รักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้าด้วยตัวเอง หัวไชเท้ามีวิตามินซี ฟอสฟอรัสและสังกะสี รวมไปถึงวิตามินบีคอมเพล็กซ์ ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อผิว ส่วนน้ำในหัวไช้เท้าก็ยังช่วยคงความชื้นให้แด่ผิว โดยมากหัวไช้เท้านิยมเอามาบดหรือปั่น เพื่อล้างผิวหน้า ซึ่งจากข่าวสารพบว่าหัวไช้เท้าสามารถช่วยดูแลสิวพร้อมกับลดรอยฝ้ากระได้ผลดี หัวไชเท้า นมจืดพร้อมทั้งน้ำผึ้ง     -นำหัวไชเท้ามาสับหรือปั่นให้ละเอียด     -นำหัวไชเท้า นมพร้อมกับน้ำผึ้งมาคละเคล้ากัน อัตราส่วน 2:1:1     -เอามาฉาบหน้าหรือทาที่กระ ฝ้า ถ้าหากเหลือแช่ตู้เย็นไว้ใช้ได้อีก     -ทิ้งไว้ 10นาที จากนั้นล้างออก     -ทำสัปดาห์ละ 1 – 2ครั้ง     -อย่าลืมทาครีมกันแดดในเวลาเช้าประจำวัน หัวไชเท้าพร้อมมะนาว     -นำหัวไชเท้ามาสับหรือปั่นให้ละเอียด     -บีบน้ำมะนาวผสมผสานเข้าไป 1ช้อน     -เอามาฉาบหน้าหรือทาที่กระ ฝ้า ถ้าเหลือแช่ตู้เย็นไว้ใช้ได้อีก     -ทิ้งไว้ 10นาที หลังจากนั้นล้างออก     -ทำสัปดาห์ละ 1 – 2ครั้ง     -อย่าลืมทาครีมกันแดดในเวลาเช้าทุกวัน //alizshop.com/สุขภาพ-ความสวยความงาม/recipe-treat-freckles-radishes/   Create Date : 01 มีนาคม 2559     0 comment Last Update : 1 มีนาคม 2559 17:31:28 น.     Counter : 680 Pageviews.   Share Tweet

ข้อควรรู้ในการทาครีมกันแดด ใครต่อใครคงรู้กันอยู่แล้วว่า ควรใช้ครีมกันแดดปกป้องแดดทุกวัน ทั้งนี้เพื่อจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ปกป้องรักษาการปรากฏริ้วรอยที่น่าเบื่อ จุดด่างดำพร้อมกับอาการอื่นๆ ที่จะเป็นตัวการของการปรากฏริ้วรอยก่อนวัย แม้กระนั้นการทาครีมกันแดดนั้นสำคัญขนาดไหน คนเราก็ยังพลาดพลั้งกันได้ นี่เป็นความรู้ผิดที่เห็นมากที่สุดในการทาครีมกันแดด พร้อมกับวิธีที่ถูกในการระวังรักษาตัวเองจากรังสียูวี ความรู้ผิดๆในการทาครีมกันแดด 1.คุณทาครีมกันแดดตอนออกไปภายนอกแล้ว หลายคนอาจเจอกันบ่อยๆ จะมีคนทาครีมกันแดดตามทะเล ความจริงแล้วเราควรทาครีมกันแดดทิ้งไว้ อย่างน้อย 30นาที ก่อนออกไปสู้แดด เพราะว่าครีมกันแดดมิใช่ว่าทาปุ๊บต่อจากนั้นใช้ได้เลย จำเป็นต้องรอให้ครีมกันแดดดูดซับก่อน 2.คุณทาครีมกันแดดแต่ตรงผิวที่กระทบแดดเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วโรคมะเร็งผิวหนังสามารถทำร้ายคุณได้ทุกส่วนของร่างกาย ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าปิดบังแสงแดดแล้วก็ตาม ทางที่ดีควรเปลือยกายทาครีมกันแดดให้ทั่วตลอดตัวก่อนใส่เสื้อผ้า ไงซะคุณก็จำต้องทาก่อนออกไปนอกบ้านอยู่แล้วนี่นา 3.คุณไม่คุ้มครองริมฝีปากของคุณ ทำนองเดียวกับส่วนที่เหลือของผิวของคุณ ริมฝีปากก็เสี่ยงกับรังสียูวีเหมือนกัน ควรคัดเลือกใช้ลิปปาล์มที่มีค่าSPF ทาสม่ำเสมอ พร้อมทั้งพยายามทาซ้ำระหว่างวันด้วย 4.คุณพลาดทาจุดสำคัญอื่นๆ บริเวณที่พลาดทั่วๆ ไปมากที่สุดคือ เท้ารวมทั้งฝ่าเท้าของคุณ ใต้วงแขน หลังลำคอ บริเวณไรผม ใบหู หลังหู พร้อมด้วยเป็นพิเศษที่ไม่ทากันคือเปลือกตา 5.คุณใช้กันแดดไม่เหมาะกับกิจกรรมของคุณ โดยเฉพาะกับกิจกรรมที่เป็นเหตุให้เหงื่อออกมาก หรือจำต้องถูกน้ำ พึงจะเลือกใช้ครีมกันแดดที่เป็นสูตรกันน้ำ เพราะว่าถ้าใช้กันแดดแบบธรรมดา ตอนเหงื่อออก จะทำให้ศักยภาพของครีมกันแดดลดน้อยลง 6.คุณใช้กันแดดตัวมาทาหน้า ผิวหน้าโดยทั่วไปจะมีความไวต่อการระคายมากกว่าผิวกาย เพราะเช่นนั้นสูตรผิวหน้าจึงได้รับการทดสอบ แล้วว่ามีการระคายที่น้อย พร้อมทั้งไม่เป็นเหตุให้เกิดสิว อ่านต่อ //alizshop.com/สุขภาพ-ความสวยความงาม/12-biggest-sunscreen-mistakes/   Create Date : 01 มีนาคม 2559     0 comment Last Update : 1 มีนาคม 2559 16:15:11 น.     Counter : 638 Pageviews.   Share Tweet

ประโยชน์ของกรดไฮยาลูรอนิค  คุณคงเคยได้ข่าวว่า กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตามสื่อโฆษณาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์หรือนิตยสาร โดยก่อนหน้าจะพบอย่างเดียวในการฉีดฟิลเลอร์แค่นั้น กรดไฮยาลูรอนิคเป็นการปฎิวัติสังคมการสู้ริ้วรอย นับว่าเป็นจุดสุดยอดของเวลานี้เลยก็ว่าได้ ทว่ามันเป็นองค์ประกอบมหัศจรรย์จริงๆนะหรือ? มันช่วยลดพร้อมกับป้องกันริ้วรอยได้จริงไหม? ถ้าจะใช้มันอันตรายไหมนะ? พร้อมด้วยนี่เป็น 5สาเหตุที่คุณตั้งใจให้มีกรดไฮยาลูรอนิคเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของคุณ 5เหตุผลดีๆของกรดไฮยาลูรอนิค 1.มันเป็นธรรมชาติ กรดไฮยาลูรอนิคเป็นส่วนผสมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในผิวของคุณ มีทั่วๆ ไปตามร่างกาย ค้นพบมากในจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์และอวัยวะ มันดำเนินการเพิ่มความอ่อนตัวและเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสี เช่น ตรงหัวเข่า และเพราะว่ามันถูกกำเนิดโดยร่างกายของคุณ ก็หมายถึงมันไม่เป็นอันตรายที่จะใช้แม้กับผิวที่เปราะบางที่สุด 2.คุณอาจจะมีมันไม่มากพอ กรดไฮยาลูรอนิคเจอมากในเด็กแรกคลอด มันช่วยเหลือให้ผิวเด็กเล็กนุ่ม ชุ่มชื่นกับเรีบเนียน ทว่าเมื่อคุณอายุเยอะขึ้นกรดไฮยาลูรอนิคก็จะถูกผลิตได้น้อยลง มีผลให้ผิวคุณหยาบ แห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื่น ในเมื่อสร้างกรดไฮยาลูรอนิคเองไม่ได้จึงจำเป็นหามาเติ่มนั้นเอง 3.มันเพิ่มเติมความชุ่มชื่นของผิว หากคุณกำลังหาวิธีให้ผิวชุ่มชื่นอยู่เสมอ กรดไฮยาลูรอนิคจะช่วยดึงดูดพร้อมทั้งรักษาความชุ่มชื่นให้ผิวของคุณ ความชุ่มชื่นจำเป็นจะต้องมากต่อผิวของคุณไม่ว่าคุณจะอายุมากหรือน้อยก็ตาม 4.มันดีต่อทุกสภาพผิว กรดไฮยาลูรอนิคใช้ได้กับทุกสภาพผิว หากคุณมีผิวแห้งมันจะช่วยเพิ่มเติมความชุ่มชื่น หากคุณมีผิวมันกรดไฮยาลูรอนิคจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นแต่จะไม่เพิ่มความมัน ถ้าหากคุณมีริ้วรอย กรดไฮยาลูรอนิคจะซึมซาบไปสู่ผิวชั้นบน ดึงดูดและเก็บกักความชุ่มชื่นให้ผิวคุณ ริ้วรอยที่มีอยู่จะบรรเทา ผิวนุ่มกับเนียนเรียบ 5.มันใช้แล้วเห็นผล เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดไฮยาลูรอนิค คุณจะรู้ได้ว่า ผิวคุณชุ่มชื่นขึ้น ผิวรู้สึกกระชับ ริ้วรอยค่อยๆฟื้นฟู และเมื่อใช้ไปได้เวลาหนึ่ง ผลที่ได้รับจะเห็นแน่ชัดขึ้น //alizshop.com/สุขภาพ-ความสวยความงาม/hyaluronic-acid-ingredients-you-need-for-skin-rejuvenation/   Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2559     0 comment Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2559 19:47:06 น.     Counter : 311 Pageviews.   Share Tweet

การใช้น้ำผึ้งรักษาสิว ด้วยเหตุใดน้ำผึ้งถึงใช้รักษาสิวได้? น้ำผึ้งเป็นผลิตผลปกป้องผิวจากธรรมชาติ น้ำผึ้งสามารถนำมาใช้รักษาสิวรวมถึงยังใช้ลบแผลเป็นเป็นที่เกิดจากสิวด้วย วิธีใช้น้ำผึ้งคุ้มครองรักษาผิวมี 2วิธี คือ การมาร์คหรือสครับโดยตรงบริเวณที่เป็นสิว พร้อมกับ เป็นผลผลิตเสริมอาหารเพื่อปฏิวัติสุขภาพโดยทั่วไป     น้ำผึ้งเป็นยาปฎิชีวนะธรรมชาติ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่มาของการปรากฏสิว     น้ำผึ้งช่วยดูดซึมน้ำในรอยแผลพร้อมด้วยปล่อยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide) ซึ่งเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ดี สามารถฆ่าฟันเชื้อแบคทีเรียพร้อมกับรักษาสิว     ความเป็นกรดของน้ำผึ้งจะช่วยคุ้มครองการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียพร้อมด้วยสรรพคุณอีกอย่างของน้ำผึ้งช่วยยับยั้งการอักเสบ ลดรอยแดงที่เกิดจากสิว     น้ำผึ้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ     ความเหนียวของน้ำผึ้งจะช่วยดูดดึงสิ่งสกปรกพร้อมทั้งฝุ่นละอองบนผิวหน้าออก     โปรไบโอติกธรรมชาติ(Natural probiotic) พร้อมด้วยการต้านแบคทีเรีย(antibacterial) เป็นคุณลักษณะที่อยู่ในน้ำผึ้งสด มีศักยภาพลดสิวและป้องกันการก่อตัวของสิวใหม่     น้ำผึ้งปราบความมันส่วนเกิน ทำให้หน้าเรียบเนียนพร้อมด้วยชุ่มชื่น กินน้ำผึ้งจะช่วยรักษาสิวด้วยหรือเปล่า? การกินน้ำผึ้งทุกวันช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวมทั้งยังเสริมประสิทธิภาพในการรักษาสิวด้วย ด้วยเหตุว่าน้ำผึ้งเปี่ยมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็น วิตามินพร้อมด้วยเกลือแร่ ที่สนับสนุนให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับแบคทีเรียที่เป็นอันตราย แนะนำให้กินน้ำผึ้งพวกออแกนิคจะได้รับผลตอบแทนเต็มรูปแบบ ยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่ผ่านวิธีการพาสเจอไรซ์ กินน้ำผึ้ง 1ช้อนชาเสมอๆทุกวัน หรือจะผสมกับอาหารก็ได้ เช่น กล้วย นม โยเกิร์ต มะนาว เลมอน แตงกวา แครอท น้ำส้มคั้น ของกินกลุ่มนี้มีคุณประโยชน์เพิ่มศักยภาพในการรักษาสิว พร้อมด้วยอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกวันด้วย วิธีรักษาสิวด้วยน้ำผึ้ง น้ำผึ้งสด ใช้สำลีก้อนทาน้ำผึ้งมาพอกให้ทั่วใบหน้าพร้อมทั้งตรงที่เป็นสิว ปล่อยทิ้งไว้ 30นาทีจากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำเย็นซ้ำสำหรับกระชับรูขุมขน ทำสม่ำเสมอทุกวันจะเห็นผลลัพท์ที่ดีขึ้น เทคนิค พอกน้ำผึ้งให้ทั่วใบหน้าพร้อมทั้งตรงที่เป็นสิว ใช้หน้ากากมาร์คหน้าปิดทับไว้ ทำก่อนเข้านอนปล่อยทิ้งไว้ตลอดคืนต่อจากนั้นล้างออกในตอนตื่นนอน น้ำผึ้งกับน้ำตาลทรายแดง ผสมน้ำผึ้งพร้อมทั้งน้ำตาลทรายแดง นำมาสครับให้ทั่วใบหน้าพร้อมด้วยตรงที่เป็นสิว สครับค่อยๆ 3-4นาที ต่อจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่า ทำสม่ำเสมอทุกวันจะเห็นผลลัพท์ที่ดีขึ้น น้ำผึ้งกับยาแอสไพริน (ยาแก้ปวด) ยาแอสไพริน(Aspirin)เป็นยาต้านการอักเสบที่ช่วยลดรอยแดงพร้อมกับความปวด มีกรดซาลิไซลิ(salicylic acid)ช่วยชำระล้างรูขุมขนและขัดผิวที่ตายแล้วหลุดออก บดยาแอสไพริน 3-5เม็ด ผสมกับน้ำผึ้ง 1ช้อนชา ป้ายให้ทั่วใบหน้าพร้อมกับตรงที่เป็นสิว ปล่อยทิ้งไว้ 10-15นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่า ทำสม่ำเสมอทุกวันจะเห็นผลลัพท์ที่ดีขึ้น เคล็ดลับ ทาให้ทั่วใบหน้าและตรงที่เป็นสิว ใช้หน้ากากมาร์คหน้าปิดทับไว้ ทำก่อนนอนปล่อยทิ้งไว้ตลอดคืนหลังจากนั้นล้างออกในตอนตื่น น้ำผึ้งกับแอปเปิ้ล ปั่นแอปเปิ้ลครึ่งลูกผสมกับน้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะ พอกให้ทั่วใบหน้าพร้อมด้วยตรงที่เป็นสิว ปล่อยทิ้งไว้ 15-20นาทีต่อจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่า ทำสม่ำเสมอทุกวันจะเห็นผลลัพท์ที่ดีขึ้น น้ำผึ้งกับขมิ้น ขมิ้นช่วยต้านการอักเสบพร้อมด้วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย บรรเทาอาการปวดและอักเสบแดง ผสมน้ำผึ้ง 1ช้อนชา กับผงขมิ้น ชโลมให้ทั่วใบหน้าไม่ก็ตรงที่เป็นสิว ปล่อยทิ้งไว้ 20-25นาทีต่อจากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ต่อจากนั้นทาครีมเพิ่มความสดชื่นให้กับผิว ทำเป็นประจำทุกวันจะเห็นผลลัพท์ที่ดีขึ้น น้ำผึ้งกับสตอเบอรี่ ปั่นสตอเบอรี่ 3ลูก กับน้ำผึ้ง 2ช้อนชา พอกให้ทั่วใบหน้าและตรงที่เป็นสิว ปล่อยทิ้งไว้ 20-25นาทีแล้วไปล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นทาครีมเพิ่มความสดชื่นให้กับผิว ทำสม่ำเสมออาทิตย์ละ 2ครั้ง สารบัญข้อมูล //alizshop.com/สุขภาพ-ความสวยความงาม/น้ำผึ้ง-รักษาสิว-แผลเป็น/   Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2559     0 comment Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2559 19:40:44 น.     Counter : 287 Pageviews.   Share Tweet

วิธีใช้กาแฟดีท๊อคสารตกค้างบนหน้า เคยกันหรือ? ขณะที่เปลี่ยนไปใช้ครีมทาหน้าตัวใหม่ หลังจากนั้นเกิดสิวผดเล็กๆ ผุดขึ้นมา เลยหลงผิดๆว่าแพ้ครีม แต่อาการแบบนี้ส่วนมาก เกิดจากสารในครีมตัวใหม่ทำการตอบสนองกับสารเคมีที่เหลืออยู่อยู่บนหน้าของเรา เป็นเหตุให้เกิดสิวผดเล็กๆผุดขึ้นมา หลังจากนั้นจะทำไง? คำเฉลยคือการดีท็อกซ์พิษที่หลงเหลืออยู่อยู่บนผิวของเรา ก่อนที่จะเปลี่ยนครีมทาหน้าตัวใหม่ เคล็ดไม่ลับ: จริงๆแล้วจะทดสอบว่าแพ้ครีมไหม ไม่ต้องลองทาที่หน้าก็ได้ ให้ทาครีมที่ท้องแขนติดจั๊กกะแร้หรือทาที่คาง ทิ้งไว้ 12ชั่วโมง ถ้าไม่เกิดอาการคัน ผื่นขึ้น อักเสบแดง แสดงว่าเราไม่ได้แพ้ครีม ดีท็อกซ์ผิวเอาพิษออก หลายๆคนคงเคยอ่านเจอมาบ้าง ว่าให้เอาไข่ขาวดิบมาทาหน้าปล่อยให้แห้งหลังจากนั้นล้างออก ทำสม่ำเสมอ1เดือน มันก็เป็นวิธีที่ถูกแล้วล่ะนะ ทว่าหลายๆคนทำตามอย่างวิธีนี้ไม่ได้นะซิ ก็มันเหม็นคาวนิน่า ทนกลิ่นของมันไม่ได้จริงๆ มีวิธีอื่นอีกไหม? เราจึงขอแนะแนววิธีดีท็อกซ์ผิวแบบที่ไม่ต้องใช้ไข่ขาว ดีท็อกซ์พิษเหลืออยู่ด้วยกาแฟ ส่วนประกอบ (ช้อนโต๊ะก็ช้อนรับประทานอาหารนี่ล่ะ) 1.ผงกาแฟ 1ช้อนโต๊ะ 2.ผงโกโก้ 1ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่มี ไม่ต้องใช้ก็ได้) 3.โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่ใส่ผงโกโก้ใช้ 1ช้อนโต๊ะ) ภายหลังล้างหน้าชะล้างแล้ว ผสมส่วนผสมที่ตระเตรียมไว้ คนให้กลมกลืนกัน เอามาพอกหน้าเว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ยอมทิ้งไว้ 15นาที แล้วล้างออกโดยน้ำสะอาด ทำเป็นประจำอาทิตย์ละ 2ครั้ง หรือจะผสมน้ำผึ้งเข้าไปด้วยก็ได้ ในกาแฟพร้อมด้วยโกโก้มีสารAntioxidants ช่วยดีท็อกซ์สารพิษตกค้าง พร้อมด้วยโยเกิร์ตช่วยเติมให้ความสดชื่นให้กับผิวของคุณ อ้างอิงจาก //alizshop.com/สุขภาพ-ความสวยความงาม/detox-with-coffee/   Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2559     0 comment Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2559 19:35:38 น.     Counter : 267 Pageviews.   Share Tweet