📚 โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม ◜◡‾)
Group Blog
 
All Blogs
 

โหราศาสตร์ -วิจัยอุบัติเหตุ 

โหราศาสตร์ -วิจัยอุบัติเหตุ  โดยธวัช  รัตนาภิซาติ 

โหราศาสตร์ -วิจัยอุบัติเหตุ  โดยธวัช  รัตนาภิซาติ 

ในการบรรยายข้อสังเกตุและวิจัยต่างๆต่อไปนี้ ผู้เขียน ผู้เขียนจะนำเอาดวงชะตาแบบไทยมาใช้เป็นหลักยึดถือตามตำราโหราศาสตร์ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการเขียนรูปลักษณะของดวงชะตาประการหนึ่ง เพราะความคุ้นเคยเพราะเคยได้เห็นดวงดาวในรูปลักษณะตัวเลขเป็นสัญญลักษณ์ประการหนึ่ง เนื่องจากวิชาโหราศาสตร์ไทยเราได้เคยแพร่หลายศึกษากันในคณะบุคคลชั้นสมองใส และสูงด้วยเกรียติคุณเป็นเวลาหลายร้อยปี แล้ว และแพร่หลายออกไปจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เราท่านผู้รับมรดกตกทอดมา นอกจากจะรับไว้ศึกษาเจริญรอยตา เพราะนึกว่าของดีกว่าของเก่าเสียทั้งนั้น ที่จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่มาแล้ว ควรจะได้ศึกษาค้นคว้าทะนุบำรุงส่งเสริม ให้ก้าวหน้า เจริญรุ่งเร่งขึ้นไปด้วยไม่ใช่จะละทิ้งของเก่าไปหาของใหม่ เพราะนึกว่าของใหม่ดีกว่าของเก่าเสียทั้งนั้น ที่จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ หลักเกณฑ์เก่าๆที่วางไว้บางอย่างยังคงใช้ได้ดีและทันสมัยไม่เก่าคร่ำคร่า อย่างไหนที่ควรจะปรับปรุงก็ควรจะได้รับการปรับปรุงพร้อมไปด้วย เพื่อให้ได้แก่นสารของหลักพยากรณ์ อันจะเป็นรากฐานทางสถิติวิจัยพยากรณ์  ในวันข้างหน้าต่อไป 

กฎเกณฑ์ของดวงดาวที่นำมาบรรยายไว้ ณ.ที่นี้ มั่นใจว่านอกจากจะใช้กับตำราโหราศาสตร์ไทยแล้ว ยังสามารถใช้กับตำราโหราศาสตร์อินเดีย-โหราศาสตร์สากลและโหราศาสตร์ซาติอื่นๆได้อีกด้วย เพราะเป็นทฤษฎีที่เป็นกลางๆ นำไปใช้กับดวงชะตาได้ทุกดวงทุกโอกาสทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นดวงบุคคล ดวงนิติบุคคล และดวงประจำวาระอื่นๆ ได้ทั้งสิ้น 

ดวงดาวแสดงอุบัติเหตุ ในดวงชะตาอัยควรสังเกตุมีดังนี้ :-
๑. ลัคนาหรือดวงจันทร์(๒)  อ่อนกำลังและรัศมีได้รับทัศนสัมพันธ์ จากดาวบาปเคราะห์  อังคาร(๓)  เสาร์(๗)  หรือ ยูระนัส

๒. ดวงอาทิตย์(๑)  ดวงจันทร์(๒)  อ่อนกำลังรัศมี เพราะมีดาวพระเคราะห์ ที่อ่อนแอ เช่นกันสถิตอยู่เหนือดาวแสงคู่นี้  ในดวงชะตาแสดงมรณกรรมอย่างพิศดารเว้นเสียแต่จะมีดาวศุภเคราะห์ พฤหัสบดี-หรือศุกร์ มีเกณฑ์ทัศนสัมพันธ์ดีอยู่ด้วยกันเท่านี้ จึงจะช่วยไว้ได้ 

๓.ดาวอังคาร(๓) เป็นเกณฑ์เสียกับลัคนาดวงอาทิตย์ (๑) หรือดวงจันทร์(๒) ในดวงชะตาแสดงอุบัติเหตุบาดเจ้บโดยไฟ เลือดตกยางออกอันตรายจากเหล็ก-อาวุธ ให้สังเกตุราศีธาตุประกอบด้วย คือ 
(ก) ราศีธาตุไฟ  ทำให้เกิดไฟไหม้อันตรายจากวัตถุร้อนๆ 
(ข) ราศีธาตุดิน  ทำให้เกิดชอกช้ำบาดแผลตามร่ากาย 
(ค) ราศีธาตุลม ทำให้เกิดอันตรายบาดเจ็บต้องผ่าตัดจากการกระทำของบุคคลอืนหรือโดนลมพายุ 
(ง) ราศีธาตุน้ำ  ทำให้เกิดน้ำร้อนลวก น้ำมันไหม้ 
๔.ดาวเสาร์ (๗) ถ้าเป็นเกณฑ์เสียลัคนา ดวงอาทิตย์(๑)หรือดวงจันทร์(๒)  แสดงการตกจากที่สูง หกล้ม อวัยวะแตกหัก ฟกช้ำ  ถูกของแข็ง  กระทบทุบตีเอา และให้สังเกตุราศีธาตุที่ดวงดาวนี้สถิตอยู่ด้วย  คือ:-
(ก) ในราศีธาตุไฟ  ไฟไหม้ การระเบิดของอาวุธ ถูกยิง 
(ข) ในราศีธาตุดิน อุบัติเหตุพลาดตกอันตรายจากแผ่นดินไหว  เหมืองแร่พังถล่ม 
(ค) ในราศีธาตุลม อุบัติเหตุจากลมพายุ ตกจากอากาศ หรือที่สูงๆ 
(ง) ในราศีธาตุน้ำ อุบัติเหตุจากน้ำ จมน้ำตาย อันตรายจากน้ำ 

๕.ดาวยูระนัส ( มฤตยู_๐ ) ถ้าเป็นเกณฑ์เสียขึ้นไม่ว่าในราศีใดๆ ย่อมก่อให้เกิดอุบัติเหตุกระดูกแตกแหลกไป อันตรายจากเครื่องจักรยนต์กลไก และบาดเจ้บวิสามัญอื่นๆ

๖.ดาวเนปจูน( ดาววรุณ ,ดาวสมุทร ) ถ้าเป็นเกณฑ์เสียจะมีอุบัติเหตุจากยาพิษ แก๊สพิษ และวัตถุพิษอื่นๆ 

นอกจากนี้ควรดูตำแหน่งการเคลื่อนที่ของดาวบาปเคราะห์อันมีเกณฑ์เสียหรือทัศนสัมพันธ์ร้ายนั้นประกอบด้วย อาทิ เช่น ดาวอังคาร(๓) มีเกณฑ์เสีย .. 
อยู่ในภพที่๖ (อริ)  สำแดงอันตรายบาดเจ็บ ต้องผ่าตัดโดยแพทย์ หรือ อุบัติเหตุเคราะห์ร้ายจากคนรับใช้
ถ้าอยู่ในภพที่๓ (สหัสชะ) อุบัติเหตุทางคมนาคม เดินทางอันไม่สู้ไกลนัก 
ถ้าอยู่ภพที่๙ (ศุภะ) อุบัติเหตุในการคมนาคมเดินทางไกล และอยู่ในต่างประเทศ
ถ้าอยู่ในภพที่๕ (ปุตตะ) อุบัติเหตุมาจากการเล่น หรือการกีฬาต่างๆ 
ถ้าอยู่ในภพที่๘ (มรณะ) อุบัติเหตุอาจร้ายแรงแก่ชีวิต  บาดเจ็บสาหัส มาก ฯลฯ ดังนี้ เป็นต้น

ในดวงชะตาตามปกติทั่วไปนั้น วาระสุดท้ายชีวิต มักแสดงไว้แล้วจากภพ หรือ เรือนที่๔ แห่งดวงชาตา  ถ้าหากว่าในภพนี้ มีดาวบาปเคราะห์ อาทิเช่น ดาวอังคาร(๓) ดาวเสาร์(๗) หนทิยูเรนัส(มฤตยู_๐)  สถิตอยู่ ก็ย่อมแสดงว่ามรณกรรมพิเศษพิศดารจะปรากฎขึ้นได้ ถ้าดวงชะตามีความโน้มเอียงอยู่บ้างแล้ว 

การที่ดวงชะตาใดๆ บังเอิญมีดาวบาปเคราะห์ในภพหรือเรือนที่๔ ก็ตามภพ หรือ เรือนที่๘ หรือถ้าหากว่ามีดวงดาวอื่นได้เกณฑ์เสียเป็นทัศนสัมพันธ์ร้ายกับดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ในภพหรือเรือน ดังกล่าวมานี้ก็ตาม ย่อมเป็นเครื่องที่จะมีความโน้มเอนเอียงให้เกิดเป็นมรณกรรมพิศดารขึ้นได้ด้วยเหมือนกัน

อย่างไรก็ตามถ้าหากว่า ดวงอาทิตย์(๑)  ดวงจันทร์(๒)  ทั้งสองดวงต่างก็ได้รับเกณฑ์ เสียหรือมีทัศนสัมพันธ์ร้ายกับดาวบาปเคราะห์ จะเป็นดาวอังคาร(๓) ดาวเสาร์(๗) ดาวยูเรนัส (มฤตยู_๐)  ดาวเนปจูน หรือ ดาวพลูโต  ดวงใดดวงหนึ่งหรือหลายดวงก็ตามนี่ประการหนึ่ง 

อีกประการหนึ่ง ดาวแสงจะเป็นดวงอาทิตย์( ๑)  ดาวจันทร์(๒)ก็ตาม  เพียงดวงเดียวเท่านั้นแต่หากมีเกณฑ์เสียและทัศนสัมพันธ์ ที่ร้ายแล้ว มิหนำซ้ำ ยังต้องเกาะกุมทับกัน หรือร่วมร้ายใดๆ อีกกับดาวบาเคราะห์เป็นสองซ้อน ทั้งสองประการนี้ย่อมก่อความเสียหายอันตรายร้ายแรงมากกว่าปกติ ถึงกันอาจจะประสบมรณกรรมหวาดเสียวทารุณ โดร้ายแสนสาหัส จัดเป็นมรณกรรมพิศดารด้วย

สำหรับดวงดาวบาปพระเคราะห์ ที่มักก่อให้เกิดอุบัติเหตุอันตรายแก่ชีวิตนั้น  คือ 
ดาวอังคาร(๓) ทำให้เกิดบาดแผล  โดยเหล็ก  อาวุธ โดยระเบิด ถูกกรด การผ่าตัด
 
ดาวเสาร์(๗) ทำให้เกิดการฟาดตก กระทบกระเทิอน  ฟกช้ำดำเขียว ถูกบีบรัด  ทำให้หายใจไม่ออก 

ดาวยูเรนัส (มฤตยู_๐) ทำให้เกิดการช๊อต ถูกสายไฟฟ้า อสุนีบาต สายฟ้าผ่า อันตรายจากเครื่องจักรยนต์กลไก

ดาวเนปจูน ทำให้เกิดอันตรายลั้ลับซุ่มซ่อน หลุมพรางตา กับดัก ยาพิษ 

ดาวพลูโต ทำให้เกิดอันตนายจากอาวุธ นิวเคลียร์ ปรมาณู อาจเสียชีวิต โดยการกระทำของพวก หรือคณะเหล่าร้าย 

อุบัติเหตุในดวงชะตาที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้ ถ้าหากว่าดวงชะตาไม่อยู่ในลักษณะที่มั่นคงแข็งแรงแล้ว ย่อมอาจสามารถทำให้บังเกิดเหตุภยันตรายร้ายแรงแก่ชีวิตได้มาก  จึงควรจะได้รับการสังเกตุพิจารณาดูเป็นเบื้องต้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยตรวจด฿ตามกฎเกณฑ์อันเป็นสูตรสำคัญในลำดับตอนที่จะได้กล่าวต่อไปด้วย 





#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม #www.baankhunyai.com
#เรียนดูดวงฟรีที่เวปบ้านคุณยายกลิ่นโสม #บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#ดาวบอกวิถี  #รู้ดาวอ่านดวง  #ดวงคือแผนที่ชีวิต
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#คุณยายกลิ่นโสม102100




 

Create Date : 07 กันยายน 2564    
Last Update : 7 กันยายน 2564 9:57:58 น.
Counter : 1804 Pageviews.  

เคล็บลับ การพยากรณ์ของครู

เคล็บลับ การพยากรณ์ของครู   โดยวิวัฒน์  จารึกสิริ 
เคล็บลับ การพยากรณ์ของครู  

การหาฤกษ์บวช และสึก พระแบบง่ายๆจากสุนทรภู่ 
สุนทรภู่นอกจากจะเก่งกวีในการแต่งกลอน โคลง แล้ว  ท่านยังมีความรู้ในด้านวิชาโหราศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม  ในหนังสือของท่านนั้นได้สอดแทรกเกร็ดวิชาโหราศาสตร์ อยู่เนืองๆ และจำได้ง่ายด้วย 

เรื่องการหาฤกษ์การบวชและการสึกพระเป็นเรื่องใหญ๋ สำหรับคนไทยหรือผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ  นักโหราศาสตร์มักจะใช้เวลามกในการหาฤกษ์ดังกล่าว หากไม่มีความชำนาญมากพอ โดยมารยาทแล้วเขาจะรีบหาฤกษ์ให้เด็ดขาด 

การหาฤกษ์นั้นเป็นเรื่องที่สร้างความกระอักกระอ่นใจแก่โหรมิใช่น้อย เนื่องจากคนโบราณนั้นส่วนใหญ่มักจะจำวัน เดือน ปี เกิดเวลาตกฟากไม่ได้ การหาฤกษ์บวชและสึกพระย่อมจะหาไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามโหราโบราณ ท่านก็มีวิธีการหาฤกษ์ยามใหได้เช่นกัน

ท่านสุนทรภู่ได้ประพันธ์เรื่องพระอภัยมณี ซึ่งเป็นวรรณคดีที่สำคัญเล่มหนึ่งของเมืองไทย ท่านได้กล่าวถึงของเมืองเมืองไทยท่านได้กล่าวถึงวิธ๊การหาฤกษ์บวชและบวชสึกพระจากฤกษ์ล่าง ซึ่งเป็นวิธีแบบง่ายๆ ที่นิยมใช้ในสมัย ต้นรัตนโกสินทร์คือหาฤกษ์จากวันอมฤตโชค ซึ่งเป็นฤกษ์ล่างนั่นเอง ท่านกวีเอกกล่าวเป็นคำกลอนไว้ดังนี้ :-

ฤกษ์วันนี้สี่ค่ำเป็นอำมฤก ใครบวชสึกวิบัติปัดไหม 

วันอมฤตโชค มีดังนี้คือ
วันจันทร์    ๓   ค่ำ
วันอังคาร   ๙   ค่ำ
วันพุธ        ๒   ค่ำ
วันอาทิตย์  ๘   ค่ำ 
วันศุกร์       ๑    ค่ำ 
วันเสาร์      ๕    ค่ำ
วันพฤหัส    ๔   ค่ำ
นี่คือวันอมฤตโชคนั่นเอง เหมาะที่จะใช้ในการบวชและสึก นอกจากวันอมฤตโชตยังเหมาะสำหรับการบวชและสึกพระแล้ว วันอมฤตโชคยังเหมาะสมสำหรับใช้ในพิธีต่างๆ เช่น หล่อพระพุทธรูป การปัดรังควาญ กรสร้างวัตถุมงคลต่างๆ การรดน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์  สร้างบ้านให้เกิดสิริมงคลการขอพรจากผู้ใหญ่  การไหว้พระขอพรจากพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พิธีมงคลต่างๆ เช่น ขึ้นบ้านใหม่  หรือการแก้อาถรรพ์ในบ้าน การตั้งพระพุทธรูป สามารถใช้วันอมฤตโชคได้หมด วันอมฤตโชคเหมาะสำหรับการล้างอาถรรพ์ด้วย

สมเด็จพระสังฆราช (อยู่  ญาโณทัย) สังฆราชองค์ที่๑๕  แห่งวัดสะเกศ(พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์ พ.ศ. ๒๕๐๘ ) ท่านเป็นนักโหราศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่แม่นยำมากของเมืองไทย พระองค์ท่านนิยมใช้วันอมฤตโชคในการหล่อพระพุทธรูป การสร้างวัตถุมงคล พระเครื่อง พระบูชา การลงอักขระเลขยันต์มาก 

คราวหนึ่งหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง จังหวัดนนทบุรี มีความคิดจะสร้างวัตถุมงคล หล่อพระกริ่ง ขันน้ำมนต์ หล่อพระสีวลี พระเครื่องที่เป็นแบบพระผง และวัตถุโลหะนั้น  หลวงพ่อแฉ่งได้กราบทูลขอฤกษ์ ที่จะสร้างจากสมเด้จพระสังฆราช(อยู่) ในสมัยที่พระองค์ท่านยังดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ท่านให้ฤกษ์เป็นวันพฤหัสขึ้น  ๔ ค่ำ ตรงกับวันอมฤตโชค ปรากฎว่าสร้างและบรรจุ พุทธคมเรียบร้อยแล้วเป็น ที่นิยมสะสมพระเครื่องอย่างยิ่ง 

เรื่องหาฤกษ์บวชและสึกพระนั้น  ท่านที่เป็นนักโหราศาสตร์ที่ดีแล้ว ควรตรวจดวงชะตาของผู้ที่ขอบวชหรือสึกนั้นอย่าง ละเอียดเสียก่อน หากดวงชะตาของเขาอยู่ในเกณฑ์เคราะห์หาม ยามร้าย  หรือดวงของเขาชะตากำลังจะขาดมีเคราะห์หนักๆแล้ว ไม่ควะจะให้ท่านผู้นั้นสึกจากการเป็นพระ 

ฤกษ์เปิดร้านค้า เปิดตลาด 

จากสมุดบันทึกของท่านอาจารย์ที่สอนโหราศาสตร์ ให้ผู้เขียน ผู้เขียนได้บันทึกเรื่องฤกษ์การเปิดร้านค้า ธุรกิจตลาดดังนี้ 

การเปิดร้านค้า ธุรกิจ ตลาดนั้นควรใช้เทศาตรี
ฤกษ์เทศาตรีนั้นเป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับเปิดธุรกิจ เป็นที่นิยมแก่มหาชน กล่าวง่ายๆมีคนนิยมชมชอบที่จะมาใช้ บริการสินค้าชนิดนั้น  เนื่องจากผู้ดำเนินการนั้นเป็นคนไม่ถือตัว ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง พูดให้ชัดก็คือ เป็นคนของประชาชนนั่นเอง

การใช้ฤกษ์ราชาและเทวีไม่ดีแน่ คนมักจะเกรงกลัว ไม่กล้าเข้าหาแล้ว สินค้าจะขายออกได้อย่างไร

ส่วนมหัทโนนั้น เหมาะแก่การเก็บสะสมทรัพย์ ฉะนั้นฤกษ์ที่เหมาะควรใช้ฤกษ์เทศาตรีจะดีกว่า 

วันเหนียว
เรื่องเกี่ยวกับวันเหนียวนี้ ผมเคยอ่านบทความเกี่ยวกับพระเครื่องของคุณประถม อาจสาคร  ซึ่งเขียนในงามหนังสืออนุสรณ์ฌาปนกิจศพ คุณแม่หรี่ อาจสาคร วัดโสมนัสวิหาร พ.ศ. ๒๕๑๙ ได้กล่าวถึงวันเหนียวไว้ดังนี้

วันเหนียว เป็นวันเฉพาะตนโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ทราบว่าเป็นวันอะไรแน่ พยายามสอบถามได้ความเพียงว่าให้สังเกต หากวันใดถ่ายอุจจาระจมก็วันนั้นแหล่ะ ไม่ต้องมีอะไรเหนียว ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่นิยมการใช้พระแม้แต่เรื่องการลงกระหม่อนสักยันต์ก็ไม่เคยวันหนึ้งถุกสุนัขกันอย่างแรงไม่เข้า เป็นที่แปลกใจ เกิดเพราะบังเอิญไปเจอเอาวันเหนียวเข้า

การหาลัคนาของโหรแฉล้ม เลี่ยมเพชรรัตน์ และอาจารย์เลี่ยม 
โหรเพชรรัตน์ ท่านเป็นโหรที่เก่งกาจฉมังในด้านพยากรณ์ มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุค ๔๐-๕๐ ปีก่อน ท่านเคยเป็นนักโทษ การเมืองและสามารถวางฤกษ์แหกคุกจนสำเร็จโดยปลอดภัย ซึ่งเป็นที่ยกย่องของคนในยุคท่านเป็นอันมาก 

เรื่องการหาลัคนานั้นเป็นเรื่องที่ปวดหัวสำหรับโหรทุกสมัย บ่อยครั้งคนที่มาให้พยากรณ์มีลัคนาสองราศี บางคนอาจจะถึง ๓ ราศีทำให้ยากแก่การตัดสินใจสำหรับนักพยากรณ์มาก 

ท่านโหรเพชรรัตน์มีเคล็บลับสำหรับการหาลัคนาผู้หญิงดังนี้ 
" ผู้หญิงไม่ได้เวลาเกิด วางลัคนาไม่ได้ถูกให้ถามระดูเขามาวันไหนพอได้วันระดูมาก็จับวางจันทร์ลง แล้ววางลัคนาตรงข้างท้ายเกิดผิดไม่ถึง ๑๕ เปอร์เซนต์"   สำหรับเคล็บลับในการพยากรณ์ดวงชะตา ท่านโหรแฉล้ม เลี่ยมเพชรรัตน์ว่า 

"ขอนักเรียนโหรพวกเราขึ้นต้นการทาย อย่าทายสิบสองราศีเลย  เช่นนิสัยใจคอที่ลัคนา ทายทรัพย์ที่กดุมภะ ทายสหายที่สหัสชะ จงทายดังนี้ คือรวมดวง ๑๒ ราศี  หาตัวเด่นในดวงก่อนเด่นอะไรก็ทายไอ้นั่น"


กระผมอ่านตำราโหราศาสตร์ทุกเล่มมาตั้งแต่หนังสือโหราศาสตร์ที่พิมพ์สมัยหมอบรดเลย์ปลายสมัยรัชกาลที่๔ จนถึงตำราโหราศาสตร์ปัจจุบันนี้ (พ.ศ.๒๕๓๕) ตำราโหราศาสตร์ทุกเล่มที่พิมพ์ขายกัน  ไม่เคยมีข้อความเหมือนโหรแฉล้มบอกตรงๆ ว่าถูกใจจริงๆ 

การพยากรณ์ที่แท้จริงนั้น จะต้องดูให้ออกว่า ดวงนั้นเด่นในเรื่องอะไรเสียก่อน เช่นเด่นในการเงินมาก แสดงว่าเขาผู้นั้น ควรจะทำธุรกิจแล้วจะร่ำรวย หากเด่นในเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ (ดาวเดช)  แสดงว่าท่านผู้นั้นควรจะทำงานรับราชการ หรือเป็นนักการเมือง

ดาวเสาร์(๗)เด่นมากในดวงชะตา  แสดงว่าคนนั้นควรจะทำงานด้านธุรกิจที่ดิน การก่อสร้าง สถาปัตย์ 

ดาวอังคาร(๓) เด่น  ไม่จำเป็นว่าจะเป็นนิจ ประ หรือ อยู่ในเรือนอริ มรณะวินาศ หรือเป็นกาลีแล้ว ดาวอังคารจะไม่เด่น แสดงว่าท่านผู้นั้นจะต้องเป็นนักการทหาร 

กล่าวสรุปง่ายๆ ว่า ดาวอะไรเด่นที่สุด ให้คุณที่สุด  ดาวตัวนั้นก็ส่งอิทธิพลให้ชีวิตเด่นในทางนั้น 

"ดาวมหาจักรนั้น แต่เดิมไม่ปรากฎว่ามีมาเมื่อใด แต่ได้รับคำบอกว่าสมเด็จพระจอมเกล้าฯ  ผู้ทรงเชียวชาญทางโหรราศาสตร์ตั้งชื่อขึ้น เป็นเพราะดาวในราศีนี้เป็นดาวแสดงอำนาจแก่เจ้าชะตาเป็นที่เกรงขามแก่มนุษย์และอมนุษย์ "มีประพันธ์ง่ายๆว่า ดุมกันย์ จันทร์เมษ พฤภษเสาร์ พุธเนาว์สิงห์ ศุกร์ธนู ครูพิจิก มังกรอสุรา ทิวากรกฎ

แต่ที่ทรงตั้งขึ้นมิได้เป็นพระราชดำริโดยตรง เพราะดาวนี้ปรากฎในตำราเจ้าฟ้ามาลากรมพระยาบำราบปรปักษ์ก่อนแล้ว แต่สมเด้จพระจอมเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อเป็นดาวมหาจักร แม้กาลกิณีกุมลัคน์ ถ้าเป็นมหาจักรกลับให้คุณคุ้มโทษถ้ามหาจักรเป็นวินาศแรงกว่ากาลกิณีกุมลัคน์อีก ข้าพเจ้าได้สังเกตุมาว่าถูกมาก เว้นแต่สิ่งอื่นมาเบียน 

ส่วนดาวราชาโชคนั้นเป็นของเก่า เป็นของเก่า ส่งผลเป็นดาวเสน่ห์แก่เจ้าชะตาเป็นมหานิยมดี ท่านเจ้าคุณวัดเกาะหลัก จังหัดเพชรบุรี เจ้าคุณพระสุเมธีวรคุณ(เปี่ยม) เป็นโหรที่โด่งดังเทียบกับสมเด้จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) เป็นโหรที่มีกลเม็ดการพยากรณ์มาก แม้แต่สมเด็จสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) เป็นโหรที่มีกลเม็ดการพยากรณ์มาก แม้แต่สมเด็จสังฆราชวัดสระเกศก็ยกย่องอยู่เสมอ  ได้กล่าวถึงมหาจักร ดาวราชาโชคเหมือนกับโหรแฉล้มทุกประการ  เรื่องนี้สมัยที่ผมเรียนโหรกับท่านครูตอง ซึ่งเป็นลูกศิษย์สมเด็จสังฆราช(อยู่) วัดสระเเกศมีศิษย์รุ่นพี่ได้กล่าวถึงเกณฑ์นี้อยู่เสมอ  ศิษย์รุ่นพี่ท่านนี้เคยเรียนโหรกับคุณเปี่ยมด้วย 

เคล็บลับการให้ฤกษ์ของอาจารย์เลี่ยมเพชรรัตน์ (น้องชายโหรแฉล้ม)
เรื่องนี้กระผมได้รับการบอกเล่าและการถ่ายทอดมาจาก คุณสามารถ คงสัตย์ ลูกศิษย์ อาจารย์เลี่ยมต่ออีกทีหนึ่งว่า 
"เมื่อดาวเสาร์จรมาทับลัคน์ ในปีนั้นหรือดาวเสาร์มาทับเจ้าเรือนลัคนา เจ้าเรือนดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ หรือจะมาถูก ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ดาวเดชเดิม ดาวเดชจรหรือ ดาวตนุเศษ ดาวตนุเกษตร  ดาวกาลีเดิม  ดาวกาลีจรแล้ว หากบังเอิญปีนั้นเจ้าของดวงชะตาได้รับการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่เมื่อถึงฤกษ์ ในการเข้าโต๊ะทำงานตัวใหม่ท่านอาจารย์เลี่ยมได้กล่าว ดาวเสาร์มามากระทบดาวดังกล่าวนี้จะให้โทษในภายหลังได้ 

อาจารย์เลี่ยมสอนวิธีแก้เคล็ดล่วงหน้าก่อนโดยทำดังนี้ 
เมื่อแรกที่รับเข้าตำแหน่งใหม่เข้าที่ทำงานหรือโต๊ะทำงาน ให้ทำหน้าเศร้าหมองหรือร้องไห้ (เรื่องร้องไห้นั้นอาจจะทำลำบากหน่อย คนในที่ทำงานจะหาว่าสติไม่ดีก็ได้ โดยให้ทำเป็นว่ามีความเศร้าก็แล้วกัน) ต่อไปเรื่องตำแหน่งหน้าที่จะเด่นขึ้น ศัตรูจะไม่มี 

กระผมต้องขอขอบใจ คุณสามารถอีกครั้งหนึ่งที่จะถ่ายทอดเรื่องนี้มา เรื่องมหาจักร ราชาโชคนั้น ตำราโหราศาสตร์ รุ่นปัจจุบันนี้ไม่ได้ กล่าวถึงหลักพิศดารเลย มีแต่ลอกจากสมุดข่อยหรือตำราที่พิมพ์มาก่อนๆ โดยขาดความเข้าใจ และไม่มีประสบการร์จากการพยากรณ์ 

หากเรื่องนี้มีประโยชน์ ขอให้ผู้อ่านอุทิศพระราชกุศลถวายพระบาทสมเด้จพระจอมเกล้าอยู่หัว อุทิศถวายแต่โหรแฉล้ม เปี่ยมเพชรรัตน์   โหรเลี่ยม  เปี่ยมเพชรรัตน์  อุทิศถวายแด่เจ้าคุณพระสุเมธีวรคุณ(เปี่ยม) วัดเกาะหลัก สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ ตลอดจนครูโหรทุกท่าน ในอดีตด้วย





#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับบ้านคุณยายกลิ่นโสม #www.baankhunyai.com
​​​​​​​
#เรียนดูดวงฟรีที่เวปบ้านคุณยายกลิ่นโสม #บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#ดาวบอกวิถี  #รู้ดาวอ่านดวง  #ดวงคือแผนที่ชีวิต
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#คุณยายกลิ่นโสม 102100




 

Create Date : 05 กันยายน 2564    
Last Update : 5 กันยายน 2564 18:58:39 น.
Counter : 529 Pageviews.  

ทักษานรลักษณ์


ทักษานรลักษณ์ โดย นายชำนะ ทัตติยพงศ์


บูรพาจารย์โหราศาสตร์ได้วางแผนภูมิทักษานรลักษณ์ในการพยากรณ์เหมือนกับทักษาคู่ธาตุ โดยจัดวางดวงดาวให้ประจำทิศประจำธาตุนับเวียนไปทางทักษินาวัตร เริ่มจากธาตุน้ำดาวพระพุธ การโคจรของดาวศุภเคราะห์โคจรไปรับกระแสธาตุจากดวงอาทิตย์จำนวนสองรอบแล้วประจำทิศประจำภูมิตามกำลัง สำหรับดาวบาปพระเคราะห์โคจรรับกระแสธาตุจากดวงอาทิตย์เพียงรอบเดียวได้กำลังแล้วประจำทิศประจำภูมิ ตามแผนผังภูมิทักษา

เมื่อดาวประจำทิศประจำธาตุตามภูมิแผนผังทักษาแล้ว บูรพาจารย์ยังได้วางหลักกำหนดรูปร่างลักษณะของคนให้ตรงกับชื่อดาวนพเคราะห์ทั้ง ๘ ดวงด้วย มนุษย์และสิ่งที่มีชีวิตได้รับแสงกระแสธาตุจากดวงดาว ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ มีลักษณะรูปร่างสวยงามหรือไม่สวยงาม ลักษณะรูปร่างของคนโดยทั่วไปจะมีรูปร่าง เล็กเตี้ย สูงใหญ่ อ้วนผอม ดำขาว รูปสวยและรูปไม่สวย

ลักษณะของคนที่มีรูปร่างเล็กเตี้ย ท่านอาจารย์ได้กำหนดให้เข้ากับกลุ่ม.. ดาวอาทิตย์(๑) อังคาร (๓)  พุธ(๔)  และราหู(๘)

ลักษณะของคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ท่านอาจารย์กำหนดให้เข้ากลุ่มดาว พระจันทร์(๒) พฤหัสบดี(๕)  พระศุกร์(๖)  และดาวพระเสาร์(๗)

ลักษณะรูปร่างการอ้วนหรือผอมจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ตามวัยของคนแต่โครงร่างกายของคนมีรูปเตี้ยหรือสูงใหญ่จะคงที่คงรูปเหมือนเดิมไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง จุดที่เปลี่ยนแปลงของชีวิตคนเราโชคจะดีหรือจะร้ายขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงอายุ เปลี่ยนแปลงวัยหรือที่เรียกว่าเปลี่ยนเกณฑ์ชันษาตามหลักเกณฑ์ทางทักษานรลักษณ์ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์หนึ่งในทางวิชาโหราศาสตร์ที่นักพยากรณ์ใช้ดูดวงชะตาคน  เป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้ข้อมูลเพียงวันเกิดและเห็นรูปร่างลักษณะและรู้อายุก็พยากรณ์ได้เลย

คำนวณอายุเกณฑ์ชันษาจร จับภูมิกับภพพิจารณาดาวให้คุณให้โทษเป็นศัตรูหรือเป็นคู่มิตรกับดาวเจ้าการ รูปร่างลักษณะของเจ้าชะตาวัยจรตกภูมิกาลีเป็นศัตรูตามชาติเวรชาติสมภพหรือไม่อย่างไรในช่วงอายุวัยนั้น หากดวงดาวให้ผลเสีย ได้รับกระแสธาตุจากภูมิภพที่เสียแล้วก็จะได้รับความเดือดร้อน วุ่นวายทั้งทางใจและทางกายโดยที่เราไม่รู้ตัวมาก่อนเลย

 ในสังคมปัจจุบันเห็นได้ชัดเจนทั้งในวงการราชการและในวงการศาสนา กรณีคดีเครื่องราชปลอมบุคลที่โดนจับกุมมีอายุสูงและมีชื่อเสียงทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถูกจับกุมคุมขัง การเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ชัณษาเป็นกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติที่จะต้องเกิดขึ้น ตามหลักทางพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า อนัตตา ความไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แต่ธรรมชาติดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เวลาใดนั้น วิชาโหราศาสตร์เป็นเครื่องมือบอกเหตุการณ์

ผู้เขียนใช้หลักทักษานรลักษณ์และพิจารณาแล้วเห็นว่าได้ผลในทางพยากรณ์เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักพยากรณ์โหราศาสตร์ไทยไม่ต้องเสียเวลาและหลงทางเดินนำไปใช้เป็นแนวค้นคว้าพยากรณ์ได้ผล เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ข้าราชการชั้นอธิบดีผู้หนึ่งรูปร่างเป็นดาวพระศุกร์เกิดวันพุธ เจ้าชะตาหยิบดวงให้ข้าพเจ้าดูดวงให้ ข้าพเจ้าขอเว้นไม่พิจารณาดวง แต่บอกว่าการดูดวงนั้นต้องมีสมาธิใช้เวลาพิจารณาหน่อย คนที่ร่วมคุยอยู่ขณะนี้มีหลายคน

ขอดูเพียงหลักเกณฑ์ทักษานรลักษณ์ก็แล้วกัน เมื่อคำนวณอายุได้ ๕๘ ปี เกณฑ์ชันษาตกพระราหู ดาวราหูเป็นกาลีแก่ดาวรูป(รูปดาวศุกร์๖) ข้าพเจ้าบอกเจ้าชะตาว่าในปีนี้เกณฑ์ชันษาไม่สู้ดีขอให้ระวังศัตรูจะมีการเปลี่ยนแปลง โชคไม่ค่อยดีระวังอย่าประมาทมีคนคิดร้าย ผลปรากฏวา ถูกนักการเมืองเล่นงาน ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ จนถูกย้ายตำแหน่งเอาพรรคพวกของตนเข้าไปดำรงตำแหน่งแทนทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดอะไรเลย คนเราเกิดมามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์เป็นของตนเอง มีชาติเวร มีกรรมติดตามมา บางสิ่งบางอย่างเราไม่ได้กระทำก็เกิดผลขึ้นมา บางอย่างบางสิ่งเรากระทำสักเท่าไรก็ไม่เกิดผล จะต้องมีชาติเวรติดตามมาแน่นอน ข้าพเจ้าอ่านข่าวหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๓๑ หน้า ๑๖ สามีของผู้ถูกจับกุมคดีกรณีเครื่องราชปลอมกล่าวกับนักข่าวว่า”ผมทำงานรับเงินเดือนสองหมื่นเจ็ดพันบาทรวมกับเงินเดือนของภรรยาแล้วต้องผ่อนส่งทั้งรถยนต์ทั้งบ้าน ใช้จ่ายกันแค่เดือนชนเดือนไม่ได้ร่ำรวยอะไร ผมกับแฟนผมโดยนิสัยส่วนตัวเกลียดมากเงินสกปรก เงินทุกบาททุกสตางค์ต้องทำด้วยแรงกายแรงสมองของตัวเอง ทำงานหนักด้วยความบริสุทธิ์ขนาดนี้แล้ว ต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องที่เราไม่รู้เรื่องเลย ผมไม่รู้จะทำอย่างไรตันไปหมดแล้ว”

นักพยากรณ์และนักโหราศาสตร์ไทยที่เคารพคำกล่าวของบุคลที่ยกมานี้ เขาเป็นทุกข์ที่เกิดจากผลที่เขาไม่ได้กระทำ คิดว่ามีผลกระทบต่อวิชาโหราศาสตร์ทำให้วิชาโหราศาสตร์มีความสำคัญมายิ่งขึ้นในปัจจุบัน

ที่มา : https://sunwasa.wordpress.com/






#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับบ้านคุณยายกลิ่นโสม #www.baankhunyai.com
​​​​​​​
#เรียนดูดวงฟรีที่เวปบ้านคุณยายกลิ่นโสม #บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#ดาวบอกวิถี  #รู้ดาวอ่านดวง  #ดวงคือแผนที่ชีวิต
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#คุณยายกลิ่นโสม 102100

​​​​​​​




 

Create Date : 05 กันยายน 2564    
Last Update : 5 กันยายน 2564 10:59:07 น.
Counter : 712 Pageviews.  

ทักษาพยากรณ์

   ทักษาพยากรณ์ โดย อาจารย์ เทอม เสตะสิกร

   ทักษาพยากรณ์ โดย อาจารย์ เทอม เสตะสิกร

ต้นกำเนิดมาจากสิ่งใด?
            ข้าพเจ้าได้พยายามค้นหาแหล่งที่มาในเรื่องทักษานี้มาไม่น้อยกว่า ๔๐ ปี ต้นกำเนิดมาจากที่ไหน? และได้มาอย่างไร? พยายามเท่าใดๆ ก็ยังจับไม่ถูกอยู่นั่นเอง คิดๆ ไปก็เหมือนกับคนตาบอดคลำช้าง จะว่ามาจากจีนหรืออินเดียก็บอกไม่ถูก เพราะข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ว่าจะรู้จริงในทางแบบของจีนและอินเดีย ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ เขาก็มีรูปแบบทักษาด้วยกัน และก็แตกต่างกับทักษาของไทยเราด้วย ดังจะเห็นว่า

ทางที่มาของจีน
            ข้าพเจ้าเคยเห็นที่เขาเขียนแบบทักษาของเขามีลักษณะคล้ายของไทยเรามากทีเดียว มีรูปกากะบาดเหมือนของไทยเราจริงๆ แต่ในช่องกากะบาดนั้นแบ่งออกเป็น ๘ ช่อง แต่ละช่องแทนที่จะมีเลข ๑ ถึง ๘ วางอยู่ แต่กลับเป็นรูปดาวฤกษ์เข้าไปครองอยู่ทั้ง ๘ ช่อง ช่องที่ ๑ หัวมุมซ้ายมือที่พวกเราวางดวงอาทิตย์อยู่นั้นจะมีกลุ่มดาวฤกษ์อยู่ ๓ ฤกษ์ และช่องที่ ๒ พวกเราวางดวงจันทร์เข้าไว้ เขากลับมีดาวฤกษ์อยู่ ๔ กลุ่ม สลับ ๓ และ ๔ จนครบ ๘ ช่อง รวมแล้วจะมีดาวฤกษ์ ๒๘ กลุ่ม บริวาร อายุ เดช ศรี จนถึงกาลกรรณีไม่มี จึงไม่เหมือนแบบโหราศาสตร์ที่เราใช้อยู่

ทางที่มาของอินเดีย
            ทางด้านของชาวอินเดียเขาทำเป็นรูปเหมือนยันต์ตรีนิสิงเห เป็นรูป ๔ เหลี่ยม ๙ ช่อง ได้เขียนเลขและตัวหนังสือ ซึ่งพวกเราจะไม่ค่อยเข้าใจในตัวหนังสือนั้นๆ ที่น่าแปลกก็คือ ของเขามีกำลังดาวพระเคราะห์ไว้ด้วย แต่ก็ไม่เหมือนของเรา เช่น ดาวพระศุกร์ มีกำลัง ๒๐ ของเรา ๒๑ และพระเคราะห์อื่นๆ ก็ไม่เหมือนของฝ่ายเรา ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่กล่าวไว้ในที่นี้

ทักษาตามแบบของไทยเราตามรูปนี้

ซึ่งไม่เหมือนของใครๆ และของเราใช้ได้ผลเหมือนกับดวงแก้ว ผู้รู้วิธีใช้แล้วได้ผลสมความปรารถนาทุกประการ โบราณาจารย์เก่าของเราได้แสดงการพยากรณ์จนเลื่องลืมมาหลายสมัยหลายยุคแล้วว่า ทายแม่นเหมือนตาเห็น ถ้ายิ่งทำดวงละเอียดแล้วยิ่งแม่นใหญ่

ตามสูตรทักษา คนเกิดวันไหน? เราถือเอาวันนั้นเป็นบริวาร แล้วต่อไปเป็น อายุ เดช ศรี มูละ อุสาหะ มนตรี จนถึงกาลกรรณีตัวสุดท้ายของทักษาวันเกิด เมื่อมาผสมกับดวงชะตาแล้ว ดวงต่างๆ เมื่อยกออกเป็นดวงชะตาแล้ว จะไปสถิตอยู่ในราศีต่างๆ กัน บริวาร อายุ เดช ศรี ฯลฯ ตัวอะไรไปอยู่ที่ไหนก็แสดงอำนาจในเรือนนั้นๆ เช่น กาลกรรณีไปครองเรือนพันธุ ญาติพึ่งพาอาศัยไม่ได้หรือ กาลกรรณี ไปครองเรือนปุตตะ บุตรของท่านจะทำความรำคาญหรือความยุ่งยากมาสู่ท่าน หรือจะกลายเป็นบุตรที่พาลเกเรก็ได้ ถ้าศรีไปครองเรือนปุตตะ ท่านจะได้อภิชาตบุตรคือบุตรที่ส่งเสริมวงศ์ตระกูลให้สูงขึ้น แล้วจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดอายุขัยปีละ ๑ ช่วงเดือนละ ๑ ช่วง วันละหนึ่งช่วงเคลื่อนไปตามองศาของดวงอาทิตย์

ความหมายดาวเคราะห์ต่างๆ
ดาวเคราะห์ทั้ง ๑ ถึง ๑๐ มีความหมายเฉพาะตัว คือ
  1. อาทิตย์     มีความหมายเป็น        นก
  2. จันทร์                “                      เครื่องหอม
  3. อังคาร               “                       พวกโลหะ
  4. พุธ                    “                       ของกิน
  5. พฤหัสบดี           “                      ผ้าแพร
  6. ศุกร์                  “                       เงินทอง เพชร
  7. เสาร์                  “                       ที่ดิน
  8. ราหู                   “                       ต้นหมากรากไม้
  9. เกตุ                   “                        ให้ความเปลี่ยนแปลง
  10. มฤตยู                “                      ของที่ยังไม่เปิดเผย
และยังมีดาวเคราะห์เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วก็เหมือนสีต่างๆ ผสมกันก็จะมีความหมายเฉพาะออกไปอีก เช่น ดาวเสาร์ท่านว่าเป็น งู หรือที่ดิน หรือไม้แข็ง  ดาวอังคาร ท่านว่าเป็น ควาย เหล็กแหลมคม สัตว์มีขา เมื่อเอาดาวทั้งสองมาผสมกันแล้ว ถ้าเป็นสัตว์ย่อมหมายถึง ตะขาบ ตัวยาวมีขามาก ถ้าเป็นบริเวณบ้านก็คือรั้วมีลวดหนามล้อมบ้าน ถ้าเป็นต้นไม้ก็คือต้นงิ้ว หรือต้นไม้ที่มีหนามอะไรๆ ก็ยังได้

          ซึ่งในแบบของไทยเรา ตามความเข้าใจหรือความคิดเห็นของข้าพเจ้าแล้ว การวางทักษาตลอดการวางเลขในช่องทั้งแปดช่องนั้น ท่านผู้คิดคงทำให้ถูกตามภูมิประเทศของแต่ละถิ่นจะเหมือนกันไม่ได้เพียงแต่คล้ายกันได้ แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ทักษานี้มีมาแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ท่านพ่อขุนรามคำแหง(วงศ์พระร่วงเจ้า) เป็นใหญ่อยู่ในสมัยนั้น ตามที่เล่าสู่กันฟังมามีว่า พระอรหันต์เข้ามาจากอินเดีย ผ่านพม่า มอญ และเลยเข้ามาถึงถิ่นสุโขทัย ซึ่งเป็นราชธานีของวงศ์พระร่วงเจ้าครองราชย์อยู่ พระอรหันต์องค์นี้มีนามว่า พระมหินทรา ได้มาอบรมสั่งสอนทางศาสนาและแทรกโหราศาสตร์ในถิ่นแหลมทองเรานี้ไว้ด้วย ซึ่งประมาณ ๘๐๐ ถึง ๑๐๐๐ ปีมาแล้ว วิชาทางด้านโหราศาสตร์นี้ก็เจริญเรื่อยๆ มาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาและต่อมาจนถึงกรุงสยาม ก็ได้เจริญสืบต่อมากับบุคคลแต่ละบุคคลมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงพวกเราที่ได้ใช้กันอยู่นี้ แต่เสียดายที่ตำราของพวกเราต้องถูกทำลายไปเสียเกือบหมดเมื่อครั้งเสียกรุงเก่าสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนชื่อ จากกรุงศรีอโยธยามาเป็นกรุงศรีอยุธยา เพราะการประจบสอพลอของพวกที่ไม่รู้เท่าทันในอักขระวิธีตั้งนาม เหตุวิบัติจึงเกิดขึ้น ทำให้เป็นเหตุของกรุ่งศรีอยุธยาแตกแยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่าและเสียกรุงไปในที่สุด จากความรักชาติ พระเจ้าตากสินได้มาสร้างเมืองใหม่ที่กรุงธนบุรีเป็นราชธานี เมื่อหมดสมัยพระเจ้าตากสินแล้ว พระพุทธยอดฟ้าได้มาตั้งเมืองใหม่ ข้ามฝั่งมาอีกฝั่งหนึ่งคือฝั่งกรุงเทพมหานครและได้ขนานนามว่า”ประเทศสยาม” ก็ร่มเย็นเป็นสุขสบายมาจนตลอดถึงสมัยของจอมพลแปลก(หลวงพิบูลย์สงคราม) ได้มาเปลี่ยนชื่อใหม่จากประเทศสยามเป็น”ประเทศไทย” เลยต้องมาเสียเสียมราษฎร์ พระตะบองทางด้านตะวันออก ส่วนด้านตะวันใต้เราก็เสีย ๔ รัฐไป คือ ไทรบุรี กลันตัน ตันมานู และปะลิส ซึ่งมากกว่า ๕ แสนตารางกิโลเมตร มากกว่าที่เรามีอยู่ปัจจุบันนี้

            การที่มาเปลี่ยนชื่อประเทศเพราะไม่เข้าใจในอักขระวิธีทางโหราศาสตร์ซ้ำยังมาเปลี่ยน อักษรเดิมที่เรียนกันมามี ๔๔ ตัวเสียอีก ต่อมาภายหลังจึงเปลี่ยนมาใช้ตามเดิม ตามความคิดของข้าพเจ้าคิดว่า “ทุกคนมีความรู้” แต่ไม่ใช่จะรู้ไปทุกๆ อย่างเรียนมาทางไหนก็รู้เพียงทางนั้นๆ ถ้ารู้ทุกอย่างทุกทาง ก็จะกลายเป็นเป็นไปหรือรู้ไม่จริงคือบินก็ได้ ว่ายน้ำก็ได้ เดินก็ได้แต่ไม่เก่งเลยสักอย่างเดียว

            ปัจจุบันนี้ความยุ่งยากที่เกิดขึ้นเพราะ ท่านที่มีความรู้ทั้งหลายในแต่ละสาขาในแต่ละด้าน แต่กลับมากลายเป็นผู้รู้ทุกๆ อย่างไป เช่น พวกจบปริญญาทางแพทย์ศาสตร์ไปเอาชนะกับพวกนิติศาสตร์ พวกสถาปนิก กลับไปเอาชนะทางแพทย์ศาสตร์เสียอีก เรื่องมันเลยยุ่งไปกันใหญ่ แม้แต่พวกนักศึกษา พอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยก็คิดว่าฉันเป็น”ปัญญาชนแล้ว” ก็พยายามจะเอาชนะกับผู้บริหารประเทศ ซึ่งพวกเขาผ่านประสบการณ์มาอย่างช่ำชองแล้ว ซึ่งในขณะนี้ทุกคนก็พยายามเรียกร้องสิทธิต่างๆ แต่หน้าที่ๆ ตนจะต้องทำก็ไม่ทำ จึงเกิดผลเสียขึ้น เนื่องจากรู้ไม่จริง หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ ดีพอดังเช่นการเปลี่ยนชื่อจาก”สยาม”มาเป็น “ไทย”

ทักษาซึ่งกล่าวถึงเรื่องนาม
          เฉพาะทางด้านวิชาโหราศาสตร์แล้ว มีความละเอียดอ่อนมากมาย ท่านที่จะทำงานใหญ่เกี่ยวกับส่วนรวม ควรจะใช้ความสุขุมรอบคอบในการปรึกษากับทุกๆ ฝ่าย เกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นวิชาสถิติแขนงหนึ่ง อย่างน้อยก็ควรจะปรึกษากับสมาคมโหรต่างๆ เพื่อว่าท่านจะได้ข้อคิดเห็น ทางด้านดีและด้านเสีย ความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรืองหรือความล่มจม ซึ่งทางสมาคมโหรฯ ก็มีผู้ทรงภูมิอยู่หลายด้านที่จะให้ข้อคิด อันจะเกิดประโยชน์แก่ท่านบ้าง ส่วนในเรื่องความคิดเห็นขัดแย้ง หรือคล้อยตามนั้นย่อมอยู่ในดุลพินิจของท่านเอง

            ไม่ต้องมองดูอื่นไกล จอมพลแปลก ท่านเปลี่ยน นาม”สยาม” มาเป็นคำว่า”ไทย” คำนี้เป็นคำของท่านเองโดยไม่ได้ปรึกษาใคร ในที่สุดท่านก็ต้องจากประเทศบ้านเกิดไปจบสิ้นชีวิตในต่างแดนเพราะอักษร ด ต ฤ ท ธ น อักษรวรรคนี้ได้แก่ ดาวเสาร์ เป็นดาวที่เป็นดาวทุกข์ดาวโศก เมื่อเข้ากับดวงเมืองแล้วต้องพลัดถิ่น รัชกาลที่ ๗ ก็เหมือนกัน พระองค์ท่านตรงกับเลข ๒ พอดี เป็นดาวเสาร์ที่ต้องเสด็จไปอยู่ต่างประเทศ และมีนายกของเราหลายท่านที่มีชื่อ อักษร ด ต ถ ท ธ น ต้องจากไป เช่น

            พระยามโนปกรณ์ฯ ท่านเป็นนายกคนที่ ๑ แต่ชื่อท่านตรงกับ อักษร น วรรคของดาวเสาร์ ท่านเลยต้องพลัดถิ่นไปอยู่ต่างประเทศ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ก็อยู่ในวรรค ด ต ถ ท ธ น เช่นเดียวกัน ส่วนมาคนหลังสุดก็คือจอมพลถนอม ซึ่งชื่อก็บอกอยู่ชัดๆ แล้ว อยู่ในวรรคดาวเสาร์เช่นกัน จึงต้องจากบ้านจากเมืองไป ถึงแม้บุคคลเหล่านี้จะสร้างคุณงามความดีไว้มากอย่างไรแต่ก็จะเสื่อมไปเพราะเป็นดาวกรรมมะ ของดวงเมืองแล้วไปอาศัยดาวพฤหัสบดีอยู่ ซึ่งไม่บ้านและเป็นวินาศกับบ้านของตัวเอง แม้แต่คำว่า ศุภะก็จะไม่มีความสุข ต้องไปหาความสุขในต่างถิ่น เช่น กรุงศรีอโยธยา เป็นกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมไม่มีศึกสงคราม พอมาเปลี่ยนจาก สระโอ มาเป็นสระอุ คือ อยุธ สระ อุ นี้ก็มาพอดีเป็นตัวที่ ๗ ของสระ ตรงกับเลขดาวเสาร์ จึงต้องเสียกรุงไป ส่วนคำว่า “สยาม” มาเป็นคำว่า “ไทย” ก็ตรงกับวรรคดาวเสาร์อีกคือ ด ต ถ ท ธ น ซึ่งจะเกิดการยุ่งยากไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ เพราะยังใช้นามนี้อยู่ ถ้ากลับมาเป็นคำว่า “สยาม” ได้ ความสงบเรียบร้อยก็จะเกิดขึ้น จะไม่มีการปีนเกลียวกันรวมทั้งจะไม่เสียแดนดินถิ่นไทยที่ปกครองประเทศสยาม

ดังพระราชนิพนธ์ของ รัชกาลที่ ๖
หากสยามยังอยู่ยั้ง                      ยืนยง
เราก็เหมือนอยู่คง                        ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง                     ไทยอยู่ได้ฤา
เราก็เหมือนมอดม้วย        หมดสิ้นสกุลไทย

พระราชนิพนธ์บทนี้ ได้พิจารณาแล้วไม่มีสยามแล้วไทยจะอยู่ได้อย่างไร ท่านไม่ต้องดูอื่นไกล เมื่อประเทศเกิดวิกฤตกาลในเดือนตุลาคม ๒๕๑๖ ผู้ที่เข้ามาดำรงความสงบสุขในบ้านเมือง ก็คือ อาจารย์ สัญญา คือชื่อที่มีอักษร ส ญ จะเป็น ญ หรือ ย ก็ตาม แต่ก็อ่านออกเสียงเหมือนกัน จึงทำให้ความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนของประชาชนผ่อนคลายลงได้บ้าง แต่ก็ยังต้องวุ่นวายยุ่งๆ อยู่นั่นเอง เพราะเหตุ คำว่า “สยาม” มาเป็นคำว่า “ไทย”
ข้าพเจ้าที่ได้นำเรื่องนี้มากล่าวไว้เนื่องจากได้นำเอาเรื่องทักษามาอธิบายทั้งสิ้นและข้าพเจ้าก็แก่ตัวแล้ว อายุใกล้ ๗๐ เต็มที จึงเตือนมาขอให้ช่วยกันรักษา”ทักษาพยากรณ์” ซึ่งเป็นหลักตำราของคนไทยเราแท้ๆ เข้าไว้อย่าให้สูญหายไปเสีย


ที่มา :  บทความนี้คัดลอกมาจากหนังสือพยากรณสาร



#คุณยายกลิ่นโสม
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#เรียนดวงไทยฟรี ที่เวปฯ #บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ที่เวปฯ #www.baankhunyai.com




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2564    
Last Update : 13 สิงหาคม 2564 15:31:10 น.
Counter : 649 Pageviews.  

การวางน้ำหนักจักรราศีธาตุหรือเรื่องรวมธาตุ


การวางน้ำหนักจักรราศีธาตุ หรือเรื่องรวมธาตุ  โดย ... บ.ร.  วรรณวิจิตร

ในภาคพยากรณ์ 
"ทำไมจึงต้องกล่าวถึงน้ำหนักจักรราศีธาตุขึ้นมาอีก เมื่อนักโหราศาสตร์ทุกคนต้องเรียนเรื่องธาตุกันมาแล้ว 

วิธีของหลักเบื้องต้นในภาคทฤษฎีนั้น   อาจารย์ท่านเน้นจึงต้นธาตุเป็นสำคัญเสียส่วนใหญ่ แต่ในวิธีของผู้เขียนได้จัดขึ้นเพื่อหามูลผสมคำพยากรณ์ เป็นแม่บทวินิจฉัยสืบเนื่องจากการหาน้ำหนักธาตุ 

การทราบเรื่องของจักรราศีธาตุ ก็คือมีโอกาสทราบความเป็นมาเป็นไปของดินฟ้าอากาศ และภูมิประเทศว่าจะเกิดความวิปริตแปรปรวนขึ้นสภาพใด ตลอดจนบรรดาบันดาลให่เกิดสภาวะแตกต่างตั้งแต่ มนุษย์ พืช สัตว์ วัตถุ  สรรพสิ่ง ฯลฯ 

"กล่าวคือ เราจะทราบส่วนแร่ น้ำมัน แก๊สพิษจ่างๆ น้ำใสโสโครก หรือ บริสุทธิ์รสดิน การเข้าใจถึงอากาศที่เป็นพิษ และวัตถุระเบิดที่สร้างขึ้นด้วยพลังงาน จนกระทั่งการระเบิดตัวเอง บทความกดดันทั้งหลาย ... 

นี่เป็นต้นเหตุของการปรุงแต่งทั้งมวล และนี่ .ฬ. คือระบบภาคยากรณ์ผสมธาตุ เพื่อผสมดาว ... "

วิธีการจัดน้ำหนัก 

ราศีเมษเป็นต้นธาตุไฟ 
เป็นไฟเริ่มก่อตัวขึ้นนานเหตุ ความหมายของคำพยากรณ์ หมายถึง การริเริ่มก่อตัวต่างๆ เช่น การก่อกวนยวนโทสะ ตั้งแต่ธรรมดาๆ หรือเริ่มประกาศสงคราม การต้อสู้แข่งขัน ทุกชนิดที่เพิ่งเป็น  เพิ่งมี เพิ่งเกิด เพิ่งวางแผนเพิ่งเกลียด  เพิ่งรัก ฯลฯ  ทุกสิ่งที่เริ่มกระทบกระแทกจุดตั้งต้น และสถานที่เกิดเหตุ ต้นไม้แรกขึ้น  สัตว์แรกเกิด เชื่้อแรกเพ่งขยายตัวในร่างกายไฟที่เริ่มติดเชื้อและแำลังจะลุกลาม

ราศีสิงห์ กลางธาตุไฟ 
เป็นไฟที่ลุกลามแล้ว เหตุเกิดใหญ่โตแล้ว เช่น เพลิงที่ลุกลามห้องแถว หรือไหม้ทุ่ลามป่า อาการไข้ถึงขั้นแล้ว  ได้ฆ่าฟันกันสำเร็จแล้ว สงครามเกิดแล้ว กิจกรรมสำเร็จ ฯลฯ  สรุปว่า น้ำหนัก กลางธาตุไฟนี้ สำคัญและยิ่งใหญ่

ราศีธนู เป็นปลายไฟ 
เป็นไฟปลายราศี ที่ไม่ใช่เกิดลุกลามไปใหญ่ไปโต แล้วเริ่มแผ่วลง แต่ก็ยังมีเปลวไฟอยู่ ยังมีความร้อนอยู่ แต่ความร้อนแรงของเปลวไฟก็ไม่ใช่ไฟกรด ไฟกระตุ้นไฟเตือน สรุปว่า น้ำหนักของไฟราศีนี้ ให้กระตุ้นให้กระตือรือร้น แต่ไม่ถึงกับทำให้แผดเผาสิ่งรอบข้าง

ราศีตุลย์ เป็นต้นธาตุลม
หมายถึง ลมที่เพิ่งก่อตัวขึ้น การทุกอย่างที่เพิ่งริเริ่มเช่นกัน ความหมายในการพยากรณ์ทั่วไป  จะเป็นตั้งแต่ลมฝนอ่อนๆ ลมหนาวต้นฤดู อากาศที่เริ่มเจือแก๊สพิษ  อาการป่วยที่เนื่องมาจากธาตุุลมผิดปกติ อารมณ์อันพวยพุ่งขึ้นจากสื่อเพศสัมพันธ์  การกำหนดจิตเริ่มการทำการวิปัสสนา  โรงงานทำแก๊สการริเริ่มผลิตผล ลมในไส้ และอื่นๆ  อีกที่มาเกี่ยวเนื่องกันกับก่อตัวของธาตุนี้

ราศีกุมภ์ เป็นกลางธาตุลม
หมายถึง ลมที่หอบฝนไปตกไกลตลอดจนไต้ฝุ่นทุกชนิด ความหมายพยากรณ์ทั่วไป หากเป็นผลิตภัณฑ์สำเร้จรูปแล้ว ได้แก่ จรวด ไอพ่น เรือบิน รถยนต์ โรงสีลม  ฯลฯ  หากเป็นอาการป่วยก็เรียกได้ว่าอยู่ในรูปกระทันหัน  ถึงตาย ลักษณะฉุกเฉิน อุบัติเหตุ หากได้ประสานกับประสานกับธาตุกลางธาตุเช่นเดียวกันแล้ว ก็เป็นเรื่อง แก้ไม่ทันลักษณะปุปปับ หากมีลาภมีโชค ก็เรียกว่าลาภใหญ่ยิ่ง  งานที่ใหญ่ทำการมากหรือใช้กำลัง ต้องใช้เครื่องทุ่นแรงมหาศาล เช่น รถแทรกแตอร์  หรือเครื่องฉุดลากกำลังเป็นต้นๆ

ราศีมิถุน เป็นปลายธาตุลม
หมายถึง เป็นลมอ่อนตัวที่สงบลงแล้ว เป็นกระแสที่ชวยโชยทั่วไป แม้แต่ระบบสูบฉีด การหายใจสู่อดที่บริสุทธิ์ ก็เนื่องจากพระเคราะห์ แปดปน  การใช้ลมยางรถทุกชนิด หากนับในเรื่องไม่บรสุทธิ์ก็เปรียบได้กับท่อระยาบอากาศหรือท่อไอเสียรถ หากเป็นเรื่องร่างกาย ก็เป็นหืดเป็นปอดที่เกิดการขัดข้องของระบบลมหายใจทั้งปวง 

ราศีมังกร เป็นต้นธาตุดิน 
แต่เป็นแม่ธาตุดินรวม ลักษณะทั่วไปแห้งกระด้าง เช่นดินนา ดินลูกรัง ต้องระวังดาวเคราะห์มาแปรสภาพได้ อย่าผูกพันกับราศีมากนัก ทราบไว้เป็นหลัก เวลาผสมประยุกต์จะไม่เบื่อหน่ายวิชาง่าย เพราะการสัปปลับจะเกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุจากเจ้าเรือน กล่าวคือ หากมีพระเคราะห์อยู่ราศีมังกรหลายดวง แต่เจ้าเรือนกลับไปสถิตราสีมีน ก็กลายไปมีอาชีพเกี่ยวกับทางน้ำได้ง่ายๆ แต่ทั้งนี้มิได้เกี่ยวกับธาตุของเรือนจักรราศี เป็นที่สภาวะเปลี่ยนแปลงจากดาวเคราะห์เอง ทดลองกอน หากเป็นเรื่องร่างกายเกี่ยวกับโครงร่างกระดูกทั้งหมด จำพวกอวัยวะอยู่ในจำพวกตับไต ลำไส้ กระเพาะ เยื่อหุเทกระดูกผม หนัง เนื้อ ส่วนที่เสื่อมนั้น ไปดูในจักรราศีวิภาคอีกที  ก็จะทราบได้ว่าเกิดการเสื่อมโทรม หรือเหลือใช้ส่วนไหน  ที่กล่าวมาแล้วนั้น  หมายถึงการควบคุมในแม่ธาตุดินอีกที เดี่ยวท่านจะฉงน  เพราะกระเพาะตับไตนี้มักจะอยู่แถบแถวราศีตุลย์ กันย์ พิจิก  แต่นั่นคือ จักรราศีวิภาค(ว่าด้วยสีรรศาสตร์ ) ของโหร  จักรราศีธาตุเน้นแต่การควบคุมของแมาธาตุ อย่าฉงนปนเป หากแม่ธาตุที่เป็นเจ้าเรือนหรือตัวเจ้าเรือนมีพระเคราะห์เบียฬ ก็ทำให้เป็นเหตุเสื่อมโทรมหรือมากไป ยกนำมาเพื่อให้วิจัยธาตุจะได้ค้นข้อมูลธาตุต่างๆ ได้เราะได้ทราบส่วนกระทบกระเทือนของร่างกาย กล่าวไปมากวนหลายครั้งก็เพื่อกันสับสน  ไม่ใช่ยกไปพยากรณ์เป็นปึกๆ เหมือนการแสดงปาหี่บอกคุณภาพยา คนดูก็เบื่อ คนพยากรณ์ก็เหนื่อย

ราศีพฤษภ เป็นดินที่ชุ่มชื้นพอดี 
อยู่ในจำพวกดินเหนียว เน้นถึงธาตุและรสดินแท้ไม่แท้ และวัตถุธาตุ  ที่ถาวร หากต้องการพยากรณ์เกี่ยวกับคุณธาตุในร่างกาย ก็เกี่ยวเื่องกับระบบแรงงานของร่างกายทุกส่วน(หมายถึงคุมระบบแรงงานเฉพาะ) เกี่ยวเนื่องกับธาตุที่ปรุงแต่งจากอาหารแล้วมาเป็ยเสบียงส่งเลี้ยงร่างกายแต่ละส่วนๆไป เกี่ยวกับภาวะจิตใจ ก็คือภาวะจิตใจหนักแน่น อารมณ์ยึดเหนี่ยวสิ่งหนึ่งสิ่งใดหนักแน่น อ่อนโยนในที แต่ความดื้อจะเกิดก็เมื่อฝังหัวในสิ่งหนึ่งสิ่ใดแล้ว  จะมาชักนำให้เบี่ยงเบนเป็นการยาก เดนอยู่ในรูปของจารีตนิยม บ่งถึงวัตถุธาตุ คน พืช สัตว์ แท้ เทียม ไม่ลักษณะปนเปเหมือนราศีมังกร แต่หากพระเคราะห์มาเปลี่ยนสภาพก็เป็นีกเรื่องหนึ่ง เราก็ถูกธาามซาติเล่นตลกต่อไป  นี่เป็นกฎควบคุมของกาลเวลาและธรรมซาติที่หมุนเวียน เช่น ปกติวิสัย เขา เธอ เป็นคนหนักแน่น อ่อนโยน  แต่อีกคราวหนึ่งกลายเป็นคนภาวะจิตใจไม่แน่นอน ขาดความยึดมั่น เดี่ยวไปทางโน้น เดี๋ยวมาทางนี้ ลังเลร้อยแปดไป เคยอ่อนกระด้าง ใช้ได้ในทั่วๆไป ไม่เฉพาะกับคนเท่านั้น 

ราศีกันย์ สภาพดินลุ่มเลน
น้ำคราม ดินที่ปนแก๊ส เกี่ยวกับร่างกาย เป็นพวกระบบห่อหุ้มอวัยวะ เช่น กระเพาะ ผิวเนื้อ ฯลฯ  ผิวพรรณ  เชื้อซาติ ความกดดัน ภาวะจิตใจที่อ่อนไหวตื่นกลัว สภาพการที่สับเปลี่ยนถ่ายทอด เชื่อมโยงต่างๆ 

ราศีกรกฎ เป็นต้นธาตุน้ำ 
และควบคุม น้ำแม่ธาตุ โบราณจารย์ใช้เป็นต้นธาตุที่หมายถึง แม่น้ำใหญ่ๆ แต่ต้นธาตุนั้นเป็นแนวหนึ่ง  เราต้องต้องควบกับภูมิศาสตร์ ด้วย ต้นน้ำเป็นเรื่องแซวเล็กแซวน้อย ได้อธิบายเรื่องการคิดชัยภูมิแบบจักราศีแล้ว เชิญท่านติดตามเรื่องนั้น ก็จะทราบเรื่องนี้ด้วยการควบคุมในร่างกาย เกี่ยวกับแม่ธาตุน้ำทั้งปวงเป็นระบโลหิตบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเนื่องจากโลหิต-ขาว-แดง-ดำ ก็ตาม  น้ำเหลือง น้ำนม จะผสมให้เป็นน้ำแข็ง น้ำค้าง ภาวะจิตใจอยู่ในจำพวกได้ปรุงแต่งดงาม เช่น เก็บความโกรธได้มิดชิด มีแผนแยบยลต่างหาก ภาวะจริตก็ตบแต่งงดงามทุกอิริยาบถ  หากธาตุนี้เสียก็หมายถึง จริตเพ้อฝัน ฟุเงซ่าน เพ้อฝันยืดยาวต่อเนื่องเนินนาน 

ราศีพิจิก เป็นกลางธาตุน้ำ 
ที่ผสมผสานแปดเปื้อน อยุ่ในจำพวกน้ำแร่น้ำแก๊สพิษ น้ำมัน ระบบขับถ่ายของภาวะร่างกายทั้งมวล อารมณ์ที่วิปริตลึกซึ้งลึกลับ ความกดดันภายในที่ก่อตัวขึ้นและเกิดปฎิกิริยาเงียบ หรือเป็นความบันดาลใจให้อยากประพฤติสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยเจตนาและไม่เจตนา

ราศีมีน เป็นที่รวมธาตุน้ำ 
และจะบอกถึงธาตุน้ำที่ขาดได้เช่นเดียวกัน แม่แต่ท้องถื่นที่เกิด เช่น ลัคนาราศีธาตุน้ำ  แต่กุมพระพฤหัส(๕) - จันทร์(๒)  และราศีสิงห์มีพุธ(๔) ศุกร์(๖) เป็นอริ (พุธ-ศุกร์) ก็หมายถึง การถูกขัดขวางมิให้ธาตุน้ำเกิดความสมบรูณ์ เป็นท้องที่ๆ ก็แห้งกันดาร เป็นร่างกายก็เกิดความวิปริต  เกี่ยวกับธาตุน้ำทุกชนิด ตั้งแต่โรคสูญเสียธาตุน้ำฉุกเฉิน (อหิวาต์) บิด  โลหิตเสียมากไป  น้ำเหลืองเสียมากไป  ประจำเดือนมาก เกี่ยวกับแท้งบุตร ฯลฯ  และยังเป็นที่ควบคุมธาตุเกลือด้วย  จนกระทั่งที่สุดคือ หยดเหงื่อ 

ความสำคัญนั้นจ้องดูถึงควรใช้ธาตุหนักเบาแบบไหน บางครั้งเราก็ต้องการต้นธาตุ บางครั้งก็ปลายธาตุ บางครั้งก็หนักที่กลางธาตุ  ราศีมีนยิ่งใหญ่ ที่ปลายธาตุ ค้นหาจุดเสื่อโทรมที่ราศีพิจิก ค้นหาสาเหตุที่ราศีกรกฎ เป็นตอนๆไป ส่วนธาตุดิน เด่นที่ราศีพฤษภสำหรับเนื้อแท้ ส่วนความยิ่งใหญ่ทั่วไปราศีมังกร โทรมเสื่อมที่ราศีกันย์ ้ป็นต้น ค่อยๆสังเกตลีลาไปทีละคั่น ....

ที่มา : คัดลอกจาก วารสารสหพันธ์โหร ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๑๕
หมายเหตุ : ราศีธนู เป็นปลายไฟ  มิได้มีในบทความ ยายเพียงแต่เขียนเพิ่มเติมลงไปให้ครบเท่านั้นมิได้มีเจตนาลบหลู่ครูบาจารย์ 


#คุณยายกลิ่นโสม
#อ่านดวงไทยไสตล์คุณยายกลิ่นฯ
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ที่ #บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#เรียนดวงไทยฟรีวันละนิด ที่เวปฯ #www.baankhunyai.com




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2564    
Last Update : 11 สิงหาคม 2564 18:32:38 น.
Counter : 773 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

คุณยายกลิ่นโสม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add คุณยายกลิ่นโสม's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.