หนึ่งวันในโรงเรียนการบินกำแพงแสน : โชคดีนะน้อง เจอกันข้างล่าง
ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องนี้มาตั้งแต่ 6 เดือนที่แล้ว หลังจากได้ไปทริปกับ TAF ที่โรงเรียนการบินกำแพงแสน สถานที่ผลิตนักบินของกองทัพอากาศไทย หลังจากทริปครั้งนั้น ผมก็ได้เรื่องราวมากมายที่เล่าวันเดียวก็ใม่จบ ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของครูการบินและศิษย์การบิน ได้รู้ว่าการจะทำให้คนหนึ่งคนบินได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ได้เห็นเครื่องบิน บินขึ้น-ลงตลอดเวลา พอเครื่องนั้นลง ก็มีเครื่องกำลังจะขึ้นไปอีกเรียกได้ว่าบินกันแทบทั้งวันซึ่งคนภายนอกเช่นผมคงไม่มีโอกาสได้มาเห็นใกล้ชิดแบบนี้แน่นอน ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆ หลังจากนี้ ก็ตั้งใจว่าจะเขียนบทความเล่าถึงสิ่งที่ผมได้เห็นมาในโรงเรียนการบินทั้งหมดเท่าที่ยังพอจำได้เพื่อตอบแทนกองทัพอากาศที่ให้เกียรติผมเข้าไปชมสถานที่ที่พลเรือนยากที่จะเข้าไปสัมผัสและเพื่อให้น้อง ๆ ที่มีความฝันที่อยากจะบิน นำไปอ่านเพื่อสร้างแรงบัลดาลใจต่อไปบทความนี้อาจอ่านยากและคงไม่ค่อยสนุกเท่าไรนัก เพราะตัวผมก็ไม่ใช่นักเขียนซะด้วยแต่ยังไงก็จะพยายามเล่าเรื่องผ่านตัวอักษรออกมาให้ดีที่สุดล่ะกันครับ
เรื่องที่จะเล่านี้ถือเป็นตอนแรกที่ผมจะเขียนเกี่ยวกับโรงเรียนการบินกำแพงแสนประวัติย่อ ๆ ก็ของโรงเรียนการบินแห่งนี้ ก็ต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ( ปีไหนไม่รู้ -- ) ที่อเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพมากมายในประเทศไทยรวมถึงฐานทัพอากาศ ตอนนั้นที่โคราช มีสนามบินของไทยอยู่ซึ่งก็คือโรงเรียนการบินนั้นเอง ทางอเมริกามีความต้องการใช้สนามบินโคราชนั้น ทำให้กองทัพอากาศต้องหาที่สร้างโรงเรียนการบินแห่งใหม่ซึ่งต่อมาก็ถูกสร้างที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งกลายเป็นโรงเรียนการบินกำแพงแสนต่อมาอื้ม
พร่ำมาซะนาน ยังไม่เข้าเรื่องอีกเหรอเนี้ย เข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะเขียนเยอะไปล่ะเอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยไปทำความรู้จักประวัติโรงเรียนการบินกำแพงแสนกันตอนหน้าล่ะกันเนอะ
หลังจากชมการแสดงการบินผาดแผลงจากฝูงบิน บลูฟินิกซ์ ที่มาบินโชว์เราโดยเฉพาะ ตอนบ่ายก็จะเป็นการพาชมส่วนอาคารเรียน ซึ่งเป็นที่เรียนของศิษย์การบินชั้นประถมและมัธยม พอเรามาถึงชั้นเรียนของศิษย์การบินชั้นประถม ก็เห็นรูปวาดรูปหนึ่งในรูปเป็นทหารอากาศวัยกลางคน ใส่ชุดหมีสีเขียวพร้อมอาร์มที่บ่งบอกว่าเป็นครูการบิน ใต้รูปมีข้อความเขียนว่า โชคดีนะน้องแล้วเจอกันข้างล่าง จากนั้นครูดิบ ซึ่งเป็นวิทยากรมาทัวร์ในวันนั้น ก็บอกว่าคนในรูปนั้นคือ เรืออากาศเอกจักรพงษ์ การเที่ยง หรือ ครูอ้วน ครูการบินของโรงเรียนการบินกำแพงแสน แล้วเหตุใดรูปครูถึงไปติดอยู่ที่ผนังห้องซ่ะล่ะ เรื่องเป็นแบบนี้ครับ
เมื่อวันที่ 17ตุลาคม 2545 ครูอ้วนได้นำศิษย์การบินของท่านขึ้นบินตามปรกติ เพื่อฝึกบินกับเครื่อง บ.ฝ.16 หรือ CT-4 Chicken เครื่องบินฝึกบินขั้นต้นสำหรับศิษย์การบิน หลังจากบินไต่ระดับไปที่ความสูงประมาณ 1,500 ฟุตเครื่องก็เกิดอาการแปลก ๆ สาเหตุมาจากความดันของน้ำมันหล่อลื่นเป็นศูนย์ ทำให้เครื่องดับทันที หลังจากพยายามแก้ก็ไม่สำเร็จ มีทางเลือกทางเดียวที่จะรักษาชีวิตของนักบินทั้งสองเอาไว้ได้คือต้องโดดร่มออกไปเท่านั้น เนื่องจาก CT-4 ไม่ใช่เครื่องที่มีความเร็วสูงมากนักจึงไม่ได้ใช้เก้าอี้ดีดตัวอย่างที่เคยเห็นกันในภาพยนตร์เครื่องบินรบ ดังนั้นจึงต้องเปิดฝาครอบกระจกห้องบิน แล้วไปยืนเกาะปีกไว้แล้วจึงโดดไม่เช่นนั้นถ้าโดดไปเลยอาจจะไปชนกับแพนหางดิ่งและแพนหางระดับได้ และอีกอย่าง CT-4 เป็นเครื่องบินที่เป็นเครื่องแบบที่นั่งเคียงกัน ถ้าโดดก็ต้องไปทีล่ะคนและให้อีกคนคอยบังคับเครื่องเพื่อรักษาสมดุลไว้แล้วค่อยโดดตามไป แต่ด้วยที่ที่ยังบินอยู่เหนือเขตชุมชนด้วยสัญชาติญาณของนักบินรบไทย ที่ไม่ยอมให้ประชาชนต้องมารับผลกรรมตามไปด้วย ครูอ้วนจึงสั่งให้ศิษย์การบินโดดลงไปก่อนแล้วตัวเองจะตามลงไปทีหลัง คำพูดสุดท้ายของครูอ้วนที่บอกศิษย์การบินคือ โชคดีนะน้อง แล้วเจอกันข้างล่าง หลังจากศิษย์โดดไปแล้วครูอ้วนก็พยายามบังคับเครื่องให้ออกไปพ้นเขตชุมชน เมื่อพ้นแล้วครูอ้วนจึงโดดออกจากเครื่องบิน แต่ด้วยความสูงน้อยเกินไปร่มยันไม่ทันกางเต็มที่ ร่างของครูอ้วน จึงกระแทกต้นไม้เสียชีวิต
ถือเป็นการกระทำที่กล้าหาญมาก ความจริงแล้วพี่ชายของครูอ้วนก็เสียชีวิตจากการบินเช่นกัน จากอุบัติเหตุเครื่องบินฝึกขับไล่แบบ L-39 ของกองบิน 4 ตกที่สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ขอไว้อาลัยอีกครั้งกับการสูญเสียจากวีรกรรมที่กล้าหาญของทั้งสองท่านและนักบินของกองทัพอากาศไทยท่านอื่นๆ ความจริงแล้วเรื่องวีรกรรมของนักบินกองทัพอากาศไทยที่ผมเคยอ่านมายังมีอีกเยอะครับ ไว้จะรวบรวมมาให้ได้อ่านกันอีก บทความต่อไปน่าจะเป็นเรื่องของสายสัมพันธ์ ครู-ศิษย์และประวัติของโรงเรียนการบินกำแพงแสน ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 12 เมษายน 2556 10:52:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 8981 Pageviews. |
|
|