บันทึกของ เอ้ [ Sorawich] diary การเดินทาง ท่องเที่ยว ภาพถ่าย สถานที่ท่องเที่ยว ทะเล ภูเขา อาหาร โรงแรม รีสอร์ท ที่พัก สนามกอล์ฟ เรื่องบันเทิง ศิลปะ ดนตรี เก็บข่าวที่สนใจ และ เรื่องราวที่ผ่านมาในชิวิต professional photographer ,wedding photography, magazines, agencies, corporations , , Advertising, Architecture, Glamour, Catalogues, Documentary, Editorial,Entertainment,Events/Conferences, Executive Portraits, Fashion, Food, Commencement/Graduation, Interiors, Landscape, Lifestyle, People, Photojournalism, Portrait, Public Relations, Resorts/Hotels,golf event,golf courses,golf resorts , Sports, Stock, Travel
Group Blog
 
All blogs
 
วิญญาณธรรมศาสตร์ 4 รุ่น

วิญญาณธรรมศาสตร์ 4 รุ่น : เกษียร เตชะพีระ



เทอมที่แล้ว ผมตั้งโจทย์ข้อสอบไล่ข้อหนึ่งแบบบอกล่วงหน้าให้นักศึกษาวิชา ร.321

การเมืองการปกครองของไทย ราว 100คน

ไปค้นคว้าเรียบเรียงมาเขียนตอบในห้องสอบว่า-"จงเขียนบทสนทนาสมมุติขึ้นระหว่าง

บุคคล 4คน ผู้เกี่ยวพันกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในประเด็น จิตวิญญาณความเป็นธรรมศาสตร์

และอนาคตของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใน 15-20ปีข้างหน้า.....บุคคลทั้ง 4 ได้แก่-



ก) ผู้ประศาสน์การปรีดี พนมยงค์



ข) ศิษย์เก่า ม.ธ.ก. กุหลาบ สายประดิษฐ์



ค) อธิการบดีป๋วย อึ๊งภากรณ์



ง)ให้นักศึกษาเลือกสมมุติเองว่าบุคคลที่ 4จะเป็นใคร?....



ในบรรดาคำตอบทั้งหลาย มีฉบับหนึ่งของนักศึกษาปีสี่เลขทะเบียน 4104612959เขียนได้คมคายน่าคิด

ช่วยสะท้อนสภาพและชีวทัศน์ของนักศึกษายุคปัจจุบัน

จึงขออนุญาตคัดตัดต่อบางตอนมาเป็นกำนัลท่านผู้อ่านโดยเฉพาะชาวธรรมศาสตร์ทั้งอดีตและปัจจุบันดังนี้

"วันนี้ผมก็เข้ามาเรียนในธรรมศาสตร์เหมือนอย่างเคยทุกวัน...ผ่านมาจะครบ 4ปี

ผมก็ยังรู้สึกว่าผมยังไม่ได้เป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์จริงๆ สักที ผมไม่เคยรู้จัก ม.ธ.ก. และความเป็นมา

ผมไม่ซาบซึ้งกับคำที่พวกเขาพร่ำกล่าวว่า 'จิตวิญญาณธรรมศาสตร์'นั้นมันเป็น

จนกระทั่ง...คืนนั้นผมเก็บเอาบทเรียนในชั้นไปฝันต่อ...



ณ คอมมอนรูมคณะเศรษฐศาสตร์ที่โต๊ะริมน้ำที่ผมชอบนั่งดูท้องฟ้า สายน้ำ

แต่วันนี้ที่โต๊ะตัวนั้นมีใครคนหนึ่งนั่งอยู่



นักศึกษา : สวัสดีครับ... รอใครอยู่หรือเปล่าครับ?

ผู้ประศาสน์การ ปรีดี พนมยงค์ : ฉันกำลังรอเธออยู่ มาสิ มาคุยกัน


นักศึกษา : ท่านเป็นใครหรือครับ ผมไม่เห็นรู้จัก?

ปรีดี : ฉันเติบโตในระหว่างสงครามโลกสองครั้ง ในยุคที่มีการล่าอาณานิคมกันมาก

ระบบทุนนิยมแพร่หลายและก็พังทลายพร้อมๆ กัน

ฉันไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสและได้รับเอาแนวคิดประชาธิปไตยมาทำการอภิวัฒน์เมื่อปี 2475


นักศึกษา : งั้นท่านก็คือปรีดี พนมยงค์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองสิครับ แต่เอ!

ช่วงนั้นที่ท่านเป็นผู้ปกครองประเทศ ทำไมไม่พัฒนาแต่เศรษฐกิจ แต่มาตั้ง ม.ธ.ก.ล่ะครับ?

ปรีดี:ก็ฉันรู้น่ะสิว่าถ้าปล่อยให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยทั้งๆ ที่คนของเรายังไม่รู้ประสีประสาวิชาการ คนที่รู้เรื่องมีแต่คนชั้นสูงแล้ว

ประชาธิปไตยของเราจะอยู่ไปได้อย่างไร ฉันก็เลยตั้ง ม.ธ.ก.ขึ้นเพื่อให้เป็นตลาดวิชาแก่คนที่ใคร่กระหายอยากเรียน ม.ธ.ก.

สมัยนั้นน่ะใครอยากเรียนก็ได้เรียน ไม่จำกัดอายุ เพศ ถิ่นที่อยู่ สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม

เพราะไม่ว่าเป็นใครก็มาตักน้ำในบ่อแห่งความรู้ที่ ม.ธ.ก. นี้กันได้ทุกคน


นักศึกษา : อย่างนี้คนก็เข้ามาสมัครเยอะแยะ แล้วมีคนจบมากไหมครับ?

ปรีดี : ในช่วงแรกมีคนสมัครเป็นหมื่น แต่จบกันปีละไม่กี่ร้อยคนเอง แต่ไม่เป็นไรหรอก

เพราะว่าสิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่นักวิชาการดีเด่นอะไร

เพียงแค่ให้ประชาชนมีสิทธิมีโอกาสเท่าเทียมกันก็พอแล้ว

เพราะจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ในสมัยนั้นน่ะเป็นเหมือนบ่อน้ำแก้กระหายให้กับทุกคน

ใครอยากจะมาดื่มมาอาบก็ได้ อ้าว คุณ กุหลาบ สายประดิษฐ์

มานั่งคุยกันก่อนสิ นี่น่ะพ่อหนุ่มคนนี้ช่างซักซะจริง เขาอยากรู้ว่า ม.ธ.ก. ในสมัยของพวกเราน่ะเป็นอย่างไร



นักศึกษา : ครับ คุณตากุหลาบ ผมเคยอ่านงานของคุณตาเรื่อง 'ดูนักศึกษา ม.ธ.ก. ด้วยแว่นขาว'

เจอประโยคที่ว่า 'ชาว ม.ธ.ก. รักมหาวิทยาลัยของเขา เพราะว่ามหาวิทยาลัยของเขารู้จักรักคนอื่นด้วย'มันหมายถึงอะไรหรือครับ?



ศิษย์เก่า ม.ธ.ก. กุหลาบ สายประดิษฐ์ : อ้อ ก็ตอนนั้นนะธรรมศาสตร์ของเธอน่ะกำลังมีไฟ

ชอบทำกิจกรรมโน่นนี่อยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวก็ไปประท้วงสงครามเกาหลี ไปคัดค้านรัฐบาล

เดี๋ยวก็ร่วมกับชาวนา กรรมกรมาเรียกร้องไงล่ะ

ก็เพราะธรรมศาสตร์นี่แหละที่สอนให้พวกนักศึกษาที่เข้ามาหัดรู้จักสำนึกถึงผู้อื่น

ถึงคนด้อยโอกาส สอนให้เขารู้ว่าเมื่อมีความรู้แล้ว

ก็อย่าได้กักตัวไว้แต่ในอุปาทานเพื่อตนเอง

แต่ใช้ความรู้ของตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด

เพราะจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ในตอนนั้นเปรียบเหมือนน้ำในกระบวยให้นักศึกษาที่มีโอกาสดีกว่าคนอื่นในสังคม ตักเอาวิชาความรู้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ หรือก็คือตักน้ำไปให้คนอื่นเขาได้ดื่มกิน ได้ลดความกระหายลงไปบ้างไงล่ะ



นักศึกษา : แหม คุณตาเกิดความรักประชาชนและชาวนาคนยากจนขึ้นมาได้ยังไงครับ?



กุหลาบ : ก็ตอนเด็กๆ ฉันเคยลำบากมาก่อน กว่าจะโตมาได้แทบแย่ พอจบมัธยมฯ ก็ต้องออกมาเขียนหนังสือหากิน

ชีวิตมันลำบากมาก เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงได้ดีใจที่มีมหาวิทยาลัยที่คิดจะทำเพื่อสังคมบ้าง

สังคมเราจะได้ดีขึ้น



อธิการบดี ป๋วย อึ๊งภากรณ์ : อ้าว ท่านปรีดี คุณกุหลาบ คุยอะไรกัน? ขอผมนั่งสนทนาด้วยสิ



กุหลาบ : เรากำลังถกกันเรื่อง 'จิตวิญญาณของธรรมศาสตร์' น่ะคุณป๋วย แล้วคุณล่ะเห็นเป็นยังไง?



ป๋วย : สำหรับผมน่ะหรือ ถ้าจะให้ดีขอผมแนะนำตัวก่อนก็แล้วกัน ผมเป็นลูกจีนที่มาเกิดในไทย

ได้ดีก็เพราะว่าเป็นเด็กเรียนดี พอผมจบจากธรรมศาสตร์ก็เลยได้ไปเรียนต่อที่ LSE (London School of

Economics and Political Science)

จบมาจึงได้มีโอกาสนำความรู้ความสามารถที่ได้ไปศึกษามาใช้พัฒนาประเทศและสังคมของเรา



ผมเห็นความสำคัญของการศึกษามาก ดังนั้น ตอนที่ผมเป็นคณบดีอยู่ที่คณะเศรษฐศาสตร์

ผมจึงได้ส่งเสริมให้นักศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ ให้จบกลับมาส่งเสริมให้มีการวิจัยมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในสังคม

เน้นความเป็นวิชาการของมหาวิทยาลัย รวมทั้งส่งเสริมให้นักศึกษามีสำนึกต่อสังคมด้วยเพื่อที่จะได้เอาความรู้ที่ได้

มาช่วยกันพัฒนามหาวิทยาลัยและบ้านเมืองของเรา

จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ในสมัยผมจึงเป็นเหมือนเขื่อนกั้นน้ำที่ต้องใช้ความรู้

เทคโนโลยีขั้นสูงในการสร้าง แต่ว่ามันจะส่งผลประโยชน์ให้แก่คนหมู่มากถ้าเรามีคลองชลประทานที่ดี

ก็เหมือนที่ผมสร้างนักศึกษาขึ้นมาให้มีความรู้ความสามารถ

ให้ไปช่วยบริหารพัฒนาประเทศ

โดยที่เขาจะต้องรู้จักขุดคลองให้น้ำไหลไปถึงคนยากจนด้วย

นโยบายหรือการกระทำของเขาจะได้เกิดประโยชน์ตกถึงชาวนา กรรมกร



กุหลาบ : แล้วพ่อหนุ่มล่ะ มองมหาวิทยาลัยของเธออย่างไรบ้าง?



นักศึกษา : ผม...ผม...ไม่อยากจะบอกว่า...ผมต้องขอโทษทุกท่านด้วยที่ธรรมศาสตร์ที่ทุกท่านสร้างเอาไว้ตอนนี้



สำหรับผมมันเป็นเครื่องชุบตัว การที่คนชั้นกลางอย่างผมเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ก็เพียงเพื่อต้องการจะยกระดับฐานะ

ทางเศรษฐกิจและสังคมของตัวเอง

ผมหวังจะได้เกียรตินิยมเพื่อที่จะได้มีโอกาสดีกว่าเวลาไปสมัครงาน ใช่ ถึงแม้ผมจะเคยทำกิจกรรมที่คณะมาบ้าง

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรักประชาชนขึ้นมาเท่าไรนัก หรือจะมีก็เพียงชั่วคราว

ผมมองธรรมศาสตร์ไม่ต่างจากคนทั่วไปที่เห็นมันเป็นบันไดไปสู่เกียรติยศชื่อเสียง



ใช่...พ่อแม่ ครอบครัวของผมก็คิดเช่นนี้ เขาอยากให้ผมได้เกียรตินิยม ไปเรียนต่อ

พวกเขาพูดเสมอว่าอย่าได้ไปประท้วงกับคนอื่นนะเดี๋ยวโดนจับ

เปล่าเลย ผมไม่ได้โทษพวกท่าน

เพียงแต่จะให้ผมกลายเป็นคนอย่างที่คุณตาบอก

อย่างที่อาจารย์พูดได้อย่างไรในเมื่อผมขับรถมาเรียน

ผมฟังเพลงฝรั่ง เพื่อนๆผมทุกคนต่างก็มีแนวความคิดไม่ต่างกัน คนอย่างที่คุณตาบอก ผมไม่ยักเจอ

หรือถึงเจอผมก็คงไม่รู้จักเขา เพราะจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ในสายตาของผมเป็นเหมือนน้ำบรรจุขวดที่มีใบรับประกันคุณภาพยี่ห้อธรรมศาสตร์

เป็นขวดน้ำที่ผมจะสามารถเอามันไปโชว์คนอื่นว่าผมมีน้ำนะ

แต่คุณไม่ได้กินมันหรอก เพราะผมต้องใช้มันเพื่อยกฐานะของผม ของครอบครัวผม

และญาติมิตรสนิททั้งหลาย รอให้ผมใช้เหลือก่อนก็แล้วกัน

คุณอาจจะได้รับบริจาคบ้างก็ได้



ปรีดี : ฉันก็เห็นมานานแล้วล่ะความเป็นไปของที่นี่ ฉันเฝ้ามองผู้คนผ่านไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า

ความคิดของแต่ละคนแต่ละยุคก็แตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าพวกเขาจะเผชิญกับสถานการณ์อะไร

ฉันไม่โทษเธอหรอกที่เธอเป็นและคิดแบบนี้ เพราะฉันเชื่อว่าคนอย่างเธอถ้าเกิดในตอน 14

ตุลาคม เธอก็คงเป็นคนหนึ่งที่ไปเดินประท้วงร่วมกับนักศึกษาสมัยนั้นแน่ๆ



นักศึกษา : แต่บางทีผมก็เป็นห่วงมหาวิทยาลัยของเราเหมือนกันนะครับ

เดี๋ยวนี้แม้กระทั่งจะเข้าห้องสมุด คนที่ไม่ใช่นักศึกษายังเข้าไม่ได้เลย หรือเข้าได้ก็ต้องเสียสตางค์

แล้วอย่างนี้จะหวังให้เปิดโอกาสแก่คนชั้นล่างเข้ามาเรียนเหรอ

อย่าฝันเลยดีกว่า แม่ค้าก็เป็นแม่ค้าเงินล้าน ต้องมีเงินทุนเป็นกระตั้ก อีกหน่อยสงสัยจะมี Pizza Hut

เข้ามาขายในมหาวิทยาลัยด้วย

ต่อไปใครจะเข้าหรือเดินผ่านมหาวิทยาลัยคงต้องตรวจบัตร

เป็นมหาวิทยาลัยล้อมรั้ว ปิดกั้นจากสังคม นับวันเพื่อนๆ

ของผมก็มักจะไม่ค่อยสนใจเรียน

พวกเขาเอาแต่จะคอยอ่านสรุปเล็กเชอร์เพื่อน

ไม่ได้สนใจความรู้อะไรอย่างที่อาจารย์ป๋วยกล่าวหรอกครับ

เขาต้องการแต่วุฒิ เวลาผมชวนเรียนวิชาอะไรยากๆแต่น่าสนใจ พวกเขาก็ไม่เอา

เพราะกลัวได้เกรดไม่ดี

ผมเห็นแล้วก็ยังเศร้าใจ

หรือจะพูดถึงงานเพื่อสังคมซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมไม่ค่อยสันทัดเท่าใดนัก

ผมว่ามันก็ยังพอมีอยู่บ้างนะครับ พวกค่ายพัฒนาชนบท ค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติพวกนี้

แต่ผมว่ามันกลายเป็นค่ายประเพณีมากกว่า

คือคนจัดจัดค่ายโดยมีสำนึกว่าต้องจัดให้ได้เพื่อที่จะสานงานค่ายของคณะต่อ

สรุปแล้วผมว่าไม่ว่าจะมองด้านไหน

จิตวิญญาณแบบของพวกท่านทุกคนได้เสื่อมไปหมดแล้ว

มีแต่แบบของผมนี่ล่ะครับที่จะเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ

ต่างคนต่างต้องการจะได้วุฒิ มหาวิทยาลัยเปิดภาคปริญญาโทมากขึ้น

ภาคภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น....



จากมติชน



Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2550 22:03:47 น. 2 comments
Counter : 311 Pageviews.

 
เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน
โดย อ. วิทยากร เชียงกูล

ดอกหาง นกยูง สีแดงฉาน
บานอยู่เต็มฟากสวรรค์
คนเดินผ่าน ไปมากัน
เขาด้นดั้น หาสิ่งใด

ปัญญา มีขาย ที่นี่หรือ
จะแย่งซื้อ ได้ที่ไหน
อย่างที่โก้ หรูหรา ราคาเท่าใด
จะให้พ่อ ขายนา มาแลกเอา

ฉันมา ฉันเห็น ฉันแพ้
ยินแต่ เสียงด่า ว่าโง่เง่า
เพลงที่นี่ ไม่หวาน เหมือนบ้านเรา
ใครไม่เข้า ถึงพอ เขาเยาะเย้ย

นี่จะให้ อะไร กันบ้างไหม
มหาวิทยาลัย ใหญ่โตเหวย
แม้นท่าน มิอาจให้ อะไรเลย
วานนิ่งเฉย อย่าบ่น อย่าโวยวาย

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึง มาหา ความหมาย
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว

มืดจริงหนอ สถาบัน อันกว้างขวาง
ปล่อยฉัน อ้างว้าง ขับเคี่ยว
เดินหา ซื้อปัญญา จนหน้าเซียว
เทียวมา เทียวไป ไม่รู้วัน

ดอกหาง นกยูง สีแดงฉาน
บานอยู่เต็ม ฟากสวรรค์
เกินพอ ให้เจ้า แบ่งปัน
จงเก็บกัน อย่าเดิน ผ่านเลยไป



โดย: > เอ้ < photo วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:25:23 น.  

 
เอ่อ...

เพิ่งเคยอ่านครับ บทความนี้ดีมากๆ อ่านแล้วโดนใจจริงๆ ครับ


โดย: KaVe วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:08:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

> เอ้ < photo
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




บันทึกของช่างภาพ ที่ชอบท่องเที่ยว ถ่ายภาพ รักสายลม แสงแดด ทะเลสีใส ชอบสาว ๆ แล้วก็ รักเด็กครับ

บล๊อกนี้ทดลองรวมเอาทุกอย่างที่ชอบ และสนใจ มาบันทึกรวมกันไว้
เรื่องราวมากมายเลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่ Group Blog ทางด้านซ้าย
บาง Group Blog อาจยังไม่สมบูรณ์แต่จะเติมให้เต็มในไม่นานนี้
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชม

ติดต่อ ส่งข้อความถึง หรือ ติดตามผ่าน facebook คลิก Like page facebook/SorawichTravelจะเป็นเรื่องท่องเที่ยว ที่พัก อาหาร การเดินทาง
หรือ facebook/Sorawichphotographyเรื่องเกี่ยวกับการถ่ายภาพ
และ+มาได้สำหรับคนใช้ google plus ครับ


♡♥ เดินทางไป บนเส้นทางแห่งความฝัน จะไปด้วยกันก็เชิญ ♡♥

♡♥ apologies... my blog Under construction ♡♥


Copyright © allrights reserved SORAWICH BUPPA
my blog บันทึก และ ตัวอย่างงาน
sorawich.portfolios
facebook.com/Sorawichphotography
sorawichphoto.multiply.com
sorawichphotography.blogspot.com

ติดต่อ ติดตาม ส่งข้อความผ่าน facebook ตามสมัยนิยมนะครับ
SorawichTravel

Promote Your Page Too


♡♥♡♥♡♥♡♥♡♥♡♥♡♥♡♥♡♥♡


free hit counter

" เมื่อเรามุ่งไขว่คว้าหาดวงดาว
ถึงเราจะไม่ได้มาสักดวงหนึ่ง
แต่อย่างน้อย
เราก็ไม่จบลงด้วยมือที่เปื้อนโคลน "


Friends' blogs
[Add > เอ้ < photo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.