ความรู้สึกดีๆ..ที่ Beijing . 2
สวัสดีค่ะทุกคน มาแล้วกับฟิคตอนแรกที่ดูจะเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาหน่อย จากคราวที่แล้วที่ลงไปขึ้นไว้แค่สั้นๆ เป็นอรัมภบทไป เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน แต่นี้ต่อไปปอจะขอใช้ตัวหนังสือสีเทา เป็นการแสดงความคิด[ในใจ]ของตัวละครในฟิคนะคะ^^ ----------------------------------------------------- ผู้คนมากมายต่างพากันทยอยเดินเข้าไปจับจองที่นั่งตามหมายเลขของตัวเอง มิสเหลียน หรือที่ทุกคนพร้อมใจกันเรียกว่าพี่อาเหลียน ล่ามสาววัยสามสิบต้นๆที่มาด้วยกันเดินนำหน้า ตามด้วยพี่ไอชา และสองดาราหนุ่ม อนุชิตเดินตามร่างเล็กเข้าไปจนถึงที่นั่งก่อนจะพบว่าเจ้าของที่นั่งด้านในสุดมานั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองยิ้มตอบให้กับหญิงสาววัยรุ่นอายุน่าจะราวๆ 20 ปีที่ยิ้มให้พวกเค้าก่อน มือเล็กของพชรยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นเก็บไว้ด้านบน ก่อนที่เจ้าตัวจะสะดุ้งเมื่อมีมือใหญ่ของอีกคนกุมเอาไว้แล้วช่วยดันกระเป๋าเข้าไป "พี่โอ!" คนหน้าหวานกระตุกข้อศอกเป็นการเตือน บนเครื่องมีคนไทยเยอะแยะ และไม่แปลกถ้าหลายๆคนจะรู้จักพวกเค้าจากหน้าจอทีวี คนถูกปรามไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มน้อยๆ ทั้งคู่หันไปสนทนากับเด็กสาวข้างๆ ทำให้ได้รู้ว่าเด็กคนนั้นกำลังจะไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีนเป็นเวลา1ปี และทำให้ได้รู้อีกว่า เธอเป็นแฟนคลับของพชร และดีใจมากเมื่อได้รู้ว่าเธอจะบังเอิญได้ไปปักกิ่งพร้อมๆกับศิลปินในดวงใจ แถมยังได้นั่งข้างกันอีกต่างหาก นั่นทำให้พชรถูกเด็กสาวข้างๆชวนคุยไม่หยุด แถมยังเอาแต่นั่งถ่ายรูปคู่จนหัวแทบจะติดกัน อนุชิตแอบกรอกลูกตาขึ้นอย่างเซ็งๆ ปากบางถอนหายใจออกมาเบาๆ ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมายังไม่ได้คุยกับคนหน้าหวานเลยซักแอะ เพราะถูกเด็กสาวๆข้างๆแย่งพูดหมด แถมจะสวีทอะไรกันก็ทำไม่ได้ ผ่านไปราวๆชั่วโมง เด็กสาวข้างๆยังพูดต่อไป แต่ทว่าคนที่ถูกโทรไปปลุกแต่เช้ากลับเริ่มหาวหวอด แอร์เย็นๆทำให้คนตัวเล็กอยากหลับ เมื่อคืนกว่าจะจัดของเสร็จก็ดึก แถมพี่โอยังบังคับให้รอดูคลิปตัวอย่างตอนที่3ที่ถ่ายตอน5ทุ่มนั่นอีก ดูแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย นอกจากมาป่าวประกาศว่าตัวเองกำลังจัดของอยู่ แล้วก็ฟุดฟิคฟอไฟเป็นภาษาอังกฤษ อะไรของเค้าเนี่ย..แถมมีโทรมาเช็คก่อนนอนอีกนะว่าดูรึยัง เกือบตีหนึ่งกว่าจะได้นอน แล้วคนบังคับให้รอดูคลิปก็ยังจะโทรมาปลุกตั้งแต่ตี5 เฮ่อ...คิดๆแล้วคนตัวเล็กก็หาวออกมาอีกรอบ เด็กสาววัย20ข้างๆยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่ออยู่ๆพชรก็เอนหัวลงไปซบ ตากลมโตที่ปิดลงด้วยอาการสลบไสล จมูกโด่งกับริมฝีปากเล็กสีแดงธรรมชาติของศิลปินในดวงใจ ทำให้เด็กสาวยิ่งเคลิ้มเข้าไปใหญ่ ฉับพลันก็นึกอะไรขึ้นได้ ควานหากล้องดิจิตอลเครื่องเล็กจิ๋วขึ้นมา เอนหัวตัวเองลงชิดกับศิลปิน หลับตาลงเหมือนคนกำลังนอนอยู่ แล้วนิ้วเรียวก็กดชัตเตอร์ลง ปากแดงใสจากสีของอุปกรณ์แต่งหน้ายิ้มแย้มออกมา ถ่ายรูปแบบเดิมซ้ำๆเพียงแต่เปลี่ยนท่าทางอิริยาบทนิดหน่อยเท่านั้น ลืมตาบ้าง หลับตาบ้าง ทำปากจู๋เหมือนจะจูบบ้าง และที่หนักที่สุดก็คือ การใช้มุมกล้องก้มหน้าลงไปเหมือนหอมแก้มศิลปิน ภาพเหล่านั้นถูกบันทึกไว้ในกล้องเล็กจิ๋ว เจ้าตัวดูจะชอบใจกับภาพเหล่านั้นเสียมากมาย ก่อนที่มือเรียวเล็กจะเก็บกล้องลงประเป๋าไป อนุชิตหันไปมองคนหนุ่มหน้าหวานที่กำลังเอนซบลงบนไหล่ของเด็กสาวผู้เป็นแฟนคลับข้างๆ เด็กนั่นก็หลับไปแล้วเช่นกัน ดูสิ ยังไม่ได้คุยกันเลย หลับซะละ "อุ๊ย! ฟลุคเดอะสตาร์" เสียงซุบซิบของหญิงวัยรุ่นสองคนที่ลุกจะไปเข้าห้องน้ำต่างพากันหันมามองเมื่อเห็นดารา แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือพบว่าดาราคนนั้นกำลังนอนซบไหล่เด็กสาวคนนึง อนุชิตเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ มือใหญ่หันไปคว้าใบหน้าหวานออกจากไหล่ของแฟนคลับสาวอย่างแผ่วเบาแล้วจับหัวเล็กให้เอนมาซบเค้าแทน ทำให้สองสาวพากันหันไปซุบซิบกันเป็นการใหญ่กว่าเดิม "เป็นแฟนกันจริงๆเหรอเนี่ย" อนุชิตไม่ได้ตอบแต่กลับส่งยิ้มให้ ก่อนจะหลับตาลงไปพร้อมกับไออุ่นจากคนข้างๆ เสียงกรี๊ดแบบถล่มทลายทะลุทะลวงเข้าโสตประสาททันทีที่สองดาราหนุ่มปรากฎตัว สนามบินที่ปักกิ่งคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้ที่ต้องการเดินทางเข้า-ออกประเทศมากมาย กลุ่มอาหมวยอาตี๋จำนวนนึงยืนถือป้ายเพื่อรอต้อนรับกับการมาเยือนของศิลปินในดวงใจ สองตัวละครจากเรื่อง พรุ่งนี้ก็รักเธอ หรือที่พวกเค้าเรียกกันสั้นๆว่าหมิงเทียน ซึ่งย่อมาจากคำว่า 《หมิงเทียนอีหรานอ้ายหนี่》ซึ่งแปลตรงตัวตามชื่อภาษาไทย พี-ก้อง สองตัวละครที่ไม่ใช่พระ-นางของเรื่อง แต่กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดีไม่แพ้คู่หลัก เสียงเรียกร้องจากบรรดาแฟนคลับจากแผ่นดินใหญ่ ทำให้วันนี้เค้าทั้งคู่ต้องเดินทางมาที่ประเทศจีน.. ตาหวานเบิกกว้างเมื่อเห็นไกลๆว่ากลุ่มคนที่ยืนกรี๊ดพวกเค้าอยู่มีจำนวนหลายสิบถึงเฉียดร้อย แน่นอนล่ะ การข้ามน้ำข้ามทะเลมาพบกับแฟนคลับต่างแดน ไม่ง่ายเลยที่จะได้รับการต้อนรับที่ดีได้ขนาดนี้ ท่าทีที่วิ่งเข้ามารุมทึ้งด้วยความดีใจของเหล่าแฟนคลับชาวจีน อาจทำให้คนหน้าหวานตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้พชรรู้สึกหวาดหวั่นแต่อย่างใด นั่นคงเป็นผลดีจากการที่เค้าก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยเส้นทางนักร้อง จึงไม่ใชเรื่องแปลกเท่าไหร่ ถ้าจะตกใจ ก็คงจะตกใจเพราะนึกไม่ถึงมากกว่าว่าตัวเองจะมีชาวต่างชาติชอบเยอะขนาดนี้ คนตัวเล็กหันไปมองคนข้างๆที่มาด้วยกัน รู้ดีว่าเจ้าตัวคงจะตกใจไม่น้อย เส้นทางในวงการบันเทิงของอนุชิตไม่ใช่นักร้อง แต่เค้าเป็นนักแสดง ซึ่งลักษณะการติดตามของแฟนคลับแสดงออกมาไม่เหมือนกันกับพชร ไม่บ่อยนักที่เค้าจะพบเจอกับแฟนๆที่มาพร้อมๆกันมากมายขนาดนี้ แถมแต่ละคนยังพากันวิ่งกรูเข้ามารุมทึ้งด้วยความดีใจที่ได้เจอเค้าอีก แน่นอนว่านักแสดงหนุ่มรุ่นพี่เกิดความรู้สึกไม่ชิน สายตาคมเข้มออกอาการเกร็งๆเล็กน้อย หันไปหาคนตัวเล็กที่มาด้วยกัน แต่ทว่าคนๆนั้นกลับหายไปแล้ว อนุชิตกวาดสายตามองหาหนุ่มหน้าหวานด้วยความเป็นห่วง ทำให้ได้พบว่าเจ้าตัวที่กำลังตามหาก็ถูกรุมทึ้งจนถูกแยกกันไป กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ กล้องวิดิโอ หรืออุปการณ์ช่วยบันทึกต่างๆพร้อมๆกับแสงแฟลชมากมายต่างสาดรัวมาที่ตาคมเข้ม อนุชิตพยายามระบายยิ้มกว้างเพื่อลดอาการประหม่า ก่อนจะค่อยๆเดินตัวลีบหลุดจากวงล้อมฝูงชนเพื่อไปหาคนอีกคนที่ถูกรุมอยู่อีกฟากฝั่ง เมื่อพบว่าพชรกำลังยืนถ่ายรูปกับเหล่าตี๋หมวยอยู่ ปากบางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ กลัวว่าคนตัวเล็กจะถูกเบียดซะจนเป็นเละเป็นโจ๊กไปซะก่อน เห็นวันก่อนบ่นว่าไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย "จิ้วเจ้อย่าง..." "ห่าว เซี่ยเซี่ย!" มิสเหลียนหรือพี่อาเหลียน หญิงสาวแท้ๆหนึ่งเดียวที่ติดสอยห้องตามมาทำหน้าที่เป็นล่ามหันไปตบปากรับคำกับพนักงานสาวชาวจีน เจ้าตัวเก็บกุญแจห้องพักของตัวเองไว้หนึ่งชุด ก่อนจะหันมายื่นกุญแจห้อง ให้กับพี่ไอชาอีกหนึ่งชุด "ของผมล่ะครับ"อนุชิตถามเมื่อดูแล้วไม่เห็นว่าล่ามสาวจะส่งกุญแจห้องพักของเค้าให้เสียที แน่นอนล่ะ พชรต้องพักห้องเดียวกับผู้จัดการส่วนตัวอยู่แล้ว "ตอนนี้เหลือแค่สามห้องนะคะ ห้องเล็กสองห้อง กับห้องใหญ่ พวกคุณก็อยู่กันสามคนละกันเพราะในนั้นมีเตียงให้สามเตียง" "แล้วอีกห้องนึงล่ะครับ" "เอ่อ..เค้าบอกว่าห้องนั้นไม่ได้ใช้งานมาเป็นปีแล้ว แล้วก็ไม่ได้ทำความสะอาดด้วย แล้วมันก็..มีเรื่องนิดหน่อย "ล่ามสาวพูดจาอ้อมแอ้มๆ คล้ายๆว่ากำลังจะสื่อว่าห้องนั้นมีบางสิ่งที่เราๆไม่ควรเข้าไปยุ่ง "นี่มันโรงแรมห้าดาวไม่ใช่เหรอ มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ"นักแสดงชายวัยสามสิบต้นๆถามด้วยสีหน้าหวาดๆ "กี่ดาวผีมันก็อยู่ได้ทั้งนั้นแล่ะพี่โอ"หนุ่มหน้าหวานพูดขึ้นก่อนจะคว้ากุญแจห้องจากมือของพี่ไอชาแล้วเดินไปที่ลิฟท์ก่อนใคร "สี่สี่สี่สี่ ชั้นสี่สินะ" พชรอ่านหมายเลขห้องที่กุญแจก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่มที่หน้าลิฟท์ เมื่อประตูตรงหน้าถูกเปิดก็พอดีกับที่เพื่อนร่วมเดินทางที่เหลือเดินมาสมทบและขึ้นลิฟท์ไปด้วยกัน "ชั้นสี่ซะด้วย"คำพูดเบาๆที่มาพร้อมกับเสียงถอนหายใจของพี่อาเหลียนผู้เป็นล่ามทำให้เด็กหนุ่มผู้อยากรู้อยากเห็นเกิดแปลกใจ "มีอะไรเหรอครับ" "เลขไม่ค่อยดีน่ะ " "ไม่ดียังไงเหรอครับ" อนุชิตถามขึ้นบ้าง "เลขสี่มันออกเสียงคล้ายกับคำว่าตาย คนจีนเค้าถือ แถมนี่ยังสี่ตั้งสี่ตัวอีก" คำตอบของล่ามสาวทำให้อีกสามคนที่เหลือต่างหันมามองหน้ากัน มือหนาคว้ามือเล็กของคนที่ยืนแนบชิดอยู่ข้างๆไว้ ทันใดนั้น... "พี่โอ..จับมือหนูทำไมเนี่ย" พี่ไอชายกมือที่ดาราหนุ่มจับไว้อยู่ยกขึ้นมา อนุชิตที่จับมือผิดคนรีบปล่อยมือออก "อุ่ย..โทษครับ"อาการหน้าแตกของนักแสดงรุ่นพี่ ทำให้หนุ่มหน้าหวานที่ยืนถัดออกไปจากพี่ไอชากลั้นขำไว้ไม่อยู่ ทำให้คนถูกหัวเราะรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความอาย นาทีนี้อนุชิตอยากจะให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาช่วยเบี่ยงเบนประเด็นเหลือเกิน เพราะหน้าหวานเอาแต่กลั้นขำจนแก้มตูม อุส่าห์จะหลอกจับมือซะหน่อย.. ทว่าไม่รู้ว่าพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้ยินทำให้อยู่ๆความมืดก็เข้ามาครอบงำ แสงสว่างในลิฟท์หายไปพร้อมกับการชะงักงันอย่างแรงของลิฟท์ พชรเซลงไปอยู่ที่พื้น เสียงตกใจของคนในลิฟท์ดังอื้ออึง ลิฟท์ค้าง.. "เจ็บตรงไหนรึเปล่าฟลุค" อนุชิตคว้าร่างของหนุ่มรุ่นน้องให้ลุกขึ้นมา คนถูกถามส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบ ทว่าความมืดทำให้คนโตกว่าไม่รู้คำตอบ "เจ็บเหรอ เจ็บตรงไหน"อนุชิตถามย้ำ คนที่ล้มเมือกี๊จึงคลำๆไปคว้ามือของคนถามแล้วจับมันยกขึ้นมาสัมผัสที่ใบหน้าของตัวเองแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบอีกครั้ง คราวนี้คนถามก็โล่งใจเพราะ รู้แล้วว่าคำตอบคือคนหน้าหวานไม่ได้เป็นอะไร มือเล็กปล่อยมือของรุ่นพี่แล้ว แต่ทว่าอนุชิตกลับยังไม่ยอมเอามือลงจากใบหน้าหวาน แถมยังใช้นิ้วเกลี่ยแก้มเนียนเล่นจนเจ้าของแก้มต้องยกมือขึ้นทุบๆแขนให้หยุดเล่นหน้าเค้าเสียทีก่อนที่พี่ไอชากับพี่อาเหลียนจะเห็น เสียงตุบตั๊บๆจากคนสองคนที่ยื้อยุดฉุดกระชากและตีกันอยู่ในความมืดทำให้ล่ามสาวคิดไปไกล "เสียงอะไรน่ะ ได้ยินกันมั้ย" หืม? "เสียงเหมือนคนสองสามคนเล่นกันอยู่ ใกล้ๆพวกเราเนี่ยแล่ะ" คำพูดของพี่อาเหลียนทำให้พี่ไอชาเริ่มหลอน นั่นทำให้คนสองคนที่ตีกันเมื่อกี๊ต้องหยุดพักรบชั่วคราว ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ "โรงแรมนี้มันดูแปลกๆนะ ห้องทีไม่เปิดให้ใช้เมื่อกี๊ กับหมายเลขห้องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แถมลิฟท์ก็ยังมาค้างอีก นี่ห้าดาวกลางกรุงปักกิ่งนะเนี่ย" เสียงเย็นๆของล่ามสาวทำให้สามร่างที่เหลือเริ่มกลืนน้ำลายดังเอิ๊อก หวังว่าคืนนี้คงจะผ่านไปด้วยดีนะ.. "อ๊ะถึงแล้ว ห้องตายตายตายตาย ไปนะ ของพี่สี่สี่สี่ห้า ติดกันเนี่ยแล่ะ ขอให้โชคดีละกัน" คำแปลตามเหมายเลขที่ไปพ้องกับคำว่าตาย กับคำอวยพรของพี่ล่ามสาวที่ดูเหมือนจะเป็นคำอวยพรที่ดูเอื้ออาทร แต่สามร่างที่เหลือที่ต้องอยู่ห้องสี่ตองสี่กลับคิดว่ามันน่ากลัวมากกว่า จากตอนแรกที่ไม่ได้คิดอะไร แต่คำอวยพรของพี่อาเหลียนเนี่ยแล่ะที่ทำให้คนที่ต้องอยู่ห้องสี่ตองสี่ เริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ แล้วจะย้ำทำไมเนี่ยว่าตายตั้งสี่ตัว เฮ่อ.. คนตัวเล็กเริ่มเข้าไปสำรวจห้องพัก เริ่มที่ตู้เย็นว่าข้างในมีอะไรให้กินบ้าง ก่อนจะหยิบช็อคโกแล็ตแท่งใหญ่ออกมาเคี้ยวหน้าจอทีวี อนุชิตส่ายหน้ายิ้มๆเมื่อนึกถึงเรื่องที่คนตัวเล็กชอบบ่นว่าอ้วนง่าย ถึงแม้ว่าจะลดลงมาเยอะแล้วก็เหอะ แต่ถ้ายังจะกินช็อคโกแล็ตดึกๆดื่นๆแบบนี้ เดี๋ยวก็ต้องมานั่งบ่นว่าอ้วนขึ้นอีก พี่ไอชาเริ่มหันไปตื่นเต้นกับภาพวิวยามราตรีที่แสนจะสวยงามที่กระจกหน้าต่างบานใหญ่ ปักกิ่งในยามค่ำคืนนี่สวยกว่ากลางวันเสียอีก แสงไฟนีออนหลากสีสันนับหมื่นนับแสนดวงพากันส่องประกายแข่งกับพระจันทร์เสี้ยวที่อยู่บนฟ้ามืด อนุชิตหย่อนตัวลงนั่งที่เตียงหนานุ่ม สายตาลอบมองไปที่หนุ่มหน้าหวานที่นั่งกินช็อคโกแลตที่เตียงข้างๆ ภาพตรงหน้าทำให้รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าของอนุชิต ((((((((กริ๊งงงงงงงงงงงง!!!!)))))))) เสียงโทรศัพท์ในห้องพักดังขึ้น เรียกความสนใจของทุกคนให้หันไปมองที่ต้นเสียง สายตาสามคู่มองกันและกัน เสียโทรศัพท์ยังดังอยู่อย่างนั้นไม่มีที่ท่าว่าใครจะเป็นคนลุกขึ้นไปรับ พี่ไอชาแอบกลืนน้ำลายดังเอื้อกก่อนจะทำเนียนหลบไปเข้าห้องน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเป็นคนรับโทรศํพท์ ตาคู่หวานกับตาเรียวคมเข้มมองหน้ากันเมื่อเหลือกันอยู่สองคน อนุชิตตัดสนใจเป็นคนลุกขึ้นไปรับสาย "พี่โอ" มือใหญ่ชะงักเมื่อมือเล็กของอีกคนมาแตะ เรื่องราวแปลกๆที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่โรงแรมห้าดาวนี่ ทำให้พชรไม่แน่ใจว่าควรจะรับโทรศัพท์ที่อยู่ๆก็ดังขึ้นกลางดึกกลางดื่นหรือไม่ ชายหนุ่มตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ขึ้น.. "ทำไมรับช้าจัง! พี่ไอชามาอยู่เป็นเพื่อนชั้นหน่อยสิ!!!" โทรศัพท์ที่โทรมาจากห้องพี่อาเหลียนถูกวางสายลงไปแล้ว พร้อมๆกับพี่ไอชาที่ตั้งท่าหยิบกระเป๋าเป้และโทรศัพท์กับกระเป๋าตังที่วางไว้ที่เตียงติดตัวเพื่อย้ายตัวเองไปที่ห้องล่ามสาวที่อยู่ข้างๆ "พี่ไอชาจะไปนอนกับพี่อาเหลียนหรอฮะ" เสียงนุ่มๆจากคนหน้าหวานถามขึ้น "ก็ใช่น่ะสิฟลุค เอาเหอะพี่ไปก่อนนะ สงสารอาเหลียนมัน นอนคนเดียว ถ้าพนักงานเอาของขึ้นมาแล้วให้เค้าเอาของพี่ไปไว้ห้องนู้นด้วยนะ" ว่าแล้วผู้จัดการร่างเล็กก็หุนหันเดินออกจากห้องไปทันที จะว่าเพราะเหตุผลข้างต้นที่ว่าสงสารล่ามที่มาด้วยกันมันก็ใช่อยู่หรอก แต่ประเด็นสำคัญที่อยากจะไปจากห้องนี้ใจจะขาดก็เพราะอิหมายเลขห้องที่แปลว่าตายเนี่ยแล่ะ โทษทีนะฟลุค งานนี้เฮียขอ เกิดมาไม่เคยกลัวอะไรเท่าผีเลยจริงๆ ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมห้องสี่ตองสี่ ในเมื่อพี่ไอชาผู้จัดการตัวแสบไม่อยู่ด้วยแล้ว ทีนี้เหลืออยู่ก็มีแค่ดาราหนุ่มสองคน อนุชิตที่นั่งอยู่บนเตียงลุกขึ้นบิดขึ้เกียจ แต่ทว่ามันทำให้คนอีกคนตกใจ พชรรีบลุกพรวดขึ้นจากเตียง "พี่โอทำไร!" คนโตกว่าหันมาทำหน้างง ก่อนจะขำออกมากับท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้า "นี่ฟลุคกลัวพี่เหรอเนี่ย" "ป..เปล่า" ว่าแล้วคนตอบก็เดินไปหยิบน้ำเปล่าในตู้เย็นออกมาเปิดฝายกเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อน คนที่ถูกกลัวกลับแอบขำกับท่าทีของพชร นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนพอดี อนุชิตลุกขึ้นไปหยิบผ้าจนหนูสีขาวที่วางไว้ในตู้เสื้อผ้า กว่าจะมาถึงแล้วจัดการเรื่องราวต่างๆนาๆเสร็จก็ปาเข้าไปดึก ความเพลียเริ่มเข้ามาทับถมร่างกาย หงื่อไคลที่หมักหมมมาทั้งวันทำให้คนโตกว่าอยากอาบน้ำเต็มที่ ขายาวก้าวเข้าห้องน้ำ แต่ก็ต้องชะงักอยู่หน้าประตูเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ ขาคู่เดิมพาตัวเองกลับมายืนที่เตียง ก่อนมือใหญ่ทั้งสองจะคว้าชายเสื้อตัวเองเลิกขึ้น "พี่โออย่า!!.." เป็นอย่างที่ใจคิดไม่ผิด อนุชิตแอบขำกับคนหน้าหวานตรงหน้าที่พยายามห้ามไม่ให้เค้าถอดเสื้อตรงนี้ "มีไรเหรอฟลุค" รู้ทั้งรู้แต่กลับแกล้งทำเป็นถาม "อย่าถอดตรงนี้ เข้าไปถอดในห้องน้ำเลยพี่โอ" "ไม่เห็นเป็นไรเลย ผู้ชายด้วยกัน ฟลุคจะถอดบ้างก็ได้นะ" คนแกล้งนึกขำ ยิ่งแกล้งก็ยิ่งสนุก "ไม่!!" ว่าแล้วคนปฎิเสธก็หันหน้ากลับไปที่หน้าจอทีวีเหมือนเดิม ปากเล็กแน่นิ่งไม่พูดอะไรต่อ สายตาจับจ้องไปข้างหน้าทีวีแต่ดูแล้วไม่เห็นจะสนใจสิ่งที่อยู่ในจอ แขนเล็กกอดอกแน่น มือข้างนึงที่จับรีโมทไว้กดปุ่มรีโมทแรงๆไล่ช่องไปเรื่อยๆ ตาคมเข้มเหลือบมองรีโมทที่ถูกคนหน้างุ้มกดอย่างหนัก เกิดเป็นรีโมทช่างแสนลำบาก พอคนโมโหเข้าหน่อยก็ตะบี้ตะบันกดมันซะปุ่มแทบจะพัง โกรธรึเปล่า? คนแกล้งเหล่มองเด็กขี้โมโหตรงหน้า สงสัยจะเล่นแรงไป คนถูกโกรธจึงจำต้องเข้าไปเบียดกระแซะคนที่นั่งอยู่อีกเตียง "เป็นไรอ่ะ โกรธเค้าเหยอออตัวเองงง" ท่าทางการเย้าแหย่แบบลืมแก่แบบนั้นทำให้คนถูกง้อขำออกมาได้ "ตัวองตัวอะไรเนี่ยพี่โอ วัยรุ่นๆพูดน่ะมันน่ารักนะ แต่คนแก่พูดนี่ย.."หนุ่มหน้าหวานทำย่นจมูก "ทำไมอ่ะ ก็เห็นแฟนกันเค้าก็พูดกันอย่างเงี๊ยะ เค้า-ตัวเอง ไม่ชอบเหรอ" "ห้ามพูดนะ"พูดไปล่ะก็ ความลับที่เก็บไว้เป็นปีๆต้องได้รู้ไปทั่วแน่ "เอาไว้พูดตอนอยู่กันสองคนก็ได้" คนโตกว่าพูดพลางเดินไปที่ห้องน้ำ ไม่วายหันมาส่งสายตากรุ้มกริ่ม "จริงป่ะตัวเอง" ประตูห้องน้ำถูกปิดหนีหมอนใบใหญ่ที่เขวี้ยงมาได้ทันท่วงที คนขว้างหมอนทำจมูกย่นอย่างหมั่นไส้ ตอนแรกก็ดูเรียบร้อยๆ ไปๆมาไหงพูดมากแบบนี้เนี่ย ไปติดนิสัยเจ้าเล่ห์มาจากใคร ชิ! "ก๊อก ก๊อก ก๊อก!" เสียงเคาะทำให้คนที่นั่งอยู่หน้าทีวีต้องหันไปมองที่ประตู ความรู้สึกหวาดๆเกิดขึ้นอีกครั้ง คนตัวเล็กหันไปมองอีกคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่าคนข้างในกลับยังไม่ออกมาซักที น้ำลายถูกกลืนลงคออย่างยากเย็น ขาแข็งจนยากเกินกว่าที่จะก้าวลงจากเตียง "พี่โอ.."เสียงสั่นๆพยายามเรียกคนในห้องน้ำ แต่มันกลับรู้สึกว่าเสียงเรียกนั้นช่างแผ่วเบาเหลือเกิน ไม่มีแรงกระทั่งจะตะโกนให้ดังขึ้น มือกำรีโมทแน่น "พี่โอ.." คนหน้าหวานเรียกดังขึ้นกว่าเดิม เสียงเคาะที่หน้าประตูห้องดังแรงและถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พชรใจสั่น ขาเรียวเล็กก้าวลงจากเตียงด้วยความจำใจ ก้าวย่างไปที่ประตูที่ถูกเคาะอย่างช้าๆ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อกๆๆๆๆๆ!!!!!! เสียงคาะประตูที่รัวขึ้นทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งและตัดสินใจหมุนตัวกลับไปเรียกคนในห้องน้ำอีกครั้ง "พี่โอ พี่โอฮะ อาบน้ำเสร็จยังพี่" คนกลัวทุบประตูห้องน้ำถี่ๆหวังจะให้คนที่กำลังอาบน้ำรีบออกมาช่วยจัดการกับเสียงเคาะประตูรัวๆที่หน้าห้องนั่น ไม่ออกมา จะถีบประตูเข้าไปแล้วนะ คนเรียกที่เริ่มจะโมโหก้าวถอยหลังไปจนติดผนังห้องเพื่อตั้งท่า หนึ่ง สอง สาม อ๊ากกกกก~~~!!! "มีไรฟลุค" "เฮ้ย!!"คนตั้งใจจะถีบประตูถลาลื่นเข้าไปกระแทกกับอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ฝักบัวที่ยังเปิดทิ้งไว้ใกล้ๆหันหน้าออกมาทางอ่างล้างหน้าพอดี ทำให้คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นบังตัวเองพัลวันมือใหญ่คว้าแขนคนที่กำลังโดนฝักบัวทำร้ายให้ออกมาจากห้องน้ำ "เป็นอะไรรึเปล่า"อนุชิตถามพลางยกมือขึ้นปัดปอยผมเปียกๆที่ลงมาปิดตาให้ "เสียง..เสียงเคาะประตู"คนเปียกเอามือปาดน้ำออกจากหน้าอย่างลวกๆก่อนจะรีบมองไปที่ประตูหน้าห้องตามเสียงเคาะที่รัวอยู่ อนุชิตหันไปมองตามเสียง คอแข็งแกร่งกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง สีหน้าจดๆจ้องๆที่ประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ ขายาวค่อยๆก้าวไปที่ประตูเป้าหมายโดยมีพชรเดินตามช้าๆอยู่ข้างหลัง "เปิดนะ" คนตัวเล็กพยักหน้าตอบเมื่อรุ่นพี่หันมาถามเพื่อความแน่ใจ "นึงงง ส่องงง ซ่ำ" ประตูถูกเปิดขึ้นอย่างเร็วทันทีที่อนุชิตนับถึงสาม คนสองคนหันมองหน้ากันทันทีเมื่อพบว่าหน้าห้องมีเพียงความว่างเปล่า อนุชิตชะโงกหน้าไปมองที่ทางเดินหน้าห้องทั้งซ้ายขวา ไม่พบแม้แต่แมวซักตัว "พี่โอออ"คนตัวเล็กเขย่ามือของคนข้างๆแน่นด้วยความหวาด ในเมื่อหน้าห้องมันไม่มีอะไรเลย แล้วเสียงที่ได้ยินเมื่อกี๊มันคืออะไร.. ประตูห้องถูกปิดลง อนุชิตเดินกลับเข้าไปในห้องด้วยอาการมึนงง คิ้วสวยขมวดเป็นปมอย่างขบคิด เป็นไปได้ยังไง.. (((((กริ๊งงงงงงงงง!!!!!))))) เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นทำให้คนสองคนสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน กริ๊งที่สองดังขึ้น และตามด้วยกริ๊งที่สาม คนสองคนสบตากันนิ่ง อนุชิตมองที่โทรศัพท์เจ้าปัญหานั่น ในใจก็คิดเพียงว่าคราวนี้ไม่ควรจะรับสายมันแน่ๆ โทรศัพท์ยังดังไม่หยุด อนุชิตเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามือเล็กตัดสินใจเอื้อมมือไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นอย่างกลัวๆกล้าๆ "ฮะ..ฮัลโหล" เสียงสั่นกรอกลงไป อนุชิตจดจ้องที่ใบหน้าหวานอย่างต้องลุ้นๆ ทว่าพชรกลับนิ่งค้าง มือเรียวค่อยๆวางหูโทรศัพท์ลง ตาหวานลอยเคว้งคว้างเหมือนคนไม่ได้สติ "มีอะไรฟลุค" ดารารุ่นพี่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ทว่าคนถูกถามกลับไม่ตอบ ปลายจมูกโด่งหายใจลึกๆเพื่อสูดอออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายหวังจะช่วยให้จิตใจสงบลง "ใจเย็นๆนะฟลุค เกิดอะไรขึ้น" "ไม่เห็นมีใครพูดเลยพี่โอ พอฟลุครับ มันก็ดังตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด" "ต้องมีแกล้งเราแน่ๆ"อนุชิตสบถขึ้นอย่างโมโห "คนรู้จักที่นี่ก็ไม่มี พี่ไอชากับพี่เฉินก็คงจะหลับไปแล้ว แล้วใครจะแกล้งเราล่ะพี่โอ นอกจาก.." อนุชิตพยายามปรับสีหน้าให้ดีขึ้นหลังจากที่นึกถึงคำที่ต้องเติมในช่องว่าง ทว่าเค้ากลับรู้สึกเป็นห่วงคนตรงหน้ามากกว่า หน้าใสซีดเผือกไร้ซึ่งสีเลือด มือหนายกขึ้นเกลี่ยนแก้มเนียนเพื่อปลอบใจ ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงหลอนๆดังขึ้นอีกครั้งทำลายความเงียบ คนตัวเล็กหันไปมองอย่างหวั่นๆ มือใหญ่ขยี้ลงบนหัวเล็กเป็นการปลอบโยนก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปที่ประตู อนุชิตคว้าลูกบิดให้ประตูเปิดออก คนตัวเล็กที่เดินตามไปหลับตาปี๋ "อ่ะ..อ่า..ปู้ห่าวอี้ซือ หนี่เมินเตอะ.." พนักงานสองคนที่หน้าประตูยืนตาค้าง ก่อนจะได้สติแล้วสนทนาด้วยภาษาจีนประโยคสั้นๆ พวกเค้ายกกระเป๋าสัมภาระสามใบแทรกกายเข้าไปวางไว้ในห้อง เจ้าของห้องพักสองคนถอนหายใจแรงๆขึ้นพร้อมกัน โล่งใจที่เสียงเคาะนั่นไม่ใช่สิ่งลี้ลับตามที่ตัวเองคิด ทว่าพชรและอนุชิตยังทำหน้างงงวยเมื่อพนักงานสองคนนั้นเอาแต่เหล่มองพวกเค้า พอคนถูกมองหันไปสบตาพอดีเจ้าตัวก็รีบก้มหลบสายตา อนุชิตเมื่อเห็นว่าพนักงานมองคนข้างกายที่ตัวเปียกจนเสื้อแนบเนื้อก็เกิดหงุดหงิด แขนยาวคว้าให้คนตัวเล็กหลบไปอยู่ข้างหลังตัวเอง แต่คนถูกหวงกลับคิดอีกอย่าง พชรมองตามสายตาที่พนักงานมองสลับไปสลับมาระหว่างเค้ากับหนุ่มรุ่นพี่ ทำให้ได้พบว่าตอนนี้คนข้างๆไม่ได้สวมเสื้อ บนกายเค้ามีเพียงผ้าเช็ดตัวที่ห่อหุ้มร่างกายช่วงล่างเอาไว้เท่านั้น แถมตัวเค้าเองยังเปียกโชกไปหมด ก่อนที่พนักงานสองคนจะเอาแต่มองแล้วคิดกันไปไกลถึงไหน พอของทั้งหมดถูกขนเข้ามาไว้ในห้องเรียบร้อย พชรจึงรีบปิดประตูลงทั้งๆที่พนักงานทั้งสองยังก้าวไม่พ้นขอบประตูดี "ไปเปลี่ยนเสื้อเลยไป " คนโตกว่าพูดด้วยสายตาหงุดหงิดเล็กๆ "พี่โอคิดไรอยู่เนี่ย เค้ามองเราทั้งคู่นั่นแล่ะ ไม่ได้มองฟลุคคนเดียวซักหน่อย พี่โอโป๊อยู่เนี่ย ฟลุคก็เปียกอยู่เนี่ยเห็นมั้ยเนี่ย เค้าคิดไรกันไปไกลแล้วมั้ง" คนพูดตอบกลับ แก้มใสแดงระเรื่อ เอ๋..งั้นเหรอ อนุชิตคิดขึ้นในใจ ก่อนที่ปากบางจะคลี่ยิ้มออกมา สายตาเจ้าเล่ห์หันมองไปที่คนที่กำลังหน้าแดง "แล้วเค้าคิดว่าอะไรกันเหรอฟลุค พี่ไม่เข้าใจอ่ะ" คำถามเย้าหย่ทำให้คนถูกถามทำหน้าไม่ถูก รีบหาประเด็นเปลี่ยนเรื่อง "ไปอาบน้ำต่อเลยไป เปิดน้ำทิ้งไว้นั่นน่ะ เปลืองน้ำ" "กลัวเปลืองก็อาบด้วยกันเลยสิ ประหยัดน้ำดีนะ" อนุชิตพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ คนถูกแกล้งยิ่งทำหน้าไม่ถูกเข้าไปใหญ่ มือเล็กยกขึ้นผลักอกกว้างให้เขยิบออกไปไกลๆ ทว่าคนถูกผลักกลับแกล้งยื้อยุดคนหน้าหวานให้เข้าห้องน้ำไปด้วยกัน "ไม่เอา ไม่เล่นนนนน พี่โอ๊อออ" คนตัวเล็กทั้งผลักทั้งหยิกทั้งถีบทั้งเหยียบเท้า ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองหลุดพ้นจากมือใหญ่ที่พยายามลากเค้าเข้าห้องน้ำไปด้วย พชรหมุนตัวจะวิ่งหนีทว่าแขนแข็งแรงกลับเอื้อมมาโอบเอวเล็กเอาไว้ คนถูกรวบดิ้นขลุกขลักก่อนจะชักเท้าขึ้นแล้วเหยียบไปที่เท้าอีกคนเต็มแรง คนถูกเหยียบเท้าสะดุ้งโหยง ขายาวสูญเสียการทรงตัวเป็นเหตุทำให้คนสองคนล้มไปบนเตียงด้วยกัน พชรที่เป็นฝ่ายทับอยู่บนตัวรุ่นพี่ รีบยันตัวเองให้ลุกขึ้น ทว่ามือใหญ่ของคนถูกทับกลับดึงไม่ให้เค้าลุก หนำซ้ำยังพลิกให้คนหน้าหวานหงายเงิบแล้วพาให้ตัวเองอยู่ด้านบนแทน คนถูกทับนิ่งงัน แก้มแดงจัด ตาหวานจ้องคนตรงหน้าค้าง ก่อนจะรีบหลุบสายตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาละลายขั้วโลกนั่น มือใหญ่ยกขึ้นปัดปอยผมเปียกที่ปรกลงมาปิดหน้าหวาน ก่อนที่มือสากจะเลื่อนลงเพื่อเกลี่ยแก้มใสที่แดงจัดไปมา "ลุกเหอะพี่โอ" คนตัวเล็กเบื้องล่างพูดเสียงสั่น ก้มหนางุด คนถูกท้วงยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะค่อยโน้มใบหน้าคมเข้มลงไปใกล้อีกนิด "อย่าพี่โอ" มือเล็กที่ดันอกกว้างเอาไว้พร้อมกับเสียงที่ทักท้วงออกมา ทำให้อนุชิตยอมลุกขึ้นนั่ง เจ้าตัวเหลือบมองคนตัวเล็กที่นอนถอนหายใจแรงๆ มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นมากำคอเสื้อไว้แน่น ตาหวานมองไปที่เพดานด้วยใจแกว่งๆ ก่อนที่จะค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งตามรุ่นพี่ อนุชิตยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างเอ็นดูก่อนจะพาตัวเองเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำต่อ แขนแข็งแรงทั้งสองข้างเท้าอยู่บนอ่างล้างหน้า ดาราหนุ่มหน้าเข้มเอื้อมไปเปิดน้ำแล้วก้มหน้าลง มือใหญ่ควักน้ำใส่หน้าแรงๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกระจก ปลายจมูกโด่งพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วผ่อนมันออกไปเพื่อให้จิตใจได้สงบนิ่ง "เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ" --------------------------------------------- รู้สึกว่าตอนนี้ยาวจัง แต่จะให้ตัดแบ่งก็ไม่รู้จะตัดตรงไหนดี ![]() ได้คำตอบ(ตามจินตนาการ)แล้วนะคะว่าตกลงที่เค้าไปปักกิ่งกันเนี่ย ได้หลับซบกันบนเครื่องบินรึเปล่า แล้วได้นอนห้องเดียวกันรึไม่ ติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^ ปอลอ.น้องโมมาโพสบอกว่าพี่ไอชาอายุน้อยกว่าพี่โอ 55555 (แอบหน้าแตก) จริงๆตอนแรกเลยปอยอมรับเลยว่าไม่ค่อยแน่ใจว่าพี่ไอชาจะน้อยกว่าพี่โอรึเปล่า ก็เลยเลือกใช้คำพูดไม่ค่อยถูก แล้วก็เลยเลือกจากคำว่า "โอ จับมือพี่ทำไมเนี่ย" กับ "พี่โอ จับมือไอชาทำไมเนี่ย" แล้วปอชอบแบบแรกมากกว่า มันดูได้อารมณ์งงๆดี ก็เลยเลือกให้เป็นพี่ไป แต่พอโมมาบอกความจริงวาพี่ไอชาอ่อนกว่า งั้นปอก็เลยขอแก้ดีกว่าเนอะ เดี๋ยวอ่านแล้วจะไม่อินกัน ![]() ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคค่ะ.. ความรู้สึกดีๆ..ที่ Beijing
ตอนแรกมาแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าจะชอบกันรึเปล่า หวั่นๆอยู่เหมือนกัน ==!
แต่ในใจปอมันก็จิ้นอยากให้เรื่องจริงมันเป็นงี้นะคะ แอร๊ยยยย~~~!! > เริ่มเลยละกัน --------------------------------------- (((กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~~~~~!!!!!!!!))) มือเล็กยกขึ้นปัดป่ายไปทั่วที่นอน ตาปรือไม่ได้มองที่เป้าหมายทำให้มือควานหาสิ่งที่ต้องการไม่เจอซักที ความดังที่แสนจะหนวกหูของนาฬิกาปลุกเรือนเล็กทำให้เจ้าตัวต้องลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิด "อยู่ไหนวะ!" หน้ามุ่ยๆพยายามลืมตาอันหนักอึ้งสบัดหน้าหันไปหาเจ้าตัวปัญหาที่กวนใจเค้าให้ตื่น พอเห็นปุ๊บก็เอื้อมไปคว้าเจ้านาฬิกาปลุกที่ตอนนี้มันเลื่อนตำแหน่งวางจากหัวนอนลงไปคว่ำหน้าอยู่ที่ปลายเท้า "หุบปากซักที!" คนงัวเงียที่กดปิดนาฬิกาพูดใส่นาฬิกาอย่างกับว่ามันมีชีวิต ก่อนที่จะโยนมันทิ้งอย่างไม่ใยดี และแล้วคนถูกปลุกก็ล้มตัวลงมุดกับผ้าห่มอุ่นๆต่อ ทำไมต้องเก็บซ่อนมันไว้อย่างนี้~~ ที่เราทำไม่ดียังไง..~~~ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้พชรต้องโวยวายอีกครั้ง "อาไรอีกว้า..ฮัลโหล!!!"เสียงหนักๆถูกกรอกลงไปที่ปลายสายอย่างหงุดหงิด ก่อนที่เจ้าตัวจะเบิกตาโต ร่างเล็กรีบเด้งจากที่นอน กรอกเสียงสงบเสงี่ยมเรียบร้อยใส่โทรศัพท์ "ค้าบบบ ..ค้าบบบบบ ตื่นแล้วๆ ลุกแล้วเนี่ยยย"สุดท้ายพชรก็ต้องลุกจากที่นอนไปอาบน้ำแต่งตัวแต่โดยดี ท่อนแขนแข็งแรงถูกยกขึ้นมาดูนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่า สายตาคมเข้มกวาดมองผ่าฝูงชนที่ยั้วเยี้ยะจอแจไปรอบๆ แต่ทว่าคนที่เค้ากำลังรออยู่ก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นซักที มือใหญ่เรียวสวยยกมือพนมทักทายบรรดาเด็กน้อยวัยรุ่นรวมไปถึงรุ่นป้าๆที่พร้อมใจกันมาส่งเค้าและคนอีกคนที่สนามบิน อีกคนที่ตอนนี้ก็ยังมาไม่ถึงซักที ปากบางพ่นลมหายใจออกมาเบาๆแล้วก็ต้องรีบปรับเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อกลุ่มคนที่มาส่งที่เรียกตัวเองว่าแฟนคลับพากันกรูเข้ามาขอถ่ายรูปและขอลายเซ็น "น้องฟลุคมายังพี่โอ" เสียงใสของเด็กสาววัยรุ่นผู้ร่วมอยู่ในกลุ่มนนั้นด้วยถามขึ้น ทำเอามือใหญ่ที่กำลังเขียนลายเซ็นชะงักไปชั่วนึง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นส่งยิ้มหวานละลายขั้วโลกเป็นคำตอบ บรรดาแฟนๆต่างพากันร้องวี๊ดว้ายด้วยความชื่นชมกับนักแสดงหนุ่มที่ดูน่ารักและอัธยาศัยดีตรงหน้า แต่จะมีใครบ้างที่รู้ว่าจริงๆแล้ว ในใจของอนุชิตตอนนี้เริ่มมีร่องรอยครุกรุ่นด้วยความหงุดหงิด เมื่อคนที่เจ้าตัวรอมาช้ากว่าที่ตกลงกันไว้ "ฟลุคมาแล้วๆ" เสียงอื้ออึงระพึดกระพรือด้วยความตื่นเต้นของกลุ่มแฟนๆทำให้อนุชิตเงยหน้าจากการเซ็นลายเซ็น ปากบางแอบลอบยิ้มขึ้นเล็กๆแต่แล้วก็พลันเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม "พี่โอหวัดดีคับ" หนุ่มน้อยหน้าหวานที่มาพร้อมกับป๊าและพี่ไอชาผู้จัดการส่วนตัว ยกมือไหว้ทักทายนักแสดงรุ่นพี่ ก่อนจะหันไปไหว้บรรดาแฟนคลับรอบทิศ ตาหวานลอบมองว่ารุ่นพี่ที่ทักทายดูเงียบและขรึมผิดปกติ ขาเรียวกำลังจะก้าวเข้าไปหาทว่าต้องหยุดไว้เมื่อมีชายหนุ่มวัยไล่ๆกันเดินหน้าเข้ามาแทรก "ขอถ่ายรูปหน่อยครับ" "ครับ" คนหน้าหวานยิ้มยินดีก่อนจะขยับตัวเข้าไปถ่ายรูปคู่กับแฟนเพลง คนโตกว่าที่ทำเป็นขรึมแอบยกสายตาเหลือบมอง จากเดิมที่มีการหงุดหงิดอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ พลันคิ้วสวยก็ขมวดหากันแน่นขึ้นกว่าเก่าเมื่อแฟนเพลงคนนั้นยกมือขึ้นโอบไหล่หนุ่มหน้าหวานแถมใบหน้าตี๋นั่นก็ยังโน้มลงมาจนหน้าแทบจะติดกัน อนุชิตเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจก่อนจะรีบขอตัวจากแฟนคลับ พาตัวเองออกมาในระยะหนึ่งพอให้ห่างจากกลุ่มแฟนๆ มือใหญ่ยกมือถือขึ้นกดเบอร์โทรออกล่าสุด "พี่บอกให้มาถึงตอนกี่โมง" เสียงเข้มกรอกลงไปจงใจดุคนปลายสาย หนุ่มหน้าหวานปลดโทรศัพท์ลงจากหู ก่อนจะขอตัวเพื่อพาตัวเองเขยิบออกมาจากวงล้อมแฟนคลับ พร้อมทั้งรับสมอลทอล์คจากพ่อซึ่งตัวเองเรียกว่าป๊ามาเสียบ งานนี้คุยยาวแน่ๆ "เจ็ดโมงครึ่ง" เสียงหวานตอบออกไปแบบไม่ค่อยเต็มคำนัก "แล้วฟลุคมากี่โมง นี่ขนาดพี่โทรไปปลุกแล้วนะ"คำถามของคนเสียงเข้มทำให้หนุ่มน้อยต้องดูเวลาที่โทรศัพท์ "แปดโมงห้านาที..โห่พี่โอ เครื่องมันออกตั้ง9โมงนะ" คนถูกดุทำหน้างุ้มหน้าผากย่นอย่างเรียกร้องความยุติธรรม เครื่องออกตั้ง9โมง ทางบริษัทก็บอกให้มาถึงสนามบินตอน8โมงตรงเพื่อมาพบแฟนคลับก่อน เอาจริงๆเค้ามาสายไปแค่5นาทีด้วยซ้ำ พี่โออ่ะมาเร็วเกิน มาทำไมตั้งแต่เจ็ดโมงกว่า "พี่ขอเวลาให้เราได้คุยกันก่อนซัก5นาที10นาทีไม่ได้เหรอ ฟลุคก็รู้ว่าเราบอกเค้าไว้8โมงมาถึงสนามบิน แฟนๆต้องมาก่อนนั้นอยู่แล้ว พี่พยายามหาเวลาสำหรับเราสองคนนะฟลุค แต่ฟลุคไม่ให้ความสำคัญกับมันเลย" "ก็เดี๋ยวก็ได้นั่งด้วยกันอยู่ดี"คนตัวเล็กยังอุส่าห์เถียงอ้อมแอ้มๆ ขอให้ได้เถียงซักนิดเหอะ "ฟลุค อย่าดื้อ"คนหงุดหงิดร่ายยาว ทำให้คนถูกดุได้แต่นิ่งเงียบและยอมรับผิดแต่โดยดี อนุชิตมองไปที่เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไกลๆ เห็นเจ้าตัวยืนทำหน้าง่อยๆ ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้สึกผิดแล้วล่ะมั้ง อีกอย่าง เค้าเห็นหน้าพชรซึมแบบนี้ทีไรก็รู้สึกปั่นป่วนหัวใจเองซะทุกที ว่าแล้วคนโมโหจึงจำต้องลดเสียงให้เย็นลง "ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นแล้ว ยิ้มหน่อย"คนถูกสั่งเงยหน้ามองมาทางคนรุ่นพี่ ก่อนจะทำย่นจมูกฉีกยิ้มใส่ "พอใจยังครับ"นั่นทำให้คนตัวโตขำเล็กๆออกมาอย่างเอ็นดูระคนหมั่นเขี้ยว ก่อนที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มจะหุบลงทำเสียงเข้มอีกครั้ง "แล้วกับแฟนคลับนะ ไม่ต้องใกล้กันขนาดนั้นก็ได้"คนปลายสายกรอกลูกตาขึ้นสูง ว่าแล้วเชียว.. "ค้าบ"คนถูกปรามรับคำเสียงอ่อย "ยังไม่ได้กินไรมาใช่มั้ย เดี๋ยวให้พี่ไอชาพาไปกินข้าวนะ แล้วพี่จะเข้าไปข้างในก่อน" หนุ่มน้อยไม่ตอบด้วยเสียง แต่พยักหน้าป้อยๆ โชคดีที่คนถามยืนมองอยู่ไกลๆทำให้รับรู้ถึงการพยักหน้านั้นได้ ชาตินี้วันไหนพี่โอจะเห็นว่าเค้าโตเป็นผู้ใหญ่ซักที ทำไมคุยกับพี่ท่านทีไร รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อยทุกที.. หลังจากรูปรวมกับแฟนคลับเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างเริ่มแยกย้ายกันไป แฟนๆบางกลุ่มก็เดินไปเม้ามอยกันต่ออย่างสนุกสนาน อนุชิตได้แต่ลอบมองคนตัวเล็กเดินไปกินข้าวกับพี่ไอชาตามที่เค้ากำชับเพราะรู้ดีกว่าคนตื่นสายอย่างพชรต้องไม่ทันตื่นมากินข้าวเช้าแน่ๆ ขนาดโทรไปปลุกแล้ว ยังมาช้ากว่าที่ตกลงกันไว้ขนาดนี้ ใจจริงก็อยากตามออกไปด้วยใจจะขาด ทว่าในเวลานี้คงยังไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ สถานะของคนทั้งคู่ในตอนนี้คือพี่น้องที่ร่วมงานกันจนแฟนละครหลายๆคนพากันจินตนาการกันไปไกล แค่ทั้งสองได้หันหน้าหากันเพื่อพูดจากันซักคำสองคำคนก็จับตามองแล้ว.. แต่ชั่งเถอะ เวลาของพวกเค้าที่ปักกิ่งยังมีอีกเยอะ .. ------------------------------------ ฟิคนี้อาจไม่ได้ใช้ข้อมูลที่ถูกต้องจริงแต่ประการใด ข้อมูลต่างๆทั้งเรื่องวัน เวลา สถานที่อาจมีแต่งเติมเข้าไปเองตามความรู้ของปอและตามความเหมาะสมกับเรื่องราวนะคะ ^^ ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคค่ะ |
ปุยหมาม่วง
![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
Group Blog Friends Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |