั้นยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ ผมรักคุณนะก้อง เสียงทุ้มที่ปล่อยออกมาอย่างแผ่วเบาเสมือนว่าต้องการจะพูดให้คนตรงหน้าได้ฟังเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้คนถูกบอกรักก้มหน้างุดหลบสายตาคมที่พร้อมจะทำให้หัวใจของเค้าเต้นรัวขึ้นมาได้ตลอดเวลา มือใหญ่ยกขึ้นเชยคางเล็ก สบสายตาหวานซึ้งเพียงเพื่อจะส่งความรู้สึกไปให้คนหน้าหวานได้รับรู้ คุณล่ะ รักผมบ้างรึเปล่า แก้มขาวขึ้นสีเลือดฝาดจนแดงระเรื่อไปทั้งหน้า พยายามเหลือเกินที่จะหาจุดดึงดูดความสนใจเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องสบสายตาวิบวับคู่นั้น บ้าจริง..รู้อยู่แล้วยังจะมาถามกันอีก.. ผมจะขึ้นแล้ว ฉับพลันคนขี้อายก็ต้องหันตัวเดินหนีขึ้นฝั่งไปเสียเฉยๆ ทิ้งให้พีรวิชญ์ยืนยิ้มอย่างเอ็นดู พลันมือใหญ่ก็ยกขึ้นเกาท้ายทอยตัวเอง พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้แล้วก็อดที่จะเขินไม่ได้ จูบแรกของก้อง หอมหวานที่สุดเลย.. กลับมาที่จุดตั้งเต็นท์ที่เก่า ก้องบดินทร์จ้องมองสภาพที่พักที่ยังตั้งไม่เสร็จดีตรงหน้าด้วยความครุ่นคิด จะทำยังไงดีล่ะ จะเปลี่ยนเสื้อผ้า.. ก็บอกแล้วว่าทำไม่เป็นก็ไม่ต้องทำ ไปนั่งเฉยๆ เดี๋ยวผมทำเอง คุณรอแป๊บนึงนะ ในที่สุดคนหน้าหวานก็ยอมแพ้แล้วหย่อนตัวลงนั่งกับเก้าอี้ผ้าใบที่เตรียมมาซักที รอให้พีรวิชญ์กางเต็นท์ให้เสร็จเรียบร้อยจะได้รีบๆเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้ก็ชักจะหนาวๆซะแล้วสิ อ้าวไอ่หนุ่ม...มากางเต๊นท์อะไรกันตรงนี้ เสียงแหบพล่าของชายสูงวัยที่ตะโกนถามขึ้นมาเรียกความสนใจของคนทั้งคู่ พีรวิชญ์ตอบกลับด้วยท่าทียิ้มแย้ม มาเที่ยวน่ะครับลุง บ้านลุงอยู่แถวนี้เหรอ เออ ไอ่เด็กสมัยนี้มันแปลกจริงๆ ที่พักสบายๆมีให้อยู่ไม่อยู่ ชอบมากางต๊งกางเต็นท์กลางป่ากลางเขา เปลี่ยนบรรยากาศน่ะครับลุง จบคำของพีริวิชญ์ ลุงท่าทางใจดีก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันมาพูดกับคนทั้งคู่ต่อ ฝนมันจะตกเอานะเนี่ย ลุงเพิ่งกลับมาจากตรงนู้น ตรงต้นน้ำนู่นแน่ะ ฟ้ามืดเชียว จะนอนกันได้เร้อคืนนี้ คำพูดของชายชราทำให้ไอ้เด็กหนุ่มที่ว่าหันมามองหน้ากัน แต่ยังไม่ทันที่ใครจะคิดอะไรได้ ลุงร่างอวบอ้วนคนนั้นก็พูดขึ้นเสียก่อน ถ้าไม่กลัวอ่ะนะ ไปนอนบ้านลุงก็ได้นะ ดูท่าฝนจะมาจริงๆ ก่อนมาไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศมาก่อนรึไงพ่อหนุ่ม คนสองคนได้แต่ยิ้มแห้งเป็นคำตอบ ล..แล้วบ้านลุงอยู่ไกลมั้ยครับ คราวนี้คนหน้าหวานเป็นคนถามขึ้นบ้าง ไม่ไกลหรอก ไม่ถึงกิโล ก็ถ้าจะไปก็ตามมาละกันนะ ลุงเดินไปแล้ว ทิ้งให้คนสองคนมองหน้ากันเป็นเชิงถามความเห็น ถ้าคืนนี้ฝนตกหนักจริงๆ เค้ากับก้องจะนอนกันลำบากรึเปล่า.. เอ้อ..ก็ตามสบายนะ บ้านข้าก็เล็กๆแค่นี้แล่ะ อยู่คนเดียว แต่ว่าเดี๋ยวข้าจะออกไปข้างนอกอีก คืนนี้อาจจะไม่กลับ อยู่กันได้นะ อ้าว แล้วคุณลุงจะไปไหนล่ะครับ ก้องบดินทร์รีบถามขึ้นด้วยความสงสัย ก็ไหนบอกว่าฝนจะตกไง แล้วนี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว ลุงจะออกไปไหนอีก อีกอย่าง..จะมาพักอยู่บ้านคนอื่นโดยที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ มันก็รู้สึกแปลกๆ.. ไปเก็บของป่ามาตุนเอาไว้ ที่เข้ามาที่บ้านเนี่ยเพราะมันเป็นทางผ่าน ข้าจะขึ้นไปทางนู้น ฝนตกเนี่ยผลหมากรากไม้อุดมสมบูรณ์นักเชียวล่ะเอ็ง แต่เดี๋ยวฝนก็จะตกแล้วไม่ใช่เหรอครับลุง เอาเถอะ บ้านพวกๆข้ามีอยู่เต็มไปหมด เอ็งสองคนอยู่กันไปเถอะ เอ้อ..แล้วไอ้นั่นพี่ชายเอ็งเหรอ คุณลุงสูงวัยพยักเพยิดหน้าไปทางพีรวิชญ์ ก้องบดินทร์หันไปมองตามสายตาของคนถาม ท่าที่อึกอักของคนหน้าหวานทำให้พีรวิชญ์รีบลุกพรวดเข้ามาหา เราสองคนเป็น.. ใช่ครับ พี่ชาย เค้าเป็นพี่ชาย ก้องบดินทร์รีบชิงตอบก่อนอีกคน พลันก็ส่งสายตาคาดโทษไปให้คนหน้าคม อ้อ..งั้นเอ็งสองคน ตามสบายละกัน เมื่อกี๊คุณจะบอกลุงว่าอะไร ทันทีที่คุณลุงใจดีเดินพ้นชายคาบ้าน คนหน้าหวานก็หันมารุกเร้าเอาคำตอบจากอีกคนทันที ก็บอกตามความจริงไง แหม่..เสียดายที่ลุงมาไม่ทันเห็นตอนอยู่ที่น้ำตก ไม่งั้นลุงคงจะไม่ต้องถามหรอก เนอะ คนตัวโตหัวเราะคิกเพราะกับส่งสายตาวาววับมาให้ ส่งผลให้แก้มขาวกลายเป็นสีแดงจัดขึ้นมาจนเห็นได้ชัด บ้า เห็นอะไรของคุณ อ้าว ลืมซะแล้ว ว้า~ งั้นคงต้องทบทวนความจำกันหน่อยซะแล้วมั้ง ว่าแล้วพีรวิชญ์ก็ย่างเท้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก ก้องบดินทร์เองก็ก้าวถอยหลังหนีคนเจ้าเล่ห์อย่างนึกระแวง รู้สึกตัวอีกทีแผ่นหลังก็สัมผัสกับผนังไม้เย็นเฉียบซะแล้ว ใบหน้าคมเข้มโน้มลงไปหาดวงหน้าหวานหวังจะได้รับรสชาติอันหวานหอมเหมือนอย่างตอนอยู่ที่น้ำตกอีกซักครั้ง ทว่ามือเรียวเล็กก็ดันอกเค้าเอาไว้ ไม่เอานะ สีหน้าเง้างอดเชิงร้องขอของก้องบดินทร์ทำให้คนหน้าคมยอมแพ้ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู โอเค ไม่แล้วก็ได้ คุณไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่านะ ปล่อยให้ตัวเปียกนานๆแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย อีกอย่าง..คุณเปียกอยู่แบบเนี๊ย เห็นแล้วมันน่า... สายตากรุ้มกริ่มของพีรวิชญ์ทำให้คนตัวเปียกรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ทะลึ่ง! คนตัวโตหัวเราะร่วนถูกใจกับอาการเหวี่ยงเพราะเขินของคนตัวเล็ก วันนี้เค้ามีความสุขที่สุดเลย ใครๆก็รู้ว่าจะหาวันหยุดยาวที่ตรงกันของเค้ากับก้องได้เนี่ยมันยากมากแค่ไหน แต่พอได้มาแล้วมันดีขนาดนี้มันก็คุ้ม อยากจะให้มีวันหยุดแบบนี้บ่อยๆจัง หน้าหวานๆกำลังยู่ยี่นึกขัดใจกับความยากลำบากในการปิดประตูห้องน้ำ ก้องบดินทร์กำลังใช้ความพยายามดึงประตูสังกะสีให้ลงล็อคแต่ด้วยความฝืดของมันก็เลยยังทำไม่ได้ซักที นึกๆแล้วน่าจะเอาเต็นท์จากตรงเมื่อกี๊มาด้วย จะเอามากางแล้วเอาไว้เปลี่ยนเสื้อผ้า ประตูปิดลำบากขนาดนี้แล้วจะใช้ห้องน้ำยังไงล่ะ ฉับพลันประตูสังกะสีที่ยังคงปิดไม่ทันสนิทดีก็ถูกกระชากออก ดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ พีรวิชญ์ก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เข้ามาทำไม ผมจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็อาบไปสิ ใครไปห้ามคุณล่ะ เอ๊ะ! คุณอยู่อย่างนี้แล้วผมจะอาบได้ยังไง ออกไปเลย คิ้วสวยขมวดหากันจนเกิดรอยย่นที่หน้าผาก ชักโมโหกับการถูกแกล้งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เมื่อเห็นว่าคนตัวโตยังคงดื้อด้านยืมยิ้มอยู่อย่างนั้นก็ออกแรงดันเค้าให้ออกไปข้างนอก แต่ดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่ผิดที่ผิดทางและที่สำคัญ จะผิดคนไปซักหน่อย เมื่อคนอย่างพีรวิชญ์ไม่ยอมถูกขัดใจได้ง่ายๆ คนถูกไล่หันมารวบเอวเล็กเอาไว้จนแผ่นหลังบางแนบชิดกับอกกว้าง ก้องบดินทร์สะดุ้งด้วยตกใจก่อนจะดิ้นขลุกขลักเพื่อจะให้ตัวเองหลุดจากลำแขนแข็งแรงนั่น ผมอาบให้นะ เสียงกระซิบที่ข้างใบหูทำให้คนตัวเล็กถึงกับตาโต ใบหน้าน่ารักแดงก่ำ ไม่เอา ผมอาบเองได้! ปล่อยผมนะ ร่างเล็กพยายามดิ้นสุดชีวิต ทั้งทุบ ทั้งตี ทั้งข่วน ทั้งกระโดด ทั้งเหยียบเท้า แต่ทว่าดูแล้วเจ้าของอ้อมกอดจะไม่เห็นสะทกสะท้านอะไรตรงไหน อย่างดีก็แค่ทำให้พีรวิชญ์นึกขำขึ้นมาก็เท่านั้น ตากลมโตเบิกโพลงขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงมือเย็นเฉียบของใครอีกคนที่เกาะกุมอยู่ที่ชายเสื้อของตัวเอง พีรวิชญ์กำลังจะเลิกเสื้อเค้าขึ้น คุณจะทำอะไร หยุดนะพี มือเล็กปัดมือที่ยุ่งย่ามทั้งออก พร้อมทั้งคุ้มกันชายเสื้อตัวเองสุดฤทธิ์ ไม่ให้ใครอีกคนมายุ่งได้ ถอดเสื้อไง จะอาบน้ำไม่ใช่เหรอ ก้องบดินทร์แยกเขี้ยวใส่อย่างโมโหกับน้ำเสียงที่เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนั้น ผมอาบเองได้ ใครใช้ให้คุณมาช่วยผมอาบ ชักทะลึ่งขึ้นทุกวันแล้วนะ... ปล่อยนะ! เอามือออกไปเดี๋ยวนี้เลยพี แรงหยิกที่แขนทำให้พีรวิชญ์นิ่วหน้า แต่ก็ยังไม่เลิกที่จะยุ่มย่ามอยู่แถวๆเอวบางใต้ร่มผ้า แถมยังไม่เลิกความคิดจะช่วยคนตัวเล็กถอดเสื้ออีกแน่ะ พี ผมโกรธจริงๆแล้วนะ เสียงขุ่นมัวที่ออกมาด้วยความเฉียบขาดทำให้คนขี้แกล้งต้องหยุดมือ สงสัยจะโกรธจริงๆซะละ พีรวิชญ์ได้แต่นิ่วหน้าเหมือนเด็กๆที่ถูกขัดใจ ส่งสายตาวิงวอนขอความเห็นใจ ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นเลย ไม่ได้ก็ไม่ได้สิ ออกไปเลย เดี๋ยว!! พลันเสียงหวานที่เรียกเอาไว้ก็ทำให้คนหน้าคมยิ้มเผล่ นึกยินดีว่าคนตัวเล็กอาจจะเปลี่ยนใจ ปิดประตูให้ด้วย แต่ประโยคต่อมาก็ทำเอาพีรวิชญ์ยู่หน้าอย่างผิดหวัง ประตูสังกะสีถูกปิดลงจนสนิทแล้ว ก้องบดินทร์ยืนพิงประตูพลางถอนหายใจแรงๆอย่างโล่งอก บ้าจริง..นับวันยิ่งทะลึ่งขึ้นทุกวันแล้วนะ ไอ่พีบ้า กลิ่นสบู่อ่อนๆฟุ้งกระจายอยู่ทั่วบ้านทำให้ก้องบดินทร์ยกแขนตัวเองขึ้นสูดลมหายใจจนเต็มปอดอย่างรู้สึกสดชื่น เก็บอุปกรณ์อาบน้ำลงกระเป๋าหมดแล้ว แต่พีหายไปไหน คนหน้าหวานกวาดสายตามองไปทั่วบ้านก็ไม่พบเงาของคนที่คุ้นเคย คิ้วสวยเลิกขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ พี..คุณอยู่ไหนอ่ะ ไม่มีเสียงทุ้มที่คุ้นหูตอบกลับมา คนเรียกหาจึงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ สงสัยจะออกไปเดินเล่นที่ไหนอีก ฝนก็ทำท่าจะตกแล้ว เดี๋ยวกลับมาไม่ทันต้องวิ่งผ่าฝนมาจนตัวเปียกอีกรอบจะขำให้แก้มแตกเลยคอยดูสิ ไม่สบายขึ้นมาจะไม่สนใจเลยด้วย ก้องบดินทร์ใช้เวลาที่เหลือก่อนจะถึงเวลานอนเดินสำรวจรอบๆ บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้เล็กๆที่ทำมาพอที่จะช่วยคุ้มแดดกันฝนได้ สภาพเก่าทรุดโทรมบ่งบอกได้ดีว่ามันคงจะอยู่กับลุงร่างท้วมคนนั้นมานานพอสมควรแล้ว ไม่มีแบ่งแยกห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่นใดๆทั้งสิ้น จะมีก็เพียงอุปกรณ์ทำอาหารจำพวก เตาหุงต้มที่ใช้ถ่าน หม้อ กะละมัง และเครื่องใช้อื่นๆอีกนิดหน่อยที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังอย่างเป็นที่เป็นทางชัดเจน มีมุ้งสีขาวบางๆที่ม้วนเก็บอย่างเป็นระเบียบแขวนอยุ่ที่ผนังบ้านด้านในสุด ฟูกสีซีดและหมอนใบเล็กๆอีกสองสามใบที่วางอยู่ใกล้ๆกัน และห้องน้ำสังกะสีที่อยู่ด้านนอกของบ้านอีกที ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น อุปกรณ์ไฟฟ้าเท่าที่เห็นก็คงจะมีเพียงหลอดไฟนีออนที่ติดอยู่บนเพดานไม้ล่ะมั้ง ถึงบ้านไม้หลังนี้จะเล็กและแลดูเก่า แต่มันก็เป็นบ้านที่ช่วยคุ้มแดดคุ้มฝนให้ลุงได้เป็นอย่างดี..ลุงไม่มีลูกไม่มีเมียรึงัยกันนะ.. ความคิดนั้นถูกหยุดลงฉับพลันเมื่ออยู่ๆฟ้าก็มืดลงจนคนหน้าหวานสะดุ้ง เส้นสายสีเงินสว่างวาบอยู่บนท้องฟ้าสีเข้มทำให้ก้องบดินทร์รับรู้ว่าฝนคงกำลังจะตกแล้วจริงๆ ยังไงก็ช่าง ขอแค่อย่าให้ฟ้าร้องเลยละกันนะ..... แล้วพีไปไหนเนี่ย ยังไม่มาอีก พี... ก้องบดินทร์ลองเดินไปรอบบ้านอีกครั้งเผื่อจะพบคนหน้าคม ใบหน้าเริ่มยู่ยี่เมื่อคนที่กำลังรอไม่โผล่มาให้เห็นซักที ความกังวลเริ่มเข้ามาแทนที่จนก่อเกิดรอยย่นระหว่างคิ้วชัดเจน ชะโงกหน้าออกไปดูที่หน้าบ้านแต่ก็ไม่เห็นใคร จะเห็นก็แต่ฟ้าที่เริ่มจะมืดสนิทและประกายฟ้าผ่าเป็นเส้นๆลงมาจนถึงพื้นดินในจุดที่อยู่ห่างไกลออกไป แขนเรียวยกขึ้นมาโอบกอดตัวเองเอาไว้ด้วยความรู้สึกสะท้าน ก้าวถอยหลังช้าๆเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเห็นปฏิกิริยาของธรรมชาติที่มักจะเกิดในยามที่กำลังจะมีฝนแบบนั้น คอเล็กพยายามกล้ำกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากเย็น ข่มความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้คิดมากไปถึงเรื่องที่ไม่ควรจะจำ ก้าวถอยหลังไปจนชิดกับผนังไม้หยาบกร้านก็ทรุดลงนั่งกอดเข่าลงกับพื้น เสียงฟ้าร้องดังกร้าวจนคนที่เริ่มกลัวสะดุ้งตัวโยน และแล้วภาพเหตุการณ์บางอย่างในวัยเด็กที่เค้าไม่อยากจะจำก็กลับมา.. แม่..แม่ฮะ! เสียงเล็กๆของเด็กชายวัยไม่ถึงสิบขวบร้องเรียกหาคนที่ตัวเองรักสุดดวงใจ เสียงสะอื้นดังระงมไปทั่วอาณาบริเวณ แม่..พี่กิ่ง..พี่แก้ว..อยู่ไหน...ฮึก! กวาดตามองไปรอบๆ พบเพียงต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นรกร้างจนดูน่ากลัว เมื่อกี๊ผมยังอยู่กับแม่ พี่กิ่ง แล้วก็พี่แก้วอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงเหลือผมอยู่แค่คนเดียว ทำไมทุกคนถึงทิ้งก้องไว้คนเดียว... เสียงฟ้าร้องที่ดังกระหึ่มทำให้เด็กน้อยวัยราวๆเจ็ดขวบสะดุ้งตัวโยน กอดอกตัวเองแน่นด้วยความหวาดผวา ไม่นานฝนก็พากันตกลงมาเสียยกใหญ่จนเด็กหลงทางไม่ทันจะได้ตั้งตัว แขนเล็กกอดตัวเองแน่น ปากสีแดงสดสั่นไหวด้วยทั้งหนาวทั้งกลัว ก้องรีบมองไปรอบๆเพื่อหาที่คุ้มกันก่อนจะพาตัวเองเข้าไปหลบอยู่ในท่อปูนที่วางทิ้งเอาไว้ไม่ไกลจากตรงนั้น เด็กชายก้องนั่งขดอยู่ในนั้นทว่าสายตาก็มองไปรอบๆหวังจะได้พบกับครอบครัวของตัวเอง ฮึก! แม่..พี่กิ่ง..พี่แก้ว...ก้องกลัว.. เสียงฟ้าร้องเฮือกใหญ่ทำให้ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง เด็กน้อยปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นเมื่อความกลัวเข้ามาถาโถมจนถึงขีดสุด แขนน้อยๆกระชับกอดตัวเองพร้อมกับปล่อยเสียงสะอื้นอย่างน่าเวทนา..... ฮึก! พี..คุณอยู่ไหน.. สองแขนเรียวกอดก่ายกันเอาไว้แน่น มุดหน้าลงกับเข่าเพื่อหลบการเผชิญหน้ากับเสียงฟ้าร้องน่ากลัวนั้น คนหน้าหวานร้องไห้ออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่เค้าก็ยังคงจำได้ไม่ลืม เป็นแบบนี้ทุกที..ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าจะนานจนตัวเค้าเองก็โตจนขนาดนี้แล้ว แต่นิสัยกลัวฟ้าร้องก็แก้ไม่หายซักที กลัว..กลัวความรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้างเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น กลัว..กลัวว่าตัวเองจะต้องเผชิญหน้ากับความความเดียวดายคนเดียว แล้วยิ่งตอนนี้..ความรู้สึกก็ไม่ต่างจากตอนนั้นไปเสียเท่าไหร่ ตอนนี้เค้าเองก็อยู่คนเดียวท่ามกลางสิ่งที่เค้ากลัวมาตลอดเหมือนกัน พีไปไหน... ฉับพลันบ้านที่สว่างๆอยู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นมืดสนิท แสงไฟนีออนบนเพดานที่ดับลงทำให้คนตัวเล็กร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม เสียงฟ้าร้องและสายฝนที่พากันตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่วทำให้ไฟฟ้าเกิดขัดข้อง ก้องบดินทร์มุดหน้าลงกับเข่าจนแนบแน่น ร่างบางสั่นสะท้านด้วยความกลัว เสียงสะอื้นดังไปทั่วบ้านไม้ที่กำลังถูกปกคลุมไปด้วยความมืด แรงเขย่าและเสียงเรียกที่คุ้นเคยช่วยฉุดคนหน้าหวานให้หลุดออกจากความกลัว ร่างเล็กโผเข้ากอดคนอีกคนแน่นอย่างโหยหา มุดหน้าลงกับอกกว้างพร้อมกับปล่อยสะอื้นออกมา ก้อง..คุณร้องไห้ทำไม ลำแขนแข็งแรงกอดตอบร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาแนบแน่น มือใหญ่ลูบหัวคนที่กำลังร้องไห้ไปมาเพื่อปลอบใจ แสงไฟสีเหลืองนวลที่เกิดขึ้นจากเทียนไขที่ตั้งเอาไว้อยู่ข้างๆทำให้คนตัวโตมองอาการกลัวของคนหน้าหวานได้อย่างชัดเจน ไม่เป็นไรนะก้อง ผมอยู่นี่แล้ว อย่าร้องนะคนดี คุณไปไหนมา ฮึก.. เสียงสั่นที่ถามขึ้นดังแทรกออกมาจากอ้อมอกอุ่น ใบหน้าหวานยังไม่คลายออกจากแผงอกกว้างนั่น ตรงกันข้าม พีรวิชญ์จับสังเกตได้ว่าร่างเล็กกำลังสั่นด้วยสะอื้นมากขึ้นกว่าเดิม พีรวิชญ์กระชับกอดแน่นเพื่อมอบความอุ่นใจให้ ปลายนิ้วเกลี่ยที่แก้มเนียนไปมาเพื่อปลอบประโลม ผมออกไปเก็บของที่เต็นท์มา นึกขึ้นได้ว่าถ้าฝนตกไฟอาจจะดับก็ได้ ผมเอาไฟแช็คกับเทียนมาไว้ใช้ตอนกลางคืนด้วยแต่ทิ้งเอาไว้ในเต๊นท์ไง ทีนี้ผมก็เลยไปเอามาทั้งกระเป๋าเลย เห็นมั้ยล่ะ แล้วไฟก็ดับจริงๆด้วย คราวนี้ก้องบดินทร์ถอยตัวเองออกจากอกอุ่น ทำให้เพิ่งได้เห็นว่าพีรวิชญ์จัดการจุดเทียนตั้งเอาไว้ข้างๆแล้ว แถมยังเพิ่งรู้สึกอีกว่าตัวของพีรวิชญ์เปียกโชกไปหมด ทั้งๆที่ตอนแรกก็ใกล้จะแห้งอยู่แล้ว พอเห็นสภาพคนตรงหน้า ก้องบดินทร์ก็ก้มลงมองตัวเองที่เปียกตามไปด้วยเล็กน้อย ใบหน้าใสเริ่มจะแดงขึ้นมาด้วยความเขินอายกับอ้อมกอดอบอุ่นเมื่อครู่ ดวงหน้าหวานในยามกระทบกับแสงไฟสีเหลืองนวลแบบนี้ช่างงดงามเหลือเกิน ทั้งๆที่ตอนอยู่ที่น้ำตกเค้าก็ว่าก้องน่ารักแล้ว พอมาเห็นตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันสวยงามยิ่งกว่า ไม่สิ..จริงๆสำหรับเค้าแล้ว ก้องงดงามตลอดเวลา.. ใบหน้าคมคายอดไม่ได้ที่จะจ้องมองดวงหน้าหวานด้วยความเสน่หา สายตารีเรียวเริ่มทำการสำรวจอีกครั้ง ขนตาหนาที่ชื้นแฉะไปด้วยคราบน้ำตา พีรวิชญ์ใช้ปลายนิ้วเช็ดมันออกจนหมด ก่อนที่มือใหญ่จะเผลอสัมผัสไปทั่วใบหน้า เริ่มตั้งแต่แก้มขาวนวลเนียนที่เริ่มจะแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ไล้ลงมาที่ใบหูเล็ก จนมาถึงคางเรียว และสุดท้ายนิ้วอุ่นก็มาหยุดอยู่ที่กลีบปากนุ่มนิ่มสีแดงสด ใบหน้าเข้มโน้มเข้าใกล้ด้วยอยากจะสัมผัสรสหอมหวานตรงหน้าอีกครั้ง คนหน้าหวานสะดุ้งเมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองเริ่มเผลอไผลไปกับพีรวิชญ์ มือเล็กยกขึ้นดันอกกว้างเอาไว้ ก้มหน้าหลบหลีกแววตาที่จะทำให้หัวใจต้องสั่นสะท้านนั้น มือใหญ่แตะที่คางเรียวยกดวงหน้าหวานขึ้นมาก่อนจะก้มลงมอบจุมพิตอันอ่อนละมุนให้กับคนที่รักมากที่สุด ก้องบดินทร์รับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจก่อนที่ทั้งคู่จะเอนตัวลงไปที่ฟูกหนานั้นด้วยกัน พีรวิชญ์มอบรสจูบที่แสนจะพิเศษให้แก่ก้องบดินทร์จนคนได้รับรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัว ริมฝีปากบางบดเบียดกลีบปากเล็กอย่างนุ่มนวล พยายามไม่ลุกล้ำจนเกินขอบเขตที่ก้องบดินทร์จะรับไหว กลัวคนตัวเล็กจะตกใจจนผวาไปเสียก่อน แขนเรียวยกขึ้นเกาะเกี่ยวรอบลำคอแข็งแรง มือใหญ่ถูไถไปทั่วเรือนร่างบอบบางที่กำลังสั่นสะท้านด้วยห้ามใจไว้ไม่ได้ สัมผัสบริเวณเอวเล็กอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดก็เผลอสอดมืออุ่นเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบาง ถอนรีมฝีปากออกจากกลีบปากสวยเพื่อเปลี่ยนเป้าหมายลงมาเป็นซอกคอขาว จมูกโด่งซุกไซร้รับกลิ่นกายที่แสนจะหอมหวานของคนที่อยู่เบื้องล่าง พร้อมกับพรมจูบไปทั่วโดยไม่ลืมที่จะทิ้งรอยรักสีแดงจางเอาไว้ ความรู้สึกเย็นวาบเมื่อชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูงทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก มือเรียวดันอกคนเบื้องบนขึ้นพร้อมกับแววตาของความลังเลที่ปิดไม่ผิด เรา..หยุดเถอะนะพี พีรวิชญ์นิ่งไปเหมือนกำลังใช้ความคิด แต่แล้วก้องบดินทร์ก็รู้ว่าไม่ใช่เพราะไม่นานริมฝีปากบางก็ก้มลงมาทาบทับกับกลีบปากเล็กนั่นอีก แถมมือใหญ่ก็ยังคงลูบไล้สัมผัสกับเอวคอดนั้นไม่ยอมหยุด ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูงจนเกือบจะถึงหน้าอก ก้องบดินทร์คว้าข้อมือแข็งแกร่งนั่นเอาไว้อีกครั้ง คราวนี้คนตัวโตยอมถอนจูบออก ผม.... ผมยังไม่พร้อม.. พีรวิชญ์อ่านแววตาที่อยู่บนดวงหน้าหวานออก ปากบางยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เกลี่ยแก้มเนียนตรงหน้าไปมา ไม่เป็นไรก้อง..ผมเข้าใจ คนหน้าคมส่งยิ้มตอบกลับก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง จับเสื้อผ้าที่ยู่ยี่ของตัวเองให้เข้าที่ ผมไปอาบน้ำก่อนนะ คุณอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย พีรวิชญ์ลูบหัวของอีกคนเบาๆ ก้องบดินทร์ลุกขึ้นนั่งตามพยักหน้าออกมาเป็นคำตอบ ดวงตาหวานแอบลอบมองไปที่สายตาคมเข้มข้างๆ พีจะคิดมากรึเปล่า... พี..คุณโกรธผมรึเปล่า สีหน้ารู้สึกผิดทำให้คนถูกถามยิ้มกว้าง ไม่เลยก้อง ผมจะโกรธคุณได้ยังไง ผมเข้าใจครับ คุณอย่าคิดมากนะ มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมคนตัวเล็กอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทว่าคราวนี้ก้องบดินทร์กลับคว้าแขนของเค้าเอาไว้ให้ลงมานั่งเหมือนเดิม คนถูกดึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนที่ตารีเรียวจะเบิกกว้างเมื่ออยู่ๆกลีบปากสีแดงสดของคนข้างๆก็เข้าจู่โจมจนเค้าไม่ทันได้ตั้งตัว ก้องบดินทร์ทิ้งสัมผัสเอาไว้อย่างนั้นเนิ่นนานหวังจะแสดงความจริงใจให้คนตัวโตได้รับรู้ ทันทีที่ถอนจูบนั้นออก ดวงหน้าหวานก็ก้มงุดๆด้วยความรู้สึกอาย ส่วนด้านคนถูกจูบก็ได้แต่นั่งตะลึงงัน ถึงแม้สัมผัสที่ได้รับเมื่อครู่จะดูไร้เดียงสา แต่ก็เป็นสัมผัสที่อ่อนโยนและทำให้หัวใจของเค้าสั่นไหวจนเกินที่จะต้านทานได้ พีรวิชญ์ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะดันร่างเล็กให้ล้มลงไปนอนอีกครั้งและเริ่มสอนวิธีการจูบที่ถูกต้องให้แก่คนหน้าหวาน คราวนี้จากจุมพิตที่อ่อนหวานเมื่อครู่ก็กลายเป็นสัมผัสที่เร่าร้อนรุนแรง กลีบปากบางบดเบียดปากเรียวเล็กแนบแน่น ลิ้มชิมรสกลีบปากหวานละมุนจนเต็มอิ่มแล้วเปลี่ยนเป็นลุกล้ำเข้าไปชิมรสชาติอันโอชะที่อยู่ข้างใน ลิ้นเล็กถูกเกี่ยวกระหวัดอย่างรุนแรงจนหัวใจของคนที่อยู่เบื้องล่างเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาด้านนอก ก้องบดินทร์ทุบไปที่อกกว้างเมื่อเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก พีรวิชญ์ถอนจูบแล้วเปลี่ยนตำแหน่งโดยการไล้ริมฝีปากลงมาที่ซอกคอขาวอีกครั้ง จมูกสวยซุกไซร้ไปที่ใบหูเล็กแล้วใช้กลีบปากขบเม้มมันเบาๆจนทำให้ก้องบดินทร์ขนลุก เสื้อยืดตัวบางที่ขัดขวางการสัมผัสถูกถอดออกไปจนเหลือให้เห็นแค่เพียงร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่า ผิวขาวนวลเนียนที่ปรากฏตรงหน้าทำให้พีรวิชญ์คลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ก้องบดินทร์ได้แต่เบือนหน้าหลบสายตากรุ้มกริ่มตรงหน้าด้วยความอายจนเกินจะรับไหว และแล้วลาดไหล่ขาวนวลเนียนก็ถูกประทับรอยแดงเอาไว้จนทั่ว มือน้อยที่สั่นเทาเผลอลูบคลำไปตามแผ่นหลังแข็งแรงที่ถูกกั้นเอาไว้ด้วยเสื้อเชิ้ตบางเบาที่ชื้นแฉะไปด้วยน้ำฝน พีรวิชญ์ถอดมันออกแล้วจ้องมองคนเบื้องล่างไม่วางตาจนคนถูกมองนึกเขิน เค้าก้มลงฝังจมูกโด่งลงกับซอกคอขาวอีกครั้ง มือใหญ่ที่ลูบไล้อยู่เหนือเอวกางเกงสอดมันเข้าไปที่สะโพก ก้องบดินทร์เผลอเอื้อมมือลงไปจับกางเกงตัวเองเอาไว้ไม่ให้มันหลุดจนสุดท้ายคนหน้าคมก็ต้องรวบมือเล็กที่ชอบขัดใจเอาไว้ด้วยมือเดียวแล้วกดลงเหนือหัวของเจ้าตัว ก่อนจะก้มลงไปกระซิบอยู่ข้างๆใบหูเล็ก ผมรักคุณนะก้อง ผมขอ... ก้องบดินทร์ไม่รู้ว่าพีรวิชญ์พูดอะไรออกมาในประโยคท้าย รู้ตัวอีกทีตัวเองก็พยักหน้าตอบรับไปเรียบร้อยแล้ว และแล้วเพลงรักที่เค้าทั้งคู่ยังไม่เคยใช้มันกับใคร ก็เริ่มต้นขึ้น...และคาดว่าคงจะบรรเลงต่อไป ตลอดทั้งคืน... ------------------------------------------------- อันนี้ก็เป็นพล็อตของพี่นิดอีกเหมือนเดิมค่ะ พี่นิดบอกว่าอยากให้ไปเที่ยวน้ำตก ฝนตก ฟ้าร้อง ก้องกลัว พีปลอบ แล้วก็... ขอโทษนะคะพี่นิดที่ไม่มีเอ็นซี(ที่มากกว่านี้) ปอเขียนไม่เป็นจริงๆอ่ะ(ชอบแต่อ่าน 55555555) มันเขินๆนะ ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคนะคะ ^^ เลิกง้อ!
อันนี้เป็นตามที่พี่นิดขอมาเช่นเคยค่ะ เป็นแบบว่าให้น้องก้องเหวี่ยงจนพีเลิกตื๊อ เลิกง้อ เลิกตามดูบ้าง ไรประมาณนี้ ผลที่ออกมา..
ก็ออกทะเลเช่นเคยค่ะ 55555 ตลอดเลยปออ่ะ บอกอีกอย่างเขียนอีกอย่างทุ๊กกกที ชื่อตอนก็เอามันสั้นๆง่ายงี้แล่ะ นึกไม่ออกค่ะ55555 อีกอย่าง เผื่อเวลาจะกลับมาอ่านอีกจะได้จำได้ง่ายๆด้วยว่าตอนนั้นตอนนี้มันอยู่ในชื่อตอนอันไหน(จะมีใครอ่านซ้ำบ้างมั้ยน้อ >) จุดนี้ปอขอเอาแบบเป็นแฟนกันแล้วก่อนนะคะพี่นิด เพราะถ้าเอาในเวอร์ชั้นยังไม่ได้คบกัน ปอก็ไม่รู้จะเขียนออกมายังไง จะหวานแบบที่ใจต้องการก็ทำไม่ได้(แบบหื่นๆอ่ะค่ะ55555//หยอกเย้า) อันนี้ก็ไม่หื่นนะ ลองอ่านดูนะคะ ^^ ---------------------------------- ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ยพีว่าอย่ามัวแต่โอ้เอ้ เนี่ยผมไปทำงานสายใครจะมารับผิดชอบ! เสียงแว๊ดๆโวยวายขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศอันชุลมุนในยามเช้า ก้องบดินทร์คว้ารองเท้าจากลิ้นชักโยนลงพื้นแล้วสวมใส่อย่างรวดเร็ว ผิดกับอีกคน ที่ใจเย็นเหลือเกิน... โธ่..ก้องอ่ะ ก็ผมไง ผมยินดีจะรับผิดชอบคุณไปทั้งชีวิตเลยนะ คนหน้าคมพูดหวังจะให้คนขี้บ่นอารมณ์ดีขึ้น มือแข็งแรงรวบให้แผ่นหลังบางเข้ามาแนบอก ไม่เอาน่าพี ผมรีบนะ ถ้าผมถูกหัวหน้าว่าขึ้นมาคุณรับผิดชอบแทนผมได้หรือไง คนตัวเล็กพูดพลางบิดตัวให้หลุดออกจากการเกาะกุม ตาคมเข้มหรี่มองคนรักอย่างพินิจพิเคราะห์เล็กน้อย หน้าหวานที่ยู่ยี่แสดงอาการหงุดหงิดแบบจริงจังทำให้พีรวิชญ์นึกอยากจะหาคำพูดทำให้ก้องคลายเครียด ได้สิ ถ้าเค้ากล้าว่าอะไรคุณนะ ผมจะเข้าไปบอกผอ.เลย คุณลืมไปแล้วเหรอว่าผมน่ะเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของวิภารามเลยนะ พีรวิชญ์พูดทีเล่นทีจริง ทว่าคนฟังกลับไม่ขำด้วย คุณก็ใช้แต่อำนาจแบบนี้ ผมไม่ใช่ผู้บริหารอย่างคุณนะถึงจะเข้างานเวลาไหนก็ได้ ไม่ต้องเดือดร้อนอะไรเลยอ่ะ ก้อง.. คำพูดของคนหน้าหวานทำให้คนฟังครางออกมา คิ้วสวยที่อยู่เหนือตาคมเข้มเริ่มขมวดเข้าหากัน ใครจะไปสบายเหมือนคุณ คิดอยากจะไปทำงานตอนไหนก็ได้ อยากจะกลับตอนไหนก็ได้ ใครจะไปกล้าว่าอะไรคุณล่ะ! อย่าพาลแบบนี้นะก้อง.. ผมมันก็เป็นแบบนี้แล่ะ ขอโทษที่ทำให้คุณเบื่อ! ก้อง! เสียงเรียกที่ดังขึ้นอย่างโทสะ ต้องการจะให้คนตัวเล็กหยุดพูดเรื่องที่ไม่มีเหตุผล ทว่ามันกลับทำให้อารมณ์ของก้องบดินทร์พรุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด วันนี้ผมจะนั่งแท็กซี่ไปเอง ไม่ต้องไปส่ง! ก้อง!! คนตัวโตเรียกเสียงดังหวังจะเรียกให้มือเล็กที่คว้าจับลูกบิดนั้นหยุดแล้วหันกลับมา ทว่าไม่มีประโยชน์เมื่อก้องบดินทร์เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเสียงประตูห้องที่ปิดดังลั่น คนหน้าหวานจากไปแล้ว ทิ้งความงุนงงไว้ให้กับคนที่ยังอยู่ในห้อง อารมณ์ร่าเริงในตอนแรกถูกแทนที่ด้วยความหงุดหงิด โถ่เว้ย!! เสียงหนาที่ดังกร้าวถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากบาง พลันก็เตะไปที่รองเท้าที่อยู่ๆก็กลายเป็นสิ่งที่วางขวางหูขวางตาจนกระเด็นไปข้างละทิศข้างละทาง นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาเที่ยงกับอีกสิบห้านาที ก้องบดินทร์ที่นั่งพักหลังจากเพิ่งเสร็จงานเคสช่วงเช้าหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าที่ทิ้งเอาไว้ในห้องพัก หน้าจอที่ว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ข้อความที่ฝากเอาไว้ทำให้หน้าสวยแอบย่นคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนที่แก้มกลมจะป่องขึ้นอย่างขัดเคืองเมื่อรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ ทำไมไม่โทรมา.. ตาคู่หวานเหลือบไปที่นาฬิกาอีกครั้ง เวลาที่ล่วงเลยจนบดเบียดเวลาพักของมื้อเที่ยงมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ก้องบดินทร์จำต้องลุกออกจากห้องพักเพื่อไปหาอะไรใส่ท้อง ช่วงบ่ายเค้ายังมีเคสข้างนอกต่อ.. โทรศัพท์มือถือถูกผูกติดไว้กับตัวพร้อมกับตาคู่หวานที่ก้มลงมองที่เครื่องมือสื่อสารนั่นเป็นระยะๆ อาหารมือเที่ยงเมนูโปรดในวันนี้ดูท่าจะไม่อร่อยเอาซะเลยเพราะก้องบดินทร์เอาแต่นั่งใช้ช้อนเขี่ยมันไปมา ตี๊ดตี๊ด!! ข้อความ! ประสาทสัมผัสการได้ยินทำให้สมองของเค้าประเมินผลทันที มือที่กำโทรศัพท์เอาไว้แน่นรีบยกขึ้นมาตั้งใจจะกดอ่าน ทว่ายิ้มกว้างบนดวงหน้าหวานก็ต้องหุบลงเมื่อพบว่า ของพี่ต่างหากก้อง พี่หมงส่ายหัวยิ้มๆอย่างเอ็นดูกับอาการของก้อง ก่อนที่มืออวบจะยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาอ่านข้อความ แก้มกลมๆของพี่หมงปริขึ้นจนตาหยีเมื่อได้เห็นข้อความในโทรศัพท์ของตัวเอง คนตัวเล็กที่นั่งตรงข้ามทำปากยื่นด้วยความรู้สึกผิดหวัง รอโทรศัพท์ใครอยู่รึเปล่าก้อง ครับ เอ่อ..เปล่าครับพี่ ก้องอึกอักตอบเมื่อถูกรุ่นพี่จับอาการได้ เหรอ..เอ้อเนี่ย รู้ป่าวพี่ยิ้มอะไร คิคิ ดวงหน้าอวบที่ยิ้มแย้มขึ้นกว่าปกติทำให้ก้องเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม แล้วพี่ยิ้มอะไรล่ะครับ แฟนพี่ส่งข้อความมาขอโทษ เมื่อเช้าพี่กับแฟนทะเลาะกันน่ะ เสียงใสๆจบท้ายด้วยการถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ถ้อยคำบอกเล่าอย่างอารมณ์ดีของสาวใหญ่ตรงหน้าทำให้หัวใจของก้องบดินทร์กระตุก มือเรียวที่กำโทรศัพท์เอาไว้หงายมันขึ้นดูแล้วก็พบแต่หน้าจอดำๆแสดงถึงความว่างเปล่า เค้ากับพีก็ทะเลาะกันเมื่อเช้าเหมือนกัน ทำไมป่านนี้พีถึงไม่ติดต่อกลับมาบ้างเลยล่ะ.. เนี่ยอ่ะน้า..คนเราน่ะ ถ้ารู้ตัวว่าผิดแล้วขอโทษ มันก็ไม่สายเกินไปหรอกที่จะทำให้สายสัมพันธ์ของเรากลับมาเหนียวแน่นดังเดิม คนที่ทำผิดแล้วไม่รู้ตัวว่าผิดซะอีกที่ไม่น่ารักเอาซะเลย นี่ดีนะที่ก้องเป็นคนมารยาทดี ทำไรพลาดนิดหน่อยก็ขอโทษแล้ว ความน่ารักของคนมันอยู่ตรงนี้แล่ะ เสียงเจื้อยแจ้วของพี่หมงถูกปล่อยออกมาอย่างร่าเริง แต่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยว่ามันกลับเป็นประโยคที่ทิ่มตำหัวใจของคนหน้าหวานที่รับฟังอยู่ ความรู้สึกผิดเริ่มเข้ามาลุกลามจนปากอวบอิ่มต้องเม้มหากันอย่างครุ่นคิด จะขอโทษก่อนดีมั้ยนะ... แต่มันไม่ใช่ความผิดของเราซักหน่อย พีต่างหากที่มัวแต่เล่นจนทำให้เราต้องหงุดหงิด..แล้วก็.. แล้วก็พาล.. เสียงของความคิดในใจค่อยๆเบาลงในช่วงท้าย เมื่อนึกขึ้นได้ว่า นอกจากที่เค้าจะเป็นคนเริ่มหงุดหงิดใส่พีก่อนแล้ว เค้ายังพาลไปว่าพีอย่างไร้เหตุผลด้วย.. เคสบ่ายสิ้นสุดลงแล้ว นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงทำให้ก้องบดินทร์ที่นั่งอยู่บนแท็กซี่เพื่อเดินทางกลับวิภารามคลี่ยิ้มน้อยๆออกมา เวลาที่ผ่านไปกว่าสามชั่วโมงแล้วนับจากตอนเที่ยง พีอาจจะโทรหรือส่งข้อความมาบ้างแล้วก็ได้ ทันทีที่ความคิดสิ้นสุดลงมือเรียวก็ควานหยิบโทรศัพท์ออกจากระเป๋าถือสีดำที่พกติดตัว ข้อความที่โชว์หน้าจอว่ามีสายที่ไมได้รับ3สายทำให้คนตัวเล็กยิ้มกว้าง ทว่าฉับพลันใบหน้าก็เปลี่ยนสีเมื่อพบว่าสายดังกล่าวคือพี่หมวย แก้มเนียนๆพองขึ้นอีกครั้งเพื่อผ่อนลมหายใจบางๆก่อนจะกดโทรกลับไปที่เบอร์นั้น... เจอกันอีกครั้งก็วันศุกร์นะครับ เสียงหวานเอ่ยลาคนไข้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เคสสุดท้ายของวันสิ้นสุดลงตามเวลาเลิกงานพอดี ห้าโมงครึ่ง.. ตากลมโตกวาดหารถเลกซัสคันสวยที่ปกติจะต้องมาจอดรอเค้าตั้งแต่ยังไม่5โมง ทว่ากลับไม่พบ บอกว่าไม่ต้องมาส่ง ไม่ได้บอกว่าไม่ต้องมารับด้วยซะหน่อย...ว่าแล้วโทรศัพท์ในมือก็ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วเล็กเลือกไปที่เบอร์ของคนที่เจ้าตัวกำลังรอ ทว่าสุดท้ายก็ต้องเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป่ากางเกงดังเดิม วันนี้อาจจะมีประชุมก็เลยมาช้าล่ะมั้ง.. เข็มยาวที่หมุนวนมาอยู่ที่เลขเดิมทำให้คนหน้าหวานรับรู้ว่าเวลาผ่านไปชั่วโมงนึงแล้ว จากเดิมที่ยืนรอก็กลายเป็นเดินไปเดินมา จากเดินไปเดินมาก็เปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งที่ม้านั่งหินอ่อน แก้มเนียนพิงเสากลมๆไว้เมื่อเริ่มรู้สึกเหนื่อย อ้าวก้อง..ยังไม่กลับอีกเหรอ กลับด้วยกันม๊ะ พี่หมง พี่หมวยที่เดินออกมาด้วยกันเรียกถาม สีหน้าบ่งบอกถึงความแปลกใจ หกโมงกว่าแล้วนะเนี่ย พียังไม่มาอีกเหรอ คำถามของพี่หมวยทำให้หน้าสวยส่ายหน้าเบาๆ ดวงหน้าที่เคยยิ้มแย้มในเวลานี้กลายเป็นนิ่งงันเหม่อลอย ตาคู่หวานก้มมองไปที่พื้นด้วยความรู้สึกน้อยใจลึกๆ งั้นกลับด้วยกันมั้ยก้อง พวกพี่จะไปแวะหาไรกินหน่อยด้วยอ่ะ ป่ะ ว่าแล้วสองแรงก็สาวเท้าเข้ามาคว้าข้อมือหนุ่มรุ่นน้องเบาๆ ก้องบดินทร์ยิ้มตอบเมื่อรับรู้ได้ถึงความหวังดีแต่ก็ตอบปฏิเสธกลับไป สุดท้ายสองสาวรุ่นพี่ก็เลยได้แต่ถอนหายใจเบาๆก่อนจะพากันเก้าออกไปเหลือทิ้งไว้เพียงเด็กหนุ่มหน้าหวานที่นั่งใจลอยอยู่คนเดียว โทรศัพท์ถูกงัดขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดูเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าที่เริ่มเข้มลงจนเกือบจะทำให้ทั่วบริเวณนี้มืดมิดถ้าไม่ได้แสงไฟจากด้านในของโรงพยาบาล มือเล็กยกขึ้นปัดไปมาเพื่อไล่ยุงร้ายที่เข้ามาป้วนเปี้ยนไปทั่วตัว ก้อง.. เสียงเรียกนุ่มๆทำให้ก้องบดินทร์เงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง พี่หมอ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ เลิกงานตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ หรือมีเข้าเวร เปล่าครับ ก้องรอเพื่อนอยู่น่ะครับ ทำไมไม่กลับไปก่อน นานขนาดนี้ยังจะรออยู่อีก ดูซิเนี่ย ตัวแดงหมดแล้ว แพ้ยุงด้วยรึเปล่าเนี่ยเรา ก้องบดินทร์ยิ้มตอบร่างสูงที่จับแขนของเค้าขึ้นแล้วเพ่งมองรอยแดงจางเหล่านั้นด้วยความเป็นห่วง ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ไม่เป็นไรครับ ก้องว่าจะรออีกแป๊บนึง ถ้ายังไม่มาก้องก็จะกลับแล้วล่ะครับ ถ้อยคำต่างๆนาๆที่ขุดขึ้นมาเพื่อปฏิเสธ ยาวนานกว่าธาวินจะยอมเลิกราแล้วจากไป อากาศยามพลบค่ำที่เริ่มเย็นลงทำให้คนตัวเล็กที่นั่งหงอยอยู่คนเดียวเริ่มเปลี่ยนท่าเป็นนั่งกอดเข่า ปากอิ่มเม้มอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปยังเบอร์ที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้... สิ้นเสียงอัตโนมัติของโอเปอเรเตอร์สาว โทรศัพท์ถูกเก็บลงกระเป๋าพร้อมกับมือเล็กที่ยกขึ้นมาปาดน้ำอุ่นๆที่ปริ่มอยู่ที่ขอบตาคู่หวาน ปากเล็กเม้มหากันแน่นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ฟาดฟันกันอยู่ในอกจนทำให้เกิดอาการเจ็บแปลบที่หัวใจ ฟันสวยขบริมฝีปากตัวเองเพื่อระงับไม่ให้ปล่อยเสียงสะอื้นออกมา แขนเรียวกระชับกอดขาของตัวเองที่นั่งอยู่ในท่ากอดเข่าให้แน่นขึ้นด้วยต้องการความอบอุ่น เส้นสายฟ้าเล็กๆที่แลบขึ้นมาสะท้อนแสงสีเงินวูบวาบอยู่ไกลๆทำให้ก้องบดินทร์เผลอหรี่ตาลง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องที่ตามมา หนุ่มสาวในชุดขาวของโรงพยาบาลที่จากเดิมทยอยเดินออกมาแล้วขึ้นรถกลับบ้านอย่างเชื่องช้าแปรเปลี่ยนเป็นพากันวิ่งหลบฝนขึ้นรถกันอย่างชุลมุน บางคนก็เดินกางร่มออกมา บ้างก็ใช้มือยกขึ้นปิดหัว ก้องบดินทร์ที่นั่งขดอยู่หน้าอาคารในบริเวณที่ยังมีหลังคาช่วยคุ้มกันเม็ดฝนเหล่านั้นได้ ทว่าลมที่พัดแรงขึ้นเรื่อยๆกลับทำให้ทิศทางของฝนพุ่งเข้ามาซัดสาดร่างเล็กจนทำให้คนหน้าหวานนั่งตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ ตายแล้ว! ทำไมถึงเปียกเป็นลูกแมวตกน้ำอย่างงี้ล่ะคะน้องก้อง! เสียงพี่ตุ่ม กระเทยสาวร่างท้วมที่กางร่มออกมาเปิดรั้วให้ร้องลั่นด้วยความตกใจ มือท้วมดึงให้ลูกแมวที่ว่าเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มเดียวกัน ก่อนจะรีบดันหลังให้คนเปียกปอนเข้าไปในบ้าน ดูซิ ร่มก็ไม่รู้จักพกไปด้วย น่าตีให้ตายจริงเชียว ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง ดีนะที่ป้าฟองนอนเร็ว ไม่งั้นคืนนี้ต้องได้ฟังป้าฟองเทศน์ไม่ได้นอนทั้งคืนแน่เลยนะน้องก้อง จริงๆเลยเชียวเด็กคนนี้ พี่ตุ่มบ่นกระปอดกระแปดเหมือนจะระอาแก่ความดื้อรั้นของลูกแมวตกน้ำเต็มที แต่ทว่ามือท้วมที่จับผ้าขนหนูขยี้ผมที่เปียกของก้องอย่างลนลานทำให้ก้องบดินทร์รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใย ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ถูกดันให้รีบขึ้นห้องไปอาบน้ำอาบท่าก่อนที่จะไม่สบายไปเสียก่อน พียังไม่มา.. คนตัวเล็กตอบตัวเองในใจเมื่อเห็นสภาพห้องที่เงียบเชียบ สองทุ่มกว่าแล้ว..พีไปไหน.. ก้องบดินทร์กดโทรศัพท์ไปยังเบอร์โทรออกล่าสุดแต่ก็ได้รับเสียงตอบกลับแบบเดิมกลับมา ปิดเครื่อง.. พีคงจะเบื่อเราแล้วจริงๆ.. ความคิดที่ผุดขึ้นในใจทำให้หน้าอกข้างซ้ายกระตุกขึ้น เส้นสายน้ำที่ไหลออกมาจากฝักบัวกระทบกับผิวบางยิ่งทำให้ร่างเล็กยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บ หยดน้ำตาอุ่นๆที่ไหลลงมาระเรื่อยแก้มเนียนถูกกลืนไปกับสายน้ำที่กำลังพากันไหลปกคลุมใบหน้าหวาน ความน้อยเนื้อต่ำใจเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องที่พี่ตุ่มตำหนิว่าไม่พกร่ม ปกติพีมารับเค้าทุกวัน..ต่อให้ฝนจะตก พายุจะแรงแค่ไหนก้องบดินทร์คนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพกร่มเลยซักครั้ง ในเมื่อเค้ามีพีอยู่ข้างๆ ทว่าวันนี้..ก้องบดินทร์ไม่มีพีรวิชญ์.. เสียงประตูห้องนอนที่เปิดขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่ก้าวออกจากประตูห้องน้ำพอดี ผมที่ผ่านการเช็ดจนหมาดส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง พีรวิชญ์ที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าสูดกลิ่นหอมบางๆเข้าปอดอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะใช้มือรูดเน็คไทออกจากปกคอเสื้อ ผมช่วยนะพี คนหน้าหวานรุดเข้าไปจับกุมเน็คไทคู่สวย ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมือหนายกขึ้นมาแตะรั้งเอาไว้ ไม่เป็นไรก้อง ผมถอดเองสะดวกกว่า มือเล็กร่วงลงข้างลำตัว คนถูกปฎิเสธอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ กินอะไรมารึยัง ผมทำอะไรให้กินหน่อยดีมั้ย อย่าเลยก้อง ผมเหนื่อย อยากนอน คำตอบเหมือนจะปกติของคนหน้าคมทำให้คนที่รับฟังนิ่งไปอีกครั้ง ก้องบดินทร์พาตัวเองถอยมานั่งลงที่ปลายเตียง พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้... ความรู้สึกน้อยใจ ความรู้สึกเหงา ความรู้สึก..กลัว กลัวสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในซักวัน และนี่อาจจะถึงเวลาแล้ว เวลาที่ระยะห่างของคนสองคนจะเพิ่มมากขึ้น เวลาที่คนตรงหน้าที่กำลังเตรียมของเข้าไปอาบน้ำจะทนไม่ได้กับพฤติกรรมความเอาแต่ใจและไร้เหตุผลของเค้า และก็เป็นเหตุผลให้พีเบื่อ..ไปในที่สุด.. อีกซักครั้งก็แล้วกัน..คนหน้าหวานบอกกับตัวเองก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปซุกกายคนที่นอนหลับใหลอยู่ข้างๆ ใบหน้าหวานซบเข้ากับอกกว้างเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นปกติ ตอนนี้ก็ขอเพียงให้ลำแขนแข็งแรงของเจ้าของอกอุ่นยกมันขึ้นมากอดเค้าเอาไว้เท่านั้น นอนกอดกันแบบนี้ เหมือนอย่างที่เคยทำในทุกๆวัน.. ไม่เอาน่าก้อง ผมอึดอัด ฉับพลันเสียงที่ตอบแบบงัวเงียพร้อมกับการพลิกตัวนอนหันไปอีกทางของพีรวิชญ์ก็ทำเอาหัวใจของคนหน้าหวานแตกกระเด็นกระดอน คำพูดที่ดูจะธรรมดาแต่กลับทิ่มแทงหัวใจจนคนได้ฟังรู้สึกชาไปทั้งตัว พีรวิชญ์ไม่เคยเป็นแบบนี้ อึดอัด ประโยคเดิมๆที่ดังก้องอยู่ในหัวเหมือนว่าจงใจจะใจจะตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับคนตัวเล็ก หยาดน้ำตาอุ่นๆที่ปริ่มอยู่ที่หางตาพากันไหลออกมาอาบแก้ม ปากอิ่มเม้มหากันแน่นราวกับจะข่มไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาได้ คนตัวเล็กพลิกตัวหันไปอีกฝั่งเช่นเดียวกัน นัยตาสวยที่เคยหวานหยาดเยิ้มและยิ้มร่าตอนนี้กลายเป็นสั่นระริก ตากลมโตเบิกกว้างเพื่อหวังจะให้น้ำใสๆที่คลออยู่ในตาแห้งเหือดลงไป ทว่าเสียงลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับไปแล้วของพีรวิชญ์กลับยิ่งทำให้นัยตาหวานกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ มือเล็กยกขึ้นปาดมันออกอย่างลวกๆก่อนจะมุดหน้าลงกับผ้าห่มเพื่อปิดเสียงสะอื้น ฮึก! ใจของคนได้ยินกระตุกแรง อีกครั้งที่พีรวิชญ์จำต้องยอมแพ้น้ำตาของก้อง เสียงเตียงที่ยวบลงเพราะคนอีกคนพลิกตัวหันมานอนตะแคงทางเดิม คนหน้าคมจับคนกำลังร้องไห้ให้พลิกตัวหันกลับมาเผชิญหน้า ร้องไห้อีกแล้ว เสียงอ่อนโยนที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยินแต่กลับดังไปถึงหัวใจของคนตัวเล็กเมื่อมือหนายกขึ้นใช้ปลายนิ้วเช็ดมันออกอย่างละเมียดละไม รอยยิ้มอบอุ่นปลอบใจที่ออกมาขัดกับคิ้วที่กำลังขมวดกันบางๆของพีรวิชญ์ทำให้ก้องบดินทร์ยิ้มได้ทั้งน้ำตา ร่างเล็กโถมเข้าซุกกายกับอกกว้างก่อนจะปล่อยเสียงสะอื้นออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ขอโทษนะครับก้อง มือใหญ่ยกขึ้นลูบผมของก้องบดินทร์เป็นการปลอบโยน ร่างที่สั่นเทาด้วยเพราะร้องไห้ที่อยู่ภายใต้อ้อมกอดทำให้พีรวิชญ์รู้สึกชาไปทั้งตัวและหัวใจ ไม่นึกเลยว่าการที่เค้าจะลองทำเป็นไม่สนใจคนดื้ออย่างก้องดูบ้างจะทำให้คนที่ตัวเองรักต้องเสียใจได้ถึงขนาดนี้ ผมนึกว่า..ฮึก...คุณจะไม่สนใจผมอีกต่อไปแล้ว เสียงอู้อี้ที่พยายามกลั้นสะอื้นแทรกออกมาผ่านใบหน้าหวานที่ซุกอยู่กับอกกว้าง พีรวิชญ์ส่ายหน้าแรงๆเพื่อปฎิเสธสิ่งที่ได้ยิน ผมไม่วันจะทิ้งคุณก้อง ไม่มีวัน หยุดร้องไห้นะ นะครับคนดี คำปลอบโยนที่ดังแผ่วเบาอยู่ข้างหูทำให้คนตัวเล็กพยักหน้าตอบ มือเรียวดันตัวเองออกจากอกกว้างแล้วปาดน้ำตาป้อยๆ ผมก็แค่อยากให้คุณรู้ว่าผมก็เสียใจเหมือนกันนะ เวลาที่คุณดื้อกับผมน่ะ ผมไม่ใช่เด็กนะ ถึงได้ดื้อน่ะ ว่าแล้วคนตัวเล็กก็เพียงออกมาด้วยสีหน้าเง้างอดอย่างขัดใจ ก็คุณดื้อเหมือนเด็กๆจริงๆนี่ ผมเปล่านะ! นั่นไง เถียงผมอีกละ! พีรวิชญ์หัวเราะร่วนกับท่าทีโวยวายของคนในอ้อมกอด คนถูกว่าเป็นเด็กชักสีหน้าโมโหก่อนจะขยับตัวออกมานอนในที่ของตัวเอง จะไปไหนล่ะก้อง ก็คุณอยากให้ผมนอนกอดไม่ใช่เหรอ ว่าแล้วสายตาเจ้าเล่ห์ที่ห่างหายไปไม่ถึงวันก็กลับมาอีกแล้ว ก็อึดอัดไม่ใช่เหรอ ใครบอก คุณรู้อะไรมั้ย แค่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นคุณหลับไปแล้วผมก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว ผมต้องห้ามใจตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆคุณโดยที่ไมได้ทำอะไรเลยนี่มันโหดร้ายมากเลย คุณน่ะร้ายกาจมากเลยรู้ตัวมั้ยครับคุณก้องบดินทร์ บ้าสิ ผมไปทำอะไรให้คุณอ่ะ คนเถียงยังทำปากยื่นใส่อีกต่างหาก ก็ทำแบบนี้ไง นิ้วอุ่นเกลี่ยที่แก้มกลมๆเล่นๆ ก่อนจะพลิกตัวเองขึ้นมาคร่อมร่างเล็กเอาไว้ หน้าคมเข้มหัวเราะร่วนเมื่อเห็นท่าทีตกอกตกใจของคนใต้ร่าง คนถูกทับพยายามดันให้คนตัวโตออกห่าง แต่ดูแล้วแรงดันจากมือเล็กจะไมได้ทำให้พีรวิชญ์สะทกสะท้าน อาจจะออกแนวเกะกะเสียมากกว่า ฉับพลันพีรวิชญ์ก็คว้าข้อมือของคนเบื้องล่างเอาไว้แล้วขึงกดลงไปกับพื้นเตียง ไม่เล่นนะ ออกไปเดี๋ยวนี้นะพี> นี่ไง ที่คุณถามผมว่าคุณทำอะไรให้ ผมถึงว่าคุณร้ายกาจน่ะ ก็ทำแบบนี้ไง ทำตัวน่ารักแบบเนี๊ย ไอ้พีบ้า จะบ้ารึไง ออกไปนะ ผมหนัก! คุณรู้มั้ยก้อง วันนี้ผมทำงานไม่ได้เลย เพราะหัวของผมมันไม่มีที่ว่างจะคิดอะไรออกได้ มันมีแต่เรื่องคุณ ผมถือโทรศัพท์เดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงานเป็นชั่วโมงๆ จนสุดท้ายผมก็ต้องเชิญตัวเองออกมานั่งสงบจิตสงบใจข้างนอก คุณรู้มั้ย ผมน่ะเอาโทรศัพท์ของผมให้คุณวิลัยเลขาของผมเอาไปใส่ตู้เซฟเอาไว้แล้วให้เค้าเปลี่ยนรหัสโดยที่ไม่ต้องให้ผมรู้ว่ารหัสมันคืออะไร เพื่อที่จะห้ามตัวเองไม่ให้โทรไปหาคุณ แต่สุดท้ายผมก็ต้องตวาดใส่คุณวิลัยเมื่อเค้าอิดออดที่จะบอกรหัสตู้เซฟกับผม ซึ่งนั่นผมก็เป็นขอเค้าเอาไว้เองว่าอย่าบอกผม แต่สุดท้ายผมทนไม่ไหว ก็เลยว่าเค้าไปซะงั้น คนฟังอึ้งไปกับพฤติกรรมบ้าๆบอๆของคนรัก ก่อนจะว่าออกมา น่าสงสารคุณวิลัยจัง ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้เนี่ย นั่นสินะ ก็เพราะคุณนั่นแล่ะว่าแล้วคนที่อยู่เบื้องบนก็โน้มหน้าลงเอาจมูกตัวเองขยี้ไปกับปลายจมูกของคนเบื้องล่างอย่างหมั่นเขี้ยว จากนั้นพอผมได้โทรศัพท์คืนมา ก็เลยโทรไปปรึกษากับพี่หมวย ถึงตรงนี้คนฟังถึงกับตาโต พี่หมวย! นี่พี่หมวยรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอเนี่ย! 55555 แล้วผมก็ส่งข้อความไปหาคนบางคนด้วยนะ อยากรู้มั้ยล่ะ ข้อความอะไร มือหนาเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ที่วางชาร์ตอยู่ข้างๆหมอนขึ้นมา เปิดข้อความให้คนหน้าสวยดู ช่วยสั่งสอนเด็กดื้อให้ผมทีสิครับพี่หมวย เสียงหวานอ่านข้อความนั้นจบตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที มือบางที่พีรวิชญ์คลายให้เป็นอิสระแล้วทุบลงที่อกอุ่นตรงหน้า ที่แท้ข้อความของพี่หมวยเมื่อตอนกลางวันก็คุณเองน่ะเหรอ!คุณนี่มัน.... คนหน้าหวานหยุดคำพูดลงตรงนั้นเพราะไม่รู้จะสรรหาคำๆไหนมาเทียบดีถึงจะเหมาะกับคนเจ้าเล่ห์อย่างพีรวิชญ์ แล้วผมก็รู้ด้วยนะ ว่าคุณน่ะรอโทรศัพท์ของผมอยู่ตลอด คนถูกจับได้หลบสายตากรุ้มกริ่มด้วยความอาย ใบหน้าขาวเนียนถูกแทนที่ด้วยสีแดงเลือดฝาด ก่อนที่จะพูดเรื่องที่เพิ่งนึกขึ้นได้ แล้ววันนี้คุณทำไมถึงไม่มารับผม คุณรู้รึเปล่าว่าผมรอคุณจนถึงสองทุ่ม ผมรู้ครับก้อง รู้..รู้แล้วยังปล่อยให้ผมรออยู่อย่างนั้นเนี่ยนะ คุณรูปรึเปล่าว่าผมต้องกลับบ้านมาในสภาพเปียกปอนไปทั้งตัว คุณใจร้ายมากเลยนะคุณพีรวิชญ์ คราวนี้คนหน้าหวานตอบกลับมาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นน้อยใจ คนตัวโตยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มนวลไปมาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จริงๆวันนี้ผมมีประชุมตอนเย็น กว่าจะเสร็จก็ทุ่มกว่าแล้ว ผมไม่นึกว่าคุณจะรอผมนานขนาดนั้นแต่พอลองโทรมาที่บ้านพอรู้ว่าคุณยังไม่กลับผมก็รีบไปหาคุณที่วิภารามเลยนะก้อง แต่พอผมไปถึงก็สองทุ่มกว่าแล้ว คุณก็กลับมาแล้ว แล้วทำไมต้องปิดโทรศัพท์ด้วยล่ะ ก็แบทมันหมดนี่นา หมดหลังจากที่โทรคุยกับพี่ตุ่มแล้วรู้ว่าคุณยังไม่กลับนั่นแล่ะ เห็นมั้ย ผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งคุณเลยนะ คนตัวเล็กผงกหน้าเชิดขึ้นเป็นอันตอบรับว่าเชื่อ เอาล่ะ เมื่อเช้าคุณเป็นคนผิดนะ จะขออภัยโทษผมยังไงดี ก็..ขอโทษคำขอโทษที่เบาจนแทบไม่ได้ยินทำให้พีรวิชญ์หัวเราะร่วน ตาหวานก้มหน้าหลบสายตาคมคาย มือใหญ่เชยคางเรียวเล็กขึ้นมาให้มองหน้ากัน แค่คำขอโทษ ผมยังอภัยให้ไม่ได้นะครับคุณก้อง ผมต้องลงโทษคุณซะก่อน คนโดนคาดโทษอ้าปากหวังจะประท้วงทว่าคำทั้งหมดก็ต้องถูกกลืนหายไปเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นตรงหน้าก้มลงประกบเสียจนหมดหนทางจะเจรจา.... ------------------------------------------- ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคค่ะ ^^ ผิดแผน!....แต่ก็โอเค้
ตอนนี้เป็นตอนที่(พยายามจะ)เอาพี่ตุ่มกับเจ๋งเข้ามามีส่วนร่วมอย่างที่พี่นิดบอกไว้นะคะ แต่บอกไว้ก่อนว่าปอเขียนมันออกมาไม่ค่อยตรงคอนเซปต์เท่าไหร่เลย เขียนไปเขียนมาก็กลายเป็นออกนอกคอนเซปต์ไปซะงั้นค่ะ ฮี่ๆ //หยอกเย้า
นี่คุณ จะเดินหนีผมไปถึงไหนเนี่ย ร่างสูงเร่งความเร็วเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังเดินหนีไม่มีทีท่าจะหยุด ก้อง..นี่ผมเมื่อยแล้วนะ เสียงออดอ้อนที่ดูเหมือนจะน่ารักน่าชังของคนตัวโตทำให้ก้องบดินทร์เร่งฝีเท้าหนีด้วยความรำคาญ(?) ก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยออกมา เมื่อยก็เลิกตามผมซักทีสิครับ นี่ผมกำลังทำงานอยู่นะ เมื่อเห็นว่าเสียงเง้างอดน่ารักดูจะไม่เป็นผล พีรวิชญ์เร่งความเร็วแล้วพาตัวเองขึ้นมายืนขวางคนที่กำลังเดินหนีเอาไว้ ก้องบดินทร์ชักสีหน้าไม่พอใจ คุณพีรวิชญ์ ครับ คุณก้องบดินทร์ คำขานรับที่ดูแสนจะกวนประสาทนั้นยิ่งทำให้ดวงหน้าหวานเริ่มจะกลายเป็นบูดขึ้นทุกทีๆ พีรวิชญ์ยิ้มกว้างอย่างรู้สึกสนุก ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง ก็นี่มันเที่ยงกว่าแล้วนะก้อง ผมมารับคุณไปทานข้าว คุณเห็นมั้ยครับว่าผมยังทำงานอยู่ เห็น แล้วผมก็เห็นด้วยว่างานของคุณน่ะ มันเสร็จแล้ว เพราะวันนี้คุณมีเวรแค่ช่วงเช้าเท่านั้น ว่าแล้วคนตัวโตก็คว้าแฟ้มเอกสารในมือของคนตรงหน้าไปอย่างหน้าตาเฉย คุณ..คุณรู้ตารางงานของผมได้ยังไง แล้วนี่..เอาแฟ้มของผมมานะ มือเล็กๆยืดออกไปหวังจะทวงของที่ชายตรงหน้ากอดเอาไว้แน่น ทว่าไม่เป็นผลเมื่อคนหน้ากวนเอาแต่เบี่ยงตัวหลบพัลวัน นี่คุณ..! ผลการรักษาผู้ป่วยห้องสี่ศูนย์สาม พีรวิชญ์อ่านที่หน้าปกแฟ้มนั่นเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวาน ต้องเอาไปเก็บก่อนถึงจะออกเวรได้ใช่ม๊ะ เดี๋ยวผมเอาไปคืนพี่หมวยให้ ว่าแล้วคนพูดก็เดินนำหน้าไปทางแผนกผู้ป่วยใน ดวงหน้าหวานอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อดูแล้วนายพีรวิชญ์นี่จะรู้ดีไปเสียหมดทุกอย่าง เอามานี่นะคุณพีรวิชญ์ แฟ้มเนี่ยผมต้องเป็นคนเอาไปคืนเอง ผมก็คืนได้ ไม่เชื่อคุณดูสิตารีเรียวหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องสำหรับเจ้าหน้าที่ คุณ..เข้าไปไม่ได้นะ เสียงเจื้อยแจ้วที่ตะโกนบอกไม่ทำให้คนตัวโตหยุด เค้าเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะของพยาบาลสาวคนหนึ่ง อ้าว พี มีไร คำถามที่ถูกปล่อยออกมาอย่างกันเองทำให้ก้องบดินทร์เอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ คิ้วสวยขมวดหากันแน่น ผมเอาแฟ้มห้องสี่ศูนย์สามมาคืนครับ เดี๋ยวผมต้องพาก้องไปทานข้าวแล้ว เลยเวลามามากแล้วคนหน้าหวานเม้มปากแน่นอย่างโมโหเมื่อได้ยินคำพูดที่มัดมือชกของพีรวิชญ์ อั๊นแน่ะ..ตลอดเลยนะเรา เสียงแซวจากพี่หมวยทำให้ก้องบดินทร์ยิ่งงเข้าไปใหญ่ ที่ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่? คนหน้าคมหันมายักคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาที่คนตัวเล็ก มือใหญ่ถือวิสาสะคว้ามือเรียวขึ้นจับกุมส่งผลให้คนถูกจับมือเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มือเล็กนั้นพยายามดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากการพันธนาการแต่ก็ไม่เป็นผล ใบหน้าหวานเปลี่ยนเปลี่ยนสีหน้าเง้างอดอย่างขัดใจเมื่อจำต้องเดินออกไปทั้งๆที่จูงมือไว้อยู่อย่างนั้น ใบหน้าคมระบายยิ้มกว้าง มือใหญ่กระชับการเกาะกุมให้แน่นขึ้น เอาล่ะ วันนี้จะไปทานอะไรกันดีครับ คุณไปรู้จักกับพี่หมวยได้ยังไงกันน่ะ ก้องบดินทร์ถามขึ้นทันทีหลังจากที่ทั้งคู่พากันมาหยุดอยู่ที่รถเลคซัสคันสวย ไม่ใช่แค่พี่หมวยนะคุณ พี่หมง พี่วุฒิ พี่หญิงแผนกยา พี่กิ่ง พี่ศิลป์ พี่เชษฐ์ พี่อัปสร พี่นิ แผนกเดียวกับคุณ พี่กิ๊ก แม้แต่จุ๊กจิ๊ก น้องนักศึกษาฝึกหัดผมก็รู้จักนะ ใบหน้าหวานที่อึ้งไปทำให้คนมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศหัวเราะออกมา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเนียนโอบไหล่เล็กนั่นอีกครั้ง ป่ะ ขึ้นรถ เหมือนคนที่กำลังงงจะนึกขึ้นได้ว่ากำลังถูกแต๊ะอั๋ง เจ้าตัวรีบเบี่ยงตัวหลบก่อนจะหันมาส่งสายตาขู่ฟ่อๆอย่างเอาเรื่อง เอาล่ะๆ ผมจะไม่แตะตัวคุณละ(เหรอ?) ตกลงวันนี้คุณอยากทานอะไรครับ ผมไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้นแล่ะ ผมจะกลับบ้าน งอแงจนได้ที่แล้วก็หมุนตัวหนีตามสไตล์ก้องบดินทร์ คนหน้าหวานเดินมุ่งไปยังแท็กซี่ที่จอดเอาไว้รอผู้โดยสาร ก่อนจะต้องเซกลับไปยังที่เก่าเมื่อแขนเรียวถูกคนอีกคนกระชากเข้าไปหา แรงดึงเมื่อครู่ทำให้คนตัวเล็กกระเด็นไปจนชิดคนที่เป็นฝ่ายดึง มือใหญ่โอบเอวเล็กเอาไว้อย่างหลวมๆตามสัญชาตญาณ ก้องบดินทร์รีบผละตัวเองออกก่อนจะก้มหน้างุด ส่วนคนอีกคนก็ได้แต่ยิ้มเขินๆไม่ต่างกัน พีรวิชญ์ยกมือขึ้นเกาท้ายถอย จมูกโด่งสูดลมหายใจเข้าปอดลึกและพ่นมันออกมาทางปากเรียวบาง เอ่อ..ก็..ก็ดีเหมือนกันนะ ไปทานข้าวบ้านคุณ ผมจะได้ไปเยี่ยมคุณป้าด้วยไง อาการเก้ๆกังๆเมื่อครู่ถูกปรับเปลี่ยนหายไปในพริบตา พีรวิชญ์ยิ้มตาหยีก่อนจะดันคนตัวเล็กเข้าไปในรถ คราวนี้ก้องบดินทร์ยอมขึ้นไปนั่งแต่โดยดี พ่อพีนี่คุยสนุกจังเลยนะ น่ารัก อัธยาศัยดี มีน้ำใจ ใครได้เป็นแฟนสงสัยจะรักแย่เลย เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากลั่นบ้านของคนสี่คนที่คุยกันอย่างสนุกปากทำให้คนเพียงคนเดียวที่นั่งเงียบยิ่งหน้าบูดเข้าไปใหญ่ คนถูกชมหัวเราะเขินๆก่อนจะหันมายักคิ้วให้กับคนหน้าหวานที่กำลังจะกลายเป็นคนหน้าบูด พี่ตุ่มที่กำลังหัวเราะร่วนได้ทีก็แอบส่งสายตามาที่ก้องบดินทร์ก่อนจะรีบสมทบอย่างเอาเป็นเอาตาย นั่นสิคะป้าฟอง ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีม๊ากมากกกกกกกเลย คิคิ คนหน้าหวานผ่อนลมหายใจอย่างหงุดหงิดและพลันก็ต้องหันไปถลึงตาใส่พี่ตุ่มเมื่อรู้สึกได้ว่าสาวประเภทสองรุ่นป้ากำลังเชียร์อัพคนหน้าคมอย่างออกหน้าออกตา เจ๊ก็..พูดแบบนี้พีเค้าก็เขินแย่ ขนาดชั้นยังเขินเลยเนี่ย ไม่รู้ว่าใครบางคนจะรู้สึกอะไรกับเค้าบ้างรึเปล่าเนอะเจ๊เนอะ งานนี้เจ๋งทำหน้าที่ประสานรับได้ไม่ขาดตกบกพร่องจนพี่ตุ่มหันมาทุบไหล่ผู้เป็นดังลูกสมุนแรงๆอย่างชอบใจ โอ๊ะเจ๊ เจ็บ! ป้าฟองยิ้มขำกับท่าทางของพี่ตุ่มและเจ๋ง ขนาดเหมือนว่าจะเข้ากันดีไม่ทันไรก็ตีกันอีกซะแล้ว อิ่มแล้วเหรอลูก ผู้เป็นแม่ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกชายวางช้อนลงและยกน้ำในแก้วเข้าปาก ครับแม่ ก้องขอตัวนะครับ พีรวิชญ์เงยหน้ามองตามคนตัวเล็กที่ละจากโต๊ะแล้วเดินขึ้นไปข้างบน ก่อนจะหันมายิ้มร่ากับป้าฟองเหมือนปกติ ดื้อจริงๆเลยน้องก้องเนี่ย พี่ว่าน้องพีต้องทำอะไรซักอย่างบ้างแล้วล่ะค่ะ เด็กดื้อจะได้รู้ใจตัวเองซักที พี่ตุ่มพูดขึ้นดังว่าตัวเองเป็นศิราณีผู้เชียวชาญด้านความรักก็ไม่ปาน หลังจากที่อาหารมื้อเที่ยงสิ้นสุดแล้ว ทั้งสามก็พากันมานั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน หรือว่าผมจะทำให้ก้องเค้ารำคาญรึเปล่าครับพี่ตุ่ม พีรวิชญ์ขมวดคิ้วย่นอย่างครุ่นคิด เจ๋งที่นั่งเงียบพูดขึ้นบ้าง คุณพีอย่างคิดแบบนั้นน่ะครับ อย่างน้องก้องเนี่ย ต้องลุยอย่างเดียว อย่ายอมเลิกราง่ายๆเชียว ผมไม่เลิกราง่ายๆหรอกครับ เอ้อจริงสิ!ขอบคุณมากนะครับพี่ตุ่ม เจ๋ง เรื่องตารางงานของก้อง สีหน้าจริงจังถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกว้างแสดงความขอบคุณ เล็กน้อยค่ะน้องพี เอ้อ! เอางี้ดีมั้ยคะ... เสียงที่คุยกันด้วยน้ำเสียงปรกติของทั้งสามถูกปรับให้เบาลงเพื่อซุบซิบกันถึงเรื่องบางอย่าง คนหน้าคมยิ้มจ้าเล่ห์ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นจากกระเทยรุ่นใหญ่ พลางพยักหน้าหงึกหงักตามอย่างว่าง่าย ผมว่าน้องจุ๊กจิ๊กนี่น่ารักดีนะ คุณมีเบอร์น้องเค้ามั้ยอ่ะ คนหน้าหวานย่นคิ้วด้วยความแปลกใจ คุณชอบจุ๊กจิ๊กเหรอ เดี๋ยวผมบอกน้องเค้าให้ละกัน สิ้นเสียงหวานๆ พีรวิชญ์เม้มปากอย่างขัดใจ ผิดแผน..ทำไมก้องพูดแบบนี้ล่ะ.. ก็..ชอบนะ สายตารีเรียวแอบเหล่มองการตอบสนองของคนข้างๆอยู่ชั่วครู่ สายตาที่ดูหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อยทำให้พีรวิชญ์รู้สึกพอใจ ก้อง! พลันเสียงเรียกของใครคนหนึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง พี่หมอ น้ำเสียงที่ร่าเริงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของคนหน้าหวานทำให้พีรวิชญ์เริ่มมองก้องบดินทร์และคนที่ก้องเรียกว่าพี่หมอสลับกันไปมา กำลังจะเข้าเวรงั้นเหรอ ครับ พอดีเลย พี่ก็เพิ่งมาถึงพอดี งั้นเข้าไปพร้อมกัน ก้องบดินทร์พยักหน้ารับแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อแขนเรียวถูกคนที่มาด้วยเมื่อครู่รั้งเอาไว้ อะไรของคุณ อ้อ! เรื่องจุ๊กจิ๊ก เดี๋ยวผมจัดการให้ ไม่ต้องห่วง พีรวิชญ์ได้แต่ยืนมองคนตัวเล็กที่เดินเคียงคู่ไปกับชายร่างสูงอีกคนอย่างขัดใจ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ กะจะเล่นให้ก้องออกอาการหึงอย่างที่พี่ตุ่มบอก แต่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ คนที่กำลังจะหึงเลือดขึ้นหน้ากลับกลายเป็นเค้าซะเอง เสียงรอสายที่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าบ่งบอกว่าเจ้าของเบอร์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ซักทีนั้นทำให้คนหน้าคมยิ่งหงุดหงิด มือใหญ่กดโทรออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้คุยกับเสียงหวานนั่นซักที นี่ก้องทำอะไรอยู่เนี่ย ยังอยู่กับไอ้พี่หมอนั่นอยู่รึเปล่า... พีรวิชญ์เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องเป็นหนูติดจั่น ตารางเข้าเวรของก้องถูกหยิบขึ้นมาดูเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน เวลาการออกเวรของวันนี้คือสี่โมงเย็น อีกสองชั่วโมง...พีรวิชญ์ตัดสินใจคว้าเสื้อคลุมตัวเก่งพร้อมกับกุญแจรถออกไปอย่างไม่รีรอ เสาใหญ่ต้นกลมๆที่ตั้งอยู่ใจกลางโรงพยาบาลวิภารามถูกจับจองด้วยหลังกว้างของพีรวิชญ์ สายตาเคร่งมองผ่านฝูงชนที่พลุกพล่านจอแจหวังจะให้พบกับใบหน้าหวาน ข้อมือขวาถูกยกขึ้นมาดูนาฬิกาเป็นครั้งที่สิบ ทำไมเวลาถึงได้เดินช้านัก.. ใบหน้าคมคลี่ยิ้มขึ้นเมื่อเห็นคนที่กำลังรอ ทว่ารอยยิ้มก็ต้องหุบลงเมื่อเห็นว่าคนหน้าหวานไมได้เดินมาคนเดียว แต่กลับเดินออกมาพร้อมกับพี่หมอคนเมื่อเช้า กลับบ้านได้แล้วก้อง คนตัวเล็กนึกหงุดหงิดเมื่อเห็นคนที่บอกว่ามารับทำทีท่าเสียมารยาท ตากลมโตเบิกกว้างเมื่ออยู่ๆพีรวิชญ์ก็มาประสานมือเอาไว้กับมือของเค้าซะดื้อๆ ร่างเล็กพยายามสะบัดมือออกเมื่อเห็นผู้ที่ตัวเองเรียกขานว่าพี่หมอมองอย่างงุนงงแต่ยิ่งสะบัดมือใหญ่ที่จับเอาไว้ก็ยิ่งกระชับแน่น ขอตัวนะครับพีรวิชญ์จูงมือก้องบดินทร์ออกมาอย่างไม่ยากนัก แต่พลันเมื่อถึงบริเวณที่รถคันสวยจอดเอาไว้คนที่ถูกจูงมืออย่างถือวิสาสะก็เริ่มทำการเหวี่ยง ปล่อยผมได้แล้วคุณพี ผมไม่ใช่เด็กๆนะถึงต้องมาคอยจูงมือเดินไปไหนมาไหน แรงสะบัดของก้องบดินทร์คราวนี้ทำให้พีรวิชญ์ยอมที่จะปล่อยให้คนขัดขืนเป็นอิสระ คุณชอบเค้ารึเปล่า คำถามที่ค้างคาใจหลายชั่วโมงถูกปล่อยออกมาทันที ชอบใคร อะไรของคุณ คนเมื่อกี๊ไง ผมดูออก ว่าเค้าชอบคุณ คุณมันบ้าไปแล้วคุณพี เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ผมจะกลับบ้าน ว่าแล้วคนถูกถามก็หันหน้านีก่อนจะรีบสาวเท้าเดินมุ่งไปที่บรรดารถแท็กซี่ที่พากันจอดเรียงรายอยู่ไม่ไกล ผมไม่ให้คุณไป แรงดึงทำให้คนถูกรั้งเซเข้าไปใกล้ คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากมือใหญ่ที่จับแขนของเค้าเอาไว้แน่น คุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามผมให้ทำอะไรนะ ปล่อย ผมจะกลับบ้าน คุณก็ให้สิทธิ์กับผมสิ ก้อง คุณก็รู้ว่าที่ผมทำทุกวันนี้มันหมายความว่าอะไร หรือคุณจะบอกว่าคุณไม่เข้าใจมัน.. แววตาขี้เล่นที่ตอนนี้มันกลายเป็นจริงจังขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยได้เห็นของคนหน้าคม ทำให้ก้องบดินทร์เผลอสบตากับคนตรงหน้านิ่ง จะแปลกมั้ยถ้าท่ามกลางคนที่เดินพลุกพล่านในโรงจอดรถของโรงพยาบาล แต่ตอนนี้ก้องบดินทร์และพีรวิชญ์กลับกำลังรู้สึกเหมือนว่าพื้นที่นี้มีเพียงเค้าแค่สองคน จังหวะหัวใจที่เคยเต้นเป็นปรกติเริ่มเต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เสียงแตรรถจากที่ใดซักที่จะดังเข้าโสตประสาททำลายความเงียบในใจ ผม..ผมไม่ข้าใจหรอก ปล่อย ผมบอกว่าผมจะกลับบ้าน คนหน้าหวานออกแรงขัดขืนอีกครั้ง ก้อง ก้อง! คนตัวโตออกแรงตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อยเพื่อควบคุมให้คนในอ้อมกอดหยุดดิ้นแล้วฟัง ถ้าคุณยังไม่เข้าใจ ผมก็จะบอก คราวนี้คนหน้าหวานรีบก้มหน้างุด ที่ผมทำไปทั้งหมดนั่นก็เพราะ...อุ๊บบ! ประโยคที่ยังออกมาไม่เสร็จสมบูรณ์ต้องเงียบหายไปเพราะมือเล็กที่ยกขึ้นปิดปาก ผมไม่อยากฟัง>< คนตะโกนบอกหลับตาปี๋ พีรวิชญ์ที่พูดปิดปากเห็นอาการของคนตรงหน้าแววตาเจ้าเล่ห์ที่หายไปไม่นานก็กลับมาอีกครั้ง ฉวยโอกาสจูบที่มือของคนหน้าหวานเบาๆ เฮ้ยยย! เล่นเอาคนถูกลวนลามชะงักมืออกแทบไม่ทัน สีหน้าขวยเขินเมื่อครู่กลับมาเป็นเหวี่ยงด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง อี๋~~~!ท่าทางรังเกียจแบบไม่จริงจังของก้องบดินทร์ทำให้คนหน้าคมหัวเราะออกมา ก่อนที่สีหน้าจะปรับเปลี่ยนมาเป็นจริงจังอีกครั้ง มือใหญ่สองข้างยกขึ้นมาจับที่ต้นแขนของคนตรงหน้า คุณไม่อยากฟังจริงๆเหรอก้อง ที่ผมจะบอกน่ะ คราวนี้คนถูกถามเบิกตาโพลง ก่อนจะหลบสายตาก้มหน้างุดๆ ที่เขินเนี่ย อยากฟังหรือไม่อยากฟังครับคุณก้องบดินทร์ ไม่ต้องพูดออกมาเลยนะ โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด ถ้างั้นถ้าไม่อยากให้ผมพูด ก็รีบขึ้นไปนั่งบนรถดีๆ คนตัวเล็กทำหน้าง้ำอย่างขัดใจก่อนที่จะส่งเสียงฮึดฮัดอย่างขุ่นเคือง สุดท้ายคนหน้าหวานก็ต้องยอมขึ้นไปนั่งในรถแต่โดยดี ก็เปิดสิ! ว่าแล้วก็ไม่วายเหวี่ยงออกมาให้พอเป็นเอกลักษณ์ คนถูกสั่งให้เปิดประตูรถหัวเราะร่วนก่อนจะทำตามอย่างว่าง่าย จากนี้ต่อไป สารถีพีรวิชญ์จะขับพาไปไหนก็ต้องตามนั้นแล้วล่ะ.. คนหน้าคมแอบนึกขอบคุณพี่ตุ่มกับเจ๋งสำหรับแผนการที่ให้ผมหลอกให้ก้องแสดงความหึง เพราะถึงมันจะไม่ผลทางตรงอย่างที่ตั้งใจกันเอาไว้ ก้องไม่ได้แสดงอาการหึงหวงออกมาอย่างที่ควรจะเป็น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้มาเห็นภาพก้องกับพี่หมออะไรนั่น กลายเป็นผมที่เกิดอาการหึงซะจนเลือดขึ้นหน้าซะเอง ทำให้ผมทนไม่ไหวจะต้องตามมาเคลียถึงที่ และก็ทำให้ก้องดูจะเข้าใจผมมากขึ้น..และมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมและก้องได้มีวันนี้.. ปากบางเฉียบของพีรวิชญ์ยิ้มออกมาน้อยๆอย่างมีความสุขเมื่อได้นึกย้อนถึงเรื่องราวในอดีต สายตาที่เหม่อมองไปยังข้างหน้าเปลี่ยนเป็นก้มลงมองใบหน้าหวานที่หลับไหลอยู่บนตัก มือหนาเกลี่ยเบาๆที่แก้มนวลเนียนด้วยกลัวว่าเจ้าตัวจะตื่น ปากอวบอิ่มสีแดงสดเผยอออกราวกับกับจะเชิญชวนให้สัมผัส พีรวิชญ์ก้มหน้าลงไปตอบสนองการเชื้อเชิญที่ไม่ได้ตั้งใจของกลีบปากเล็กคู่นั้น สัมผัสที่แผ่วเบาและนุ่มละมุนทำให้คนตัวโตรู้สึกเคลิบเคลิ้มจนยากที่จะถอนมันออกมา และแล้วตัณหานั้นก็ยากยิ่งขึ้นที่จะหยุดมันเมื่ออยู่ๆคนที่กำลังหลับไหลก็ยกมือขึ้นมาโอบรอบคอเป็นการตอบสนอง... ------------------------------------------- เอาเป็นว่า คราวหน้าถ้าปอคิดให้มันตรงคอนเซปได้ปอจะมาลงใหม่นะคะพี่นิด 555555 (ซะงั้นอ่ะ) ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคนะคะ ^^ รักคนมีเจ้าของ
ตามที่พี่นิดขอนะคะ ไม่รู้จะตรงใจบ้างรึเปล่า
(พี่นิดคิดพล็อตเก่งจังเลย คิดได้เยอะแยะเลย ปอคิดไม่ค่อยออก 5555) หาคนฟีทเจอรริ่งด้วยดีมั้ยคะ พี่นิดคิดพล็ตเรื่อง อีกคนเป็นคนเขียน แต่ตอนนี้ปองานเข้ารอบด้าน ว่างๆจะขอร่วมงานนะคะ ^^ ------------------------------------------------------ "พฤหัสที่แล้ววันเกิดก้องเหรอ แหม พากันไปเลี้ยงที่ไหนมา ไม่เห็นชวนพี่เลยนะ" หมอวินยิ้มน้อยๆพลางตักอาหารมื้อเที่ยงเข้าปาก "ก็..มัน..จริงๆมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอกฮะพี่หมอ" คนถูกถามตอบกุกกัก ก็จะให้ก้องบดินทร์ตอบออกมาได้ยังไงล่ะว่าเค้าเองนั่นแล่ะที่ขอเพื่อนๆไม่ให้บอกคนตรงหน้า "ทำไมจะไม่สำคัญล่ะ" ก้องบดินทร์ช้อนสายขึ้นมองทว่ากลับพบว่าคนพูดเอาแต่อมยิ้มมองไปที่อื่น ปากก็เคี้ยวอาหารในปากเหมือนว่าตนไม่ได้พูดอะไรออกมา พี่หมอน่ารักจัง ถ้าตอนนี้ผมไม่ได้มีพีอยู่แล้ว ผมก็คงต้องชอบพี่หมอแน่ๆ "อ้าวก้อง คิดอะไรอยู่ได้ ข้าวไม่ลดเลย กินน้อยแบบนี้น่ะสิถึงดูไม่โตซักที" หมอวินระบายยิ้มก่อนจะก้มหลบสายตาที่คนหน้าหวานมองมา ทำไมเค้าจะไม่รู้ว่าก้องกำลังมองเค้าอยู่ ก้องบดินทร์ยิ้มแห้งกับคำแซวว่าดูไม่โตซักทีของพี่หมอ ทว่าพลันในหัวก็คิดอะไรขึ้นได้ "อื้อ งั้นวันนี้พี่หมอก็ไปทานข้าวเย็นด้วยกันสิครับ" "หือ?" ช้อนในมือถูกวางลง น..นี่ก้องชวนผมไปกินข้าวเหรอเนี่ย? "ก็วันนี้เป็นวันพิเศษนะครับพี่หมอ" ว..วะ..วันพิเศษของก้อง "วันนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของพี่หญิงกับพี่วุฒิ พี่แผนกยาไงครับ คู่เนี๊ยะ เค้าปิ๊งกันตั้งแต่ก้องยังไม่ได้เข้ามาทำงานที่นี่เลยนะ พวกพี่ๆที่เค้าอยู่มาก่อนก้องก็ช่วยๆลุ้นกันทั้งนั้นแล่ะ สุดท้ายได้แต่งงานกัน วันนี้วันครบรอบพี่เค้าก็เลยชวนเลี้ยงกันทั้งโรงพยาบาลเลยครับ แต่พี่หมอเค้าคงไม่กล้าชวนมั้ง เป็นถึงคุณหมอใหญ่นี่เนอะ คิคิ" คนหน้าหวานยิ้มกว้าง ปากเล็กที่เจื้อยแจ้วทำให้หมอวินยิ้มตาม "ตกลงพี่หมอจะไปด้วยกันมั้ยครับ" "ฮะ..ก้องว่าไงนะ" "ก้องถามพี่หมอว่าสนใจจะไปด้วยกันมั้ยครับ คนเยอะแยะเลย น่าสนุกนะครับ" ร่างสูงหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักแพทย์ ธาวินส่ายหัวระบายยิ้มออกมากับความคิดเพ้อเจ้อก่อนหน้านี้ นึกว่าก้องจะชวนไปเดทกันสองคนซะอีก ที่ไหนได้ ชวนไปกินมื้อเย็นที่มีแขกร่วมโต๊ะนับสิบๆคน เฮ่อ..นาฬิกาข้อมือเรือนหรูบอกเวลาห้าโมงเย็น เสื้อกาวด์สีขาวสะอาดถูกวางลงที่โต๊ะอย่างเร่งรีบก่อนขายาวจะพาตัวเองวิ่งออกไป "ก้อง" "พี่หมอ"ก้องบดินทร์ยิ้มกว้างตามอัธยาศัย "มีอะไรเหรอครับ" "ก็..ห้าโมงแล้ว" ธาวินตอบพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เขิน ก้องบดินทร์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ "ครับ แล้ว.." "ก็ชวนพี่ไปทานข้าวเย็นกับพี่หญิงพี่วุฒิไม่ใช่เหรอ" คนตอบทำท่าเก้ๆกังๆ มือไม้สะเปะสปะไปทั่วคล้ายกับว่าในตอนนี้มันได้กลายเป็นอวัยวะที่เป็นส่วนเกินไปแล้ว ก็มันไม่รู้จิงๆนี่ว่า ตอนนี้เค้าควรจะเอามันไปวางไว้ตรงไหนดี อาหารมากมายถูกวางอยู่บนโต๊ะตัวยาวหลายตัวที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน สวนอาหารแนวธรรมชาตินี้ดูจะเป็นที่ถูกใจของบรรดาเพื่อนที่มาร่วมโต๊ะอาหารนับสิบคนไม่น้อย บรรยากาศบรรเลงไปอย่างสนุกสนานครื้นเครง เพื่อนร่วมงานราวยี่สิบคนพาคุยกันจอแจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะตักอาหารบนโต๊ะเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย "พาหมอวินมาเปิดตัวเหรอจ๊ะก้อง" รุ่นพี่พยาบาลสาวถามขึ้น ธาวินได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะระบายยิ้มแบบเก้ๆกังๆ "ครับ?" "เอ่อพี่หมายถึง พาหมอวินมาเปิดตัวเอง ให้ทุกคนได้รู้จักกับคุณหมอมากขึ้น ในฐานะที่เพิ่งเข้ามาประจำได้ไม่นานน่ะ พี่พูดอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย" พยาบาลสาวไม่ได้แกล้งแซว แต่เจ้าตัวรู้สึก แบบนั้นจริงๆ แต่การใช้คำถามที่กำกวมทำให้ก้องบดินทรทำหน้าไม่ถูก หัวข้อเม้ามอยท์ต่างๆนาๆถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นกันได้ไม่หยุดหย่อน ธาวินยิ้มระบายเมื่อเห็นคนข้างๆหัวเราะร่าไปกับพี่ๆ ก่อนที่คนหน้าหวานจะหยุดขำแล้วหันไปให้ความสนใจกับเก้าอี้ว่างข้างๆตัวเองที่มีมือใครคนนึงจับเพื่อพาตัวเองเข้ามานั่ง "อ้าวพี่มิค หวัดดีครับ ทำไมมาช้าจัง" ชายตัวโตร่างบึกยิ้มตอบรุ่นน้อง ก่อนจะนั่งลงแล้วตักอาหารตรงหน้าเข้าปากทันที "เฮ้ย!ๆๆ ลุกเลย ลุกๆ มาถึงก็กินเลย ตรงนั้นมีคนนั่งแล้ว"พี่หมงรีบโบกไม้โบกมือไล่ให้คนตัวใหญ่ย้ายไปนั่งที่อื่น คนถูกไล่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็มีมืออีกสองสามคู่มาฉุดกระฉากลากไถให้ลุกจากเก้าอี้แล้วจับกดให้นั่งอีกตัวนึงที่ว่างแทน "ไรวะ" คนถูกจับย้ายที่นั่งเกาหัวแกรกๆ ก้องบดินทร์ยิ้มขำๆกับท่าทีดูสนิทสนมของพี่ๆ เค้ามีความสุขเสมอเมื่อได้เห็นทุกคนมีความสุข การทำงานของที่นี่ดูจะเป็นกันเอง พี่ๆเพื่อนๆทุกคนก็น่ารัก และเจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงพยาบาลก็มีความรัก และเอื้ออาธรต่อกันเสมอ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่ว่าจะมีใครชวนไปทำงานที่อื่น ก้องบดินทร์ก็จะปฎิเสธเสมอ เพราะว่าเค้ารู้สึกผูกพันกับที่นี่จนเกินกว่าจะจากลาได้แล้ว "นั่นไง เจ้าของเค้ามาแล้ว" พี่หมงพยักเพยิดไปที่ร่างสูงที่กำลังจะเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตัวนั้น ก้องบดินทร์เขยิบตัวออกเล็กน้อยเพื่อหลีกให้ผู้มาใหม่เข้ามานั่งข้างๆ "คุณ!"ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ "ว่าไงครับคุณก้องบดินทร์" คนหน้าคมยิ้มตาหยี ก่อนจะทรุดลงไปนั่งข้างๆคนหน้าหวาน ก้องบดินทร์อ้าปากหวออย่างงงงวย "คุณมาได้ยังไงอ่ะ" "บังเอิญมั้ง"พีรวิชญ์ตอบแค่นั้นแล้วก็หันสายตาไปที่คนที่อยู่ถัดจากก้องบดินทร์ "สวัสดีครับคุณ.." "ผมธาวินครับ แอนนาอาจจะเคยพูดถึงผมให้คุณฟังบ้าง" "อ่อ ผมพีรวิชญ์ครับ แฟนก้อง" คำแนะนำตัวของคนหน้าคมทำให้ก้องบดินทร์อ้าปากค้าง รอยยิ้มของธาวินที่เคยกระจายอยู่เต็มใบหน้าผลุบหายไป ก่อนที่ตาสวยภายใต้กรอบแว่นจะหันเหไปทางอื่น อาหารที่อร่อยเมื่อครู่กลายเป็นอาหารที่รสชาติจืดชืดลงไปในบัดดล มือขาวได้แต่นั่งเขี่ยอาหารในจานไปมา เป๊งๆๆ!! เสียงช้อนเคาะกับโต๊ะสามสี่ครั้งเรียกความสนใจของทุกคนให้อยู่ในความสงบ ก่อนที่เสียงทุ้มใหญ่ของพยาบาลสาววัยใกล้สี่สิบจะเจื้อยแจ้วขึ้น "ฟังๆๆ อย่างที่เรารู้กัน วันนี้คือวันครบรอบแต่งงานหกปีของหญิงและไอ่วุฒิ " พลันจบประโยคแรกของพี่หมวย ทุกคนบนโต๊ะก็ร่วมกันส่งเสียงไชโยโห่หิ้วอย่างสนุกสนาน "เดี๋ยวก่อน ยังพูดไม่จบ วันนี้ หญิงกับวุฒิมันเลยมีเกมส์เกมส์นึงมาให้เล่น เกมส์นี้นะ หากใครเล่นชนะ ของรางวัลที่จะได้ก็คือ ตั๋วหนังรักโรแมนติกเรื่องรัก สองใบ เอาไว้ไปดูกับแฟน" พลันพี่หมวยพูดจบ บนโต๊ะก็มีทั้งเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น และเสียงเซ็งแซ่เคล้าคลอกันไป "โห่ ไม่มีแฟนอ่ะพี่หมวย ไปดูกับเพื่อนละกัน" "ไม่ได้ ใครไม่มีแฟน ห้ามเล่น" สิ้นคำประกาศของพี่หมวย หลายๆคนก็พากันทำหน้าหงิกอย่างเสียดาย เผื่อจะมีลุ้นได้ของฟรี "หนูเล่นๆ หนูมีแฟนๆ 5555" เสียงแป้นแร้นของจุ๊กจิ๊ก เด็กสาววัยมหาวิทยาลัยที่มาฝึกงานที่โรงพยาบาล ทำให้หลายๆคนพากันโห่ออกมาหมั่นไส้ปนขำ "แล้วมันเล่นยังไงอ่ะครับพี่หมวย" "เฮ้ยคุณ!"ก้องบดินทร์แตะที่แขนของพีรวิชญ์เบาๆเมื่อเห็นคนข้างๆมีทีท่าเหมือนจะร่วมเล่นกับเค้าด้วย "ผม-จะ-เล่น" พีหันมาบอกกับก้องก่อนจะหันไปสนใจกับเกมส์ที่ว่า พี่หมวยและพี่หมงหัวเราะคิกคัก แล้วก็เริ่มเล่ากติกาการเล่นเกมส์ให้ฟัง "เห็นขวดนี่มั้ย"พี่หมงยืนขึ้นก่อนจะชี้ไปที่ขวดเบียร์เปล่าๆที่วางอยู่ จับมันวางนอนลงที่พื้นโต๊ะ แล้วหมุนขวดให้ทุกคนดู สายตานับสิบจ้องมองท่าทางของพี่หมงด้วยความตั้งใจ "คนที่มีแฟนนะ "พี่หมงหันมาส่งสายตาให้พีก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ "คนที่มีแฟน ให้แยกออกมานั่งที่โต๊ะนี้" มืออวบของพี่หมงทุบไปที่โต๊ะอีกตัวข้างๆกัน "จากนั้นพี่หมวยจะเป็นคนหมุนขวด แล้วถ้าปากขวดหมุนไปหยุดอยู่ที่ใคร หึหึ" เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกนั่นทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่แล้วก็ต้องตั้งใจฟังต่อไป "ถ้าปากขวดไปหยุดอยู่ที่ใคร คนๆนั้นจะถูกถาม หรือให้ทำอะไรหนึ่งอย่าง โดยพวกพี่ นั่นก็คือพี่ กับพี่หมวย" "ทำอะไรอ่ะพี่" เสียงตะโกนถามของเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับก้อง ทำให้อีกหลายๆคนพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำถาม "ทำอะไรก็ได้ หรือถ้าเป็นให้ตอบคำถาม ก็จะต้องตอบตามตรง" "โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" "ใครตอบได้โดนใจที่สุด เอาไปเลย ตั๋วหนังรักสองใบ เอาไว้ไปดูกับแฟน" "น่าหนุกอ่ะ"จุ๊กจิ๊กยิ้มกว้างอย่างสนใจ ก่อนจะรีบพาตัวเองลุกไปนั่งที่โต๊ะตัวที่พี่หมงบอก "เดี๋ยวผมมานะก้อง" พีรวิชญ์พาตัวเองลุกขึ้นไปนั่งข้างๆจุ๊กจิ๊ก ทิ้งให้ก้องบดินทร์นั่งหน้าเหวอ นี่จะเล่นจริงๆใช่มั้ยเนี่ย! พี่วุฒิกับพี่หญิงเจ้าของงาน เอาเก้าอี้ของตัวเองย้ายไปนั่งใกล้ๆโต๊ะสำหรับเล่นเกมส์ ผู้เข้าแข่งขันมีทั้งหมดเจ็ดคน เข้านั่งประจำที่เป็นที่เรียบร้อย โต๊ะกลมถูกล้อมไปด้วยผู้ร่วมเล่นเกมส์ที่เป็นผู้หญิงหนึ่ง นั่นก็คือจุ๊กจิ๊ก และผู้ชายอีกหกคน และหนึ่งในหกนั่นก็คือพีรวิชญ์ "พี่หมวยๆ แล้วจะทำไงให้ปากขวดมันหันไปทางไอ่พีได้อ่ะ" เสียงทุ้มอวบกระซิบกระซาบถามพยาบาลรุ่นพี่ "เออน่า เล่นมันไปเรื่อยๆ มันต้องตกที่พีมันซักครั้งแล่ะ" คนอีกสิบว่าคนที่โต๊ะเดิม พากันพงักเพงิดชะเง้อคอลุ้นว่าศึกครั้งนี้ ใครจะได้ตั๋วหนังไปครอง งานนี้ของฟรีไม่สำคัญ ที่สำคัญคือศักดิ์ศรีต่างหาก อุวะฮ่ะฮ่าๆๆๆๆ หมอธาวินที่ดูเหมือนจะถูกลืมไปแล้ว นั่งสลดหดเหี่ยวอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม คนหน้าหวานพาตัวเองเขยิบออกไปอีกสองเก้าอี้เพื่อที่จะได้ดูคนหน้าคมเล่นเกมส์ได้ถนัดๆ ตาสวยใต้กรอบแว่นลอบมองใบหน้าหวานจนตัวเองเผลอระบายยิ้มออกมา ก่อนที่สายตาจะแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดเมื่อเห็นว่าตาคู่หวานกำลังทอดมองไปที่คนอีกคน ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาชอบหรือมาตกหลุมรักใครง่ายๆแบบนี้ คนหน้าหวานที่อยู่ในสายตาของผมในตอนนี้ ทำให้ทัศนคติที่ว่า 'รักแรกพบไม่มีอยู่จริง หากแต่ต้องใข้เวลาเท่านั้นถึงจะเกิดความรักขึ้นได้' เป็นอันต้องแปรเปลี่ยน ก็ในเมื่อตอนนี้ผมได้เจอด้วยตัวเองแล้ว นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นใบหน้าหวานดูไร้เดียงสาของคนตรงหน้า ในวันที่เหมือนฟ้าเป็นใจ หลังจากที่ผมกลับจากสวิสได้ไม่นาน แอนนาเรียกผมให้เข้าไปเจอกันที่ผับชื่อดังแห่งนึง และพลันสายตาของผมได้พบกับใบหน้าหวาน และท่าทีที่ดูไม่คุ้นเคยกับสถานที่ของเค้า ก็ทำให้วันนั้นผมต้องแอบมองเค้าอยู่หลายครั้ง บางครั้งที่สายตาประสานกันพอดีบ้าง ก็ทำผมรู้สึกใจเต้นรัวจนรีบหลบสายตาหวานคู่นั้นแทบไม่ทัน ทว่าตัวต้นเหตุให้ผมใจเต้นคงไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะก้องยังมัวแต่สนใจกับแก้วแอลกอฮอล์ในมือ ตอนที่แอนนากับแอนนี่เพื่อนของเธอลุกออกไปจากโต๊ะเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้ผมอยู่กับก้องบดินทร์แค่สองคน ผมเห็นก็รู้แล้วว่านั่นคงเป็นครั้งแรกที่เค้าดื่ม ใบหน้าแดงก่ำบวกกับสายตาเหม่อลอยทำให้ผมรู้ว่าเค้าคงกำลังเมาได้ที่ แต่ก้องก็ไม่มีท่าทีจะหยุดดื่ม จนสุดท้ายเด็กดื้อก็ต้องฟุบลงกับโซฟาอย่างหมดท่า และท่าทีของคนเมาที่หลับพริ้มเอนหลังไปกับโซฟาดูน่ารักน่าเอ็นดูนั่น ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นไปเพ่งพิศหน้าสวยใกล้ๆ จนได้เห็นรายละเอียดของเครื่องหน้าที่ครบครันและดูพอดิบพอดี นัยตากลมโตที่ปิดลงแต่ยังคงมีกรอบของแพขนตาที่ทั้งหนาและยาว จมูกโด่งรั้นน่าบีบ แก้มแดงระเรื่อและรูปปากเล็กๆที่สีออกแดงจัด ทำให้ผมทึ่งกับคนเมาไม่ได้สติไปชั่วครู่ 'น่ารัก' คือคำที่ออกมาจากการประเมินผลของผม วันนั้นผมจึงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปัดผมที่ร่วงลงมาปิดหน้าเค้าออก แถมยังอาศัยช่วงจังหวะนั้น แอบลากนิ้วให้ถูกแก้มเค้าแบบเฉี่ยวๆอีกต่างหาก ถ้าไม่กลัวว่าก้องจะรู้สึกตัวล่ะก็ ผมก็อยากจะเอามือไปสัมผัสใบหน้านั้นดูซักครั้ง ยังไม่ทันที่ผมจะมองหน้าก้องจนอิ่มใจเลย อยู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาทิ้งตัวลงข้างๆก้องแล้วจับตัวก้องให้เอนซบลงกับตัวเค้า วูบแรกที่ผมเห็นภาพนั้น รู้สึกว่าเกิดสิ่งผิกปกติที่บริเวณหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง เหมือนมันกระตุกเล็กๆ สายตาคมของผู้ชายคนนั้นมองมาที่ผมเหมือนไม่ค่อยพอใจ พอดีกับที่แอนนามาแล้วคุยกับเค้าคนนั้นสองสามคำ ทำให้ผมได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือพีรวิชญ์ เพื่อนที่แอนนาเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ และผมก็รู้ตัวแล้ว ว่าไปตกหลุมรักคนมีเจ้าของเข้าให้แล้ว ผมไม่แปลกใจเลยนะที่ก้องจะมีคนๆนั้นอยู่แล้ว เอ่อ..ก็เค้าน่ารักซะขนาดนั้น.. วันต่อมา ผมได้รับการติดต่อจากพี่ศิลธุ เพื่อนของพี่ชายแท้ๆของผมซึ่งเสียชีวิตไปแล้วให้ไปร่วมงานด้วยกัน พี่ศิลธุเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลวิภาราม วันนั้นผมเข้าไปที่นั่นโดยที่ไม่รู้เลยว่าพี่ศิลธุเรียกผมไปพบทำไม ตอนนั้นผมก็แค่เข้าใจว่า คงจะเรียกไปเจอเพื่อทักทายตามปกติ จนเมื่อผมได้ยินคำชวนให้ร่วมงานของพี่ศิลธุ ผมรีบปฎิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด เพราะผมก็มีคลีนิคของผมเองอยู่แล้ว และตั้งใจจะเลิกการทำงานแบบเป็นแพทย์ประจำตามโรงพยาบาลเพราะนั่นมันทำให้ผมเหนื่อยโดยไม่จำเป็น ในเมื่อแพทย์ที่นั่นก็ไม่ได้ขาดอะไร ผมคิดว่า พี่ศิลธุคงจะชวนเพราะอยากให้ผมมาอยู่ใกล้ๆ ตามที่พี่ชายของผมเคยฝากฝังให้ดูแลผมมากกว่า ผมว่าสู้มาเต็มที่กับคลีนิคของผมเองไม่ดีกว่าเหรอ ผมพาตัวเองก้าวออกมาจากร้านกาแฟในโรงพยาบาล ที่นัดพบของผมกับพี่ศิลธุ ผมมั่นใจว่าผมตัดสินใจดีแล้วที่ปฏิเสธไป จนกระทั่ง.. ผมเห็นผู้ชายคนนึง เค้าอยู่ในชุดกาวด์สีขาวสะอาด รูปร่างท่าทางแบบนั้น ถึงเป็นจากข้างหลังผมก็จำได้ และเมื่อเค้าหันมา รอยยิ้มของผมก็ผุดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ผมรีบหันหลังพาตัวเองกลับไปในร้านกาแฟเพื่อตอบตกลงพี่ศิลธุเรื่องที่จะเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลวิภาราม ท่าทีปะหลาดใจของเพื่อนพี่ชายผมทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะขำตัวเอง อะไรหนอทำให้ผมบ้าได้ขนาดนี้.. ผมรู้แล้วล่ะ ก้องบดินทร์นี่เอง "หมอวินคะ" เสียงเรียกของพี่หมงทำให้ธาวินหลุดจากภวังค์ หันไปมองตามคิ้วที่พยักเพยิดชี้ชวนให้ดูเกมส์ที่น่าสนุกบนโต๊ะๆข้างๆนั่น "หมอวินไม่เล่นด้วยกันเหรอ เนี่ย เค้าจะเริ่มละนะ" "เอ่อ..ผมยังไม่มีแฟนครับ" คำตอบที่มอบให้พยาบาลสาว แต่สายตากลับทอดมองไปที่คนหน้าหวานที่กำลังเม้มปากขมวดคิ้วอย่างลุ้นๆ ขวดแก้วหมุนไปตามแรงมือของพี่หมวย ปากขวดหมุนวนอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดซักที สายตานับสิบจ้องมองที่ปากขวดเพื่อหาคำตอบว่าสุดท้ายแล้วมันจะหยุดอยู่ที่ใคร "ไอ่มืด!!" เสียงตะโกนของหลายๆคนอ่านตามปากขวดที่หันไปชี้ไปทางไอ่มืด ชายหนุ่มผิวเข้ม เจ้าตัวขมวดคิ้วเซ็งๆกับชื่อที่เพื่อนๆพากันเรียกเพราะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เค้าพยายามพร่ำบอกว่าเค้าชื่อเอ็ดเวิร์ด แต่เพื่อนก็ยังพร้อมใจกันเรียกเค้าว่ามืดอยู่ดี "อีกนิดเดียวเองอ่ะพี่" พี่หมงกระซิบพี่หมวยอีกครั้งอย่างเสียดาย ถ้าปากขวดหมุนไปทางซ้ายอีกนิด คนที่ถูกถามคำถามก็เป็นพีแล้ว ก้องบดินทร์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไอ่ตั๋วหนังนั้นเค้าไม่ได้อยากได้หรอก ขีนได้มาคนคงแซวกันใหญ่แน่ๆว่าพีจะไปดูกับใคร.. ทว่าฟ้าเหมือนไม่เป็นใจให้คนหน้าหวาน อาจเป็นเพราะลมพัด โต๊ะเอียง หรือแรงเป่าของพี่ๆหลายๆคนที่กำลังนั่งเป่าฟู่ๆหวังให้ขวดเปลี่ยนทิศทางนั่นก็แล้วแต่เมื่ออยู่ดีๆ ปากขวดก็หันทิศทางไปทางซ้ายเล็กน้อย "ไอ้พี !เอ้ย คุณพีรวิชญ์!" พี่หมง พี่หมวย และสาวๆพยาบาลสามสี่คนเจ้าของลมเป่า ตะโกนขึ้นอย่างดีใจ มือไม้พากันกำแน่นสะดีดสะดิ้งดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ อะไรจะต้องดีใจขนาดนั้น.. "เฮ้ย!" ตากลมโตเบิกกว้าง ก่อนจะที่แก้มใสจะเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อเมื่อพี่ๆพากันแซวว่าจะพีรวิชญ์เอาตั๋วหนังไปดูกับใคร คนหน้าคมหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนหน้าหวานที่มัวแต่ก้มหน้างุด ก่อนจะหันไปตอบทุกคน "จะไปดูกับก้องน่ะครับ" ฮี้วววววววววววววววววววว~~~~!!!! เสียงเฮละโลพากันโห่แซวจนก้องอยากจะมุดหายไปจากงานมันซะตอนนั้น มือเล็กที่ซุกอยู่ใต้โต๊ะแอบจิกกันไปมาเพื่อหาอะไรทำแก้อาย ปากเล็กเม้มหากันแน่น ตาคู่หวานหลบต่ำมองลงไปที่ใต้โต๊ะ ก็สายตายิ้มเยิ้มของพี่ๆนับสิบคนที่มองมาที่เค้าในตอนนี้ ใครจะไปอยากเห็นเล่า พีนะพี ผมไม่เคยอายอะไรมากเท่านี้มากก่อนเลยนะ หืยยย~> พี่หมงกับเพื่อนๆดูจะหัวเราะชอบใจมากที่สุด แต่แล้วก็ต้องรีบสำรวมเพื่อเล่นเกมส์ต่อ "ของรางวัลนั่นก็คือ ตั๋วหนังให้ไปดูกับคนรักใช่มั้ย เพราะฉะนั้น พี่หมวยขอให้คุณพีรวิชญ์ เล่าถึงคนๆนั้นที่คุณจะเอาตั๋วหนังเนี่ยไปใช้กับเค้า" "ห่ะ!!" ก้องบดินทร์อ้าปากหวอทำหน้าไม่ถูก มือเล็กถูกยกขึ้นมาเกาหัวแก้เก้อ ตาหวานมุดลงต่ำหลบสายตาคนนับสิบที่พากันหันมามอง พี่หมวยพี่หมงและพยาบาลสาวๆ แอบเขินซะเอง ก่อนจะรีบเก็บอาการเพื่อรอฟังเรื่องเล่าของผู้เข้าแข่งขันตรงหน้า ธาวินหันมองตามสายตาของทุกคน ปากสวยถอนหายใจยาวออกมาเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกทุกคนตอกย้ำถึงความสัมพันของก้องบดินทร์กับเค้าคนนั้น แววตาเว้าวอนที่พยายามส่งไปและหวังให้คนหน้าหวานได้มองเห็นมันบ้างดูจะไม่มีอะไรดีขึ้น ธาวินลุกจากเก้าอี้เพื่อออกไปหาที่ๆน่าจะมีบรรยากาศที่ดีกว่านี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ที่นี่ ที่ๆเค้าต้องทนเห็นสายตาหยอกล้อและเสียงแซวของเพื่อนร่วมงานนับสิบที่พากันมองและแซวก้องกับคนๆนั้น "จะไปไหนครับพี่หมอ" เสียงนุ่มทำให้ร่างสูงต้องชะงัก รอยยิ้มอ่อนโยนจากดวงหน้าหวานทำให้ธาวินเริ่มไปไม่ถูก ขาที่กำลังจะก้าวเดินออกไปกลับดื้อไปยอมก้าวต่อซะนี่ "พีวินไม่สนุกเหรอครับ" คำถามที่เจือมากับแววตาห่วงใยตามประสาคนรู้จักที่มาด้วยกันนั้น ก้องบดินทร์คงไม่รู้ตัวว่ามันเป็นการรั้งที่ทำออกมาได้ดีโดยที่เค้าไม่ต้องทำอะไรมากมายเลย แค่เค้าถามออกมากับแววตาน่ารักแบบนั้น ก็ทำให้คนตัวสูงต้องทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเก่า "เอ่อ..เปล่าครับ" ธาวินถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง อยากจะลุกไปจากตรงนี้ซะเดี๋ยวนี้ แต่พอเห็นคนหน้าหวานหันมาถามแค่นี้ ก็ไปไหนไม่เป็นซะแล้ว "คือ..ผมเจอกับเค้าที่โรงพยาบาลวิภาราม" ประโยคแรกของพีรวิชญ์ ทำเอาสาวๆต่างพากันกรี๊ดออกมาอย่างขวยเขินอย่างกับเป็นตัวเอง "โห..นี่ก็แสดงว่าวิภารามนี่ไม่ใช่ที่สถานที่พบรักเฉพาะคู่วุฒิกับหญิงแล้วนะเนี่ยยย" พี่หมงรีบแซว ก่อนที่ตาคู่เล็กจะแอบเหลือบไปมองคุณหมอรูปหล่อที่มาด้วยก็พบว่าสายตาใต้กรอบแว่นนั่นนั่งมองสิ่งรอบตัวไปเรื่อยเหมือนไม่ได้สนใจฟัง "ไงต่อๆ" พีรวิชญ์หันสายตามามองที่คนก้มหน้างุด ก่อนจะระบายยิ้มออกไป "ก็..เค้าหาว่าผมเป็นขโมยครับ" "หาาา!"ท่าทีให้ความสนใจของทุกคนทำให้ก้องบดินทร์แทบอยากจะลุกขึ้นไปฉีกเนื้อคนเล่าให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ ยิ่งเรื่องที่เค้าเข้าใจผิดว่าพีรวิชญ์เป็นขโมย แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ ยิ่งเป็นการเน้นย้ำอาการหน้าแตกกระจายของเค้าได้จนไม่เหลือชิ้นดี "ก็..เค้านึกว่าผมขโมยกระเป๋าตังของแม่เค้าน่ะครับ เค้าวิ่งตามผมที่เดินกะเผลกอยู่ ในมือผมก็มีไม้เท้าช่วยค้ำยันช่วยให้ผมเดินสะดวก แต่แล้วอยู่ๆเค้าก็วิ่งมาชนผมจากด้านหลัง ผมล้มลงไปที่พื้น ส่วนไม้เท้าของผมก็กระเด็นไปอีกทาง ตอนนั้นผมโมโหมาก กะว่าจะต้องด่าหรือไม่ก็ชกกันซักตั้ง แต่พอผมหันหน้าไปดูคนที่วิ่งชนผมจนล้ม ตอนนั้นผมก็.." คนเล่าหันมามองคนที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง ก่อนจะระบายยิ้มอบอุ่นออกมา "ก็ทำอะไรไม่ได้เลย" ฮี้ววววววววววววววววววววววว เสียงแซวนับสิงยิ่งทำให้ก้องบดินทร์รู้สึกใจเต้น พีรวิชญ์ยิ้มเขินออกมาก่อนจะเล่าต่อ "ผมทำได้แค่ว่าเค้าเล็กๆน้อยพอให้ดูดีเท่านั้นเอง ตอนนั้นผมโกรธอะไรเค้าอยู่ผมก็ลืมมันไปหมดแล้วด้วยซ้ำ จริงๆคนที่ควรโมโหน่าจะเป็นผมที่ถูกเค้าวิ่งมาชน แต่กลับกลายเป็นเค้ามาวีนใส่ผม ว่าผมเอากระเป๋าตังของแม่เค้าไป เค้าขู่ว่าจะเรียกรปภ.มาจัดการผม ผมก็เลยอาสาเรียกให้แทน เพราะผมรู้ว่าผมไม่ได้เอาไปจริงๆอยู่แล้ว และสุดท้ายเค้าก็เลยเอามือมาปิดปากผมไว้ ตอนนั้นผมอึ้งไปที่มือของเค้ามาโดนปากของผม จากนั้นแม่เค้าก็เดินมาบอกว่า เค้าเจอกระเป๋าตังแล้ว แม่เค้าลืมเอาไว้ในห้องน้ำนะครับ นั่นก็ทำให้ผมได้รู้ว่าเค้าที่วิ่งมาหาเรื่องผมคนนั้นน่ะ ชื่อก้อง" กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด> เสียงวี๊ดว้ายของสาวๆทำเอาคนถูกพูดถึงยิ่งทำหน้าไม่ถูก บางคนอาการหนักถึงขั้นหันไปจับมือกันเอาไว้แล้วสบตากันทำเขินเสียจนเหมือนว่าเป็นเรื่องของตัวเอง "เอ่อ..ผมลืมบอกไปว่า วันนั้นผมยื่นมือให้เค้าจับผมให้ลุกขึ้น ก็ตั้งใจว่าจะหลอกจับมือเค้าซะหน่อย แต่ว่าเค้ากลับจับที่แขนของผมแทน แห่ะๆ " พีรวิชญ์ลังเลว่าจะเล่าต่อรึเปล่า แต่เมื่อเห็นสายตาตั้งใจฟังของทุกคนแล้ว ปากบางก็เลยขยับอีกครั้งเพื่อเล่าเหตุการณ์ต่อจากนั้น "จากนั้นเค้าก็บังเอิญต้องมาทำกายภาพบำบัดให้ผมที่คอนโด" แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย> "บังเอิญโคดอ่ะ" พี่หมวยรีบแทรก "แบบนี้เค้าเรียกว่าพรหมลิขิตต่างหากพี่" คำพูดของจุ๊กจิ๊กทำให้พีรวิชญ์ยิ้มออกมา "ครับ ผมก็ว่าแบบนั้นเหมือนกัน..ผมกวนประสาทเค้าเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ" "เล็กน้อยที่ไหนล่ะ" คนหน้าหวานที่นั่งนิ่งอยู่นานทนไม่ไหว รีบพูดแทรกออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนที่จะเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ควรพูดออกไปเลยให้ตาย คนหน้าหวานกัดปากแน่นเป็นการทำโทษตัวเองที่เผลอไปมีส่วนร่วม ทำให้พี่ๆยิ่งพากันแซวมากขึ้นไปอีก "มันก็น้อยสำหรับผมอ่ะ วันนั้นผมอยากแหย่คุณมากกว่านั้นอีก แต่กลัวคุณจะไม่ยอมมาทำกายภาพให้ผมต่อ" ประโยคโต้กลับของคนหน้าคมทำให้พี่ๆวี๊ดว้ายออกมาอย่างชอบใจ "ฮี้ววววววววววววว ก้องก็ยอมๆเค้าหน่อยเซ่ พีน่ารักจะตาย เดี๋ยวเค้าเปลี่ยนใจไปมีคนอื่นล่ะจะเสียใจ ชิ!" เสียงแซวของพี่หมวยทำให้ก้องบดินทร์อดไม่ได้ที่จะทำหน้าเง้างอดด้วยความขัดใจ ทำงานด้วยกันมาตั้งนาน ไหงกลายไปเป็นพวกนายพีไปซะหมดแล้วเนี่ย พูดอะไรก็วี๊ดว้ายเชียร์กันใหญ่ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว พีรวิชญ์ยักคิ้วให้ก้องบดิทร์อย่างผู้เป็นต่อ เวลานี้อย่าเถียงเค้าเชียว มีพี่หมงพี่หมวยอยู่ แถมยังมีเพื่อนๆร่วมโต๊ะอีกนับสิบ ยังไงก็สู้เค้าไม่ได้อยู่แล้ว สุดท้ายตั๋วหนังสองใบก็ตกไปอยู่ในมือของพีรวิชญ์จอมเจ้าเล่ห์เป็นที่เรียบร้อย คนหน้าคมยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็ก สีหน้าดูชอบใจเหลือเกินกับของรางวัลในมือ "แค่ตั๋วหนังเนี่ย อยากได้ขนาดนั้นเลยเหรอรึไง" ก้องถามด้วยความหมั่นไส้ที่เห็นคนข้างๆนั่งยิ้มดูของรางวัลนั้นอยู่หลายรอบ "ผมมีความสุขที่ได้เล่าเรื่องคุณต่างหาก" คำตอบของพีรวิชญ์ทำให้คนได้ฟังหน้าแดงระเรื่อ พีรวิชญ์เห็นอย่างนั้นก็อดไมได้ที่จะบีบจมูกรั้นๆของคนข้างๆ "ฮึ้ยยคุณ!" "หมั่นเขี้ยว" พีทำจมูกย่นใส่ก่อนจะหันไปตักอาหารโปรดของก้องให้ คนตัวเล็กลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วสาวท้าวเดินออกไป พีรวิชญ์รีบลุกตามไป ธาวินที่นั่งอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะหันมองตามคนหน้าหวานไป ก่อนที่ขายาวจะยันตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทว่าก็ต้องหยุดมันไว้เมื่อจุ๊กจิ๊กตักเนื้อปลาส่งให้ "อร่อยนะคะคุณหมอ" หญิงสาวยิ้มตาหยีก่อนจะหันมาตั้งหน้าตั้งตากินของตัวเองต่อ "ขอบคุณครับ" ร่างสูงจึงจำเป็นต้องทรุดตัวนั่งลงที่เดิม ถ้าให้ลุกไปตามก้องอย่างที่ตั้งใจก็คงจะดูเสียมารยาทเกินไป "ก้อง ก้อง!" พีรวิชญ์เร่งความเร็วเข้าไปคว้าแขนก้องเอาไว้เมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะเดินหันเข้าไปทางห้องน้ำ "ผมจะเข้าห้องน้ำ" คนหน้าหวานสะบัดมือออก ทว่าคนจับเอาไว้ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ "ผมไม่เชื่อ" พีรวิชญ์ตอบออกมา แววตาเว้าวอนเหมือนอยากถามสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คนตรงหน้าต้องลุกพรวดออกมาจากโต๊ะ "ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมปวดฉี่ ชัดเจนมั้ยครับคุณพีรวิชญ์" "งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไป" ไม่พูดเปล่า คนตัวโตเอาจริง แขนเรียวที่ถูกจับเอาไว้กระเด็นไปตามแรงดึง คนถูกลากใช้มืออีกข้างขึ้นมาทุบหวังให้หลุดจากพันธนาการของมือใหญ่ "จะบ้าเหรอ ปล่อยนะ" พีรวิชญ์ลากคนตัวเล็กมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ก้องบดินทร์ทำหน้ามุ่ยอย่างขัดใจ "เป็นอะไรเหรอก้อง ไม่พอใจที่ผมเล่าเรื่องคุณงั้นเหรอ" พีรวิชญ์ถามออกมา หวังจะให้คนตรงหน้าเลิกทำหน้ามุ่ยเสียที "ก็..เปล่า" คนถูกถามก้มหน้างุด ตอบเบาๆในลำคอ "เขินเหรอครับ" คราวนี้ก้องบดินทร์ไม่ตอบ แสดงว่าใช่ "แล้วคุณมานี่ได้ไง ยังไม่ได้บอกผมเลยนะ" ก้องบดิทร์ยกนิ้วชึ้หน้าอย่างคาดคั้นคำตอบ "พี่หมงบอก" คำตอบนั้นทำให้ก้องบดิทร์อ้าปากค้าง นี่พีรวิชญ์ทำตัวเป็นพันธมิตรกับเพื่อนๆของเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย "ไม่แค่นั้นนะ พี่หมวยก็ยังบอกอีกว่าจะให้ผมเล่นเกมส์" คนพูดทำตาหยีมีความสุข ก้องบดินทร์อ้าปากหวออีกครั้ง "น..นี่พี่ๆเค้าตั้งใจทำเกมส์เพื่อให้คุณได้เล่นงั้นเหรอ งั้น..ที่หมุนขวดก็ตั้งใจให้มันหันไปทางคุณงั้นสิ" คนตัวเล็กเริ่มทำหน้าเหวี่ยง ปากงุ้มอย่างขัดเคือง อะไรกันเนี่ย แกล้งกันชัดๆ "พี่เค้าคงอยากให้ผมแสดงตัวกับคนบางคนมั้ง ว่าผมน่ะมีตัวตน" สีหน้าอารมณ์ดีเมื่อครู่ของคนหน้าคมแปรเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์เมื่อนึกถึงคนๆนั้น คนที่ชอบทำตัวเข้ามาป้วนเปี้ยนยุ่มย่ามกับคนที่มีเจ้าของ "คุณหมายถึงใคร" "ก็ไอ้.... " พีรวิชญ์ชะงักไปเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ก้องบดินทร์พลิกตัวหันไปมองตามสายตาของพีรวิชญ์ ทว่ากลับถูกคนตัวโตเรียกแล้วจับตัวเค้าให้หันกลับ พีรวิชญ์ยกมือขึ้นประคองใบหน้าหวาน ก่อนจะโน้มตัวลงเข้าหาพร้อมกับมอบสัมผัสประทับลงบนกลีบปากเล็กจนคนถูกจูบตั้งตัวไม่ทัน ก้องบดินทร์สะดุ้งด้วยความตกใจ มือเล็กยกขึ้นมาดันอกกว้างของพีรวิชญ์ออกอย่างขัดขืน แต่คนถูกผลักไม่คลายออกไปง่ายๆ ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดพร้อมส่งเสียงอู้อี้ๆประท้วงออกมา จากสัมผัสแบบจู่โจมที่ทำให้คนถูกกระทำตกใจเมื่อชั่วครู่ แปรเปลี่ยนเป็นรสจูบที่อ่อนโยนละมุนและนุ่มนวล ก้องบดินทร์ค่อยๆคลายมือที่ทุบพีรวิชญ์ออกแล้วปล่อยมันลงไปไว้ที่เอวของคนตรงหน้า... ตาคู่สวยใต้กรอบแว่นนิ่งค้างไปเหมือนคนไร้ซึ้งสติ มือหนาที่ถือโทรศัพท์แนบหูเอาไว้ ลดระดับลงไว้ข้างตัว มืออีกข้างยกขึ้นขยับกรอบแว่นเล็กน้อยก่อนจะรีบเปลี่ยนทิศทางของสายตาให้มองไปทางอื่น ธาวินกดวางสายโทรศัพท์ไปทั้งๆที่ยังคุยธุระไม่เสร็จดี ภาพที่เห็นตรงหน้าเมื่อครู่ คงเป็นคำตอบสุดท้ายของหัวใจของเค้าแล้ว ว่าเค้าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ถึงแม้ว่ามันจะผิดหวัง และเจ็บปวด แต่มันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนว่าคืนนี้ เค้าคงไม่สามารถกลับไปนั่งที่เก้าอี้ในงานตัวเก่าได้อีกแล้ว ถึงงานเลี้ยงที่ยังไม่เลิกรานี้จะยังคงมีต่อไป แต่ก็คงไม่เป็นไรถ้าจะขาดเค้าไปซักคน.. ------------------------------------------- ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคนะคะ ^^ ตบ(ด้วยจมูก)จูบแบบหวานๆ
สวัสดีนะคะพี่น้องทุกคน ยินดีที่ได้คุยกันเน่อ ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับการติดตาม แห่ะๆ
เขินจัง> ตอนสั้นมาอีกตอนแล้ว ก็ไม่รู้จะถูกใจกันรึเปล่า ลองอ่านกันดูเนอะ (แอบคล้ายอันแรกๆ หิหิ) ชื่อตอนก็มาจากพี่นิดนะคะ ที่โพสเอาไว้ตอน"แมวน้อยยั่วสวาท" รู้สึกว่าประโยคนี้มันแอร๊ยยยมาก ชอบค่ะ5555 มันคล้องจองกันดีด้วย ก็เลยขอเอามาเป็นชื่อตอนซะเลย^^ ---------------------------------------------------- "เอาไว้โอกาสหน้านะครับพี่หมอ" ก้องบดินทร์ยิ้มแห้ง จะว่าไปเค้าก็ไม่อยากจะปฎิเสธคำชวนมื้อค่ำของหมอวินหรอก ในเมื่อจะว่าไปเค้าคนนี้ก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี น่ารัก อ่อนโยน อบอุ่น สุภาพ และดีกับเค้ามากๆ แต่ว่า..คงไม่ผิดใช่มั้ย ถ้าก้องบดินทร์อยากจะเก็บมื้อค่ำให้เป็นเวลาสำหรับคนพิเศษของเค้าเท่านั้น.. "ไม่เป็นไรครับ งั้นเปลี่ยนเป็น..พรุ่งนี้มื้อเที่ยงละกันเนอะ" หมอวินทำท่าคิด ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ถ้าคนตรงนี้ไม่ใช่ก้องบดินทร์ที่มีพีรวิชญ์อยู่ในใจแล้ว เห็นทีคงต้องละลายและไม่มีทางปฏิเสธหมอวินคนนี้ได้ลงแน่ๆ ก้องพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะขอตัวแยกกลับบ้าน ถ้าคนเมื่อกี๊ไม่เรียกเค้าไว้เสียก่อน "เอ้อเดี๋ยวครับก้อง พี่ไปส่งนะ" "เอ่อ.." "เชิญครับ" คนชวนยิ้มตาหยี ก่อนจะผายมือเชิญให้ก้องเดินไปทางที่รถเค้าจอดเอาไว้ รถยุโรปราคาแพงจอดลงที่บริเวณหน้าคอนโดของพีรวิชญ์ กรอบแว่นบางๆถูกจับให้กระชับใบหน้าเล็กน้อยก่อนที่เจ้าของกรอบแว่นจะหันมาที่เบาะข้างๆ "หลับซะแล้ว" ดวงหน้าหวานสนิทที่กลมกลืนไปกับเครื่องหน้าที่พอเหมาะ ขนตาหนาเป็นแพยาวเกินชายทั่วไปปกคลุมอยู่ที่กรอบเปลือกตาที่ปิดสนิท ปากเล็กสีแดงธรรมชาติที่เผยอเล็กน้อยทำให้หมอวินจดจ้องใบหน้าหวานอย่างไม่วางตา จะเป็นไปได้มั้ยที่เค้าจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของดวงหน้าหวานนี้ จะเป็นไปได้มั้ยที่เค้าคนนั้นที่มาเอาคนหน้าหวานนี้ออกไปจากผับเมื่อคราวก่อนจะไม่ได้เป็นคนที่มีฐานะที่มีสิทธิ์ไปมากกว่าเค้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แสดงว่าเค้าเองก็ยังมีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาสครอบครองหัวใจคนที่หลับพริ้มอยู่ข้างๆกายคนนี้ได้.. ร่างสูงยกมือขึ้นปัดผมที่ตกลงมาปิดหน้าหวานออก ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้ "พี่หมอ!" ท่าทีที่หมอวินเอนตัวลงมาใกล้ขนาดนั้นทำให้คนที่ตื่นขึ้นพอดีตกใจ แต่ตัวการความตกใจกลับระบายยิ้มออกมา "ถึงแล้วก้อง" "เอ่อ..ครับ" "ขอบคุณนะครับพี่หมอ" ก้องบดินทร์รีบเปิดประตูลงจากรถ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาขอบคุณคนที่มาส่ง ขาเรียวตัวกลับเพื่อจะขึ้นคอนโด ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อถูกมือของอีกคนรั้งเอาไว้ "เดี๋ยวก้อง อย่าลืมนะครับ มื้อเที่ยงพรุ่งนี้นะ เบี้ยวพี่ไม่ได้แล้วนะเรา" ก้องบดินทร์พยักหน้าเป็นคำตอบแล้วรีบเดินขึ้นห้องไป.. มือหนาทั้งสองข้างกำพวงมาลัยไว้แน่นราวกับว่าจะทำให้อารมณ์ขุ่นเคืองที่เค้ามีจะลดน้อยลงได้ คิ้วสวยขมวดกันแน่นแสดงถึงความรู้สึกไม่พอใจ ก่อนที่กลีบปากบางจะเปิดออกเพื่อสูดอากาศเข้าไปแล้วพ่นมันออกมาเต็มแรง ตาคมหลับสนิทเพื่อหวังจะช่วยผ่อนคลายและพยายามอดกลั้นให้ตัวเองใจเย็นลง ภาพที่เค้าเห็นตรงหน้า รถคันสวยที่จอดอย่างนุ่มนวลคงไมได้อยู่ในระบบความคิดความสำคัญของเค้าอะไรถ้าเค้าไม่บังเอิญไปสะดุดกับภาพลางๆที่เห็นในรถ คนคุ้นเคยที่นอนหลับสนิทอยู่บนเบาะข้างคนขับในรถคันนั้น ผู้ชายที่พีรวิชญ์อาจจะจำไม่ได้ว่าเป็นใครถ้าเค้าคนนั้นไม่ได้มีเอกลักษณ์โดยการสวมแว่น พลันเมือสายตาได้เพ่งมองเข้าไปในรถเพื่อความแน่ใจแล้ว ก็พบว่าผู้ชายคนนั้นคือคนที่เค้าเห็นที่ผับตอนไปรับก้องในวันที่ก้องเมา.. "ไอ่แว่น" สองพยางแรกที่หลุดลอดออกมาจากไรฟันที่ขบกันแน่น มือใหญ่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ ทว่าภาพต่อไปทำให้เค้าต้องชะงัก 'ไอ่แว่น'ที่ว่ากำลังนั่งมองใบหน้าหวานที่พีรวิชญ์มั่นใจว่ามันเป็นของเค้าอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาเขี่ยผมที่ปิดหน้าให้คนที่หลับอยู่ ก่อนจะก้มลงไปทำอะไรซักอย่าง ซึ่ง..ซึ่งพีรวิชญ์ไม่แน่ใจนัก เงาของช่องว่างถูกปิดลงเหลือเพียงเงาดำๆของใบหน้าของคนสองคนที่ติดกลืนกันสนิท มือใหญ่คว้าประตูรถเปิด ทว่าก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อเห็นว่าก้องเปิดประตูรถลงมาแล้ว.. จับมือ..นั่นมันของๆชั้นนะ ! คนหน้าคมขบกรามแน่น ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวตามเมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองว่าเป็นเจ้าของกำลังจะเดินขึ้นห้อง.. "อ้าวพี" ก้องบดินทร์ยิ้มอย่างดีใจเมื่อพบว่าคนที่วิ่งตามเข้ามาในลิฟท์ด้วยนั่นก็คือพีรวิชญ์ "ไปไหนมา" "ก็ไปทำงานน่ะสิ" คนหน้าหวานขมวดคิ้วอย่างงงงวยเมื่อคนข้างๆถามแบบนั้น คำถามออกมาจากปากแต่สายตาของพีรวิชญ์กลับไม่ได้มองที่คนคุยด้วย แถมยังเจือปนไปด้วยความเย็นชาแผ่ซานออกมาจนก้องรู้สึกได้ว่ามันผิดปกติ "มีอะไรรึเปล่าพี" "ไปทำงานหรือว่าไปทำอะไร ผมเห็นนะก้องว่าเมื่อกี๊ใครมาส่งคุณ" เสียงนิ่งๆทำเอาก้องแอบขนลุก "พี่หมอ.." "หมอ..ไอนั่นมันทำงานที่เดียวกับคุณงั้นเหรอ"เสียงที่เริ่มดังขึ้นทำให้คนถูกถามสะดุ้งเล็กน้อย "คุณทำอย่างนั้นได้ยังไงอ่ะก้อง" แววตาผิดหวังกับสีหน้าหงุดหงิดออกมาจากพีรวิชญ์ แต่ปากเล็กกลับคลี่ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง ก็แค่มาส่ง ไม่เห็นต้องโวยวายเลย "ผมก็ทำอย่างนี้กับทุกคนนั่นแล่ะ" "ก้อง!!" ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กแน่นก่อนจะลากก้องเข้าไปในห้อง คนตัวเล็กถูกเหวี่ยงจนชิดกับกำแพง "ผมเจ็บนะ!" "เจ็บก็ดี จะได้รู้บ้างว่าเวลาคนมันเจ็บแล้วมันรู้สึกยังไง" "คุณเป็นอะไรของคุณ" พีรวิชญ์ไม่ตอบ แต่กลับพรวดพราดเข้ามารวบเอวของก้องเข้าไปแนบตัว "คุณจะทำอะไร ปล่อยผมนะ!" ก้องพยายามดิ้นให้ร่างตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการที่ไร้ซึ่งเหตุผลของคนตรงหน้า หากเป็นเมื่อกี๊ที่อยู่ในลิฟท์ ท่าทางของพีทำให้ก้องบดินทร์อยากจะแหย่เล่น ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่ "ดิ้นให้ตายผมก็ไม่ปล่อยหรอก" "คุณพี ปล่อยยย!" ก้องบดินทร์ดิ้นพรวดพราดอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง มือเล็กพยายามแกะท่อนแขนใหญ่ให้หลุดจากการเกาะเกี่ยวร่างกาย ทว่ามันกลับยิ่งทำให้พีรวิชญ์ยิ่งโมโห เค้ารวบข้อมือข้างหนึ่งของก้องขึ้นมาเพื่อให้คนที่กำลังดิ้นขลุกขลักหยุดแล้วเงยหน้ามาเผชิญหน้ากัน "คุณจะทำอะไร" ก้องบดินทร์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังยื่นหน้าใกล้เข้ามา "ทำเหมือนที่คุณทำเมื่อกี๊ไง ที่คุณบอกว่าทำแบบนั้นกับทุกคน " ใบหน้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ก้องบดินทร์เริ่มหวาด ก่อนจะละล่ำละลักถามด้วยความไม่เข้าใจ "คุณหมายถึงอะไร ผมทำอะไร" "ทำอะไรไปยังไม่รู้ตัวอีกรึไง ได้! เดี๋ยวผมจะทำให้คุณดู" ปากเล็กที่กำลังจะเปิดปากพูดต้องชะงักลงเมื่อถูกปากบางของอีกคนประกบแน่น ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ มือเล็กพยายามทุบอกกว้างเป็นการประท้วงให้หยุด ทว่าคนตัวโตกลับไม่สะทบสะท้าน พีรวิชญ์บดเบียดริมฝีปากลงไปอย่างหื่นกระหาย ปากเล็กพยายามเม้มเข้าหากันเพื่อปิดช่องว่างป้องกันไม่ให้คนจู่โจมสอดแทรกลิ้นเข้าไปได้ พีรวิชญ์จึงค่อยๆถอนจูบออกก่อนจะเลื่อนลงมาสัมผัสที่แก้มใสเรื่อยลงไปที่คอเรียวแล้วฝังรอยสีแดงจางเอาไว้เป็นการประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของ ก้องบดินทร์เปิดปากเพื่อสูดรับอากาศเข้าไปทดแทนในส่วนที่ถูกพีรวิชญ์กลืนกินไปเมื่อครู่ รีบกอบโกยออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย พีรวิชญ์ได้จังหวะก็พาริมฝีปากวกกลับขึ้นไปที่เป้าหมายเดิมอีกครั้ง คราวนี้เค้าไม่ปล่อยให้ก้องบดินทร์ขัดขวางการสำรวจเค้าได้ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปควานหาความหวานของคนตัวเล็กอย่างโหยหา.. ความรู้สึกเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ความตกใจเมื่อครู่ ก้องบดินทร์ยืนนิ่งไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน ตากลมโตที่เบิกกว้างเมื่อตอนที่ตกใจแปรเปลี่ยนเป็นการเหม่อลอยปล่อยให้น้ำตาอุ่นๆไหลลงมาไล้แกมเนียน "ฮึก" เสียงสะอื้นของคนถูกกระทำทำให้พีรวิชญ์ชะงัก ถอนสัมผัสอันร้อนแรงนั้นออกเพื่อมองหน้าคนที่กำลังร้องไห้ "ก้อง.." "คุณเห็นผมทำแบบนี้กับเค้างั้นเหรอ" สายตาผิดหวังออกมาจากตาคู่หวาน พีรวิชญ์ยอมรับกับตัวเองว่าเค้าเองก็ไม่เชื่อว่าก้องจะทำแบบนั้น แต่ในเมื่อภาพที่เค้าเห็นในรถคันนั้น เงาของคนสองคนที่แนบชิดกลืนกันจนไม่เห็นช่องว่าง เค้าก็คิดได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นอาจเป็นเพราะ..เค้ารักก้องมากเกินไป "ผมขอโทษ" มือใหญ่ยกขึ้นเกลี่ยแก้มใสเบาๆอย่างรู้สึกผิด "ผมไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นซักหน่อยนะ" เมื่อได้รับคำขอโทษจากพีรวิชญ์ ก้องก็รู้สึกดีขึ้น เสียงสะอื้นเล็กๆกับประโยคที่พยายามจะอธิบายความจริงทำให้พียิ้มออกมาอย่างเอ็นดู "ผมเชื่อคุณนะ ผมขอโทษนะครับก้อง" มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออกอย่างลวกๆ ก่อนที่มือนั้นจะถูกมือใหญ่ปัดออกพร้อมกับถือวิสาสะเชยคางคนขี้แยขึ้นรับสัมผัสจากเค้าอีกครั้ง คราวนี้เป็นสัมผัสอันอ่อนหวาน นุ่มนวล ที่พีรวิชญ์บรรจงมอบให้กับก้องบดินทร์โดยเฉพาะ เพียงผู้เดียวเท่านั้น.. ---------------------------------- อันนี้พี่นิด [ยินดีที่ได้คุยกันนะคะพี่นิด^^] บอกว่า อยากให้เอาหมอวินมากระตุ้นต่อมหึงคุณพี แล้วขอตบจูบแบบหวานๆค่ะ คือพอตบจูบ ปอก็นึกถึงดราม่าเลย แต่พี่นิดบอกขอตบจูบหวานๆ ก็ไม่รู้มันจะตรงตามนั้นรึเปล่าน้อ ได้แค่เนี๊ยะ (สมองมีน้อยนิด ขอโต้ดก้าบบ> พอเขียนเสร็จลงเสร็จ เพิ่งสำเนียกได้ว่า มันมี'ตบ'ตรงไหนฟระเนี่ยยย แว๊กกกก!!!> ![]() วิจารณ์ได้เต็มที่นะคะ เพื่อนำไปปรับปรุงต่อไป 5555 ขอให้สนุกกับอ่านฟิคนะคะ^^ |
ปุยหมาม่วง
![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
Group Blog All Blog Friends Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |