คุยเฟื่องเรื่องคอมพิวเตอร์...
Group Blog
 
All blogs
 

ประวัติศาสตร์ History of Windows




History of Windows

ประวัติศาสตร์เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ.1982 ที่งาน COMDEX ที่จัดขึ้นที่เมือง Alantic ประเทศสหรัฐอเมริกา...

งาน COMDEX ก็คืองาน Computer Expo ที่แต่ละบริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนำในขณะนั้นจะเอานำเทคโนโลยีใหม่ๆไปแสดงในงานนั้น...

บิล เกตส์ ซึ่งตอนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทซอพต์แวร์ที่ชื่อ “ไมโครซอพต์” ก็อยู่ในงานนั้นเช่นกัน อย่างไม่ต้องสงสัย...

หลายบริษัทนำเสนอเทคโนโลยีของตนด้วยความภูมิใจและเสียงตบมือจากผู้เข้าร่วมงาน ..

จนมาถึงไฮไลต์ของงาน บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ที่ชื่อ IBM ได้นำ IBM PC ของตนออกมาแสดงและได้รับความสนใจเป็นอย่างดี...

IBM PC มาพร้อมระบบปฏิบัติการยูนิกส์ UNIX OS ที่ทำงานแบบ Text mode จ๋า...

แต่ที่ทำให้ทุกคนในงานประทับใจ ก็คือ ซอพต์แวร์ตัวใหม่ที่ชื่อ Visi ON ที่ออกแบบและสร้างโดย VisiCorp...

Visi ON นำเสนอการทำงานแบบภาพกราฟฟิคที่ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ในขณะนั้น...

ผู้เริ่มงานคนนึงในนั้นรู้สึกตื่นเต้นและต้องการสร้างโปรแกรมในแบบ VisiOn ขึ้นมาเช่นกัน...

เขาเค้านั้น คือ บิล เกสต์ ซึ่งต่อมาได้พัฒนา Microsoft Windows 1 – 10 ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้นั้นเอง…


(Credit ภาพประกอบ : wikipedia Visi On program on IBM PC 1982 )


End part 1 (To be continue...)





 

Create Date : 25 สิงหาคม 2561    
Last Update : 25 สิงหาคม 2561 13:56:43 น.
Counter : 593 Pageviews.  

ละเมิดลิขสิทธิ์ทำไม...ไหนเมื่อมีของถูกลิขสิทธิ์ให้ใช้ฟรีๆ

ปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าตัวเลขการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยสูงจนน่าตกใจ  ประมาณการอยู่ที่ 76% หรือพูดง่ายๆก็คือ ทุกๆคอมพิวเตอร์ 100 เครื่อง จะมีเครื่องที่ลงซอพท์แวร์เถื่อนประมาณ 76 เครื่อง...!!!.

     ซอพท์แวร์ที่ว่านี้ก็ไล่มาตั้งแต่ ระบบปฏิบัติการ ตระกูล Windows  7, Vista, XP, 2003, โปรแกรมสแกนไวรัส, โปรแกรม Office, เกมส์, โปรแกรม Burn CD /DVD พวก Nero , Ashampoo  ซึ่งเครื่องที่ประกอบเองส่วนใหญ่ ทางร้านจะลงซอพท์แวร์ที่ว่านี้ให้ถ้าคนซื้อไม่ได้ระบุว่าจะใช้ของจริง (ซึ่งแน่นอนต้องจ่ายเพิ่มขึ้น หรือจ่ายแพงกว่าทำไม)  

จึงทำให้ส่วนใหญ่เลือกใช้ซอพท์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ไปโดยปริยาย บางคนใช้ติดต่อกันมาเป็นปีจนเคยชิน แต่เชื่อไหมครับทุกๆครั้งที่เราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ บูตวินโดว์ขึ้นมา เราก็ทำผิดกฏหมายลิขสิทธิ์แล้ว แล้วลองคิดดูนะครับวันหนึ่งถ้าเราใช้คอมพิวเตอร์โดยเฉลี่ยประมาณ 6 ชั่วโมง ปีหนึ่งๆเราก็ทำผิดกฏหมายอยู่ 2,136 ชั่วโมงเลยทีเดียว..!!!

     หลายๆคนแย้งว่า ไม่เห็นผิดตรงไหนเลย ใครๆก็ใช้ของเถื่อนกันทั้งนั้น จะไปแคร์สื่อทำไม อืม...อันนั้นก็แล้วแต่ละความเชื่อของบุคคล ท่านอาจจะข้ามบทความนี้ไป แต่สำหรับคนที่เห็นว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเป็นเรื่องที่ต้องให้ความยุติธรรม มองข้ามไปไม่ได้ วันนี้ผมขอเสนอแนวทางนึงสำหรับผู้ที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์อย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์และฟรี ครับ เน้น อีกทีว่าถูกต้องตามลิขสิทธิ์และฟรี...!!!

แนวทางที่ว่านั้นก็คือการใช้ Open source แทนครับ...



Open Source ที่กล่าวนี้รวมตั้งแต่ ระบบปฏิบัติการ ที่จะใช้แทนวินโดว์ , โปรแกรม Utility โปรแกรมMulti Media ดูหนังฟังเพลงต่างๆ ทุกๆอย่างสามารถหามาใช้ฟรีหมดแบบไม่ละเมิดกฏหมายลิขสิทธิ์ ยกเว้นซอพท์แวร์บ้างประเภทที่มีลิขสิทธิ์ ถ้าต้องการใช้งานก็ต้องจ่ายเงินเช่น เกมส์ เป็นต้น

ผมขอกล่าวถึงรายละเอียดโดยกล่าวถึงรายละเอียดทีละอันนะครับ 

1.ระบบปฏิบัติการ หรือ Operating System
ถ้าดูตามสถิติ บ่งชี้ว่า 88% ของคอมพิวเตอร์ทั่วโลกมีระบบปฏิบัติการเป็น Windows เป็น Linux 4.5% ที่เหลือเป็น Macintosh 6.9%  ส่วนแนวทางที่ผมเสนอสำหรับการใช้ของถูกลิขสิทธิ์และฟรีก็คือ Linux นั่นเอง

           ปัจจุบัน Linux ค่ายต่างๆ มีการพัฒนาคุณสมบัติการใช้งานขึ้นมาอย่างมาก ทั้งความง่ายในการติดต่อกับผู้ใช้งาน (GUI)  และการหาไดร์เวอร์ของอุปกรณ์แบบอัติโนมัติก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า Windows ซักเท่าไรเลย
สำหรับ Linux ที่มีคุณสมบัตินี้ก็มีหลายตัวทีเดียว สำหรับตัวที่ผมอยากจะแนะนำนั้นก็คือ Linux Ubuntu ( อูบุนตู) นั่นเอง

 1.1การติดตั้ง


สามารถติดตั้งคู่กับ Windows ได้โดยการสร้าง พาร์ติชั่นว่างๆขึ้นมาซักหนึ่งอัน(โดยยังไม่ต้องฟอร์แมต) และมีเนื้อที่อย่างน้อย ประมาณ 10GB. ขึ้นไป สำหรับการติดตั้งโดยละเอียดอ่านตามที่นี่เลยครับ


          หลังจากติดตตั้งเราจะได้ Desktop คล้ายๆกับ Windows ตามนี้เลยครับ






อันนี้เป็นคุณสมบัติการหมุนหน้าจอแบบ Cubic ที่ไม่มีใน Windows







คราวหน้ามาต่อเรื่องโปรแกรมต่างๆนะครับ




 

Create Date : 25 เมษายน 2553    
Last Update : 25 เมษายน 2553 21:35:50 น.
Counter : 490 Pageviews.  

โหลดคลิปวิดีโอไฟล์ใน Youtube มาเปิดกับเครื่องเล่น VCD ที่บ้าน

อ่านบล็อกของเพื่อนๆพี่ๆในพันทิปมาสักระยะนึง ก็อยากมี blog ของตัวเองบ้าง ดังนั้นขอประเดิมบล็อคใหม่ ด้วยเรื่อง วิธีการดึงไฟล์จาก Youtube มาเปิดกับเครื่องเล่น VCD, DVD ละกันเผื่ออาจจะมีประโยชน์สำหรับบางท่านที่ยังไม่ทราบวิธีการ (สำหรับคนที่รู้แล้วก็อ่านผ่านเล่นๆไปก็ได้นะครับไม่ว่ากัน)

พอดีช่วงนี้กระแส Youtube ค่อนข้างแรง มีคนเข้าดูและก็อัพโหลดคลิปวิดีโอค่อนข้างเยอะ (ที่จริงแล้วเยอะมาก) ผมก็เป็นคนนึงที่เข้าไปดูบ่อยๆ คลิปไหนไม่ชอบก็ดูผ่านๆไป แต่อันไหนที่ชอบๆ ก็จะโหลดเก็บไว้ที่คอม เผื่อไว้เปิดดูวันหลัง ส่วนคลิปไหนที่เราอยากเอาไปให้คนอื่น เช่น พี่ น้อง ปู่ย่า ตา ยาย ลูก หลาน เหลน โหลน ของเราได้ดูบ้าง ก็จะไรท์เก็บลงแผ่นไว้เปิดกับเครื่องเล่น VCD หรือ DVD ที่ตอนนี้มีกันแทบทุกบ้าน เอาไว้เปิดดูกันยามว่าง ก็เพลินไปอีกแบบนึง

เอาละ...เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

สิ่งที่ต้องเตรียม
1. โปรแกรมโหลดไฟล์ประเภท Flash (ซึ่งปัจจุบันมีหลายตัวทั้งที่ฟรีและเสียเงิน) เช่น Youtube downloader, IDM ( Internet Download Manager), Orbit ในตัวอย่างนี้ผมขอใช้ Orbit เพราะว่าเป็นฟรีแวร์ 100% และความสามารถก็ไม่ได้แพ้ของเสียตังค์อย่าง IDM เลยครับ เวอร์ชั่นล่าสุดขณะที่เขียนอยู่นี้คือ 2.8.1 โดยสามารถหาดาว์นโหลด Orbit ได้ที่นี่ครับ

2. โปรแกรมแปลงไฟล์คลิปวิดีโอที่สามารถแปลงไฟล์นามสกุล .flv (Flash video file format) ได้ เหตุผลที่ต้องแปลงไฟล์ก่อนก็เพราะว่า Nero ยังไม่ซัพพอร์ตการเบิร์นไฟล์วิดีโอแบบ .flv ซึ่งในตัวอย่างนี้จะใช้ โปรแกรม Format Factory เวอร์ชั่น 1.6.5 เพราะเป็นฟรีแวร์ 100% เหมือนนกับ Orbit และก็มีอินเตอร์เฟสเป็นภาษาไทยเต็มตัวด้วย โดยสามารถหาดาว์นโหลดได้ที่นี่ครับ

3. โปรแกรม Nero (อันนี้คงไม่ต้องอธิบายนะครับ)

4. แผ่นเปล่า 1 แผ่น (CD-R)


1.ลงโปรแกรม Orbit เพื่อใช้สำหรับเซพไฟล์วีดีโอจากยูทูป อย่าลืมเลือกลงฟีเจอร์ Grab pro ด้วยนะครับตามภาพข้างล่าง ( คลิก Next ไปเรื่อยๆ) ใครใช้ Firefox อย่าลืมเลือก Orbit ให้เป็น Add-on ของ Firefox ด้วยนะ
2.เปิดเว็บบราวซ์เซอร์เข้า https://www.youtube.com เข้าไปยังหน้าชมวิดีโอของคลิปที่ต้องการโหลด จากนั้นก็ใช้ Orbit ดูดมาซะตามภาพเลย ถ้าใช้ IE คลิกเลือกที่ปุ่ม “Get it” ตรงขวาบนของจอวิดีโอได้เลย หรือคลิกขวาเลือก Grab video by orbit ก็ได้เหมือนกัน


3.รอซักครู่จะได้ไฟล์นามสกุล .flv ไปเก็บยังโฟล์เดอร์ตามที่ตั้งค่าไว้ในที่นี้ผมเก็บไว้ที่ C:Downloads

4.ลงโปรแกรม Format Factory ให้เรียบร้อย แล้วเปิดโปรแกรมขึ้นมา
5.ทำการแปลงไฟล์วิดีโอจากไฟล์ .flv เป็นไฟล์ที่ Nero support เช่น wmv, mpg,
เปิดโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์.flv ไว้ จากนั้ใช้เมาส์ลากไฟล์นามสกุล .flv มาวางที่โปรแกรม Format factory จากจากนั้นเลือกทั้งหมดไปยัง mpg ตามภาพเลยครับ


6.คลิกเบาๆที่ปุ่ม ”เริ่ม” จากนั้นนั่งจิบกาแฟรอซักพัก จะได้ไฟล์นามสกุล .mpg ตามที่เราต้องการ

7.คลิกที่ปุ่ม “โฟลเดอร์ปลายทาง” เพื่อเปิดโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ .mpg ไว้

8.จากนั้นนำไฟล์ .mpg ไปไรท์แบบ VCD-Video ด้วยโปแกรม Nero เป็นอันเสร็จพิธีครับ

จากที่เคยลองทำ CD-R แผ่นนึงน่าจะเก็บคลิปได้ประมาณ 20-50 คลิปขึ้นอยู่กับความยาวของแต่ละคลิปด้วย


สุดท้ายขอให้ทุกคนมีความสุขในปีใหม่นี้ Happy new year ครับ.









 

Create Date : 05 มกราคม 2552    
Last Update : 5 มกราคม 2552 12:02:58 น.
Counter : 27681 Pageviews.  


IT Solution
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add IT Solution's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.