ก่อนแต่งงาน กับ หลังแต่งงาน
ก่อนแต่งงานช. ในที่สุด ก็ถึงเวลาซะที ผมรอไม่ไหวแล้วญ. แล้วคุณจะเลิกกับฉันไหมช. ไม่มีทาง ทำไมคุณคิดอย่างนั้นญ. ถ้าฉันงอน คุณจะง้อฉันหรือเปล่า...ช. สำหรับคุณแล้ว ผมจะพยายามทำทุกวิธีญ. แล้วคุณคิดจะรังแกฉันบ้างไหมช. ผมต้องฆ่าตัวตายแน่ๆ ถ้าทำอย่างนั้นกับคุณญ. จูบฉันสิคะหลังแต่งงานแล้ว ....ให้อ่านย้อนขึ้น
คำเตือนข้างกระป๋อง....แนะนำให้อ่านก่อนดื่มทุกครั้ง
คำเตือนข้างกระป๋อง....แนะนำให้อ่านก่อนดื่มทุกครั้งด้วยสาเหตุที่ยอดจำหน่ายเบียร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคณะกรรมการสำนักงานคุ้ม ครองและดูแลผู้บริโภค โดยความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขจึงขอร้องให้ผู้ผลิตเบียร์เขียนคำเตือน ถึงภัยอันตรายที่เกิดจากการบริโภคเบียร์ดังนี้คำเตือน - การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดคิดว่าเสียงพูดของตนเองเบากว่าความเป็นจริงคำเตือน - การบริโภคเบียร์ทำให้ผู้บริโภคมีลีลาการเต้นรำเหมือนไอ้งั่งคำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้เล่าเรื่องน่าเบื่อซ้ำซากจนเพื่อนๆ หน่ายคำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคพืดม่ายลู้เลื่องบับเนี้ย...เอิ้กกกกคำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดคิดว่าแฟนเก่ากำลังรอให้โทรไปหาตอนตีสี่คำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับกางเกงที่ใส่อยู่คำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดคิดว่าไม่เคยพ่นน้ำลายใส่หน้าสาวที่หมายตาคำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าตนเองมีวิชากังฟูคำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้เกิดอาการกลิ้งไปมาในตอนเช้าและเห็นบางสิ่ง บางอย่างทีน่ากลัวโดยจำไม่ได้แม้แต่น้อยว่ามันเป็นตัวอะไรหรือมีชื่อว่าอะไรคำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคจำไม่ได้ว่าไอ้รอยเปื้อนที่หน้าผากมันคือรอยอะไรคำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคคิดว่าตัวเองแกร่งกว่าจิ๊กโก๋หน้าปากซอยคำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดว่าสามารถหายตัวได้คำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเสียงหัวเราะเยาะของคนรอบข้างคือการหัวเราะมุกฮาๆ ของตนคำเตือน การบริโภคเบียร์เป็นสาเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว และช่วงเวลาบางส่วนหายไป
ตีน กับ ตา
ตีนกับตา อยู่กันมา แสนผาสุกจะนั่ง ลุก ยืน เดิน เพลินหนักหนามาวันหนึ่ง ตีนทะลึ่ง เอ่ยปรัชญาว่ามีคุณ แก่ตา เสียจริงจริงว่าตีนพา ตาไป ที่ต่างต่างตาจึงได้ ชมนาง และสรรพสิ่งเพราะฉะนั้น ดวงตา จงประวิงว่าตีนนี้ เป็นสิ่ง ควรบูชาตาได้ฟัง ตีนคุยโม้ ก็หมั่นไส้จึงร้องบอก ออกไป ด้วยโทสาว่าตีนเดิน เหินได้ ก็เพราะตาด้วยช่วยพา เศษเสี้ยมหนาม ไม่ตำตีนเพราะฉะนั้น ฉันจึง สำคัญกว่าตีนไม่ควร คิดจะ มาดูหมิ่นสรุปว่า ตามีค่า สูงกว่าตีนทั้งธานินทร์ ตีนไปได้ ก็เพราะตาตีนได้ฟัง ให้คลั่งแค้น แสนจะโกรธจึงกระโดด ออกไป ใกล้หน้าผาด้วยอวดดี คุยเบ่ง เก่งกว่าตาดวงชีวา จะดับ ไม่รู้ตัวตาเห็นตีน ทำเก่ง เร่งกระโดดจึงพิโรธ ไม่ระงับ หลับตาเฉยตีนพาตา ถลาล้ม ทั้งก้มเงยตกผาเลย ตายห่า ทั้ง ตา ตีนความหมายคนเราควรสามัคคีกันไว้ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถึงจะมีความคิดต่างกัน แต่ก็สามารถทำงานและอยู่ร่วมกันอย่างสอดคล้องได้ ความสำเร็จและกิจการงานที่ตั้งเป้าหมายไว้ก็เป็นไปได้โดยง่าย
ค่าของเงิน 20 บาท
เงิน 20 บาท มีค่ามากสำหรับคนบางคน ในขณะที่ใครหลายๆ คนกินอิ่ม นอนหลับอยู่ในบ้านที่แสนสบาย ใช้เงินฟุ่มเฟือยเต็มสูบไม่มีจำกัด อยากได้อะไรซื้อ อยากกินอะไรกิน ทิ้งๆ ขว้างๆ บ้างตามประสาคนเหลือกินเหลือใช้แต่ในอีกมุมหนึ่ง...กลับมีคนที่ยอมเดินด้วยเท้า จากจังหวัดอุบลราชธานี ไปยังจังหวัดอยุธยา ด้วยระยะทางไกลมากว่า 600 กิโลเมตร เพียงเพื่อเงินวันละ 20 บาทเรื่องที่ทางทีมงานจะขอนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนสมาชิกเว็บไซต์ พันธ์ทิพย์ดอทคอมประสบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง และอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังซึ่งเขาก็เล่าว่า ... ผมและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดอยุธยา ระหว่างทางก่อนที่จะถึงจุดหมาย ผมได้มองไปข้างทางและเห็นชายแก่คนหนึ่งใส่เสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน กำลังเดินอยู่ข้างทางแบกถุงปุ๋ย พร้อมห่อผ้าขาวม้า 1 ห่อ เดินกลางแดดกลางวันร้อนๆ ยามบ่าย ผมจึงให้แฟนจอดรถและลงไปถามชายชราคนนั้นว่าผม : ตาจะไปไหน ทำไมมาเดินตากแดดแบบนี้เล่าตา : (ยิ้ม) จะไปอยุธยาผม : ตาจะไปทำไมที่อยุธยา ไปหาใครเหรอตา : ไปรับจ้างเลี้ยงวัว มีคนเขาบอกว่าที่อยุธยา มีคนเขาหาคนเลี้ยงวัวผม : เขาจ้างวันละเท่าไหร่ ตารู้จักเขาเหรอตา : เขาจ้างวันละ 20 บาท มีที่พักให้ด้วย (ตาหมายถึงนอนกับวัวเลย) ตาไม่รู้จักเขาหรอก ที่ไปนี้ก็ต้องไปถามเขาอีกทีว่าใครจะจ้างตาเลี้ยงวัวบ้างผม : แล้วใครบอกตาว่าที่อยุธยาเขาหาคนเลี้ยงวัวตา : คนแถวบ้านตาบอก เขาพูดกันว่าที่อยุธยามีคนเขาหาคนเลี้ยงวัวเยอะผม : ตามาจากไหนละ มาคนเดียวเหรอ แล้วยายไปไหนล่ะตา : ตามาจากอุบลฯ ตามาคนเดียว เพราะยายตายแล้วผม : ลูกๆ ไม่มีเหรอตาตา : มีลูก 2 คน ชายคน หญิงคน มีครอบครัวกันหมดแล้ว ไม่เคยเห็นหน้ามาหลายปีแล้ว ยายตายนี่พวกมันยังไม่รู้เลยผม : แล้วทำไมตาไม่อยู่บ้าน หางานแถวบ้านทำล่ะตา : ตาไม่มีบ้าน พอยายตาย พี่น้องยายเขาก็ไม่ให้อยู่ในที่ของเขา งานแถวบ้านมี แต่เขาไม่จ้างตาทำ เขาบอกว่าตาแก่แล้ว ทำอะไรช้าไม่ทัน เขาก็ไม่จ้างตาผม : แล้วตามาถึงที่นี่ได้อย่างไงตา : ตาเดินมาเรื่อยๆผม : เดินมาจากอุบลฯ นะเหรอตา ทำไมไม่นั่งรถเมล์มาล่ะตา : (ยิ้ม) ตาไม่มีตังค์ (ควักเงินออกมาให้ดู ซึ่งในมือตามีเงิน 15 บาท เหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ ที่เหลือเป็นเหรียญบาทเก่าๆ สีเขียว)ผม : แล้วตาออกจากอุบลฯ มาวันไหนตา : หลังสงกรานต์ 2 วัน (ยิ้ม)ผม : แล้วตาเอาอะไรมาด้วย นี่ห่ออะไรที่ตาถือมาตา : อ๋อ ห่อกระดูกยาย กับถุงเสื้อผ้าตาผม : แล้วตากินอะไรอยู่ตา : เดินผ่านร้านที่เขาขายมันต้ม แม่ค้าเขาเลยให้ตามากินฟรีๆไม่เอาตังค์ตาด้วยผม : (สายตาของผมมองไปที่เท้าของตา เห็นรองเท้าของตามีกระดาษติดที่ส้น) กระดาษติดที่เท้าตานะ ระวังหกล้มตา : (ยิ้ม) อ๋อ ตาเอามันมารองที่เท้าตาเอง เพราะส้นรองเท้ามันขาดแล้ว เวลาเดินมันร้อนส้นเท้าผม : แล้วนั่นน้ำอะไรจ๊ะตา (เห็นน้ำสีน้ำตาลในขวดสีขาวขุ่นมากๆ วางอยู่ข้างๆ ตา)ตา : น้ำกินตาเองหลังจากนั่งคุยกับตาแกไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่า ตา อายุ 76 ปีแล้วแต่ผมดันลืมถามชื่อแกมา รู้แต่ว่าสิ่งที่ได้สังเกตเห็นตลอดเวลาคือเนื้อตัวค่อนข้างเลอะ มีรอยยุงกัดตามตัวเยอะมากเพราะแกบอกว่าอาศัยนอนข้างถนน นอนศาลาและดวงตาของแกฝ้ามัวมาก เหมือนมีเส้นใยบางๆ ในดวงตาและอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นก็คือ "รอยยิ้ม" ที่เห็นฟัน 1 ซี่ของแกมีมาให้ตลอดเวลาระหว่างที่สนทนากันทำให้ผมรู้สึกว่าตาเป็นคนอารมณ์ดีจากนั้นผมจึงได้ส่งร่มในมือที่ถือก่อนลงจากรถให้แกไว้ใช้พร้อมเงินอีก 190 บาท (เพราะมีอยู่แค่นั้น)ซึ่งตอนที่แกได้ร่ม ตาแกดีใจมาก ยิ้มตลอดเวลาในใจแกคงคิดว่าต่อไปนี้แกคงไม่ต้องเดินร้อนแล้วล่ะอย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมตาแกไม่ไปบวชหรือขอข้าววัดกิน เรื่องนี้พวกเราคุยกันว่าตาแกยังคงอยากทำงานหาเลี้ยงตัวเองไม่อยากจะขออาศัยวัดกินมีมือมีเท้าก็อยากทำให้เกิดประโยชน์บ้าง ...และนี่คือตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ายังมีคนอีกจำนวนมากต้องปาดกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอดของตัวเองรู้แบบนี้แล้วทำไมไม่ลองมองย้อนมาดูตัวเองว่าวันนี้คุณ "พอเพียง" แค่ไหนกัน ?ทั้งนี้ผู้เล่าประสบการณ์ คิดได้ว่าเขาโชคดีเหลือเกินที่มีกินมีใช้ เกิดมาไม่ลำบาก มีพ่อแม่ มีเงินให้ใช้แต่หลังจากเจอตาแล้วทำให้เขาคิดได้ว่าต่อไปนี้เขาต้องรู้จักใช้เงิน รู้คุณค่าของเงินมากขึ้นเผื่อวันหน้าจะได้ไม่ลำบาก
เผลอไป
หนุ่มสาวคู่หนึ่งตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันและในคืนก่อนถึงวันมงคลสมรส ทั้งคู่ก็เกิดอาการวิตกจริต เกรงว่าอีกฝ่ายจะรับข้อเสียของตนเองไม่ได้ที่บ้านของว่าที่เจ้าบ่าวด้วยความกังวลอย่างใหญ่หลวง ชายหนุ่มปรึกษาพ่อของเขาเรื่องที่ทำให้เขาประสาทเสียลูกชาย พ่อครับ ผมควรจะทำยังไงกับกลิ่นเท้าของผมดี ผมว่าเจ้าสาวของผมต้องทนกลิ่นของมันไม่ได้แน่ๆพ่อ ลูกก็ดูแลรักษามันให้สะอาด หมั่นล้างทำความสะอาดบ่อยๆลูกชาย แล้วตอนนอนล่ะพ่อ กลิ่นเท้าผมมันแรงมากจริงๆ แม้กระทั่งตอนนอน ผมยังรู้สึกเลยพ่อ แก้ไม่ยาก ลูกก็ใส่ถุงเท้าก่อนเข้านอน และก่อนใส่ถุงเท้าก็โรยแป้งซักหน่อยก่อน อย่ากังวลไปเลยน่าลูกชาย ขอบคุณครับพ่อ ผมจะทำตามที่พ่อแนะนำที่บ้านของว่าที่เจ้าสาวสาวกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่งกับกลิ่นปากของตัวเองตอนตื่นนอน เธอจึงขอคำปรึกษาจากผู้เป็นแม่ลูกสาว แม่ขา หนูชักไม่อยากแต่งงานแล้วล่ะแม่ อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะลูกสาว ก็กลิ่นปากตอนเช้าของหนูน่ะสิมันเหม็นมากๆ เลย หนูอายเค้าจัง ถ้าเค้ารู้เข้า เค้าต้องบอกเลิกกับหนูแน่ๆแม่ ไม่ต้องกังวลนักหรอก ตอนเช้าที่หนูตื่นนอนขึ้นมา หนูห้ามพูดอะไร ให้ตรงไปเข้าห้องน้ำทันที แปรงฟันบ้วนปากก่อนเป็นอย่างแรก แค่นั้นเองลูกสาว จริงด้วยสิคะแม่ ขอบคุณนะคะและทั้งคู่ก็เข้าพิธีแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาอย่างมีความสุขโดยต่างฝ่ายต่างก็ปฏิบัติตามคำสอนที่ได้รับมาอย่างเคร่งครัดจนกระทั่ง....กลางดึกคืนหนึ่งชายหนุ่มตื่นขึ้นมาและรู้สึกว่าถุงเท้าข้างหนึ่งของเขาหลุดไป เขากระวีกระวาดลุกขึ้นมาก้มๆ เงยๆ หาถุงเท้าข้างที่หายและนั่นก็ทำให้ภรรยาสาวงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วย เธอสลึมสลือลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยถามสามี นั่นคุณกำลังทำอะไรอยู่คะที่รัก ชายหนุ่มหยุดชะงักหันไปมองภรรยา แล้วถามกลับ นั่นคุณอมถุงเท้าของผมอยู่รึเปล่าที่รัก